Share

เผลอปล่อยใจ

ตอนที่ 5

เผลอปล่อยใจ

“คุณแม่ครับผมซื้ออาหารทะเลร้านโปรดมาฝาก”

         เปรมธวัชยื่นถุงกับข้าวถุงใหญ่ส่งให้มารดาที่นั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกด้วยท่าทางมีความสุขที่เห็นลูกชายกลับมาพร้อมกับลูกสะใภ้ของเธอ

         “พามินตราไปร้านโปรดของเรามาใช่ไหม”

         อมราถามทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วเพราะลูกชายโทรมาบอกตั้งแต่ช่วงเย็นแต่ที่เธอแกล้งพูดเพราะอยากให้หญิงสาวได้รู้ว่าร้านอาหารร้านนั้นถ้าไม่พิเศษจริงๆเปรมธวัชไม่มีทางพาไป

         “มิ้นชอบบรรยากาศที่นั่นมากครับสงสัยวันหลังเราต้องไปกันพร้อมหน้าทุกคนจะได้สนุกมากยิ่งขึ้นรับรองได้ว่าถ้าน้ายุพาไปคงได้ถอดสูตรอาหารเอามาทำให้เราได้กินกันแน่”

         ยุพาสาวใช้มองหน้าเจ้านายด้วยความแปลกใจเพราะการที่เปรมธวัชพูดแบบนี้หมายความว่าเขาจะพาเธอไปกินด้วย

         มินตราได้ยินคำพูดของสามีที่ให้ความสำคัญกับแม่ของเธอหญิงสาวรู้สึกมีความสุขที่เธอเลือกตัดสินใจไม่ผิดยอมเป็นภรรยารับจ้างให้เขาถึงแม้เธอจะไม่มีตัวตนในสังคมแต่ในบ้านหลังนี้                เปรมธวัชให้ความสำคัญกับเธอตามที่เขาสัญญาไว้จริงๆและความสำคัญนี้ก็เผื่อแผ่ไปหามารดาของเธอด้วย

         “เปรมรู้ไหมยุพาไม่ยอมย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านกับเรา”

         อมราหันไปฟ้องลูกชายเพราะเธอและเปรมธวัชต่างก็อยากให้ยุพาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเพราะบริเวณของเรือนหลังเล็กค่อนข้างเปลี่ยวในช่วงกลางคืนถ้ามีใครบุกรุกเข้ามาก็ยากที่จะป้องกันตัวและตอนนี้ยุพาก็นอนอยู่คนเดียวด้วยเพราะลูกสาวก็ขึ้นมานอนอยู่บนเรือนหลังใหญ่แล้ว

         “น้ายุพาครับ ที่ผมกับแม่อยากให้น้าย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านไม่ใช่เป็นสิทธิพิเศษอะไรแต่น้าก็อยู่กับเรามานานหลายปีก็เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนนึงและตอนนี้มินตราก็มานอนข้างบนกับผม ข้างนอกค่อนข้างเปลี่ยวให้เป็นพื้นที่ของผู้ชายอยู่เถอะครับ”

         ยุพาถึงแม้จะกล้าปฏิเสธอมราแต่เธอไม่กล้าพอที่จะปฏิเสธเปรมธวัชจึงได้แต่พยักหน้ายินยอมทั้งที่ความจริงเธอรู้สึกไม่เต็มใจเพราะการแยกอยู่ที่เรือนหลังเล็กมันให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าและเธอไม่อยากจะรู้สึกว่าการที่ยอมให้ลูกสาวมาเป็นภรรยาของเปรมธวัชทำให้เธอได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้

         หนุ่มสาว 2 คนขอตัวขึ้นไปพักยังห้องนอนบรรดาแม่ทั้งสองจึงได้พูดคุยกันถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดูจะสนิทสนมกันได้เร็วเหมือนเป็นคนรักกันทั้งที่ก่อนหน้านี้เปรมธวัชเองเป็นคนที่ค่อนข้างแข็งแต่เมื่อมาอยู่ใกล้กับมินตราเขากลับกลายเป็นคนที่อ่อนลงและดูมีรอยยิ้มมากขึ้น

         “ความน่ารักของลูกสาวเธอทำให้ลูกชายฉันกลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นเยอะ”

         ถึงแม้ทั้งคู่จะเพิ่งมาใช้ชีวิตร่วมกันได้เพียงไม่กี่วันแต่อมราในฐานะที่เป็นแม่ก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของลูก เธอหวังว่าเปรมธวัชจะเป็นแบบนี้ตลอดเพราะที่ผ่านมาเธอรู้สึกเหงาเหลือเกินที่สามีไปทางลูกไปทาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่กับแม่บ้านและคนสวนที่ต่างก็ไม่มีใครมาร่วมคุยหรือกินข้าวกับเธอ

         “ไม่หรอกค่ะคุณท่านบางทีคุณเปรมอาจจะเป็นคนอารมณ์ดีแบบนี้อยู่แล้วเพียงแต่แค่ยังไม่มีโอกาสแสดงให้พวกเราเห็น”

         ยุพาไม่อยากให้เจ้านายของเธอคาดหวังในตัวลูกสาวของเธอมากเพราะยุพาคิดว่าสาเหตุที่เปรมธวัชดูมีความสุขขึ้นก็น่าจะเป็นตามประสาผู้ชายที่ได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆของความสาวก็เท่านั้น

         ความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับภรรยารับจ้างมีความสนิทแนบชิดกันเกือบทุกคืนเพราะเปรมธวัชตั้งใจจะมีลูกให้เร็วที่สุดเพราะเขาอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเขามีลูกขึ้นมาจะมีผู้หญิงคนไหนไหมที่รู้สึกเสียดายในตัวเขา

ชายหนุ่มยังคงใช้ชีวิตเพียงเพื่อตอบสนองปมด้อยในจิตใจของตัวเองที่เขาโดนปฏิเสธความรักมาหลายครั้งด้วยการทำทุกอย่างให้ตัวเองดูมีค่ามีราคาในสายตาผู้หญิง

        

         2 เดือนผ่านไป

        

         “เบื่อไหมอยู่บ้านอยากไปทำงานที่บริษัทไหม”

         ชายหนุ่มในชุดทำงานเต็มยศหันมาถามภรรยาที่กำลังผูกเนคไทให้กับเขาด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นสาวน้อยอยู่แต่บ้านมาเกือบ 2 เดือนแล้วตั้งแต่เรียนจบ

         “มิ้นอยากไปทำงานนะคะแต่ก็ไม่ได้เบื่อที่อยู่บ้านเพราะอย่างน้อยก็ได้ดูแลคุณท่าน”

         มินตราเธอแค่อยากทำงานในสาขาที่ตัวเองเรียนมาเพราะไม่อยากคิดว่าเรียนมาเสียหลายปีแต่กลับไม่มีโอกาสใช้วิชาความรู้แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่งเธอก็มีความสุขที่ได้อยู่ดูแลปรับใช้อมราเพราะถึงเธอจะอยู่ที่บ้านเธอก็ยังช่วยทำบัญชีรายรับรายจ่ายของบริษัทเล็กๆที่อมราเปิดไว้

         “ไปทำงานไหมล่ะผมจะหาตำแหน่งให้”

คนพูดไม่ได้หันมาสบตาเพราะมัวแต่สาละวนกับกองเอกสารที่ต้องเอาใส่กระเป๋า

         “มิ้นไปทำงานกับคุณได้หรือคะ คนอื่นจะไม่สงสัยใช่ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน”

         คำถามที่มินตราไม่รู้ว่าพูดออกไปแล้วจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจไหมเพราะที่ผ่านมาเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตกลงเปรมธวัชต้องการจะปิดคนอื่นเรื่องของเธอหรือต้องการจะเปิดเผยเพื่อให้บรรดาสาวๆของเขารู้สึกอิจฉาที่เธอมีชีวิตที่ดีกันแน่

         “ก็คงได้แค่สงสัยแล้วก็พากันซุบซิบว่าคุณเป็นเมียเก็บของผมก็แค่นั้น”

         เปรมธวัชพูดคำว่าเมียเก็บได้อย่างไม่รู้สึกอะไรกับคำที่หลุดออกมาทั้งที่มันกระแทกหัวใจของมินตราให้เธอได้รู้ถึงสถานภาพของตัวเองถึงแม้หญิงสาวจะเข้าใจดีอยู่แล้วในข้อตกลงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาแต่ก็อดที่จะรู้สึกน้อยใจเมื่อได้เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดคำนี้ออกมาเต็มปากไม่ได้

         “จริงด้วยค่ะคนรวยๆเขาก็มีเมียเก็บกันเยอะไป ไหนจะเมียน้อย ไหนจะอีหนู รอบตัวไปหมด”

         ถึงใจจะรู้สึกเจ็บแค่ไหนแต่คนพูดก็เสแสร้งทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไรพูดด้วยรอยยิ้มสนุกสนานเหมือนว่าเธอเข้าใจวงจรชีวิตของผู้ชายที่มีเงิน

         มินตราตัดสินใจแล้วว่าเธอจะไม่ไปทำงานที่บริษัทของ                  เปรมธวัช เธอขอเป็นเมียเก็บที่อยู่ในบ้านดีกว่าดีกว่าต้องเป็น               เมียเก็บในสายตาของคนที่บริษัท

         “มิ้นอยู่บ้านได้ค่ะไม่ต้องเป็นห่วง”

         ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่าเกือบ 10 ปีเข้าใจดีว่าคำพูดของเขาทำร้ายความรู้สึกของมินตราแค่ไหนแต่เขาคิดว่ามันคือความจริงที่หญิงสาวจะต้องเข้าใจ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะไม่พูดจาอะไรนอกจากหันมาหอมแก้มภรรยาก่อนไปทำงาน

         ตลอด 2 เดือนที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาที่มีแค่สองคน มันสร้างความสุขให้กับชีวิตของสาวน้อยแต่ทุกครั้งที่เธอต้องออกไปยังโลกภายนอกถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยปกปิดหรือซ่อนเร้นอะไร แต่เมื่อต้องพบเจอกับคนรู้จักเธอเหมือนจะกลายเป็นอากาศทันที               ทุกคนจะรู้แค่เพียงว่าเธอชื่อมินตราและไม่มีคำแนะนำใดๆตามมาอีก ซึ่งผู้คนเหล่านั้นก็คงคิดว่าเธอเป็นเด็กในสังกัดของเปรมธวัช

        

         “แม่ไปพักเถอะค่ะเดี๋ยวมิ้นซักผ้าเอง”

         สาวน้อยเมื่อทำหน้าที่ภรรยาที่ดีส่งสามีไปทำงานแล้ว เธอก็ลงมาช่วยมารดาทำงานบ้านเพราะอยากให้ยุพาได้พักผ่อน

         “แม่ทำเองได้ลูกไปดูคุณอมราเถอะ”

         ยุพาไม่อยากให้ลูกเธอต้องมาทำงานบ้านเหมือนเช่นเดิมอย่างไรเสียตอนนี้มินตราก็อยู่ในฐานะของภรรยาเจ้าของบ้านแค่ช่วยเธอทำกับข้าวทุกวันก็ถือว่าลูกยังไม่ลืมตัวแล้ว

         “มิ้นอยากอยู่กับแม่บ้างเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้อยู่คุยกันสองคนมานานแล้ว”

         หญิงสาวพยายามเก็บซ่อนความอ่อนแอแต่มันก็หนีไม่พ้นสายตาของผู้ใหญ่ที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เกิด ยุพารู้ดีว่าตอนนี้ลูกสาวของเธอกำลังเศร้าเพียงแต่เธอไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร

         “มีอะไรก็ระบายให้แม่ฟังได้นะลูก การเก็บไว้คนเดียวมันไม่ได้แสดงว่าเราเข้มแข็งแต่มันแสดงว่าเรากำลังเลือกที่จะเก็บทุกเรื่องไว้ทำร้ายตัวเองเพียงคนเดียว”

         คำพูดที่ห่วงใยและแววตาที่มีความรักอย่างจริงใจซ่อนอยู่ในนั้นทำให้ความเข้มแข็งที่มินตราพยายามสร้างขึ้นมาเป็นเกราะกำบังให้กับตัวเองต้องพังทลายลง

สาวน้อยสวมกอดมารดาร้องไห้โดยไร้เสียงสะอื้นวันนี้เธอยังไม่ต้องการเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เธอกำลังรู้สึกอยู่ให้ใครได้รับรู้ เธอขอแค่เพียงมีอ้อมกอดที่เป็นห่วงเธออย่างจริงใจโอบกอดเธอไว้แบบนี้ก็พอ

         “มิ้นไม่ได้เป็นอะไรแค่อยากนอนกอดแม่อยากอยู่กับแม่ก็เท่านั้นค่ะ”

         ยุพาสวมกอดลูกสาวแน่นทั้งที่เธอรู้อยู่เต็มอกว่าคำพูดของมินตราไม่เป็นความจริงแต่ในเมื่อวันนี้ลูกสาวของเธอยังคงเข้มแข็งพอที่จะสู้กับความรู้สึกของตัวเองเพียงคนเดียวได้เธอก็ไม่อยากคาดคั้นเอาคำตอบ สักวันที่มินตรารู้สึกเหนื่อยและท้อเกินกว่าจะสู้กับความรู้สึกที่กัดกินหัวใจ เธอคงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังเอง

         สาวน้อยหลับตาเมื่อรู้สึกว่าความอบอุ่นจากร่างกายของ            คนเป็นแม่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้น มินตราพยายามบอกกับตัวเองว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาอ่อนแอในเวลานี้ในเมื่อการตัดสินใจเข้ามารับบทเป็นภรรยารับจ้างของเปรมธวัชเธอก็เป็นคนยินยอมด้วยตัวเองดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะต้องรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ลากใครเข้ามาเสียใจด้วย

         ความดี ความห่วงใย การดูแลเอาใจใส่ที่สามีมีให้กับเธอ ทำให้มินตราเผลอปล่อยใจและความรู้สึกไปกลับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยที่เธอลืมหักห้ามใจว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่ข้อตกลงชั่วคราวเมื่อไหร่ที่เธอมีลูกให้เขาสำเร็จวันนั้นเธอก็จะกลายเป็นเพียงผู้หญิงที่หมดประโยชน์บางทีทุกอย่างที่เขาทำให้เธอในตอนนี้มันก็อาจจะเพียงเพื่อให้เธออยู่เป็นแม่พันธุ์ชั้นดีให้กับเขา ทุกครั้งที่เธอได้อยู่              คนเดียวมินตราจะมองทุกอย่างบนโลกแห่งความเป็นจริงแต่เมื่อไหร่ที่เธอได้อยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเปรมธวัช เธอกลับลืมทุกอย่างและพร้อมจะยกทั้งกายและใจให้เขาโดยไม่มีข้อแม้

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status