“ไม่มีอะไรค่ะ ลินแค่จำอะไรผิดนิดหน่อย” ดรินทร์รีบบ่ายเบี่ยง เพราะเท่าที่สังเกตดูเหมือนปุณณ์นั้นอาจจะยังไม่รู้ถึงอาการป่วยของปรียาก็เป็นได้ รอให้ปรียาเป็นคนพูดเรื่องนี้เองน่าจะดีกว่า“แล้วนี่ลินทำงานอยู่ที่ไหน” แม้อยากจะถามว่าเพราะอะไร ดรินทร์ถึงยอมแต่งงานกับเขา แต่สุดท้ายปุณณ์กลับเลือกที่จะไม่ถาม เพราะก่อนหน้านี้เขาได้บอกตัวเองไว้แล้วว่าแต่งงานกับใครก็คงไม่สำคัญ ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมแต่งงานแบบคลุมถุงชนกับดาวจรัส ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักเธออย่างนั้นหรือ“ปากช่องค่ะ พอดีเมื่อปีก่อนคุณพ่อลินเสีย ลินเลยกลับไปดูแลธุรกิจของครอบครัวแทนท่าน”“พี่เสียใจด้วยนะครับ” เพราะขาดการติดต่อกันไปหลายปี ทำให้ปุณณ์แทบไม่รู้ข่าวคราวของดรินทร์ จะได้ยินจากเพียงดาวบ้าง แต่ทว่าเพราะอะไรกันตอนนั้นเขาถึงไม่ได้เก็บเรื่องราวของดรินทร์มาใส่ใจเท่าไหร่ แม้บ่อยครั้งที่เขาเองก็คิดถึงเธอ คิดถึงรอยยิ้มสดใสนั่น “ขอบคุณค่ะ” “ดึกแล้วลินไปอาบน้ำเถอะ” พอปุณณ์บอกให้ดรินทร์ไปอาบน้ำ สีหน้าคนฟังก็ตื่นตระหนกเสียจนคนพูดอย่างปุณณ์อดที่จะขำไม่ได้ “ทำไมทำหน้าตกใจแบบนั้น”“กะ...ก็พี่ปุณณ์ให้ลินไปอาบน้ำ”“ใช่ครับพี่ให้ลินไปอาบน้ำ จะได้เข้า
“ลินไม่ได้ดื้อ”“พี่ก็ไม่ได้ดื้อ”“ถ้าพี่ปุณณ์ไม่ได้ดื้อ ก็ปล่อยให้ลินนอนตรงนี้เหมือนเดิม”“ถ้าลินไม่ดื้อก็ต้องให้พี่อุ้มพาไปนอนบนเตียงได้แล้ว” เอ่ยจบปุณณ์ก็ช้อนร่างบอบบางของดรินทร์ขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วเสียจนดรินทร์ตั้งรับไม่ทันกับการที่จู่ๆ เธอก็ลอยขึ้นจากโซฟา เพราะถูกปุณณ์อุ้มเช่นในตอนนี้“พี่ปุณณ์ ปล่อยลินลง” สีหน้าของดรินทร์เวลานี้บ่งบอกว่าเธอตกใจ “เลิกเถียงกันเถอะครับ พี่ง่วง” เอ่ยจบปุณณ์ก็เดินอุ้มดรินทร์มาที่เตียงแล้ววางเธอลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เดินไปทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่ปุณณ์สะดุ้งตื่นถึงได้รู้ว่าเขาเผลอหลับอยู่บนเตียง ส่วน ดรินทร์นั้นขดตัวนอนบนโซฟา ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นแล้วเดินมาหาหวังดีจะอุ้มเธอให้ไปนอนบนเตียงแทน จะได้ไม่ต้องนอนขดตัวอยู่แบบนั้น แต่สงสัยจะนั่งมองเธอเพลินไปหน่อย เพราะยังไม่ทันจะได้อุ้มดรินทร์ก็รู้สึกตัวพอเธอตื่นก็เริ่มมีเหตุผลเป็นของตัวเองชนิดไม่ยอมจบง่ายๆ เขาจึงรีบอุ้มเธอไปวางบนเตียง ก่อนจะรีบตัดบทกลับมาทิ้งตัวนอนบนโซฟาส่วนคนที่ถูกอุ้มมานอนบนเตียงก็นอนด้วยท่าทางตัวแข็งทื่อ แววตาดูหวาดระแวงอย่าง
“เสียงอะไรคะพี่ปุณณ์” เพียงดาวเอ่ยถามหน้าตาตื่น “ดังมาจากห้องนั่งเล่น หรือว่า...” ปุณณ์เริ่มใจคอไม่ดี “คุณป้าเหรอคะ” ดรินทร์อุทานออกมาด้วยความตกใจอีกคน “คุณแม่” เอ่ยจบปุณณ์ก็วิ่งอย่างเร็วเพื่อตรงไปยังห้องนั่งเล่น และเมื่อมาถึงก็เห็นผู้เป็นแม่นอนฟุบหน้าอยู่กับพื้น โยรอบตัวนั้นมีเศษแก้วและน้ำชากระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณดรินทร์และเพียงดาวที่รีบวิ่งตามหลังมาเห็นภาพเข้าก็ถึงกับช็อค ก่อนที่เพียงดาวจะเข้าไปช่วยปุณณ์พยุงปรียาอีกแรง ในขณะที่ดรินทร์เองก็นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม คอยเก็บเศษแก้วที่แตกให้ออกห่าง“คุณแม่ครับ...คุณแม่” ปุณณ์เอ่ยเรียกผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มยอมรับว่ากำลังตกใจ เพราะปรียาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน “คุณป้าคะ คุณป้าได้ยินกุ๊กไก่ไหมคะ” เพียงดาวก็อีกคนที่ตกใจ เพราะก่อนจะออกไปรับปุณณ์กับดรินทร์ ปรียายังคุยกับเธอเป็นปกติอยู่เลย“ปะ...ปุณณ์” ปรียาเอ่ยเรียกชื่อลูกชายเสียงแผ่ว ก่อนที่ปุณณ์จะพยุงผู้เป็นแม่ให้ขึ้นมานอนบนโซฟา โดยขณะนั้นปรียาก็กุมมือปุณณ์ไว้แล้วบีบเบาๆ พร้อมสบตาไปด้วยในขณะที่เพียงดาวหันซ้ายหันขวาเพื่อหายาดม กระทั่งพบจึงรีบเปิดฝาออกแล้วนำมาให้ปรียาสูดดมเพื่อไล่อาก
“แต่ถึงแม่จะป่วย ปุณณ์กับหนูลินก็ยังต้องไปฮันนีมูนกันตามแผนเดิมนะจ๊ะ” “ไม่ดีกว่าครับ เพราะผมไม่อยากไปไหนไกล” เหตุผลเพราะปุณณ์ห่วงผู้เป็นแม่นั่นเอง“งั้นก็แก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนสถานที่ฮันนีมูน จากต่างประเทศมาเป็นในประเทศแทนก็คงได้ใช่ไหม” ปรียามัดมือชกอีกหน ซึ่งคราวนี้ ดรินทร์ขอค้านบ้าง “ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณป้า ลินมองว่าเรื่องฮันนีมูนมันไม่ได้สำคัญ” “ไม่ต้องไม่ได้จ้ะ ถ้าหนูลินไม่สบายใจกับคำว่าฮันนีมูนก็คิดเสียว่าไปพักผ่อน ป้าอยากให้ไปจะได้หายเหนื่อย หายตกใจกับเรื่องเมื่อคืน” เหตุผลของปรียานั้นฟังขึ้นไม่น้อย “งั้นเดี๋ยวกุ๊กไก่ดูเรื่องโรงแรมให้ เอาที่ไหนดีคะคุณป้า” เพียงดาวเอ่ยรับปรียาได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะพอจะเดาแผนการออกบ้างนั่นเอง“ทะเลแล้วกัน ช่วงนี้ทะเลฝั่งอันดามันจะสวยหน่อย จะเป็นกระบี่หรือภูเก็ตกุ๊กไก่ก็จัดการมาได้เลย เอารีสอร์ตหรือโรงแรมระดับไฮเอนด์เลยนะ”“ได้ค่ะ”“ปุณณ์กับลิน พาแม่ขึ้นไปนอนในห้องหน่อยลูก” ปรียาเอ่ยบอกลูกชายกับลูกสะใภ้ผิดคิว ปุณณ์และดรินทร์จึงเข้าไปช่วยกันพยุงปรียาขึ้นไปนอนพักบนห้องนอนที่อยู่ชั้นสองปุณณ์นั่งเฝ้าปรียาอยู่ข้างเตียง ในขณะที่ดรินทร์นั้นกลับ
“อะไรมันก็เกิดขึ้นได้นะแก อย่าพึ่งคิดมาก ส่วนเรื่องที่แกแต่งงานกับพี่ปุณณ์ ถ้าแกไม่พูดเราไม่พูดป้าเทียนจะรู้ได้ยังไง เพราะวันๆ ป้าเทียนอยู่แต่ในรีสอร์ต แทบไม่ได้ออกไปไหนมาไหน แถมตอนนี้ยังไปเข้าวัดปฏิบัติธรรมอยู่อีกใช่ไหมอีกอย่างแขกในงานก็มีแต่ฝ่ายพี่ปุณณ์ เพราะฝ่ายพี่ดาวพอรู้ว่าเจ้าสาวล่องหน ก็พากันหายจ้อยเข้ากลีบเมฆไปหมด เรารับรองได้ว่าเรื่องนี้ไม่ถึงหูแม่แกแน่นอน” เพียงดาวร่ายยาวเหยียด “เราก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน” ดรินทร์เองก็หวังเช่นกัน เพราะไม่อยากให้แม่รู้เรื่องนี้“ว่าแต่แกเตรียมชุดบิกินี่ไปใส่อวดหุ่นสวยๆ ท้าสายลมแสงแดดของทะเลอันดามันหรือยัง” เพียงดาวเปลี่ยนเรื่อง วกมาถามหาชุดบิกินี่จนได้ “ยัง...เราจะมีเวลาไปเตรียมที่ไหนกันเล่า”“เออใช่ เราลืมไป แต่อุตส่าห์ได้ไปเที่ยวทะเลทั้งที แกกลับไม่มีชุดว่ายน้ำ เหมือนไปไม่ถึงทะเลไงไม่รู้”“ช่างมันเถอะ ถ้าอยากลงทะเลจริงๆ เราค่อยไปหาซื้อเอาที่ภูเก็ตได้” “ก็จริง”“ว่าแต่เราต้องไปเอ่อ...ฮันนีมูนนี่จริงๆ เหรอ ไม่ไปได้ไหมอะ”“ไม่ได้แล้ว ถือซะว่าตามใจคนป่วยนะแก ดึกแล้วนอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาสดใส” เพียงดาวเอ่ยรวบรัด“นอนไม่หลับนะสิ”“นับแกะไป
“เดี๋ยวสิคุณ” จู่ๆ บรูคลินก็ขยับเข้ามาขวางหน้าเพียงดาวไว้ นั่นทำให้เธอระแวงว่าเขาต้องการอะไร รวมถึงเริ่มไม่พอใจกับการเสียมารยาทที่เกิดขึ้น“ผมว่าเราเคยเจอกันมาก่อน”“ถ้าคุณอยากรู้จักฉัน ฉันว่าคุณควรจะถามฉันหรือไม่ก็ขอนามบัตรจากฉันมาตรงๆ ก็ได้นะคะ” เพียงดาวอดไม่ได้ที่จะแขวะประโยคเชยๆ ที่ได้ยินจากผู้ชายที่ออกจะหล่อเหลาติดเทรนด์หนุ่มลูกครึ่งตรงหน้า“ทำไมละครับ” บรูคลินยิ้มยียวน นั่นเพราะไม่คิดว่าประโยคทำความรู้จักของเขาเมื่อครู่มันจะทำให้เธอรู้สึกไม่ดี “เพราะมุกเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าที่คุณพูดเมื่อครู่ ฉันว่ามันเชยไปที่จะหยิบมาใช้ในยุคนี้” “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมถามคุณตรงๆ ก็ได้ ว่าคุณชื่ออะไร” พอถูกบรูคลินถามชื่อตรงๆ อย่างที่เธอประชดบอก เพียงดาวก็อึ้งไปเหมือนกัน แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ “เพียงดาวค่ะ”“ผมชื่อบรูคลิน ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับคุณเพียงดาว” บรูคลินยื่นมือมาหวังสัมผัสเพื่อทักทายเพียงดาวตามธรรมเนียมของชาวตะวันตก แต่เพียงดาวกลับไหว้ชายหนุ่มกับมาเสียนี่ พร้อมกับเอ่ยประโยคยินดีที่ได้รู้จักและตบท้ายด้วยคำว่าลาก่อน“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณบรูคลิน” เอ่ยจบเพียงดาวก็ส่งย
เพราะอาหารของโรงแรมนั้นอร่อยมาก โดยเฉพาะอาหารทะเลที่สดและใหม่ หลังกินมื้อเช้าเสร็จทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ประหนึ่งพวกเขาไม่ได้มาด้วยกันแต่อย่างใดแต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกที่เรียกว่ารักของทั้งคู่ ก็ค่อยๆ ก่อตัวและสร้างขึ้นมาอย่างช้าๆ ผิดกับความรู้สึกของบรูคลินที่ร้อนรุ่มเพราะอยากทำความรู้จักเพียงดาว เพราะเธอไม่คิดว่าจะมีความรักจึงไม่ทันระวังตัว แต่ทว่าโลกมันก็กลมแสนกลมเพราะไม่นานเธอก็โคจรมาเจอกับบรูคลินอีกครั้ง“สวัสดีครับคุณเพียงดาว” ประโยคที่ดังขึ้น ทำให้เพียงดาวถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะละสายตาจากงานที่กำลังทำอยู่เพื่อเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง “คุณบรูคลิน”“หวังว่าวันนี้นามบัตรคุณคงไม่หมดอีกนะครับ อ้อ...ถึงจะหมดผมก็พอจะรู้ว่าจะขอได้จากใคร” เอ่ยจบบรูคลินก็มองมายังเลขาส่วนตัวของเพียงดาว ที่เวลานี้ยืนส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเพราะงานทำให้บรูคลินและเพียงดาวได้โคจรมาเจอกันอีกครั้ง แถมยังคงคอนเซ็ปต์ไม่บังเอิญคงไม่ได้เจอกันอีกด้วย เพราะเมื่อครู่ บรูคลินกำลังจะเดินกลับขึ้นไปทำงาน แต่ทว่าสายตากลับหันมาเห็นเธอเข้าพอดี จึงเดินตรงเข้ามาหาอย่างไม่ลังเล บรูคลินคือเจ้าของโรงแรมสุดหรูที่เพียงดาวต้อ
“สักวันดอกไม้เหี่ยวๆ นี่มันจะมีความหมายสำหรับ...เรา พูดเพ้ออะไรของเขา” เอ่ยจบเพียงดาวที่กำลังขับรถกลับบ้านก็หันมามองดอกไม้เหี่ยวๆ ที่เธอจำต้องเอามันกกลับมาด้วย ทั้งๆ ที่อยากโยนทิ้งลงถังขยะอยู่หลายหน แต่ทว่ากลับทำไม่ลงเสียทีก่อนจะหน้าบึ้งตึงขึ้นมาเมื่อนึกถึงบรูคลิน เพราะแทนที่งานของเธอจะดิวจบภายในวันนี้ ชายหนุ่มกลับยึกยักถ่วงเวลานั่นนี่ด้วยการชักแม้น้ำทั้งห้าหาเรื่องคุยกับเธอไปเรื่อย กระทั่งขอตัวไปประชุมส่วนเธอเองก็ต้องกลับมาเคลียร์งานต่อที่บริษัทเช่นกันแต่เมื่อมาถึงบริษัทยังไม่ทันที่เพียงดาวจะได้หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงาน เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น และชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอก็คือลูกค้าคนสำคัญ “สวัสดีค่ะคุณลิลลี่”“สรุปได้ห้องจัดเลี้ยงที่โรงแรม...ไหมคะคุณเพียงดาว” ประโยคคำถามดังขึ้นทันที ซึ่งน้ำเสียงของลิลลี่นั้นแฝงความกังวลอยู่ไม่น้อย “ยังเลยค่ะ แต่ว่าเพียงดาวกำลังดิวให้อย่างสุดความสามารถอยู่นะคะ รับรองว่าคุณลิลลี่ต้องได้จัดงานแต่งงานที่นั่นแน่นอนค่ะ” “ชัวร์นะคะ”“ชัวร์ค่ะ”“ยังไงลิลลี่ขอฝากคุณเพียงดาวด้วยนะคะ เพราะการได้จัดงานแต่งงานที่นั่นมันคือความฝันของลิลลี่” “ค่ะ
“ไว้เจอกันครับ” เอ่ยจบชายหนุ่มก็เดินตรงไปยังรถที่จอดอยู่ โดยมีดรินทร์เดินมาส่ง กระทั่งรถของปุณณ์เคลื่อนตัวออกไปแล้วเธอจึงหมุนตัวกลับการมาของปุณณ์ทำให้ดรินทร์หวั่นไหว ยิ่งเขาพูดหรือทำดีด้วยแม้จะเพียงเล็กน้อย กลับยิ่งทำให้เธอรู้สึกประหม่าและใจสั่นอยู่เสมอขณะขับรถกลับเข้ากรุงเทพฯ ปุณณ์เองก็พยายามใช้เวลากับตัวเอง เพื่อคิดและไตร่ตรองกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ว่าเขานั้นเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่าที่จะรักดรินทร์ เพราะเวลาของเขามันน้อยลงไปทุกที เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้ปุณณ์เกิดความลังเลเพราะคิดไม่ตกต่างฝ่ายต่างปล่อยให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ กระทั่งผ่านมาเกือบหนึ่งอาทิตย์ที่ดรินทร์ไม่ได้ติดต่อหาปุณณ์ ทั้งคู่ไม่แม้แต่จะส่งไลน์หากันเลยด้วยซ้ำ แต่ความคิดถึงที่มีให้อีกฝ่ายนั้นกลับทวีคูณมากขึ้นตามวันและเวลาที่ห่างกัน จึงส่งผลให้ใครบางคนมาปรากฏตัวขึ้นที่หน้าห้องทำงานของดรินทร์ที่ปากช่องแบบไม่มีปี่ไม่ขลุ่ยมาก่อน“พี่ปุณณ์” ดรินทร์อุทานออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะรีบเดินออกมาหาชายหนุ่ม เธอรู้สึกแปลกๆ ที่เห็นเขาตอนน
การถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยจากเพียงดาว ทำให้บรูคลินกลับมาคิดทบทวนว่าเขาจริงจังกับความรู้สึกครั้งนี้มากแค่ไหน เขาพร้อมจะปล่อยเพียงดาวไปหรือหยุดทุกอย่างไว้เพียงแค่นี้และคำตอบที่บรูคบินได้คือไปต่อ แต่เพราะงานที่กำลังทำอยู่ยุ่งแสนยุ่ง เนื่องจากกำลังมีโปรเจคที่ร่วมทุนกับลูกค้าต่างชาติ เขาจึงยังไม่มีเวลาปลีกตัวไปจัดการเรื่องนี้ แม้ทุกอย่างมันจะคอยกวนใจมากก็ตามส่วนเพียงดาวก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะง้องอนชายหนุ่ม จึงทิ้งระยะเวลาเพื่อทดสอบความรู้สึกของตัวเองเช่นกัน ว่าหากผ่านไปสักหนึ่งอาทิตย์หรือมากกว่านี้ เธอจะยังคงอยากตามง้อบรูคลินอยู่อีกไหม“ถ้าใช่ต่อให้นานแค่ไหนมันก็ใช่นั่นแหละ” เพียงดาวเอ่ยบอกตัวเอง เธอเหมือนเจ้าสาวที่กลัวฝนไม่มีผิด อยากมีความรักแต่อีกใจก็กลัว จึงเกิดความสับสนอย่างเห็นได้ชัดส่วนดรินทร์เองก็กำลังสับสน แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังใจแข็ง เพราะไม่ต้องการให้อีกฝ่ายผิดสังเกต โดยดรินทร์บอกกับทุกคนว่าเธอจะกลับบ้านที่ปากช่อง แม้จะอยากรั้งตัวเธอให้อยู่ที่นี่ด้วยกันทุกวัน แต่สุดท้ายปรียาก็ทำไม่ลง นั่นเพราะไม่อาจเห
“เป็นอะไร นั่งเหม่อเชียว”“มีเรื่องในใจให้คิดนิดหน่อย”“เรื่องอะไร เล่าได้นะ เราพร้อมรับฟัง”“คือ...” เพียงดาวอ้ำอึ้งนิดหน่อย เพราะไม่รู้จะเริ่มเล่าจากจุดไหนก่อนดี แต่สุดท้ายก็เริ่มพูดเริ่มระบายความรู้สึกของตัวเธอเองออกมา โดยหลักๆ คือเธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทั้งชอบและไม่ชอบบรูคลิน เขาดูเจ้าชู้ไก่แจ้ แต่มองอีกทีก็มีเสน่ห์ ถ้าเธอชอบเขา เขาคงได้หลงตัวเองอีกแน่ๆ ว่ามีผู้หญิงมาชอบที่สำคัญคือเธอยังไม่อยากมีแฟน ยังอยากทำงานเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวให้ฐานะมั่นคงกว่านี้อีกสักหน่อย ค่อยคิดเรื่องอื่น “อะไรคือนิยามความมั่นคงของแก” ดรินทร์เอ่ยถามถึงนิยามความมั่นคงในชีวิตของเพียงดาว“ก็มีบ้าน มีรถ มีเงินสดในบัญชีเยอะหน่อย”“แกก็มีครบหมดแล้วนี่ แถมยังมีบริษัทเป็นของตัวเองด้วย มั่นคงกว่านี้ก็ตอหม้อทางรถไฟแล้วมั้ง”“แต่เราว่า...” ยังไม่ทันที่เพียงดาวจะได้เอ่ยอะไรออกมา ดรินทร์ก็แทรกขึ้นเพราะอยากพูดให้เพื่อนได้คิด“บางครั้งความรักก็ไม่จำเป็นต้องรอจนพร้อมเพอร์เฟคไปเสียทุกสิ่งอย่างก็ได้แก ขืนรอถึงขนาดนั้นมดลูกแกได้ฝ่อกันหมดพอดีสิ หรือไม่ผู้ชายที่หมายตาก็พากันหายจ้อยไปมีลูกมีเมียกันหมดแล้ว แกจะเอาแบบนั้นเ
เมื่ออาการป่วยเพราะอาหารเป็นพิษดีขึ้นมากแล้ว คู่ฮันนีมูนแบบมัดมือชกอย่างปุณณ์และดรินทร์ก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ อย่างสวัสดิภาพ ทันทีที่มาถึงบ้าน ปรียาก็ตรงเข้าไปถามไถ่อาการของดรินทร์ด้วยความเป็นห่วง แวบหนึ่งเธอแอบสังเกตเห็นแววตาเอื้ออาทรที่ลูกชายส่งมาให้ดรินทร์ก็รู้สึกดีอย่างที่สุด แม้จะผิดหวังและเสียหน้าเพราะดาวจรัส แต่อย่างน้อยสวรรค์ก็ส่งดรินทร์มาให้“เป็นยังไงบ้างปุณณ์”“เป็นยังไงบ้างคืออะไรครับคุณแม่” ลูกชายคนเดียวของปรียาถามกลับมาอย่างไม่เข้าใจ “เอ้า! ก็ไปฮันนีมูนกับน้องมาทั้งที ไม่มีอะไรกลับมาฝากแม่บ้างเลยเหรอ”“อ๋อ...ถ้าของฝากอยู่ในรถครับ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”“แม่ไม่ได้หมายถึงของ แม่หมายถึงหลาน” ในที่สุดปรียาก็ต้องเฉลยออกไป ว่าของฝากที่พูดถึงนั้นคืออะไรกันแน่ “คุณแม่ครับ ผมกับลินเราก็แค่แต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้นเอง ผมจะไปฝืนใจทำเรื่องแบบนั้นกับลินได้ยังไง” พูดไปแล้วก็ทำให้ปุณณ์นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูดประโยคอะไรแบบนี้ออกไป เพราะอาจขัดใจผู้เป็นแม่จนโรคหัวใจกำเริบ แต่เพราะปรียาลืมตัวว่ากำลังเล่นบทคนป่วยหนักอยู่ เธอจึงไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา “โถ่พ่อลูกชายคนดีของแม่ เอาเถอะๆ วันพระ
“ฮะ”“ฉันรู้สึกไม่โอเคสักเท่าไหร่กับการที่คุณทำแบบนี้” เวลานี้ต่อให้ต้องเสียลูกค้าเพียงดาวก็ยอม และเธอยังทิ้งระยะห่างออกไปด้วยการใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าฉัน เพื่อบ่งบอกว่ากำลังไม่ปลื้มกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น “แบบไหนคะ” แม้จะรู้แต่เจนนิสก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ลึกๆ ก็สงสารเพียงดาวไม่น้อย เพราะเธอคงอึดอัดใจแย่“คุณก็น่าจะรู้ว่าแบบไหน”“คุณเพียงดาวรู้แล้วอย่างนั้นเหรอคะ ว่าเจนคิดยังไงกับคุณ”“ค่ะ...ฉันว่าฉันพอจะรู้”“ดีจัง...แล้วแบบนี้คุณเพียงดาวพอจะเปิดใจให้เจนได้ไหมคะ เราจะได้ทำความรู้จักกันได้มากขึ้น” แทนที่จะถอยเพราะเพียงดาวไม่เล่นด้วย เจนนิสกลับตื้อต่อก็เพื่อต้องการฆ่าเวลาให้บรูคลินมาถึงร้านนั่นเอง “ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันมีแฟนแล้ว”“เจนไม่เชื่อฮะ”“ไม่เชื่อก็ต้องเชี่อค่ะ เพราะคนรักของฉันเดินมานั่นแล้ว” เพียงดาวส่งยิ้มให้เจนนิส ก่อนจะโบกไม้โบกมือไปยังบรูคลิน ซึ่งชายหนุ่มเองก็ตั้งใจเดินเข้ามาในร้านอาหารตั้งแต่แรกแล้ว นั่นเพราะ เจนนิสรายงานตลอดว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่“ที่รักคะ ทางนี้ค่ะ” เอ่ยเรียกแบบหวานหยดเสร็จ เพียงดาวกลับไม่รอให้บรูคลินเดินตรงมาหา เพราะเธอลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเข
“ใช่ค่ะ พอดีเจนรู้มาจากเพื่อนๆ ว่าบริษัทของคุณเพียงดาวจัดงานออแกไนซ์ได้เยี่ยมมาก เจนเลยเจาะจงมาที่นี่เพื่อขอใช้บริการโดยเฉพาะ”“ขอบคุณมากค่ะ ที่เล็งเห็นว่าออแกไนซ์เล็กๆ ของเพียงดาวมีคุณภาพพอที่จะรับใช้ได้” เพียงดาวยิ้มรับคำชมนั้นอย่างจริงใจเช่นกัน เพราะทุกคำชมมันคือผลตอบรับว่าเธอและลูกน้องทุกคนเต็มที่กับงานทุกอย่างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กๆ หรืองานใหญ่ระดับชาติ “อีกอย่างที่เจนประทับใจคือเจ้าของบริษัทที่สวยด้วยฮะ”“อ๋อค่ะ...แล้วคุณเจนอยากให้ทางเราจัดงานวันไหนคะ” แม้จะถูกชมซึ่งหน้าแต่เพียงดาวก็ยังคงไม่เสียสมาธิ เพราะพร้อมจะคุยเรื่องงานได้ทันทีเช่นกัน “วันที่ยี่สิบนี้ค่ะ”“ยี่สิบนี่เหรอคะ” ถามย้ำเสร็จก็หันไปมองปฏิทิน เพราะนับดูแล้วจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ยี่สิบก็เหลือเวลาอีกแค่หกวันก็เท่านั้นเอง “ทำไมฮะ เวลากระชั้นชิดไปอย่างนั้นเหรอ”“มากค่ะ เพียงดาวเกรงว่าทางเราจะเตรียมงานไม่ทัน” เพียงดาวเอ่ยบอกไปตามตรง นั่นเพราะไม่อยากตั้งความหวังให้ลูกค้าว่าต้องได้ “งั้นไม่เป็นไร เจนขยับวันออกไปให้คุณเพียงดาวได้ คุณเพียงดาวสะดวกวันไหนบอกเจนมาได้เลยค่ะ”“เอ่อ...รบกวนคุณเจนระบุวันมาดีกว่านะคะ”“อืม...ข
“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ ก่อนจะกลับไปนั่งจิบกาแฟต่อ ซึ่งเป็นจังหวะที่แม่บ้านเข็นอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ดรินทร์พอดี กับข้าวคนป่วยก็จะดูจืดๆ เหมือนโรงพยาบาลทั่วๆ ไป นั่นจึงทำให้ดรินทร์ไม่ค่อยเจริญอาหารสักเท่าไหร่“กินแค่นี้จะหายได้ยังไง”“ไม่อร่อยนี่คะ”“ไหนพี่ชิมหน่อย” “อุ๊ย!” ดรินทร์อุทานออกมา เมื่อจู่ๆ ปุณณ์ก็คว้าช้อนไปจากมือเธอ แล้วตักอาหารบนถาดเข้าปากเพื่อชิมรสชาติ ก่อนจะนิ่วหน้าบ่งบอกถึงความไม่ถูกปากอีกคนแต่สิ่งที่ทำให้ดรินทร์หน้าแดงก่ำขึ้นมาคือการที่ปุณณ์ใช้ช้อนคันเดียวกับเธอ มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ที่เขาไม่รังเกียจมัน แถมยังรู้สึกเหมือนถูกเขา...จูบ“ไม่อร่อยจริงด้วย งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปสั่งข้าวต้มปลาที่ร้านอาหารข้างล่างโรงพยาบาลให้” เอ่ยจบปุณณ์ก็ออกไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้ ดรินทร์ได้แย้งแต่อย่างใด“คนอะไร เดาอารมณ์ยากจริง” แม้จะบ่นออกไปแบบนั้น แต่ ดรินทร์กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับการได้อยู่ใกล้ชิดกับปุณณ์อย่างในตอนแรกๆ เธอยังคงจำความรู้สึกตอนที่เขาอุ้มเธอมาส่งโรงพยาบาลได้ว่าเธอนั้นอบอุ่นมากแค่ไหน ใบหน้าที่ปุณณ์แสดงออกว่ากำลังเป็นห่วงเธอยังติดอยู่ในความรู้สึกของดรินทร์เขาดูอ่อนโยนกว่า
“พี่ปุณณ์ พี่ปุณณ์ค่ะ”“ครับ” เสียงเรียกของดรินทร์ทำให้ปุณณ์ที่เผลอหลับบนโซฟาข้างเตียงคนไข้สะดุ้งรู้สึกตัว ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาดรินทร์ทันที “ลินอยากเข้าห้องน้ำค่ะ” คนป่วยที่นอนไม่หลับเพราะอยากกเข้าห้องน้ำเอ่ยบอก “พี่พาไปครับ” เอ่ยจบปุณณ์ก็เข้ามาพยุงดรินทร์แล้วพาเธอไปยังห้องน้ำ พร้อมกำชับว่าหากเกิดอะไรขึ้นก็ตะโกนเรียกเขาได้ตลอดเวลาดรินทร์พยักหน้ารับรู้ อันที่จริงเธออยากลุกมาเข้าห้องน้ำด้วยตัวเอง แต่กลับฝืนอาการป่วยไม่ไหวจึงเพราะยังมึนๆ อยู่ นั่นทำให้เธอต้องเอ่ยขอความช่วยเหลือจากปุณณ์ ทั้งๆ ที่ไม่อยากรบกวนเพราะเห็นเขาหลับอยู่ปุณณ์ยืนรอดรินทร์อยู่หน้าห้องน้ำ ก่อนจะก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือที่ตอนนี้เข็มสั้นชี้มาที่เลขห้าขณะที่เข็มยาวอยู่ที่เลยเก้า ไม่นานดรินทร์ก็เปิดประตูออกมา ก็ยื่นมือยาวๆ ไปช่วยถือขวดน้ำเกลือให้เธอทันที“พี่ถือให้”“ขอบคุณค่ะ” ดรินทร์เอ่ยรับอย่างไม่งอแง เพราะรู้สภาพของตัวเองดีว่าเวลานี้คงต้องขอความช่วยเหลือ ดีกว่าปากแข็งทั้งๆ ที่สังขารไม่ได้เอื้ออำนวย เพราะยังต้องเดินไปเดินมาพร้อมสายน้ำเกลือ “เป็นไงบ้าง” เมื่อเห็นว่าดรินทร์ขึ้นไปนั่งบนเตียงเรียบร้อยแล้ว เสียงทุ้มที
“เอ่อ...คุณหิวน้ำไหม ตะโกนโวยวายมาขนาดนั้น เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”“ก็ดีครับ” บรูคลินเอ่ยรับ ก่อนจะอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นเพียงดาวเขินเขาเป็นครั้งแรก ถึงขนาดเปลี่ยนเรื่องถามเขาว่าหิวน้ำไหม แต่เพียงดาวกลับยิ่งระแวงสายตาที่บรูคลินคอยทอดมองจนรู้สึกขนลุกแปลกๆ และเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยเธอจึงพยายามตั้งกำแพงขึ้นมาเพื่อกั้นเขา“คุณว่าผู้หญิงคนนั้นสวยไหมคะ”“คนไหนครับ” บรูคลินมองไปยังทิศทางเดียวกับเพียงดาว เพื่อจะดูว่าเธอนั้นหมายถึงผู้หญิงคนไหน “คนที่ใส่ชุดเดรสรัดรูปสีดำ ม้วนผมเป็นลอน ทาปากสีชมพูนู้ดนั่นไง”“ก็สวย...แต่ไม่ใช่สเปคผม”“แล้วคนนั้นละคะ ใส่ชุดนักศึกษาน่ารักเชียว”“นั่นก็ไม่ใช่”“แต่ทำไมฉันชอบ” เพียงดาวเอ่ยออกมาพร้อมกับสายตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์ ทำเอาบรูคลินแอบกลืนน้ำลายเพราะกลัวเธอคิดอะไร“คุณชอบเหรอ”“ค่ะ...ฉันจะบอกความลับให้คุณรู้ไว้อย่าง ว่าฉันเป็น... เลสเบี้ยน”“นี่คุณพูดจริงหรือแค่อำผมกันแน่”“ฉันพูดเรื่องจริง แต่ก็เป็นสิทธิ์ของคุณว่าจะเชื่อไหม วันนี้ฉันสนุกมาก ขอบคุณนะคะคุณบรูคลิน ถ้ามีโอกาสเราคงได้ดิวงานกันอีก หรือถ้าคุณมีน้องสาวก็ระวังฉันไว้หน่อยก็ดี บายค่ะ” ทิ้งระเบิดเสร็จเพียงดาว