แต่ถึงอย่างนั้นปุณณ์ก็ยังไม่อาจเดินทางไกลๆ ได้ ทำให้ดรินทร์ตัดสินใจคลอดลูกคนแรกที่อังกฤษ อีกอย่างหากยังอยู่ที่นี่การติดตามอาการป่วยของปุณณ์ก็จะง่ายขึ้นตามไปด้วย กระทั่งคลอดลูกคนแรกได้สามเดือน ปุณณ์และดรินทร์ก็เดินทางกลับเมืองไทย โดยมีเพียงดาวและบรูคลินมารอรับถึงที่สนามบินปรียาและเทียนแขทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้ลูกๆ ทั้งสอง รวมถึงหลานชายตัวน้อยของพวกเขาด้วย “หมดทุกข์ หมดโศกกันเสียทีนะ” ปรียาเอ่ยเสียงสั่นเพราะพยายามกลั้นน้ำตาอยู่นั่นเอง “ขวัญเอยขวัญมา ขวัญกลับมาสู่เนื้อสู่ตัวลูกๆ ทั้งสองคนนะ” เอ่ยจบเทียนแขก็ผูกด้ายสีขาวที่ได้รับมาจากหลวงพ่อที่วัดบนข้อมือของปุณณ์และดรินทร์ เมื่อจบพิธีบายศรีสู่ขวัญแบบง่ายๆ งานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆ ก็ถูกจัดขึ้น อาหารทุกอย่างล้วนแต่เป็นของที่ปุณณ์และดรินทร์ชอบทั้งนั้น และวันดีวันนี้ เพียงดาวก็ประกาศข่าวดีว่าเธอเองก็กำลังตั้งท้องเช่นเดียวกัน ก่อนจะมัดมือชกผูกดองกับลูกของปุณณ์และดรินทร์เสร็จสรรพ เพราะมั่นใจว่าเธอได้ลูกสาวแน่ๆ นอน ต่อให้คนนี้จะเป็
ความโกลาหลกำลังเกิดขึ้นภายในห้องพักของโรงแรมชื่อดัง ซึ่งเวลานี้มีไว้สำหรับแต่งตัวเจ้าสาว แต่ทว่ากลับไม่มีใครเจอตัวเจ้าสาวของงานแม้แต่คนเดียวภายในห้องไม่มีการรื้อค้น ข้าวของ ทุกอย่างยังคงวางอยู่ที่เดิม โดยเฉพาะชุดแต่งงานแสนสวย ที่ถูกสั่งตัดมาเป็นพิเศษเพื่อวันที่แสนพิเศษเช่นวันนี้“มีใครเจอตัวเจ้าสาวหรือยัง”“ยังค่ะยัง” บรรดาญาติพี่น้องต่างเอ่ยถามและตอบกันไปมา นั่นเพราะทันทีที่รู้ข่าว พวกเขาก็พากันแยกย้ายเพื่อตามหาจนทั่วโรงแรม แต่กลับไม่เจอตัวญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวพากันเครียดจนเป็นลมล้มพับไปหลายคน โดยเฉพาะแม่เจ้าสาวที่ถึงขนาดต้องเรียกรถพยาบาลมาสแตนบาย เพราะไม่คิดว่าจู่ๆ ลูกสาวจะหนีหน้าหายไปเอาในวันแต่งงานเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ตกลงกันไว้ดิบดีว่าจะเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าบ่าวที่ชื่อ...ปุณณ์เพราะตกลงกันไว้แล้ว เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจึงช็อคไปตามๆ กัน นั่นเพราะหากงานแต่งงานครั้งนี้เกิดอุปสรรค ถึงขั้นล่มขึ้นมา หนี้สินที่ทางครอบครัวมีก็คงยิ่งพอกพูน เพราะนี่คือการแต่งงานเพื่อปลดหนี้ของครอบครัวเธอนั่นเอง“เกิดเรื่องแล้วค่ะคุณป้า”“เรื่องอะไรกุ๊กไก่”“คือ...พี่ดาวหายตัวไปค่ะ” เพียงดาวเอ่ยบอกออกไป นั่
เขามั่นใจว่าเธอเองก็ไม่ได้รักเขา เช่นเดียวกับที่เขานั้นก็ไม่ได้รักเธอ แต่เขาจะไปแคร์อะไรกับความรัก ในเมื่ออีกไม่นานเขาก็ต้องตายแล้ว ขอแค่ก่อนตายเขาสามารถเสกเด็กเข้าท้องผู้หญิงคนนั้นได้สักคนสองคน หวังว่าน้ำยาของเขามันจะไม่อ่อนแอจนเกินไป เพราะหลังจากเขาตายไปแล้ว แม่จะได้มีเพื่อนรวมถึงตระกูลเขาก็จะมีทายาทไว้สืบสกุลด้วย “วันนี้ลูกชายแม่หล่อมาก”“ขอบคุณครับ คุณแม่...ถ้าผมไม่อยู่แล้ว คุณแม่ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ นะ”“พูดยังกับปุณณ์จะไปไหนไกลแล้วไม่กลับมาอีกอย่างนั้นละ” ปรียาส่ายหน้าให้ลูกชาย โดยไม่ได้อะใจในคำพูดราวกับสั่งเสียนั่นแม้แต่น้อย “ก็หลังแต่งงานผมมีบินไปฮันนีมูนนี่ครับ”“แค่อาทิตย์เดียวไม่ใช่หรือไง พูดยังกับจะไปตลอดชีวิต ไม่เอาไม่พูด วันนี้วันดีแม่ไม่อยากเจอข่าวไม่ดีซ้ำอีก” “คุณแม่เจอข่าวไม่ดีอะไรมาเหรอครับ”“ไม่มีจ้ะ” ปรียาตอบปฏิเสธ นั่นเพราะยังไม่อยากให้ปุณณ์รู้เรื่องนี้นั่นเอง เพราะเธอเดาความคิดลูกชายออก ว่าหากรู้เรื่องเข้าคงล่มงานแต่งงานวันนี้เป็นแน่ ซึ่งเธอไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นในขณะที่ทุกคนกำลังนั่งหน้าเครียดและคิดหาทางแก้ปัญหา จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ซึ่งก็ค
“หรือไม่ก็แก้ผ้าเอาหน้ารอด ด้วยการหาผู้หญิงสักคนมาเป็นเจ้าสาว” ขณะพูดเพียงดาวก็มองตรงมายังดรินทร์ โดยที่คนถูกมองนั้นไม่รู้ตัวสักนิด ว่าเพื่อนกำลังวางแผนอะไรอยู่ในใจ “บ้า...ผู้หญิงสติดีที่ไหนจะยอมแต่งงานกับใครง่ายๆ ขนาดนั้นกัน”“แกไง”“เราเนี่ยเหรอ”คราวนี้ดรินทร์ตกใจจนตาโตเป็นไข่นกกระจอกเทศ ก่อนจะชี้นิ้วมาที่ตัวเองแล้วทำตาปริบๆ มองมายังเพียงดาว ส่วนคนพูดนั้นกลับส่งยิ้มหวานมาให้ในเมื่อสถานการณ์มันบีบบังคับถึงขั้นนี้แล้ว บางทีสวรรค์อาจกำหนดให้ดรินทร์กับปุณณ์ได้แต่งงานกัน ทุกอย่างมันถึงได้ประจวบเหมาะ“ใช่” เพียงดาวพยักหน้ารับด้วยความหนักแน่น “ละ...แล้วทำไมต้องเป็นเราด้วยยะ” “ก็แกเหมาะที่จะสวมรอยเป็นเจ้าสาวของพี่ปุณณ์มากที่สุดแล้วยายลิน”“จะบ้าหรือไง”“ไม่บ้า” เพียงดาวรีบตอบเช่นกัน “แล้วเรื่องอะไรเราจะต้องยอมสวมรอยเป็นเจ้าสาว เพื่อไปแต่งงานกับพี่ชายแกด้วย ไม่เอา” ดรินทร์ส่ายหน้าปฏิเสธ แม้ใจหนึ่งจะแอบคิดว่าจะตอบตกลงก็ตาม ซึ่งคำพูดของเธอกำเอาคนเจ้าแผนการอย่างเพียงดาวเริ่มอ้ำๆ อึ้งๆ “ถือซะว่าช่วยเราหน่อยเถอะนะเพื่อนนะ อีกอย่างแกก็เคยชอบ พี่ปุณณ์ไม่ใช่เหรอ”“ยอมรับว่าเคย”“นั่นไง” คนฟังด
“นะแก...อีกแค่ไม่ถึงสิบนาที งานก็จะเริ่มแล้ว” เพียงดาวกุมมือของดรินทร์ไว้ สีหน้าแววตานั้นร้องขอความช่วยเหลือ ถึงขนาดที่ดรินทร์เกือบใจอ่อน ก่อนจะกัดฟันปฏิเสธออกไป “ไม่”“ลิน...เพื่อนรัก เราขอร้อง” ‘หัวเด็ดตีนขาดเราก็ไม่ยอมเป็นเจ้าสาวสวมรอยพี่ปุณณ์เด็ดขาด...ไม่มีทาง’ นี่คือประโยคที่ดรินทร์ควรจะตอบเพียงดาว แต่ทว่าสุดท้ายแล้วเธอกลับเลือกที่จะตอบอีกอย่าง “ก็ได้”“จริงๆ นะ” เพียงดาวถามย้ำ เพราะกลัวตัวเองหูฟาดไป “อืม...เพราะถ้าไม่ใช่แกขอร้อง อย่าหวังว่าเราจะยอม” และอีกหนึ่งเหตุผลคือถ้าเจ้าบ่าวไม่ใช่ปุณณ์เธอก็คงไม่ตอบตกลงเช่นกัน “ขอบใจมากนะลิน เรารักแกที่สุด” เพียงดาวดึงดรินทร์เข้ามากอด จากนั้นก็รีบลากเพื่อนรักไปแต่งหน้าแต่งตัว ซึ่งทันทีที่เธอปรากฎตัวขึ้น บรรดาช่างแต่งหน้าทำผมต่างเข้ามารุมล้อมชนิดที่ดรินทร์นั้นแทบหายใจไม่ออก“พอดีเป๊ะเลยค่ะคุณน้อง” ช่างทำผมคนหนึ่งเอ่ยชมขึ้น เมื่อเห็นว่าดรินทร์นั้นสามารถใส่ชุดเจ้าสาวของดาวจรัสได้อย่างพอดิบพอดี เรียกได้ว่าโชคเข้าข้างสุดๆระหว่างนั้นเพียงดาวก็รีบวิ่งไปหาปรียาที่ห้องพัก ก่อนจะขอเวลาคุยด้วยเป็นการส่วนตัว ซึ่งเธอก็เล่าความจริงทุกอย่างให้ปรีย
“ลิน” ปุณณ์อุทานชื่อของดรินทร์ออกมาเมื่อเห็นเธอสวมชุดเจ้าสาวแล้วเดินเข้ามาหาตนเอง นั่นเพราะไม่คิดว่าจะเป็นเธอ นอกจากตกใจแล้วยังเต็มไปด้วยความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดาวจรัสหายไปไหนแต่ปุณณ์กลับไม่มีจังหวะได้ถามเอาความจริง นั่นเพราะทันทีที่เจ้าสาวมาถึงห้องจัดงาน ช่างภาพก็ไล่ถ่ายภาพประจวบเหมาะกับพิธีการบนเวทีก็ใกล้จะเริ่ม ทุกอย่างจึงต้องดำเนินไปตามกำหนดเวลา แม้แขกบางคนจะสังเกตเห็นความผิดปกติ และตั้งคำถามถึงเจ้าสาวที่ตัวจริงกับในรูปก่อนหน้านี้ไม่เหมือนกันบ้างก็ตาม“กุมมือน้องไว้ตลอดเวลาด้วยนะปุณณ์ ถ้าสงสัยอะไรรอให้พ้นงานแต่งงานตอนนี้ไปก่อน แม่จะเล่าให้ฟังเอง” ปรียาเอ่ยบอกลูกชาย ก่อนจะคว้ามือของปุณณ์มากุมมือของดรินทร์ไว้ ซึ่งเวลานี้มือบางนั้นเย็นเฉียบด้วยอาการประหม่าแต่ทว่าทันทีที่ได้รับความอบอุ่นจากมือของปุณณ์ ความอบอุ่นนั้นก็ช่วยให้ดรินทร์ดีขึ้นพอสมควร มีบางจังหวะที่เธอแอบมองชายหนุ่มด้วยแววตาชื่นชม เพราะวันนี้ปุณณ์หล่อเหลาเป็นพิเศษด้วยชุดสูทที่สั่งตัดมาแบบพอดีตัวชายหนุ่ม ส่วนเธอก็ไดเอทมาประหนึ่งรู้ล่วงหน้าว่าต้องมาใส่ชุดเจ้าสาวของดาวจรัส แต่ก็ยอมรับรสนิยมการเลือกชุดของเจ้าสาวตัวจริง เพ
“แล้วไม่ดีใจหรือไงที่ได้แต่งงานกับหนูลิน”“เฉยๆ ครับ” แม้จะรู้สึกบ้างแต่ปุณณ์หรือจะบอก เพราะเขานั้นเป็นคนปากแข็งยังกับหิน พูดทุกเรื่องยุดเว้นเรื่องความรู้สึกที่เกี่ยวกับความรัก ถืออคติทำให้เห็นมากกว่าจะมานั่งพร่ำเพ้อว่ารัก “เฉยๆ เหรอ ผิดกับแม่ที่ดีใจ”“อะไรกันครับ ทั้งๆ ที่เจ้าสาวของผมควรจะเป็นดาวเขาไม่ใช่เหรอ”“นั่นมันเมื่อก่อน เพราะตอนนี้เวลานี้สะใภ้ของแม่มีแค่คนเดียวคือหนูลินจ้ะ” ปรียายิ้มกว้างออกมา อย่างน้อยการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวก็ไม่ได้แย่เกินไป “เดี๋ยวแม่จะออกไปตามน้องมาให้ ยังไงคืนนี้ทั้งคู่ก็ห้ามออกไปนอกห้องหอเด็ดขาด เข้าใจไหม”“ทั้งๆ ที่นี่มันก็แค่งานแต่งงานแบบขอไปทีไม่ใช่เหรอครับแม่ จะซีเรียสอะไร”“ใครบอกว่าแค่งานแต่งงานแบบขอไปที”“ก็ลินเขาเป็นแค่เจ้าสาวแก้ขัดให้ผม จบงานแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้าย มันก็ถูกแล้วนี่ครับ”“ใครบอกว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนั้น งานแต่งงานครั้งนี้คือความถูกต้อง จะไม่มีคำว่าโมฆะใดๆ”“แล้วลินเขายอมหรือครับคุณแม่” นี่คือสิ่งที่ปุณณ์อยากถาม แต่หาจังหวะถามก่อนหน้านี้ไม่ได้นั่นเอง “ยอม”“คุณแม่จ่ายให้ลินไปเท่าไหร่ เธอถึงยอมมาแต่งงานกับผม”“แม่ไม่ได้จ่ายสักบาท” ปร
“ไม่มีอะไรค่ะ ลินแค่จำอะไรผิดนิดหน่อย” ดรินทร์รีบบ่ายเบี่ยง เพราะเท่าที่สังเกตดูเหมือนปุณณ์นั้นอาจจะยังไม่รู้ถึงอาการป่วยของปรียาก็เป็นได้ รอให้ปรียาเป็นคนพูดเรื่องนี้เองน่าจะดีกว่า“แล้วนี่ลินทำงานอยู่ที่ไหน” แม้อยากจะถามว่าเพราะอะไร ดรินทร์ถึงยอมแต่งงานกับเขา แต่สุดท้ายปุณณ์กลับเลือกที่จะไม่ถาม เพราะก่อนหน้านี้เขาได้บอกตัวเองไว้แล้วว่าแต่งงานกับใครก็คงไม่สำคัญ ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมแต่งงานแบบคลุมถุงชนกับดาวจรัส ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักเธออย่างนั้นหรือ“ปากช่องค่ะ พอดีเมื่อปีก่อนคุณพ่อลินเสีย ลินเลยกลับไปดูแลธุรกิจของครอบครัวแทนท่าน”“พี่เสียใจด้วยนะครับ” เพราะขาดการติดต่อกันไปหลายปี ทำให้ปุณณ์แทบไม่รู้ข่าวคราวของดรินทร์ จะได้ยินจากเพียงดาวบ้าง แต่ทว่าเพราะอะไรกันตอนนั้นเขาถึงไม่ได้เก็บเรื่องราวของดรินทร์มาใส่ใจเท่าไหร่ แม้บ่อยครั้งที่เขาเองก็คิดถึงเธอ คิดถึงรอยยิ้มสดใสนั่น “ขอบคุณค่ะ” “ดึกแล้วลินไปอาบน้ำเถอะ” พอปุณณ์บอกให้ดรินทร์ไปอาบน้ำ สีหน้าคนฟังก็ตื่นตระหนกเสียจนคนพูดอย่างปุณณ์อดที่จะขำไม่ได้ “ทำไมทำหน้าตกใจแบบนั้น”“กะ...ก็พี่ปุณณ์ให้ลินไปอาบน้ำ”“ใช่ครับพี่ให้ลินไปอาบน้ำ จะได้เข้า
แต่ถึงอย่างนั้นปุณณ์ก็ยังไม่อาจเดินทางไกลๆ ได้ ทำให้ดรินทร์ตัดสินใจคลอดลูกคนแรกที่อังกฤษ อีกอย่างหากยังอยู่ที่นี่การติดตามอาการป่วยของปุณณ์ก็จะง่ายขึ้นตามไปด้วย กระทั่งคลอดลูกคนแรกได้สามเดือน ปุณณ์และดรินทร์ก็เดินทางกลับเมืองไทย โดยมีเพียงดาวและบรูคลินมารอรับถึงที่สนามบินปรียาและเทียนแขทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้ลูกๆ ทั้งสอง รวมถึงหลานชายตัวน้อยของพวกเขาด้วย “หมดทุกข์ หมดโศกกันเสียทีนะ” ปรียาเอ่ยเสียงสั่นเพราะพยายามกลั้นน้ำตาอยู่นั่นเอง “ขวัญเอยขวัญมา ขวัญกลับมาสู่เนื้อสู่ตัวลูกๆ ทั้งสองคนนะ” เอ่ยจบเทียนแขก็ผูกด้ายสีขาวที่ได้รับมาจากหลวงพ่อที่วัดบนข้อมือของปุณณ์และดรินทร์ เมื่อจบพิธีบายศรีสู่ขวัญแบบง่ายๆ งานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆ ก็ถูกจัดขึ้น อาหารทุกอย่างล้วนแต่เป็นของที่ปุณณ์และดรินทร์ชอบทั้งนั้น และวันดีวันนี้ เพียงดาวก็ประกาศข่าวดีว่าเธอเองก็กำลังตั้งท้องเช่นเดียวกัน ก่อนจะมัดมือชกผูกดองกับลูกของปุณณ์และดรินทร์เสร็จสรรพ เพราะมั่นใจว่าเธอได้ลูกสาวแน่ๆ นอน ต่อให้คนนี้จะเป็
ดรินทร์เดินทางไปโรงพยาบาลทุกวัน ทำจนเป็นกิจวัตรรวมถึงหาอะไรดีๆ กินด้วย นั่นเพราะเวลานี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ทุกคนที่เมืองไทยก็ต่างส่งความห่วงใยมาให้ ยิ่งได้รู้ว่าเวลานี้ดรินทร์กำลังตั้งท้องก็ยิ่งห่วง แต่ไม่ถึงกับให้เธอกลับมาเมืองไทย นั่นเพราะพวกเขาต่างเข้าใจสถานการณ์ดีบางครั้งที่อารมณ์มันหม่นมากๆ ดรินทร์ก็ระบายด้วยการร้องไห้ออกมา เมื่อร้องเสร็จก็ปลุกใจตัวเองให้สู้อีกครั้ง ยังดีหน่อยที่เธอนั้นแทบไม่มีอาการแพ้ท้องเลย จึงไปไหนมาไหนสะดวก เวลานี้สองสิ่งที่ทำให้เธอเข้มแข็งคือลูกรวมถึงลมหายใจของปุณณ์ แม้เขาจะยังไม่รู้สึกตัวแต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ได้ดูเหมือนคนป่วยหนัก เขาเหมือนคนที่กำลังนอนหลับเพื่อชาร์จพลัง หากเต็มเมื่อไหร่ปุณณ์ก็คงรู้สึกตัวนี่คือความหวังที่หล่อเลี้ยงหัวใจของดรินทร์ให้เต้นด้วยจังหวะปกติ หล่อเลี้ยงพลังงานชีวิตให้เธอก้าวผ่านช่วงเวลาที่ลำบากอย่างตอนนี้ไปให้ได้“พี่ปุณณ์ ได้ยินลินไหมคะ” ดรินทร์เอ่ยเรียกปุณณ์ด้วยความหวัง ให้เขาลืมตาขึ้นมาสบตาเธอเหมือนทุกๆ วันที่ได้เข้ามาเยี่ยม นั่นเพราะไม่อยากให
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลปุณณ์ก็ต้องตรวจเช็กร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยมีศาสตราจารย์ ดอกเตอร์วิลเลียมคอยดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งข่าวที่ทำให้ดรินทร์กับปุณณ์พูดไม่ออก“ผมอาจเสียความทรงจำไปบางส่วนเหรอครับดอกเตอร์”“ใช่...แต่เสียมากเสียน้อยอันนี้ผมก็ตอบไม่ได้ หรือบางคนก็ไม่สูญเสียความทรงจำเลยก็มี”“แต่ผมจะหายใช่ไหม”“คุณเชื่อในปาฏิหาริย์ไหม ถ้าเชื่อคุณก็ชนะ” ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์วิลเลียมเอ่ยออกมาแค่นี้ก็กลับออกไปเพื่อเตรียมการผ่าตัด ปุณณ์กุมมือของดรินทร์ไว้แล้วสบตาเธอ“ถ้าพี่ลืมลิน พี่ก็จะทำทุกอย่างเพื่อจะจำลินให้ได้”“ลินก็จะทำทุกอย่างให้พี่ปุณณ์จำลินให้ได้เหมือนกันค่ะ” ทั้งคู่ให้คำมั่นสัญญากันและกันเมื่อประเมินอาการของปุณณ์แล้ว ทางศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ วิลเลียมนัดหมายวันผ่าตัดทันที เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้จะยิ่งเกิดผลเสียเพราะต้องเข่งกับเวลาทุกอย่างจึงเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่นานปุณ
“ก็แค่อยากดูอะไรสักหน่อย เอาเป็นว่าผมจะรออยู่ที่นี่ ถ้าญาติของคุณพร้อมเดินทาง คุณก็พาเขามาหาผมได้เลย” ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์วิลเลียมเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามนั้นของเพียงดาวอย่างละเอียด เพราะบางครั้งการทดสอบความอดทนของใครบางคนก็ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไร ที่สำคัญถ้าผู้ป่วยรายนั้นไม่สำคัญจริงๆ ว่าที่บ่าวสาวคงไม่มาหาเขาเพื่อขอให้ช่วยถึงที่นี่ อย่างหลังนี้กระมังที่ให้อะไรๆ เปลี่ยนไป“จริงๆ นะคะดอกเตอร์”“ครับ”“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณมาก” เพียงดาวถึงกับยกมือไหว้ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์วิลเลียม“ขอบคุณมากครับดอกเตอร์” บรูคลินเอ่ยขึ้นอีกคน“นี่คือของขวัญวันแต่งงานที่ผมให้พวกคุณได้ ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่” เพียงดาวถึงกับโผเข้าไปกอดศาสตราจารย์ ดอกเตอร์วิลเลียม นั่นเพราะของขวัญวันแต่งงานชิ้นนี้มันมีค่าเหลือเกินเพียงดาวและบรูคลินรีบบินกลับมาเมืองไทยเพื่อบอกข่าวดีนี้ให้ปุณณ์และดรินทร์ได้รู้ ซึ่งทั้งสองคนถึงกับน้ำตาคลอที่
“ไม่ค่ะ ไม่พูดแบบนี้ ลินยังไม่พร้อมที่จะฟัง” แม้จะเตรียมใจเตรียมตัวรับมือเรื่องนี้มาบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ ดรินทร์ก็ยากที่จะทำใจได้“แต่มันคือความจริงที่พี่หนีไม่พ้น พี่ไม่อยากให้มันเกิดเร็วขนาดนี้ แต่พี่ก็ควบคุมอาการป่วยไม่ได้ พี่อยากบอกให้ลินรู้ว่าพี่รักลินนะครับ”“พี่ปุณณ์” ดรินทร์ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป ทั้งๆ ที่ก่อนจะเข้ามาในนี้เธอสั่งตัวเองไว้เสียดิบดีว่าห้ามร้องไห้ ก่อนจะรีบปาดน้ำตาแล้วเอ่ยขึ้น“ขอโทษค่ะ ลินขอโทษที่ร้องไห้” เอ่ยจบก็ส่งยิ้มให้เขา แม้จะยิ้มแต่ทว่าน้ำตามันกลับยิ่งไหลออกมา สุดท้ายดรินทร์ก็ปล่อยโฮอย่างไม่อาจกลั้นน้ำตาจากความกังวลอีกครั้ง“ร้องไห้เถอะครับ พี่เข้าใจ ถ้ามีหมอยอมรับผ่าตัดให้พี่ก็คงดี”“แต่หมอทุกคนบอกว่ามันเสี่ยงมาก เปอร์เซ็นต์ที่พี่จะรอดมันน้อยนิดไม่ใช่เหรอคะ”“พี่ถึงหวังปาฏิหาริย์ ว่ามันจะเกิดขึ้นกับพี่สักวัน” ก่อนหน้านี้การเข้าผ่าตัดไม่เคยอยู่ในหัวของ
เพราะอาการป่วยของปุณณ์ที่วันนี้ก็แสดงอาการออกมาอย่างกะทันหัน นั่นทำให้ปรียาพลอยได้รับรู้อาการป่วยของลูกชายไปด้วย เธอถึงกับเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตาดรินทร์และเพียงดาวเหตุการณ์ชุลมุนเพราะญาติคนไข้เป็นลมเกิดขึ้นหน้าห้องไอซียู ก่อนที่พยาบาลจะรีบเข้ามาปฐมพยาบาลปรียา แล้วให้ไปนอนพักในห้อง“แก...หิวไหม” เพียงดาวหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ดรินทร์แล้วเอ่ยถามขึ้น“ไม่”“แต่ก็ต้องกินไรสักหน่อย แซนวิชไหม เราไปซื้อให้”“เรากินอะไรไม่ลงจริงๆ กุ๊กไก่”“เรารู้ว่าแกต้องเข้มแข็งเพื่อพี่ปุณณ์ แต่กองทัพมันต้องเดินด้วยท้องนะเว้ย เกิดแกไม่สบายขึ้นมาอีกคน จะทำยังไง”“เรา...” ดรินทร์พูดไม่ออกนั่นเพราะรู้สึกจุกอยู่ในคอ เพราะเธอกำลังจะร้องไห้และไม่นานน้ำตามันก็ไหลออกมา เพียงดาวได้แต่นั่งปลอบ ส่วนดรินทร์ก็ร้องออกมาอย่างหนักราวกับเขื่อนแตก คงเพราะความกดดันความอัดอั้นกระมัง“เราเชื่อว่าแกต้องผ่านมันไปได้ลิน&rdq
“ได้สิ เลยถือโอกาสถายพรีเวดดิ้งที่นั่นเสียเลย”“ว้าว! จริงเหรอ”“อื้อ...ได้รูปสวยๆ แล้วจะรีบเอามาให้ดู”“จ้ะ” ดรินทร์พยักหน้ารับอย่างยินดี รู้สึกตื่นเต้นราวกับตัวเองเป็นเจ้าสาวเสียเอง ก่อนจะนั่งเหม่อจนเพียงดาวสังเกตเห็น“ใครจะไปคิดเนอะ เราสองคนโสดกันอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีคู่ซะงั้น”“ใช่...ชีวิตมันไม่แน่ไม่นอนจริงๆ นั่นแหละ” ดรินทร์เห็นด้วยกับคำพูดของเพียงดาว หลายเดือนมานี้ชีวิตเธอผ่านอะไรมาเยอะมาก เยอะจนบางอย่างเกือบจะตั้งรับไม่ทัน“แกพูดเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ”“อื้อ...มีเรื่องกังวลนิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรแล้วละ” เวลานี้สิ่งที่ ดรินทร์กังวลมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคืออาการป่วยของปุณณ์ ที่บางวันก็ทรุดจนชายหนุ่มลุกไปทำงานไม่ไหว บ่อยครั้งที่มีเลือดไหลออกมาจากจมูก เห็นแบบนั้นแล้วดรินทร์ก็ใจเสีย ก่อนจะปลุกพลังบวกในตัวเองขึ้นมาเพื่ออยู่เคียงข้างปุณณ์ให้ได้ในทุกสถานการณ์&
ก๊อกๆ ก๊อกๆ“พี่ดาว ลินเองนะคะ เปิดประตูให้ลินหน่อยได้ไหม”“มีอะไร” น้ำเสียงห้วนๆ ของดาวจรัสดังขึ้นทันทีที่เปิดประตูออกให้ดรินทร์ เมื่อครู่เธอเห็นปุณณ์เดินออกไปส่งธีเทพแล้ว จึงสบายใจขึ้นมาหน่อยที่รู้ว่าเขากลับออกไปเสียที“ลินเอานมมาให้ค่ะ”“เอามาให้หรืออยากมาสมเพชฉันกันแน่”“เอามาให้จริงๆ ค่ะ”“อยากเข้าก็เข้ามาสิ นี่มันบ้านของเธอไม่ใช่เหรอ” เอ่ยจบ ดาวจรัสก็เดินกลับเข้าห้อง ส่วนดรินทร์ก็เดินตามเข้ามาก่อนจะวางแก้วนมลงบนโต๊ะ“เธอคงรู้แล้วสินะว่าชีวิตฉันต้องเจอกับอะไรมาบ้าง อยากหัวเราะเยาะฉันไหม เอาเลยสิ เอาเลย ได้ทีแล้วนี่” ดาวจรัสที่เวลานี้ยืนหันหลังให้ดรินทร์พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างหนัก ก่อนจะสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ก็ถูกดรินทร์สวมกอด นั่นทำให้ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างขึ้นพังทลายลงมาเป็นน้ำตา“ลินไม่ทำแบบนั้นค่ะ ลินสงสารและเข้าใจพี่ดาว” คำพูดของ ด
ดาวจรัสยังคงตีมึนที่จะอยู่ในบ้านของปุณณ์ โดยหลักๆ คือยกเรื่องลูกในท้องมาเป็นข้ออ้าง ปุณณ์และดรินทร์อยากจะไล่เสียให้ขาดแต่ก็ทำไม่ลงเช่นกันกระทั่งเข้าสู่วันที่สามที่ดาวจรัสนั้นมาปักหลักอาศัยอยู่ที่บ้านของปุณณ์ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง ก็มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งดรินทร์ไม่คุ้นหน้ามาขอพบดาวจรัส แต่เธอกลับไม่ยอมออกไปพบ กระทั่งชายคนนั้นตัดสินใจปีนข้ามรั้วหมายจะเข้ามาภายในบ้าน โชคยังดีที่แม่บ้านเห็นเข้าเสียก่อน จึงรีบห้ามเอาไว้ ส่วนดรินทร์เห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจออกมาคุยด้วย“คุณมาหาพี่ดาวเหรอคะ”“ใช่...แล้วคุณละเป็นใคร ใช่เจ้าของบ้านหลังนี้ไหม”“ฉันชื่อลิน เป็นภรรยาเจ้าของบ้านหลังนี้ค่ะ” ดรินทร์เอ่ยแนะนำตัว“ผมชื่อไมค์เป็นสามีของดาว เป็นพ่อของลูกในท้องเธอด้วย” ธีเทพแนะนำตัวเองเช่นเดียวกัน แม้จะหงุดหงิดเล็กๆ ที่ดรินทร์ไม่ยอมเปิดประตูให้เขาได้เข้าไปหาดาวจรัส“คุณบอกว่าเป็นสามีของพี่ดาวเหรอคะ”“ใช