ตอนที่ 5
เผลอปล่อยใจ
“คุณแม่ครับผมซื้ออาหารทะเลร้านโปรดมาฝาก”
เปรมธวัชยื่นถุงกับข้าวถุงใหญ่ส่งให้มารดาที่นั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกด้วยท่าทางมีความสุขที่เห็นลูกชายกลับมาพร้อมกับลูกสะใภ้ของเธอ
“พามินตราไปร้านโปรดของเรามาใช่ไหม”
อมราถามทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วเพราะลูกชายโทรมาบอกตั้งแต่ช่วงเย็นแต่ที่เธอแกล้งพูดเพราะอยากให้หญิงสาวได้รู้ว่าร้านอาหารร้านนั้นถ้าไม่พิเศษจริงๆเปรมธวัชไม่มีทางพาไป
“มิ้นชอบบรรยากาศที่นั่นมากครับสงสัยวันหลังเราต้องไปกันพร้อมหน้าทุกคนจะได้สนุกมากยิ่งขึ้นรับรองได้ว่าถ้าน้ายุพาไปคงได้ถอดสูตรอาหารเอามาทำให้เราได้กินกันแน่”
ยุพาสาวใช้มองหน้าเจ้านายด้วยความแปลกใจเพราะการที่เปรมธวัชพูดแบบนี้หมายความว่าเขาจะพาเธอไปกินด้วย
มินตราได้ยินคำพูดของสามีที่ให้ความสำคัญกับแม่ของเธอหญิงสาวรู้สึกมีความสุขที่เธอเลือกตัดสินใจไม่ผิดยอมเป็นภรรยารับจ้างให้เขาถึงแม้เธอจะไม่มีตัวตนในสังคมแต่ในบ้านหลังนี้ เปรมธวัชให้ความสำคัญกับเธอตามที่เขาสัญญาไว้จริงๆและความสำคัญนี้ก็เผื่อแผ่ไปหามารดาของเธอด้วย
“เปรมรู้ไหมยุพาไม่ยอมย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านกับเรา”
อมราหันไปฟ้องลูกชายเพราะเธอและเปรมธวัชต่างก็อยากให้ยุพาย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเพราะบริเวณของเรือนหลังเล็กค่อนข้างเปลี่ยวในช่วงกลางคืนถ้ามีใครบุกรุกเข้ามาก็ยากที่จะป้องกันตัวและตอนนี้ยุพาก็นอนอยู่คนเดียวด้วยเพราะลูกสาวก็ขึ้นมานอนอยู่บนเรือนหลังใหญ่แล้ว
“น้ายุพาครับ ที่ผมกับแม่อยากให้น้าย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านไม่ใช่เป็นสิทธิพิเศษอะไรแต่น้าก็อยู่กับเรามานานหลายปีก็เหมือนเป็นญาติผู้ใหญ่คนนึงและตอนนี้มินตราก็มานอนข้างบนกับผม ข้างนอกค่อนข้างเปลี่ยวให้เป็นพื้นที่ของผู้ชายอยู่เถอะครับ”
ยุพาถึงแม้จะกล้าปฏิเสธอมราแต่เธอไม่กล้าพอที่จะปฏิเสธเปรมธวัชจึงได้แต่พยักหน้ายินยอมทั้งที่ความจริงเธอรู้สึกไม่เต็มใจเพราะการแยกอยู่ที่เรือนหลังเล็กมันให้ความเป็นส่วนตัวมากกว่าและเธอไม่อยากจะรู้สึกว่าการที่ยอมให้ลูกสาวมาเป็นภรรยาของเปรมธวัชทำให้เธอได้รับสิทธิพิเศษแบบนี้
หนุ่มสาว 2 คนขอตัวขึ้นไปพักยังห้องนอนบรรดาแม่ทั้งสองจึงได้พูดคุยกันถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่ดูจะสนิทสนมกันได้เร็วเหมือนเป็นคนรักกันทั้งที่ก่อนหน้านี้เปรมธวัชเองเป็นคนที่ค่อนข้างแข็งแต่เมื่อมาอยู่ใกล้กับมินตราเขากลับกลายเป็นคนที่อ่อนลงและดูมีรอยยิ้มมากขึ้น
“ความน่ารักของลูกสาวเธอทำให้ลูกชายฉันกลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นเยอะ”
ถึงแม้ทั้งคู่จะเพิ่งมาใช้ชีวิตร่วมกันได้เพียงไม่กี่วันแต่อมราในฐานะที่เป็นแม่ก็สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของลูก เธอหวังว่าเปรมธวัชจะเป็นแบบนี้ตลอดเพราะที่ผ่านมาเธอรู้สึกเหงาเหลือเกินที่สามีไปทางลูกไปทาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่กับแม่บ้านและคนสวนที่ต่างก็ไม่มีใครมาร่วมคุยหรือกินข้าวกับเธอ
“ไม่หรอกค่ะคุณท่านบางทีคุณเปรมอาจจะเป็นคนอารมณ์ดีแบบนี้อยู่แล้วเพียงแต่แค่ยังไม่มีโอกาสแสดงให้พวกเราเห็น”
ยุพาไม่อยากให้เจ้านายของเธอคาดหวังในตัวลูกสาวของเธอมากเพราะยุพาคิดว่าสาเหตุที่เปรมธวัชดูมีความสุขขึ้นก็น่าจะเป็นตามประสาผู้ชายที่ได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆของความสาวก็เท่านั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับภรรยารับจ้างมีความสนิทแนบชิดกันเกือบทุกคืนเพราะเปรมธวัชตั้งใจจะมีลูกให้เร็วที่สุดเพราะเขาอยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเขามีลูกขึ้นมาจะมีผู้หญิงคนไหนไหมที่รู้สึกเสียดายในตัวเขา
ชายหนุ่มยังคงใช้ชีวิตเพียงเพื่อตอบสนองปมด้อยในจิตใจของตัวเองที่เขาโดนปฏิเสธความรักมาหลายครั้งด้วยการทำทุกอย่างให้ตัวเองดูมีค่ามีราคาในสายตาผู้หญิง
2 เดือนผ่านไป
“เบื่อไหมอยู่บ้านอยากไปทำงานที่บริษัทไหม”
ชายหนุ่มในชุดทำงานเต็มยศหันมาถามภรรยาที่กำลังผูกเนคไทให้กับเขาด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นสาวน้อยอยู่แต่บ้านมาเกือบ 2 เดือนแล้วตั้งแต่เรียนจบ
“มิ้นอยากไปทำงานนะคะแต่ก็ไม่ได้เบื่อที่อยู่บ้านเพราะอย่างน้อยก็ได้ดูแลคุณท่าน”
มินตราเธอแค่อยากทำงานในสาขาที่ตัวเองเรียนมาเพราะไม่อยากคิดว่าเรียนมาเสียหลายปีแต่กลับไม่มีโอกาสใช้วิชาความรู้แต่ถ้าคิดอีกแง่หนึ่งเธอก็มีความสุขที่ได้อยู่ดูแลปรับใช้อมราเพราะถึงเธอจะอยู่ที่บ้านเธอก็ยังช่วยทำบัญชีรายรับรายจ่ายของบริษัทเล็กๆที่อมราเปิดไว้
“ไปทำงานไหมล่ะผมจะหาตำแหน่งให้”
คนพูดไม่ได้หันมาสบตาเพราะมัวแต่สาละวนกับกองเอกสารที่ต้องเอาใส่กระเป๋า
“มิ้นไปทำงานกับคุณได้หรือคะ คนอื่นจะไม่สงสัยใช่ไหมว่าเราเป็นอะไรกัน”
คำถามที่มินตราไม่รู้ว่าพูดออกไปแล้วจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจไหมเพราะที่ผ่านมาเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตกลงเปรมธวัชต้องการจะปิดคนอื่นเรื่องของเธอหรือต้องการจะเปิดเผยเพื่อให้บรรดาสาวๆของเขารู้สึกอิจฉาที่เธอมีชีวิตที่ดีกันแน่
“ก็คงได้แค่สงสัยแล้วก็พากันซุบซิบว่าคุณเป็นเมียเก็บของผมก็แค่นั้น”
เปรมธวัชพูดคำว่าเมียเก็บได้อย่างไม่รู้สึกอะไรกับคำที่หลุดออกมาทั้งที่มันกระแทกหัวใจของมินตราให้เธอได้รู้ถึงสถานภาพของตัวเองถึงแม้หญิงสาวจะเข้าใจดีอยู่แล้วในข้อตกลงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาแต่ก็อดที่จะรู้สึกน้อยใจเมื่อได้เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดคำนี้ออกมาเต็มปากไม่ได้
“จริงด้วยค่ะคนรวยๆเขาก็มีเมียเก็บกันเยอะไป ไหนจะเมียน้อย ไหนจะอีหนู รอบตัวไปหมด”
ถึงใจจะรู้สึกเจ็บแค่ไหนแต่คนพูดก็เสแสร้งทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไรพูดด้วยรอยยิ้มสนุกสนานเหมือนว่าเธอเข้าใจวงจรชีวิตของผู้ชายที่มีเงิน
มินตราตัดสินใจแล้วว่าเธอจะไม่ไปทำงานที่บริษัทของ เปรมธวัช เธอขอเป็นเมียเก็บที่อยู่ในบ้านดีกว่าดีกว่าต้องเป็น เมียเก็บในสายตาของคนที่บริษัท
“มิ้นอยู่บ้านได้ค่ะไม่ต้องเป็นห่วง”
ชายหนุ่มผู้มีอายุมากกว่าเกือบ 10 ปีเข้าใจดีว่าคำพูดของเขาทำร้ายความรู้สึกของมินตราแค่ไหนแต่เขาคิดว่ามันคือความจริงที่หญิงสาวจะต้องเข้าใจ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะไม่พูดจาอะไรนอกจากหันมาหอมแก้มภรรยาก่อนไปทำงาน
ตลอด 2 เดือนที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันในช่วงเวลาที่มีแค่สองคน มันสร้างความสุขให้กับชีวิตของสาวน้อยแต่ทุกครั้งที่เธอต้องออกไปยังโลกภายนอกถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยปกปิดหรือซ่อนเร้นอะไร แต่เมื่อต้องพบเจอกับคนรู้จักเธอเหมือนจะกลายเป็นอากาศทันที ทุกคนจะรู้แค่เพียงว่าเธอชื่อมินตราและไม่มีคำแนะนำใดๆตามมาอีก ซึ่งผู้คนเหล่านั้นก็คงคิดว่าเธอเป็นเด็กในสังกัดของเปรมธวัช
“แม่ไปพักเถอะค่ะเดี๋ยวมิ้นซักผ้าเอง”
สาวน้อยเมื่อทำหน้าที่ภรรยาที่ดีส่งสามีไปทำงานแล้ว เธอก็ลงมาช่วยมารดาทำงานบ้านเพราะอยากให้ยุพาได้พักผ่อน
“แม่ทำเองได้ลูกไปดูคุณอมราเถอะ”
ยุพาไม่อยากให้ลูกเธอต้องมาทำงานบ้านเหมือนเช่นเดิมอย่างไรเสียตอนนี้มินตราก็อยู่ในฐานะของภรรยาเจ้าของบ้านแค่ช่วยเธอทำกับข้าวทุกวันก็ถือว่าลูกยังไม่ลืมตัวแล้ว
“มิ้นอยากอยู่กับแม่บ้างเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยได้อยู่คุยกันสองคนมานานแล้ว”
หญิงสาวพยายามเก็บซ่อนความอ่อนแอแต่มันก็หนีไม่พ้นสายตาของผู้ใหญ่ที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เกิด ยุพารู้ดีว่าตอนนี้ลูกสาวของเธอกำลังเศร้าเพียงแต่เธอไม่รู้ว่าสาเหตุมันมาจากอะไร
“มีอะไรก็ระบายให้แม่ฟังได้นะลูก การเก็บไว้คนเดียวมันไม่ได้แสดงว่าเราเข้มแข็งแต่มันแสดงว่าเรากำลังเลือกที่จะเก็บทุกเรื่องไว้ทำร้ายตัวเองเพียงคนเดียว”
คำพูดที่ห่วงใยและแววตาที่มีความรักอย่างจริงใจซ่อนอยู่ในนั้นทำให้ความเข้มแข็งที่มินตราพยายามสร้างขึ้นมาเป็นเกราะกำบังให้กับตัวเองต้องพังทลายลง
สาวน้อยสวมกอดมารดาร้องไห้โดยไร้เสียงสะอื้นวันนี้เธอยังไม่ต้องการเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เธอกำลังรู้สึกอยู่ให้ใครได้รับรู้ เธอขอแค่เพียงมีอ้อมกอดที่เป็นห่วงเธออย่างจริงใจโอบกอดเธอไว้แบบนี้ก็พอ
“มิ้นไม่ได้เป็นอะไรแค่อยากนอนกอดแม่อยากอยู่กับแม่ก็เท่านั้นค่ะ”
ยุพาสวมกอดลูกสาวแน่นทั้งที่เธอรู้อยู่เต็มอกว่าคำพูดของมินตราไม่เป็นความจริงแต่ในเมื่อวันนี้ลูกสาวของเธอยังคงเข้มแข็งพอที่จะสู้กับความรู้สึกของตัวเองเพียงคนเดียวได้เธอก็ไม่อยากคาดคั้นเอาคำตอบ สักวันที่มินตรารู้สึกเหนื่อยและท้อเกินกว่าจะสู้กับความรู้สึกที่กัดกินหัวใจ เธอคงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังเอง
สาวน้อยหลับตาเมื่อรู้สึกว่าความอบอุ่นจากร่างกายของ คนเป็นแม่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยขึ้น มินตราพยายามบอกกับตัวเองว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะมาอ่อนแอในเวลานี้ในเมื่อการตัดสินใจเข้ามารับบทเป็นภรรยารับจ้างของเปรมธวัชเธอก็เป็นคนยินยอมด้วยตัวเองดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะต้องรับผิดชอบความรู้สึกของตัวเองโดยไม่ลากใครเข้ามาเสียใจด้วย
ความดี ความห่วงใย การดูแลเอาใจใส่ที่สามีมีให้กับเธอ ทำให้มินตราเผลอปล่อยใจและความรู้สึกไปกลับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นโดยที่เธอลืมหักห้ามใจว่าทุกอย่างเป็นเพียงแค่ข้อตกลงชั่วคราวเมื่อไหร่ที่เธอมีลูกให้เขาสำเร็จวันนั้นเธอก็จะกลายเป็นเพียงผู้หญิงที่หมดประโยชน์บางทีทุกอย่างที่เขาทำให้เธอในตอนนี้มันก็อาจจะเพียงเพื่อให้เธออยู่เป็นแม่พันธุ์ชั้นดีให้กับเขา ทุกครั้งที่เธอได้อยู่ คนเดียวมินตราจะมองทุกอย่างบนโลกแห่งความเป็นจริงแต่เมื่อไหร่ที่เธอได้อยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของเปรมธวัช เธอกลับลืมทุกอย่างและพร้อมจะยกทั้งกายและใจให้เขาโดยไม่มีข้อแม้
ตอนที่ 6การมาของใครบางคน“สวัสดีค่ะ คุณแม่สบายดีไหมคะไม่ได้เจอกันเสียหลายปี” สาวสวยหุ่นนางแบบดีกรีนักเรียนนอกยกมือไหว้อมราด้วยความนอบน้อมถึงแม้ว่าสไตล์การแต่งตัวของเธอจะดูไม่ค่อยเป็น คนเรียบร้อยเท่าไหร่ “ไหว้พระเถอะแม่คุณ ลมอะไรหอบทายาทเพียงคนเดียวของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาถึงบ้านของแม่ได้” อมราถึงแม้จะพยายามปั้นหน้าพูดดีตามแบบคนมีมารยาทแต่เธอก็อดที่จะใส่คำพูดจิกกัดลงไปไม่ได้เพราะหญิงสาวที่มาเป็นแขกในวันนี้เธอคือคนเดียวกับที่ทำร้ายหัวใจลูกชายเขาเมื่อหลายปีก่อน “รินกลับมาจากต่างประเทศนานแล้วแต่ไม่กล้ามาหาคุณแม่เพราะยังไม่รู้ว่าเปรมจะหายโกรธรินแล้วหรือยังค่ะ” คนพูดพยายามทำดวงตาให้ดูเศร้าเหมือนว่าเธอรู้สึกผิดกับสิ่งที่เคยทำลงไปในอดีตแต่มันก็ไม่ทำให้ความรู้สึกของอมราดีขึ้นเพราะเธอรู้จักผู้หญิงตรงหน้าดีว่ามารยาร้อยเล่มเกวียนแค่ไหน “สิ่งที่เธอทำมันสร้างความเจ็บปวดให้กับเปรมธวัชอยู่มากแต่ไม่ต้องกลัวตอนนี้เขาลืมเธอและทุกอย่างที่เธอทำหมดแล้ว คนเราไม่มีใครจมอยู่กับเรื่องไม่ดีหรือคนไม่ดีได้นานหรอก” ความเป็นแม่ถึงแม้จะ
ตอนที่ 7คนรักเขากลับมา“นั่งคุยกับแม่ก่อน” อมรานั่งรอดักเจอลูกชายอยู่จนดึก เธอมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเปรมธวัชในวันนี้กลัวว่าถ้าพูดช้าเกินไปอาจจะไม่ทัน “เที่ยงคืนกว่าแล้วคุณแม่ยังนั่งรอแบบนี้ต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่เลย” ลูกชายทำท่าทางออดอ้อนเพราะเขารู้อยู่แล้วว่ามารดากำลังจะพูดเรื่องของแฟนเก่าที่เดินทางมาหาเขาในวันนี้ “ลูกไปกินข้าวกับรินมาใช่ไหม” “ใช่ครับเราไม่ได้เจอกันนานก็เลยมีเรื่องคุยกันเยอะแล้วผมก็ขับรถไปส่งเธอที่บ้านก็เลยกลับดึกหน่อย” เปรมธวัชพยายามจะอธิบายว่าสาเหตุที่เขากลับมาถึงบ้านจนเที่ยงคืนไม่ได้เถลไถลที่ไหนแค่เพียงมีเรื่องคุยกันนานและด้วยความเป็นห่วงเขาจึงขับรถไปส่งเธอที่บ้าน “ผู้หญิงคนนั้นเขากลับมาหาลูกเพื่ออะไรกันอย่าบอกนะว่าแค่กลับมาในฐานะเพื่อนที่คิดถึงเพราะแม่จะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด” หญิงสูงวัยประสบการณ์ในชีวิตของเธอมีมากจนสามารถเดาผู้หญิงอย่างรินรดาได้ออกการกลับมาของผู้หญิงคนนี้ต้องการมากกว่าความเป็นเพื่อนแน่นอน “คุณแม่คิดมากไป ผมกับรินเราเคยเป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อนถึงแม้จะเลิกไปแล้วแต่เรายั
ตอนที่ 8เหนี่ยวรั้งใจ2 เดือนผ่านไป “เปรมไปส่งรินที่คอนโดนะ” สาวสวยผิวขาวสองแขนยาวกอดคอชายหนุ่มคนรักเก่าของเธอจนใบหน้าของทั้งคู่แทบจะแนบชิดติดกัน “ทำไมถึงไม่กลับบ้าน” เปรมธวัชถามด้วยความแปลกใจเพราะตั้งแต่รินรดากับมาหาเขาทั้งคู่ออกไปกินข้าวเย็นด้วยกันตลอดแล้วสุดท้ายเขาก็จะขับรถไปส่งเธอที่บ้านแต่วันนี้เธอกลับร้องขอให้เขาไปส่งเธอที่คอนโดแทน “วันนี้รินเมาแล้วไม่อยากกลับบ้านเดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่จะว่าเอา เปรมก็เมาเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ” วันนี้ไม่ใช่แค่เพียงกินอาหารเย็นด้วยกันแต่เป็นการนั่งดื่มด้วยจึงทำให้เมาทั้งคู่ถึงแม้จะไม่มากนักแต่ก็เรียกได้ว่าความรู้สึกร้อนๆหนาวๆมันเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจและร่างกายของคนที่เคยเป็นถ่านไฟเก่าของกันและกัน เปรมธวัชเป็นอันต้องยอมแพ้เขาเดินประคองหญิงสาวขึ้นไปส่งถึงในห้องนอนที่คอนโดเขาตั้งใจว่าส่งเธอเข้านอนเสร็จก็จะรีบกลับบ้านทันทีแต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่ออีกฝ่ายพยายามใช้มารยาทุกอย่างรั้งให้เขาอยู่เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่เคยมีให้กันเมื่อหลายปีที่ผ่านมา “อย่าทำแบบนี
ตอนที่ 9ตัวปลอมต้องยอมไป“ฉันจะยังไม่บอกเปรมตามคำขอของเธอนะแต่งถ้าภายในสัปดาห์นี้เธอยังไม่บอกเขาฉันคงต้องขอเป็นคนบอกเองแล้วแหละเพราะไม่อยากให้ทุกอย่างมันสายเกินไป” อมรายอมรับปากลูกสะใภ้คิดว่าเรื่องแบบนี้ภรรยาคงอยากจะบอกสามีด้วยตัวเองแต่ถ้ามินตราปล่อยให้ทุกอย่างนานไปเธอในฐานะที่เป็นแม่ก็คงต้องบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง คืนนี้เป็นค่ำคืนที่หัวใจของคุณแม่คนใหม่อ่อนแออย่างถึงที่สุดเธอตั้งใจที่จะปล่อยตัวเองให้ร้องไห้จนน้ำตาหมดไปจากร่างกายและวันพรุ่งนี้เธอจะเป็นคนใหม่เธอจะต้องเข้มแข็งให้มากกว่าเดิมเพราะตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเธอแค่ชีวิตเดียว “หนูเป็นลูกแม่นะ” มือเล็กลูบลงไปที่ท้องส่งผ่านความอบอุ่นและความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในหัวใจให้กับสายเลือดของตัวเองได้รับรู้ มินตราชักเริ่มไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกันว่าเธอจะยอมยกลูกให้กับเปรมธวัชหรือไม่เพราะในสัญญาทารกที่ถือกำเนิดขึ้นจะเป็นสิทธิ์ขาดของเขาคนเดียวและเธอก็เซ็นยินยอมไปแล้วแต่เมื่อวันนี้มาถึงหัวใจของเธอมันรักเกินกว่าจะยอมยกลูกให้ใคร นาฬิกาบอกเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแปรมธวัชยังคงไม่กลับมาแต่วันนี้มินตราตั้งใจว่าเธ
ตอนที่ 10กว่าจะรู้“คุณแม่ครับมิ้นไปไหน” วันนี้เป็นวันแรกที่เปรมธวัชกลับมาทันกินข้าวเย็นหลังจากที่ 2 เดือนที่ผ่านเขาจะกลับมาถึงบ้านก็หลังเที่ยงคืนเท่านั้น “พ่อให้มิ้นกับยุพาไปจากที่นี่แล้ว” ธานินทร์ตอบด้วยท่าทางไม่สนใจยังคงก้มหน้าก้มตากิน ข้าวคลุกกะปิอาหารมื้อสุดท้ายที่ครอบครัวของมินตราได้ทำไว้ให้คนที่บ้านหลังนี้ได้กิน “คุณพ่อหมายความว่าอย่างไรครับไปจากที่นี่” เปรมธวัชวางช้อนในมือเขาถามบิดาด้วยเสียงที่สูงและดูมีอารมณ์อยู่ในนั้นเพราะอย่างไรมินตราก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาการที่เธอจะไปไหนเขาควรจะต้องมีส่วนรู้ด้วย “ก็เปรมจะแต่งงานกับรินไม่ใช่หรือ แล้วจะให้มินตราอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรพ่อก็เลยให้เขาไปเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ยุพาเองก็ทำงานที่นี่มานานก็ถึงเวลาต้องปลดระวางไปใช้ชีวิตอิสระของเธอบ้างและทำไมจะต้องมาโมโหแบบนี้ในเมื่อลูกเลือกเองว่าจะแต่งงานกับรินแล้วจะเก็บมินตราไว้ทำไมอย่าเห็นแก่ตัวนักสิ” ชายหนุ่มเป็นอันต้องเลิกกินข้าวสองมือกอดอกมองสบตาทั้งพ่อและแม่ที่ดูเหมือนไม่มีใครจะอยู่ข้างเขาในเวลานี้ “มินตราเป็นผู้
ตอนที่ 11ของขวัญที่ล้ำค่า“ผมขอโทษ” มินตราพี่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่บริเวณสวนหลังบ้านหันหลังมาตามเสียงที่เธอได้ยินด้วยความตกใจเพราะมันเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยและรอคอยมาตลอดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ “คุณเปรมมาได้อย่างไรคะ” สาวน้อยรีบวางสายยางและใช้สองมือประคองชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่ายกมือไหว้อยู่ตรงหน้าให้ลุกขึ้น “ให้อภัยผมได้ไหมความผิดครั้งนี้มันมากมายและยิ่งใหญ่เหลือเกินที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้ว่าหัวใจตัวเองต้องการใครจนวันที่คุณไม่อยู่ผมรู้แล้วว่ารินรดาไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมต้องการอีกแล้ว” สาวน้อยพูดอะไรไม่ถูกจึงทำได้แค่เพียงฟังและให้อีกฝ่ายพูดความในใจออกมาสำหรับมินตรา เธอไม่เคยโกรธเขาแต่ที่เธอยอมจากมาแค่เพียงอยากให้เขารู้จักเสียงหัวใจตัวเองและเธอไม่ต้องการอยู่อย่างไร้ค่าในบ้านที่เธอไม่มีตัวตนในฐานะภรรยาอีกแล้ว “ผมยกเลิกการแต่งงานทุกอย่างมันจะไม่เกิดขึ้นแล้ว” มินตราพยักหน้าเพราะเธอรู้เรื่องนี้ดีจาก Facebook ของเปรมธวัชที่เธอเฝ้าติดตามเขามาตลอดตั้งแต่เขาไปเรียนที่ต่างประเทศ “ที่คุณมาวันนี้เพื่อจะตามมิ้นให้กลับไปอยู่กับคุณในฐานะ
ตอนที่1ความลับ “พี่ดลพี่ตามผมให้กับจากเวียดนาม เพราะเรื่อง ไร้สาระแบบนี้นี่นะ” ภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดล รู้สึกไม่พอใจเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่พี่ชายโทรตามเขาให้กลับมาเมืองไทยเพียงเพราะว่า ต้องการให้เขานอนกับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อมีลูก “ในเมื่อภรรยาพี่ยินยอมแล้ว ทำไมพี่ไม่นอนกับเธอเอง ทำไมต้องเป็นนผม” “พี่ทำใจไม่ได้ ที่จะนอกกายภรรยา แต่แกยังไม่มีเมีย ถือเสียว่าช่วยให้ครอบครัวพี่สมบูรณ์นะ เราเป็นแฝดกัน แล้วเรื่องนี้ก็มีแต่พ่อกับแม่เราเท่านั้นที่รู้ ทุกคนจะคิดว่าเป็นพี่” พ่อของทั้งคู่เป็นคนไทยลูกเสี้ยวอังกฤษที่ทำงานอยู่ที่อเมริกา และเกิดมาเที่ยวที่เมืองไทยและดันมามีอะไรกับแม่ของทั้งคู่ โดยที่พ่อมีภรรยาเป็นอยู่ที่อเมริกาอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูลูกฝ่ายละคนและปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แค่พ่อแม่ ภูวดล และภูผาเท่านั้น ที่รู้ว่าทั้งคู่มีแฝด เพราะถึงอย่างไรทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอยู่คนละประเทศอยู่แล้ว “ก่อนจะตัดสินใจดูรูปของเธอก่อน ” ภูวดลส่งรูปให้น้องชายดู “ทั้งสวย ทั้งน่ารัก ทำไมถึงได้ยอมมาทำแบ
ตอนที่2คืนแรกของการไข่ตก อาหารบนโต๊ะอาหาร ล้วนแต่ไม่คุ้นหน้า ขิมมองดูด้วยความสงสัย ว่าแต่ละอย่างมันเรียกว่าอะไร “ไม่เคยกินใช่ไหม มาเดี๋ยวผมจะแนะนำให้ ว่าอะไรคืออะไรและกินอย่างไรกัน” ภูผาอธิบายชื่อ ส่วนประกอบ และวิธีการรับประทาน ให้หญิงสาวตากลมฟังอย่างละเอียด “อร่อยมากเลยค่ะ คุณภูวดลฝีมือเยี่ยมเลย” ขิมเอ่ยปากชม แต่ด้วยชื่อที่เธอเรียกมันทำให้คนทำรู้สึกน้อยใจ เพราะเขาไม่ใช่ภูวดล “ผมว่าคุณเรียกผมว่า คุณภู ก็พอ มันจะได้ช่วยให้เรารู้สึกสนิทสนมกัน” “ได้ค่ะ ต่อไปขิมจะเรียกว่าคุณภูนะคะ” นานแล้วที่ภูผาไม่มีโอกาสได้กินอาหารในบ้านด้วยฝีมือตัวเอง แบบที่มีคนอื่นด้วย เพราะตั้งแต่เขาเรียนจบ พ่อของเขาก็ซื้อบ้านและให้เขาแยกออกมาใช้ชีวิต ถึงเขาจะชอบทำอาหารแต่ก็เป็นแค่การนั่งกินอยู่คนเดียว “กินเยอะเลยนะ ผมชอบมองเวลาที่คุณกิน มันดูอร่อย คนทำก็รู้สึกภูมิใจไปด้วย” “แล้วคุณวรินไม่ชอบกินฝีมือคุณเหรอคะ ถึงดูตื่นเต้นจัง ที่ขิมกินแล้วถูกปาก” คำถามของหญิงสาวทำเอา ชายหนุ่มไปไม่เป็น เขาเอ่อ...อยู่นานกว่าจะน