ตอนที่5
เริ่มจีบกันใหม่
ไม่นานร้านอาหารเวียดนามของภูผาก็ถูกเปิดอย่างเป็นทางการ ขิมเองทำอาหารได้ทุกเมนู เดือนแรกเธอมีผู้ช่วยเพียงคนเดียว แต่ร้านขายดีมาก ภูผาจึงต้องจ้างผู้ช่วยแม่ครัวเพิ่มอีกหนึ่งคน
“เหนื่อยไหม ขอบคุณมากนะขิม ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่”
ชายหนุ่มเดินมาที่ห้องครัวหลังจากลูกค้ากลับไปหมดแล้ว
“ไม่เหนื่อยหรอกค่ะสนุกดี แล้วคุณไม่กลับไปกรุงเทพบ้างเหรอคะ เห็นอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้ว”
ขิมไม่กล้าถามถึงลูกกับภรรยาของเขาโดยตรงจึงถามแบบอ้อมๆ ทั่วไป
“ไปกรุงเทพ ไปทำไมล่ะ ผมไม่ได้มีอะไรที่นั่นเสียหน่อย” คนตอบทำหน้าสงสัย
หญิงสาวเลือกที่จะไม่ถามต่อ เธอคิดว่าชายหนุ่มคงเลิกรากับวรินแน่ๆเลย ถึงได้ย้ายมาอยู่ไกลแบบนี้ ด้วยความเป็นแม่ หญิงสาวรู้สึกห่วงลูกขึ้นมา แต่ก็เชื่อใจว่าในเมื่อวรินเองมีลูกไม่ได้อย่างไรเสีย เขาคงไม่ทิ้งลูกของเธอแน่นอน
“เดี๋ยววันนี้ผมไปส่ง แต่ก่อนกลับ เราไปหาข้าวต้มร้อน ๆ กินกันดีกว่า ตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่ ผมยังไม่เคยขับรถเล่นเวลากลางคืนเลย เพราะเหนื่อยแต่กับเรื่องร้าน พรุ่งนี้ร้านหยุด คุณห้ามปฎิเสธเลยนะ ”
หญิงสาวก็รู้สึกเหงาต้องการเพื่อนไม่ต่างจากเขาเหมือนกัน เธอเลือกที่จะมาอยู่ที่เชียงใหม่เพราะเป็นบ้านเกิดของแม่ แต่ตอนนี้พี่น้องของแม่เธอก็เสียชีวิตไปเกือบหมด บางคนก็ไปอยู่ต่างจังหวัด รุ่นลูกรุ่นหลานก็ไม่ค่อยรู้จักกัน หญิงสาวจึงรู้สึกชีวิตนี้เหมือนตัวคนเดียว
“ร้านไหนอร่อย แนะนำหน่อยสิคนมาอยู่ก่อน”
คนขับหันมาถามหญิงสาวตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างเขา เพื่อหวังที่จะหาเรื่องพูดคุยกันบ้าง
“ขิมกินแต่ร้านที่อยู่ใกล้บ้าน ยังไม่เคยออกมาไกลแบบนี้เลยค่ะ คงแนะนำคุณภูไม่ได้”
หญิงสาวตอบตามจริง เธอใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายและพอเพียงที่สุด เพราะเธอเพิ่งย้ายมาได้ไม่นาน งานก็เพิ่งจะมีทำ
“ถ้าอย่างนั้นผมเลือกเลยนะ”
ร้านข้าวต้มที่ภูผาเลือกอยู่ในตัวอำเภอเมืองก็จริง แต่อยู่ติดทางขึ้นเขาไปอีกจังหวัด บรรยากาศแถวนั้นสวย แล้วเย็นสบาย
“เคยไปเที่ยวข้างบนหรือยัง ผมเคยไปไปขับรถสนุกมากโค้งเยอะสุดๆ”
“ยังค่ะ ก็ขิมบอกแล้วว่าไม่มีรถ คุณจะให้ขิมเดินขึ้นไปเหรอคะ”
คำตอบของคนที่กำลังรู้สึกน้อยใจในชีวิตตัวเอง ทำให้ภูผารู้สึกสงสารเพราะเขาไม่เคยลืมเลยว่าเธอคือภรรยาของเขา
“พรุ่งนี้เราไปกัน เอาอย่างนี้เดี๋ยวผมพาคุณไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน แล้วมานอนที่คอนโดของผม พรุ่งนี้เราจะได้ออกเดินทางแต่เช้ามืด เผื่อมีโอกาสดีได้เจอหมอกสวยๆ”
ภูผาลืมไปเลยว่า ตอนนี้เขากับขิมไม่ได้เป็นอะไรกันสัญญาหมดไปแล้ว
“ผมหมายถึงนอนคนละห้อง อย่าคิดมาก”
ชายหนุ่มพูดเอง อธิบายเอง จนขิมแอบอมยิ้มไม่ได้ ที่ชายหนุ่มทำท่าเหมือนกำลังเขินเธอ
หญิงสาวยอมทำตามเพราะเธอก็อยากไปเที่ยวบ้าง และการไปนอนคอนโดของเขา คงไม่มีคนรู้จักมาเห็นหรอก และถ้าเกิดพลาดพลั้งอะไรขึ้นมา อย่างไรเขาก็เคยเป็นสามีชั่วคราวของเธอ
“บ้านของคุณสวยนะ ทำไมไม่ซื้ออะไรเข้าบ้านบ้าง โล่งเหมือนไม่มีคนอยู่”
ภูผานั่งรอหญิงสาวเก็บเสื้อผ้า สายตาก็มองสำรวจไปทั่ว
“ฉันเอาเงินทั้งหมดที่มีซื้อบ้านหลังนี้ด้วยเงินสด เลยไม่มีเงินเหลือพอที่จะซื้ออย่างอื่น ตอนนี้ทำงานแล้ว คงค่อยๆเก็บเงินซื้อเอา ฉันขอตัวไปเก็บเสื้อผ้าก่อนนะ”
ชายหนุ่มเดินสำรวจทั้งภายในบ้านและนอกบ้าน บ้านหลังข้างๆ ยังไม่มีคนมาซื้อโครงการทำป้ายติดประกาศไว้ เพราะเป็นบ้านหัวมุม ราคาสูงกว่าหลังอื่น ชายหนุ่มเห็นแล้วรู้สึกมีแผนขึ้นมาทันที
“เดินสำรวจไปทั่วเหมือนเด็กเลยนะคะ”
หญิงสาวเดินลงจากบ้านมาพร้อมกระเป๋าเดินทาง ใบเล็กหนึ่งใบ
“หมู่บ้านคุณน่าอยู่ บ้านแต่ละหลังออกแบบสวยมาก มีแต่บ้านคุณนั่นแหละที่ดูเดิมๆ เดี๋ยวผมขึ้นเงินเดือนให้นะ จะได้มีเงินมาแต่งบ้าน”
“ขอสักห้าหมื่นนะคะ จะได้พอมีเหลือให้เก็บด้วย”
ขิมแกล้งพูดเล่น เพราะทุกวันนี้เงินเดือนที่ชายหนุ่มให้เธอก็มากกว่าทำงานอย่างอื่นอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเป็นช่วงวันศุกร์ เสาร์อาทิตย์ ลูกค้ามักจะกลับดึกและมาเยอะกว่าทุกวัน เธอยังจะได้โอทีพิเศษ รวมๆแล้วแต่ละเดือนก็เกือบสี่หมื่นอยู่
“คุณนอนห้องนั้นนะ แต่ถ้านอนไม่หลับก็มาหาผมที่ห้องได้ ผมไม่ปิดประตูจะเปิดไว้รอคุณ”
เมื่อถึงคอนโดภูผาก็เริ่มต้นปากหวานชวนคิดถึงความหลังทันที แต่ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่คิด ขิมเองก็รู้สึกคิดถึงบรรยากาศเก่าๆที่เขาทั้งคู่เคยอยู่ด้วยกันตั้งหลายเดือน
“ถึงฉันจะนอนไม่หลับ แต่รับรองว่าคงไม่ไปหาสามีของคนอื่นแน่นอนค่ะ”
“แต่ถ้าผมโสดล่ะ โสดแบบถูกต้องทั้งตัวและตามกฎหมาย คุณจะนอนไม่หลับแล้วมาหาผมไหม”
คำพูดของชายหนุ่มทำให้ขิมที่กำลังเดินหันหลัง ถือกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าห้อง หยุดยืนนิ่ง
หญิงสาวคิดไว้แล้วเชียวว่า เขาคงต้องเลิกรากับคุณวรินแน่ๆ ถึงได้เดินทางมาอยู่ไกลแบบนี้แล้วไม่กลับไปอีกเลย
กลางดึกในขณะที่หญิงสาวหลับสนิทและปิดประตูแน่นหนาอย่าดี แต่กลับมีใครบางคนพยายามเข้าห้องเธอโดยการปีนผ่านระเบียง ที่เธอไม่ได้ล็อกไว้ เพราะระเบียงทั้งสองห้องอยู่ติดกันมีเพียงแค่ปูนเตี้ยๆกั้นอยู่
“อุ๊ย!”
ขิมสะดุ้งสุดตัว เตรียมหันไปฟาด คนบุรุกที่อยู่ดีๆ ก็มานอนกอดเธอ
“ขิมผมเอง ผมคิดถึงคุณนะ ขอแค่นอนกอดเฉยๆ ไม่ทำอะไรมากกว่านี้แน่นอนถ้าคุณไม่ยอม”
ประโยคหลังทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนหัวใจของเธอมันเต้นไม่เป็นจังหวะ เหมือนมันกำลังร้องเรียกหาเขาอยู่ จนเธอต้องพยายามสวดมนต์ ตั้งสมาธิห้ามใจตัวเองให้ได้
สุดท้ายคืนนี้ก็ผ่านไป มีเพียงแค่ความอบอุ่นจากร่างกายของคนทั้งสองที่ส่งผ่านกันเท่านั้น เพราะทั้งคู่ต่างรู้ว่ามันเร็วไปที่จะเริ่มต้นกันใหม่ และภูผาเองก็ยังคงมีความลับที่ปกปิดคนในอ้อมกอดไว้
ตอนที่6ความรู้สึกที่ดีในวันเก่าๆพระจันทร์ยังไม่ทันลับขอบฟ้า ทั้งสองคนก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง และหวังว่าจะได้เห็นทะเลหมอก“ง่วงก็หลับก่อนเลยนะ เดี๋ยวถึงแล้วผมปลุกเอง โค้งเยอะคุณอาจจะเวียนหัวก็ได้”ชายหนุ่มเขาเคยมาเที่ยวที่นี่ครั้งหนึ่ง ตอนที่มาหาสถานที่เปิดร้านอาหาร จากที่ขี่หาแถวตัวเมือง เลยไกลขึ้นมาถึงเส้นนี้ จนได้รู้ถึงโค้งที่แสนจะเวียนหัว“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ตอนแม่ยังอยู่ฉันก็ตื่นเช้า และเรื่องเมาโค้งยังไม่เป็นสักทีนะคะ”ขิมพูด เพราะเธอยังไม่ได้ลิ้มลองโค้งของเส้นทางนี้ ภูผาได้แต่จะรอดูผล ว่าถึงเวลาหญิงสาวยังยังเก่งอยู่ไหมอากาศข้างนอกเย็นสบายชายหนุ่มจึงแง้มหน้าต่างพอให้ลมเข้า เพื่อได้สูดอากาศบริสุทธิ์ เข้าไปให้ชุ่มปอดเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึง พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง ทั้งคู่รีบจอดรถและเดินไปยังจุดชมวิว“เรามาทันหมอกด้วยค่ะ สวยมากเลย”ขิมหันไปมองชายหนุ่มที่มาด้วยเพราะเธอไม่ได้ยินเสียงตอบจากเขาภูผากำลังยืนมองไปที่ภาพของครอบครัวหนึ่งที่อุ้มเด็กน้อยกำลังถ่ายภาพกัน เด็กคนนั้นน่าจะอายุมากกว่า ปูนปั้นลูกชายของเขากับขิมไม่เท่าไหร่“คิดถึงลูกเหรอคะ” คนถามเห็นแล
ตอนที่7ถึงเวลาของความจริง ภูผาจอดรถหน้าบ้านของหญิงสาว เขารวบรวมความกล้าและตั้งสติ เพื่อคิดคำพูดและเหตุผลที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ขิมยอมฟังเขาจนจบเรื่อง “ขิม เปิดประตูให้ผมหน่อย มีธุระด่วน” ชายหนุ่มโทรศัพท์เข้าไปก่อน เพราะกลัวว่าถ้าไปเคาะหน้าประตูเลยอาจจะทำให้อีกฝ่ายตกใจได้ “ทำไมกลับมาอีกล่ะคะ เข้ามาในบ้านก่อน ขิมคิดว่าคุณกลับไปนอนหลับที่คอนโดแล้วเสียอีก เพราะเมื่อเช้าคุณต้องตื่นแต่เช้า” หญิงสาวหยุดพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าจริงจัง และเอาแต่ถอนหายใจ ก้มหน้ามองมือสองข้างที่กำกันไว้แน่น “คุณภูมีอะไรหรือเปล่าคะ บอกขิมได้นะ หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวกับลูก” ขิมเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเรื่องที่ทำให้ชายหนุ่มไม่สบายใจและตัดสินในกลับมาหาเธอ คงไม่พ้นเรื่องเธอหรือปูนปั้นแน่ๆ “ทั้งสองคน ผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับคุณอย่างไรดี ผมละอายไปหมด” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนคนที่กำลังควบคุมสติไม่ได้ เขาโวยวายตาแดงกร่ำ “ลูกเป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้นกับลูก” หญิงสาวห่วงอยู่เรื่องเดียว คือปูนปั้น เธอกลัวว่าลูกของเธอจะเป็
ตอนที่8พร้อมหน้า เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพของภูวดลกับวริน ต่างก็มองหน้ากันและจับมือเพื่อหวังให้มันช่วยส่งกำลังที่เข้มแข็งผ่านมือที่กุมกันไว้ “คุณ...” สาวใช้ของบ้านถึงรู้อยู่แล้วว่าน้องชายฝาแฝดของเจ้าของบ้านกำลังจะมา แต่เมื่อเห็นตัวจริงที่เหมือนกันทุกอย่าง ก็ทำเอาเด็กสาวถึงขั้นตกใจ “ผมภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดลและนี่ภรรยาของผม” ขิมถึงกับตกใจกับคำแนะนำตัวเธอ ที่ชายหนุ่มพูดออกไป “เชิญทางนี้ค่ะ” ทั้งสองคนเดินตามสาวใช้ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ที่บันไดตกแต่งด้วยภาพของปูนปั้นเต็มไปหมด “นี่คุณใครเขาให้คุณแนะนำแบบนั้น ฉันไปเป็นภรรยาของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” ขิมเดินเกาะแขนภูผา ปากก็บ่นเขาไปตลอดทาง บางจังหวะหมั่นไส้ก็แอบหยิกบ้าง “ต้องให้ผมอธิบายไหม ว่าเมื่อไหร่ ท่าไหน คุณอย่ามัวทำเป็นเล่น เรากำลังจะไปจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตของลูกเรานะ” “ขิมขอโทษ ” หญิงสาวลืมคิดไปว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาไม่พอใจเขา เพราะข้างหน้ามีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่า ภาพของปูนปั
ตอนที่9ชีวิตใหม่และการจากไปตลอดกาล คืนแรกในบ้านของภูวดล ในบทบาทของพ่อและแม่ของหนูน้อยปูนปั้น ทำให้ขิมยอมใจอ่อน กลับมาทำหน้าที่ภรรยาของภูผาอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าวรินเองยังกลัวการที่ตาหนูต้องไปอยู่กับแม่เลี้ยง ดังนั้นในเมื่อเธอเป็นแม่แท้ๆ เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอ ต้องได้เจอทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงเลย ขิมจึงให้โอกาสภูผาอีกสักครั้ง “เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดนะ” ชายหนุ่มกอดแม่ของลูก ด้วยความรู้สึกดีใจและมีความสุขที่จะได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว ตั้งแต่เกิดมาพี่น้องฝาแฝด ไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งแม่และลูกเลยสักครั้ง เพราะทั้งฝั่งตาและปู่ไม่ยินยอม และพ่อของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว จึงตกลงกันที่รับผิดชอบลูกกันไปคนละคน ภูผาตั้งใจว่า เมื่อครั้งนี้เขาเปลี่ยนบทจากลูกมาเป็นพ่อ เขาจะดูแลครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์และดีที่สุด วรินเรียกภูผาและขิมเข้าไปหาเธอทุกวันในช่วงสาย เพราะหลังจากเวลานั้นเธอจะต้องกินยานอนหลับเพื่อไม่ให้ทรมานกับการปวดท้อง และจะตื่นอีกทีช่วงหัวค่ำเพื่อมาเล่นกับปูปั้นลูกชายของเธอ ทั้งสองคนได้เรียนรู้อุป
ตอนที่10เริ่มต้นครอบครัว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของวริน ภูวดลตัดสินใจบวชอย่างไม่มีกำหนด เรื่องงานเขามีลูกน้องที่ไว้ใจดูแลให้ ภูผาพาครอบครัวของเขาและป่าสุแม่บ้านที่เลี้ยงดูปูนปั้นกลับมาที่เชียงใหม่ด้วย “แล้วเราจะเลี้ยงลูกที่ไหนคะ” ขิมถามเพราะเธอกับเขาต่างอยู่กันคนละที่ เลยคิดไม่ออกว่าที่ไหนจะเหมาะกว่ากัน “เลี้ยงที่บ้านคุณ ผมตัดสินใจแล้ว จะซื้อบ้านที่ประกาศขายที่อยู่ติดกับบ้านของคุณ และจะให้ช่างมาออกแบบทุบให้ทั้งสองหลังให้เชื่อมติดกัน” ขิมเห็นด้วยกับความคิดของภูผาเพราะบ้านของเธอหรือคอนโดของเขาก็คงจะเล็กไป ถ้าต้องอยู่กันถึงสี่คน ร้านอาหารถูกปิดไปก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาแค่เพียงสามวัน เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองคนอยู่กรุงเทพ ร้านยังคงเปิดอยู่ ภูผาจึงอยากให้ทุกคนได้พักบ้าง****หนึ่งปีผ่านไป**** “ปูนปั้นครับ ห้ามเดินลงบันไดคนเดียวเด็ดขาด ถ้าคุณแม่เห็นอีกจะไม่เตือนแล้วนะ ต้องมีการลงโทษกันบ้างแล้ว ” ขิมดุลูกชายที่เริ่มซนมากขึ้น เพราะตอนนี้อายุจะสองขวบเต็มแล้ว ป้าสุเองก็อายุมากตามหลานไม่ค่อยทัน “คุณหนูม
ตอนที่11ไม่ไว้ใจ “ไหนว่าจะกลับดึกคะ เด็กที่ร้านเพิ่งกลับไปเอง” ป้าสุเพิ่งอาบน้ำให้ปูนปั้นเสร็จ กำลังนั่งทาแป้งแต่งตัวกัน ถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกขิมบอกกับเธอว่าคงกลับดึก “วันนี้ขิมเช่ารถสะกดรอยตามคุณภูไปค่ะ ” หญิงสาวหยุดเล่าก่อนจะเดินไปอุ้มลูกชายมาหอมและกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ “เกิดอะไรขึ้นคะคุณขิม” ป้าสุเห็นท่าทีของคนเล่า เริ่มไม่ค่อยสบายใจ เพราะสิ่งที่เจ้านายของเธอไปเจอคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ขิมเจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถไปกลับคุณภู และเส้นทางที่ไป ไม่ใช่ทางไปร้าน แต่เป็นทางไปคอนโดที่คุณภูเคยอยู่ ขิมเลยบอกให้คนขับพาขิมกลับ ขิมยังไม่พร้อมค่ะป้า ขิมกลัว” ป้าสุได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ขิมเธอเป็นผู้หญิงที่ชีวิตโดดเดี่ยว ถ้าเธอต้องเสียคุณภูไป เธอคงไม่รู้จะอยู่อย่างไร “คุณแม่ วันนี้ปูนไปนอนด้วยนะ” “นอนได้ครับ แต่ถ้าจะหลับแล้ว ต้องกลับไปนอนห้องของตัวเอง เดี๋ยวคุณยายไม่มีใครนอนด้วย ปูนปั้นไม่ห่วงคุณยายเหรอครับ” ขิมพยายามปรับอารมณ์เมื่อลูกชายของเธอหันมาคุยด้วย เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นสัมผัสได้ถึ
ตอนที่12สารภาพผิด “ขิมพรุ่งนี้คุณไปธุระกับผมหน่อยนะ เอาลูกไปด้วย” “อืม” หญิงสาวตอบแค่เพียงสั้นๆ เพื่อแสดงว่าเธอรับรู้ เพราะตอนนี้เธอเมาจนไม่อยากพูดอะไร ภูผานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่นอนข้างเขารู้อะไรมา และสิ่งที่รู้มันคือเรื่องจริงไหม เธอรู้เอง หรือมีใครมาเล่าให้ฟัง แต่สิ่งที่ชายหนุ่มมั่นใจ คือภรรยาของเขาดูเอาจริงเอาจัง ถ้าเขายังไม่แสดงออกให้เธอรู้สึกเชื่อใจ มีหวังไม่นาน คำว่าครอบครัวของเขาต้องพังยับเยินแน่ เพียงแค่หลับตา ภูผาก็คิดถึงใบหน้าของพี่สะใภ้ เขาให้สัญญากับเธอไว้ ว่าจะดูแลเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่น ปูนปั้นให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาเพิ่งคิดได้ ว่าเขาแทบจะไม่มีเวลาเล่นกับลูกเหมือนตอนลูกมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ บางวันเขาออกไปทำงานแต่เช้า แล้วก็กลับดึก อย่างเช่นวันนี้ เขาได้เห็นหน้าลูกก็แค่ตอนที่ลูกหลับแล้วเท่านั้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา ภูผาเองพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ เขาคิดว่าขิมต้องรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่เขาก็โทรไปถามพนักงานตลอด ทางนั้นก็ยืนยันว่าขิมไม่ได้ไปทั้งสองร้านเลย แ
ตอนที่13พร้อมหน้าครอบครัวใหญ่ วันนี้พ่อกับแม่ของภูผาจะเดินทางมาถึงที่สนามบินเชียงใหม่ วันนี้ครัวเวียดนามหยุดหนึ่งวัน เพื่อเตรียมรับทั้งคู่ “คิดถึงจังเลยลูกรักของแม่” นาตาลีโผเข้ากอดลูกชายทันที ที่ได้เจอหน้ากันที่สนามบิน “มิสยู เช่นกันครับ” ชายหนุ่มโดนหญิงสาวอวบจนเกือบอ้วน ตัวใหญ่ตามแบบฝรั่ง จูบแก้มซ้ายแก้มขวาด้วยความคิดถึง “แม่กับพ่อครับนี่ขิมและปูนปั้น ภรรยาและลูกชายของผม” ทั้งสองคนมัวแต่ดีใจที่ได้เจอหน้าลูกชายที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี จนลืมสังเกตว่าเขาไม่ได้มาแค่คนเดียว “ฮาย ปูนปั้น มาให้...แม่ต้องเป็นอะไรนะ” นาตาลีหันไปถามลูกชาย เธอเริ่มจำสับสนว่าเธอควรจะเป็นย่าหรือยายกันแน่ “คุณแม่ต้องเป็นคุณย่าสิครับ” ปูนปั้นเด็กน้อยที่เข้ากับทุกคนได้เสมอ เพราะเขาโตมากับร้านอาหารจึงยอมให้ย่ากับปู่อุ้มแต่โดยดี “ปู่ซื้อของเล่นมาให้เยอะเลย ได้ข่าวว่าหลายชายคนเก่งเป็นเชฟน้อยใช่ไหม” “ใช่ครับ เชฟปูนปั้น” ปู่กับย่าต่างหัวเราะให้กับความฉอเลาะของหลานชาย ความจริงแล้วทั้งคู่