Share

พร้อมหน้า

ตอนที่8

พร้อมหน้า

         เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพของภูวดลกับวริน ต่างก็มองหน้ากันและจับมือเพื่อหวังให้มันช่วยส่งกำลังที่เข้มแข็งผ่านมือที่กุมกันไว้

          “คุณ...”

          สาวใช้ของบ้านถึงรู้อยู่แล้วว่าน้องชายฝาแฝดของเจ้าของบ้านกำลังจะมา แต่เมื่อเห็นตัวจริงที่เหมือนกันทุกอย่าง ก็ทำเอาเด็กสาวถึงขั้นตกใจ

          “ผมภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดลและนี่ภรรยาของผม”

          ขิมถึงกับตกใจกับคำแนะนำตัวเธอ ที่ชายหนุ่มพูดออกไป

          “เชิญทางนี้ค่ะ”

          ทั้งสองคนเดินตามสาวใช้ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ที่บันไดตกแต่งด้วยภาพของปูนปั้นเต็มไปหมด

         “นี่คุณใครเขาให้คุณแนะนำแบบนั้น ฉันไปเป็นภรรยาของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่”

          ขิมเดินเกาะแขนภูผา ปากก็บ่นเขาไปตลอดทาง บางจังหวะหมั่นไส้ก็แอบหยิกบ้าง

          “ต้องให้ผมอธิบายไหม ว่าเมื่อไหร่ ท่าไหน คุณอย่ามัวทำเป็นเล่น เรากำลังจะไปจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตของลูกเรานะ”

          “ขิมขอโทษ ”

          หญิงสาวลืมคิดไปว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาไม่พอใจเขา เพราะข้างหน้ามีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่า

          ภาพของปูนปั้นทุกพัฒนาการ ถูกถ่ายและใส่กรอบไว้อย่างสวยงามทุกมุมของบ้าน แสดงให้เห็นว่า วรินรัก           ลูกชายนอกไส้คนนี้มากจริงๆ แต่เธอก็บุญน้อยเหลือเกินที่มีเวลาได้ชื่นชมลูกน้อยได้ไม่นาน

          “ภูผามากันแล้วเหรอ เข้ามาข้างในเลย วรินตื่นพอดี”

          ภูวดลมายืนรอทั้งคู่อยู่ที่หน้าประตูห้องอยู่แล้ว เพราะต้องการเดินเข้าไปพร้อมกัน

          “วรินมีคนมาเยี่ยม”

ภูวดลเดินเข้าไปยืนข้างเตียงภรรยาก่อนที่จะให้น้องชายเดินตามเข้ามา

“ใครกันคะคุณ รินบอกแล้ว ว่าไม่อยากเจอใคร”

วรินบอกสามีไว้ ว่าเธอไม่ต้องการให้ใครมาเห็นเธอในสภาพที่นอนป่วยแบบนี้ เธอไม่อยากให้คนอื่นเอาเธอไปหัวเราะทีหลัง

“คนนี้คุณต้องเจอ ถ้าผมไม่พาเขามา ผมคงไม่สบายใจไปตลอดทั้งชีวิต”

“สวัสดีครับคุณวริน”

คนป่วยพนมมือรับไหว้พร้อมกับมองหน้าผู้ชายที่เดินเข้ามาและหันไปมองหน้าสามีของเธอ

“หมายความว่าอะไรกันคะนี่ ทำไมถึงได้หน้าเหมือนกันแบบนี้”

“ใจเย็นก่อนนะริน ผมมีหลายเรื่องที่ต้องบอกคุณในวันนี้”

ภูวดลกุมมือภรรยาไว้แน่นก่อนจะจูบลงไปที่หน้าผากของเธอด้วยความรักและสงสารที่คู่ชีวิตต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้

“ผมชื่อภูผาเป็นน้องชายฝาแฝดกับพี่ภูวดลครับ”

เมื่อแฝดน้องแนะนำตัวแฝดพี่ก็ทำหน้าที่เล่าตั้งแต่ต้นจนจบว่าทำไมทั้งคู่ต้องแยกกันและปิดเรื่องนี้เป็นความลับ

“คุณปิดรินจนนาทีสุดท้ายเลยนะคะ ถ้าวันนี้รินไม่ป่วยแบบนี้คงไม่มีทางที่คุณจะเล่าแน่ ๆ”

“เรื่องที่ผมปิดคุณยังไม่จบ แต่ผมอยากจะบอกให้รินรู้ว่า เรื่องต่อไปนี้ที่ผมจะเล่า ผมทำทุกอย่างเพราะรักคุณมากและรักได้แค่คนเดียวจริงๆ”

“บอกรินมาเถอะค่ะ รินเข้มแข็งพอที่จะรับได้ทุกเรื่องแล้ว”

สำหรับคนป่วยที่กำลังนับถอยหลัง ชีวิตของเธอไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณริน”

ขิมเดินเข้ามาในห้องและหยุดยืนข้างๆกับภูผา เธอมองวรินด้วยสายที่พยายามเก็บซ่อนน้ำตาไว้

“ผมไม่สามารถนอนกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่คุณได้ ผมจึงขอร้องให้น้องชายของผมกลับมาจากอเมริกา เพื่อมาสวมรอย แม้แต่ตัวของขิมเองก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อวาน รินผมขอโทษผมนอกกายคุณไม่ได้จริงๆ”

วรินที่คิดหวาดระแวงสามีมาตลอด ว่าถ้าเธอจากไป เขาคงจะต้องเอาขิมมาแทนที่เธอ แต่พอรู้ความจริง เขารักเธอมาก ถึงขั้นที่เธอยอมให้เขาไปนอนกับผู้หญิงอื่นเขายังไม่ทำ

“คุณคะรินขอโทษ ที่มองคุณในแง่ไม่ดี ขอบคุณนะคะที่คุณรักริน”

ภาพคนป่วยที่เหลือเวลาอันน้อยนิดกอดกับสามี ต่างคนต่างร้องไห้ทำเอาทั้งภูผาและขิมที่ยืนดูอดร้องไห้ตามไม่ได้

“ดูสิ เราสองคนมาร้องไห้ต่อหน้าแขกกัน”

วรินคว้าผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาที่ไหลอาบแก้มขาวซีดทั้งสองข้าง

“คุณทั้งสองคน คงอยากเจอหน้าลูกชายใช่ไหม คุณคะ ไปอุ้มตาหนูมาหาพ่อกับแม่ของเขาหน่อยค่ะ”

วรินหันไปสั่งสามี เพราะตั้งแต่เธอป่วย เธอก็จ้างพยาบาลมาดูแลเธอหนึ่งคน และดูปูนปั้นอีกหนึ่งคน เพราะปกติวรินไม่ยอมให้ใครเลี้ยงลูกชายเลย เธอเลี้ยงของเธอคนเดียว

“อาบน้ำแล้วตัวหอมเลย”

ภูวดลอุ้มลูกชายเดินผ่านภูผากับขิม เพื่อพาเด็กน้อยมาหาคุณแม่ของเธอ

ขิมมองดูหน้าลูกชายด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ จนต้องหันไปซบลงกับอกของภูผาแล้วร้องไห้ออกมา

“ผมรู้ว่าคุณรู้สึกอะไร ผมก็รู้สึกไม่ต่างจากคุณ เราทำดีที่สุดแล้ว”

ชายหนุ่มกอดหญิงสาวที่กำลังร้องไห้ไว้แน่น เพื่อให้ขิมรู้ว่ายังมีเขาที่เข้าใจเธอ

“คุณแม่ จ๋วย ”

เสียงพูดของเด็กแปดเดือนที่ยังพูดไม่ชัด แต่ก็เริ่มจะพูดสองพยางค์ได้แล้ว ยิ่งขิมได้ยินเด็กน้อยเรียกวรินว่า            คุณแม่เธอยิ่งรู้สึกเหมือนใจจะขาด

“ขิม เลิกร้องไห้ได้แล้ว เดินมาหาลูกของเธอสิ”

คนป่วยเรียกขิมให้เดินเข้าไปใกล้ๆเตียงคนป่วยของเธอ เพราะตอนนี้ปูนปั้นกำลังนั่งอยู่ข้างๆ

“ตาหนู สวัสดีครับ แม่ขิมเร็ว”

เด็กน้อยยกมือไหว้ ตามที่วรินบอกและรีบล้มตัวลงไปนอนกอดคุณแม่ของเธอตามเดิม

“ลูกทั้งกอดทั้งทับแม่แบบนี้ เดี๋ยวแม่หายใจไม่ออกนะ”

เด็กน้อยไม่เข้าใจความหมายของสิ่งที่วรินพูดหรอก ตอนนี้เขาแค่กำลังรู้สึกว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน               ปูนปั้นรู้สึกกลัวจึงยิ่งกอดวรินไว้แน่น

“มาหาพ่อไหม”

ภูผาคิดว่าการที่เขาหน้าเหมือนกับพี่ชาย เด็กน้อยคงแยกไม่ออก และคงยอมให้เขาอุ้มแน่ แต่สุดท้ายปูนปั้นกับโผตัวไปหาภูวดลที่อยู่ข้างหลัง

“ให้เวลาตาหนูหน่อยนะ ในเมื่อทุกอย่างเป็นแบบนี้อย่างน้อยฉันก็โล่งใจ นอนตายตาหลับ ไม่ต้องกลัวว่าลูกของฉันจะมีแม่เลี้ยงใจยักษ์ ฉันจะคืนลูกให้เธอสองคน แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ ตาหนูจะอยู่กับฉันจนลมหายใจสุดท้าย และเธอสองก็ต้องอยู่ที่นี่ด้วย เพื่อเรียนรู้จากฉันว่าปูนปั้นเป็นเด็กแบบไหน และฉันอยากแน่ใจ ว่าพวกเธอจะดูแลลูกชายฉันได้”

ทั้งสองคนต่างเข้าใจในสิ่งที่คนป่วยพูด เพราะ            ปูนปั้นเติบโตมาโดยที่ไม่เคยมีเขาสองคนอยู่ในชีวิต คงต้องใช้เวลากว่าจะคุ้นเคยกัน

“พี่ต้องจัดห้องนอนสองห้องใช่ไหม”

ภูวดลถามเพื่อความแน่ใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าทั้งสองคนอยากจะระลึกความหลังกันหรือเปล่า

“จัดห้องเดียว ตาหนูเคยเห็นแต่พ่อกับแม่นอนด้วยกัน ถ้าแยกกันนอน เด็กคงจะสับสนแย่ กว่าจะชินคงอีกนาน”

เมื่อเป็นคำขาดของวรินและมีปูนปั้นเป็นเหตุผล ทั้งคู่จึงยอมนอนห้องเดียวกันแต่โดยดี

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status