ตอนที่9
ชีวิตใหม่และการจากไปตลอดกาล
คืนแรกในบ้านของภูวดล ในบทบาทของพ่อและแม่ของหนูน้อยปูนปั้น ทำให้ขิมยอมใจอ่อน กลับมาทำหน้าที่ภรรยาของภูผาอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าวรินเองยังกลัวการที่ตาหนูต้องไปอยู่กับแม่เลี้ยง ดังนั้นในเมื่อเธอเป็นแม่แท้ๆ เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอ ต้องได้เจอทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงเลย ขิมจึงให้โอกาสภูผาอีกสักครั้ง
“เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดนะ”
ชายหนุ่มกอดแม่ของลูก ด้วยความรู้สึกดีใจและมีความสุขที่จะได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว
ตั้งแต่เกิดมาพี่น้องฝาแฝด ไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งแม่และลูกเลยสักครั้ง เพราะทั้งฝั่งตาและปู่ไม่ยินยอม และพ่อของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว จึงตกลงกันที่รับผิดชอบลูกกันไปคนละคน
ภูผาตั้งใจว่า เมื่อครั้งนี้เขาเปลี่ยนบทจากลูกมาเป็นพ่อ เขาจะดูแลครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์และดีที่สุด
วรินเรียกภูผาและขิมเข้าไปหาเธอทุกวันในช่วงสาย เพราะหลังจากเวลานั้นเธอจะต้องกินยานอนหลับเพื่อไม่ให้ทรมานกับการปวดท้อง และจะตื่นอีกทีช่วงหัวค่ำเพื่อมาเล่นกับปูปั้นลูกชายของเธอ
ทั้งสองคนได้เรียนรู้อุปนิสัยใจคอของลูกชาย รายละเอียดและวิธีการเลี้ยงที่วรินตั้งใจว่าจะเลี้ยงปูนปั้นแบบไหน ตอนนี้เธอไม่สามารถอยู่ทำได้แล้ว จึงฝากให้ทั้งสองคนช่วยทำแทน
ความใกล้ชิดระหว่างขิมภูผาและตาหนูเริ่มสนิทกันมากขึ้น แต่จะโอนเอนไปทางภูผามากกว่า เพราะสำหรับขิมแล้ว ตาหนูยังติดคุณแม่อยู่จึงยังไม่ค่อยเข้าหา
ภูวดลเป็นพ่อที่ไม่ค่อยเล่นกับลูกต่างจากภูผาที่มีอะไรมาทำให้ตาหนูหัวเราะได้ตลอดเวลา เด็กน้อยจึงเริ่มติดพ่อภูแจ จนเริ่มลืมพ่อดลแล้ว
อาการของวรินเริ่มทรุด แต่ก็ถือว่าเธอมาได้ไกลกว่าที่หมอบอกไว้ เพราะตอนแรกคุณหมอให้ไม่เกินสองเดือน แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็สี่เดือนเข้าไปแล้ว
“ที่ฉันเรียกทุกคนมาวันนี้ เพราเวลาของฉันกำลังจะหมด ถ้าฉันจากไป ไม่ต้องร้องไห้กันนะ เพราะสำหรับฉัน อยู่ได้มาเกินสองเดือนจากที่หมอบอก ก็ถือว่าได้กำไรแล้ว”
คนป่วยพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ต่างจากทุกคนที่มานั่งฟัง ต่างพากันทำท่าจะร้องไห้
“วันนี้จะเรียกว่า ฉันต้องการสั่งเสียก็ได้ คุณทนายความก็อยู่ตรงนี้ ทุกอย่างจะถูกจัดการทางกฎหมายให้เรียบร้อย”
ภูวดลแอบหันหน้าไปร้องไห้ เพราะเขาหลอกตัวเองมาตลอดว่าวันนี้จะไม่มีจริง ภรรยาของเขาไม่ได้ป่วย
“ตาหนูเป็นลูกของฉันกับคุณภูวดลถูกต้องตามกฎหมาย วันนี้ฉันจะให้ทนายช่วยทำเรื่องยกเขาให้เป็นลูกบุญธรรมของเธอทั้งคู่ เพราะมันมีผลต่อการตัดสินใจทางกฎหมายหลายอย่างจึงอยากทำให้ถูกต้องไว้”
คนป่วยหยุดพักหายใจ และเอี่ยวตัวไปจับมือสามีของเธอที่กำลังยืนหันหลังแอบร้องไห้อยู่
“หุ้นส่วนในบริษัทฉันยกให้คุณภูวดลทั้งหมด ส่วนบ้านหลังนี้ และอีกสองหลังที่ระยองและเชียงใหม่ ฉันขอยกให้เป็นชื่อตาหนู”
“แต่สิทธินี้จะทำธุรกรรมต่างๆได้ก็ต่อเมื่อคุณหนูบรรลุนิติภาวะแล้วไม่มีใครสามารถทำแทนได้ เพราะคุณวรินได้เขียนบอกไว้ในพินัยกรรม”
ทนายความประจำตระกูลช่วยพูดเสริมถึงรายละเอียดลงไปอีกที
“ห้องเช่าที่กรุงเทพที่มีอยู่สิบห้อง แถวเขตสาทรฉันยกให้คุณทนาย เพราะคุณดูแลครอบครัวของเรามาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่”
ทนายความในวัยชราน้ำตาคลอ เขาดูแลมาหลายตระกูลแล้ว มีแต่ตระกูลนี้เท่านั้นที่เห็นคุณค่าเขามากกว่าแค่ทนายแรกเงิน
“คอนโดย่านรัชดาสามห้อง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอีกหนึ่งห้องฉันยกให้เธอขิม เพราะเธอคือคนที่ทำให้ฉันได้มีความสุขในชีวิตสุดท้ายก่อนตาย”
หญิงสาวถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลย ตอนที่เธอยอมท้องให้ วรินก็จ่ายเธอไปแล้วหนึ่งล้านบาท จนเธอมีเงินพาแม่ไปรักษา และพอแม่เสียเธอก็ได้เงินอีกแปดแสนเพื่อเอาไปซื้อบ้านที่เชียงใหม่ เธอตื่นตันในการเป็นผู้ให้ของวรินจริงๆ
“ส่วนคนงานที่บ้านนี้ ฉันยกให้คุณภูวดลเป็นคนดูแล จะไม่มีการไล่ใครออกทั้งนั้น นอกจากทุกคนจะอยากออกเอง เงินเดือนทุกเดือนต้องได้รับเหมือนเดิมและปรับขึ้นทุกปี ใช้เงินจากดอกเบี้ยเงินฝากประจำในธนาคารจ่ายก็น่าจะเพียงพอ”
“คุณรินคะ ป้าขอตามไปเลี้ยงคุณหนูที่เชียงใหม่ได้ไหมคะ ป้าไม่สบายใจ ทางนี้มีคนเยอะแล้ว ดูแลแค่คุณภูวดลคนเดียวไม่น่าจะมีปัญหา”
ป้าสุคนเก่าแก่ของบ้านเธอเลี้ยงวรินมาตั้งแต่เด็ก เธอรู้ว่าหัวใจทั้งดวงของคุณหนูที่เธอเลี้ยงมา อยู่ในตัวของเด็กน้อยปูนปั้น เธอจึงอยากตามไปดูแล
“ได้สิ มีใครจะไปอีกไหม”
วรินถามเพราะคิดว่าคนรับใช้ที่นี่มีมากเกินความจำเป็นแต่เธอก็ไม่อยากเอาใครออก
ไม่มีใครยอมไป เพราะเชียงใหม่ไม่ใช่ใกล้ๆ ป้าสุแกไม่มีห่วงอะไร พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว ลูกก็ไม่มีเพราะไม่ได้แต่งงาน จึงตัดสินใจง่ายที่จะไปอยู่เชียงใหม่
“เงินเดือนของป้าสุเดี๋ยวผมจัดการเอง จะได้ไม่ต้องรบกวนพี่ดล”
ภูผาเขาพอมีฐานะ เพราะแม่เลี้ยงของเขาเป็นลูกเศรษฐีและธุรกิจก็กำลังไปได้ดี
“รินพี่อาจจะไปบวชสักพักนะ ถ้ารินไม่อยู่แล้ว พี่ไม่รู้จะทำใจยังไง”
ในเวลานี้คนที่อ่อนแอที่สุดคือภูวดลไม่ใช่คนป่วยเสียแล้ว เขายืนร้องไห้ตลอดเวลา เหมือนคนที่คุมสติตัวเองไม่อยู่
“ดลคะ คุณอย่าทำให้รินต้องเป็นห่วงสิ ถ้าคุณเหงาก็หาใครสักคนมาดูแลคุณ รินยินดี ตอนแรกที่รินไม่ยอม เพราะรินไม่อยากให้ตาหนูต้องมีแม่ใหม่ แต่ตอนนี้ลูกชายเราเขาได้อยู่กับพ่อและแม่เขาแล้ว รินก็หมดห่วง ยิ้มสิคะ รินจะได้สบายใจ สักวันคุณและทุกคนก็ต้องตามรินไป ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ไว้ชาติหน้าเรากลับมาเป็นคู่กันใหม่นะคะ ”
ทุกคนในห้องต่างพากันก้มหน้าร้องไห้ ไม่เว้นแม้แต่ทนายความ ความเป็นคนดี มีน้ำใจมาตั้งแต่เด็กของวริน ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้เธอต่างหลงรัก
วรินก่อนที่จะทำใจได้เธอยังเคยคิดเลยว่า ทำไมเธอถึงโชคร้ายมีลูกไม่ได้ และสุดท้ายเธอต้องมาป่วยเป็นโรคร้าย เงินมากมายที่มีอยู่ซื้อชีวิตเธอไม่ได้เลย แต่พอเธอได้อ่านได้ฟังธรรมมะทำให้เธอคิดได้ว่ามันคงเป็นกรรมเก่าที่ติดตัวเธอมา ชาตินี้เธอสร้างแต่ความดี โลกหน้าของเธอคงมีแต่ความสุขไม่ต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นวรินก็อยู่ได้อีกสิบวันก่อนที่จะหมดลมหายใจไปในอ้อมกอดของสามี โดยมีตาหนูคอยจับมือและกอดคุณแม่ของเขาไว้ไม่ห่าง
“คุณแม่ไปสวรรค์”
ปูนปั้นพูดขึ้นมาหลังจากเขย่าแขนวริน ร้องเรียก คุณแม่อยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบกลับ
ภูวดลอุ้มลูกชายที่เป็นตัวแทนของภรรยาเข้าไว้ในอ้อมกอด เมื่อเห็นว่าคุณพ่อกำลังร้องไห้ เด็กน้อยก็กอดคุณพ่อไว้แน่น
“อย่าร้อง อย่าร้องครับ”
คำพูดของลูกทำให้ภูวดลต้องเรียกความเข้มแข็งกลับคืน เพื่อจัดการงานศพของภรรยาต่อไป
ตอนที่10เริ่มต้นครอบครัว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของวริน ภูวดลตัดสินใจบวชอย่างไม่มีกำหนด เรื่องงานเขามีลูกน้องที่ไว้ใจดูแลให้ ภูผาพาครอบครัวของเขาและป่าสุแม่บ้านที่เลี้ยงดูปูนปั้นกลับมาที่เชียงใหม่ด้วย “แล้วเราจะเลี้ยงลูกที่ไหนคะ” ขิมถามเพราะเธอกับเขาต่างอยู่กันคนละที่ เลยคิดไม่ออกว่าที่ไหนจะเหมาะกว่ากัน “เลี้ยงที่บ้านคุณ ผมตัดสินใจแล้ว จะซื้อบ้านที่ประกาศขายที่อยู่ติดกับบ้านของคุณ และจะให้ช่างมาออกแบบทุบให้ทั้งสองหลังให้เชื่อมติดกัน” ขิมเห็นด้วยกับความคิดของภูผาเพราะบ้านของเธอหรือคอนโดของเขาก็คงจะเล็กไป ถ้าต้องอยู่กันถึงสี่คน ร้านอาหารถูกปิดไปก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาแค่เพียงสามวัน เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองคนอยู่กรุงเทพ ร้านยังคงเปิดอยู่ ภูผาจึงอยากให้ทุกคนได้พักบ้าง****หนึ่งปีผ่านไป**** “ปูนปั้นครับ ห้ามเดินลงบันไดคนเดียวเด็ดขาด ถ้าคุณแม่เห็นอีกจะไม่เตือนแล้วนะ ต้องมีการลงโทษกันบ้างแล้ว ” ขิมดุลูกชายที่เริ่มซนมากขึ้น เพราะตอนนี้อายุจะสองขวบเต็มแล้ว ป้าสุเองก็อายุมากตามหลานไม่ค่อยทัน “คุณหนูม
ตอนที่11ไม่ไว้ใจ “ไหนว่าจะกลับดึกคะ เด็กที่ร้านเพิ่งกลับไปเอง” ป้าสุเพิ่งอาบน้ำให้ปูนปั้นเสร็จ กำลังนั่งทาแป้งแต่งตัวกัน ถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกขิมบอกกับเธอว่าคงกลับดึก “วันนี้ขิมเช่ารถสะกดรอยตามคุณภูไปค่ะ ” หญิงสาวหยุดเล่าก่อนจะเดินไปอุ้มลูกชายมาหอมและกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ “เกิดอะไรขึ้นคะคุณขิม” ป้าสุเห็นท่าทีของคนเล่า เริ่มไม่ค่อยสบายใจ เพราะสิ่งที่เจ้านายของเธอไปเจอคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ขิมเจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถไปกลับคุณภู และเส้นทางที่ไป ไม่ใช่ทางไปร้าน แต่เป็นทางไปคอนโดที่คุณภูเคยอยู่ ขิมเลยบอกให้คนขับพาขิมกลับ ขิมยังไม่พร้อมค่ะป้า ขิมกลัว” ป้าสุได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ขิมเธอเป็นผู้หญิงที่ชีวิตโดดเดี่ยว ถ้าเธอต้องเสียคุณภูไป เธอคงไม่รู้จะอยู่อย่างไร “คุณแม่ วันนี้ปูนไปนอนด้วยนะ” “นอนได้ครับ แต่ถ้าจะหลับแล้ว ต้องกลับไปนอนห้องของตัวเอง เดี๋ยวคุณยายไม่มีใครนอนด้วย ปูนปั้นไม่ห่วงคุณยายเหรอครับ” ขิมพยายามปรับอารมณ์เมื่อลูกชายของเธอหันมาคุยด้วย เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นสัมผัสได้ถึ
ตอนที่12สารภาพผิด “ขิมพรุ่งนี้คุณไปธุระกับผมหน่อยนะ เอาลูกไปด้วย” “อืม” หญิงสาวตอบแค่เพียงสั้นๆ เพื่อแสดงว่าเธอรับรู้ เพราะตอนนี้เธอเมาจนไม่อยากพูดอะไร ภูผานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่นอนข้างเขารู้อะไรมา และสิ่งที่รู้มันคือเรื่องจริงไหม เธอรู้เอง หรือมีใครมาเล่าให้ฟัง แต่สิ่งที่ชายหนุ่มมั่นใจ คือภรรยาของเขาดูเอาจริงเอาจัง ถ้าเขายังไม่แสดงออกให้เธอรู้สึกเชื่อใจ มีหวังไม่นาน คำว่าครอบครัวของเขาต้องพังยับเยินแน่ เพียงแค่หลับตา ภูผาก็คิดถึงใบหน้าของพี่สะใภ้ เขาให้สัญญากับเธอไว้ ว่าจะดูแลเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่น ปูนปั้นให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาเพิ่งคิดได้ ว่าเขาแทบจะไม่มีเวลาเล่นกับลูกเหมือนตอนลูกมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ บางวันเขาออกไปทำงานแต่เช้า แล้วก็กลับดึก อย่างเช่นวันนี้ เขาได้เห็นหน้าลูกก็แค่ตอนที่ลูกหลับแล้วเท่านั้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา ภูผาเองพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ เขาคิดว่าขิมต้องรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่เขาก็โทรไปถามพนักงานตลอด ทางนั้นก็ยืนยันว่าขิมไม่ได้ไปทั้งสองร้านเลย แ
ตอนที่13พร้อมหน้าครอบครัวใหญ่ วันนี้พ่อกับแม่ของภูผาจะเดินทางมาถึงที่สนามบินเชียงใหม่ วันนี้ครัวเวียดนามหยุดหนึ่งวัน เพื่อเตรียมรับทั้งคู่ “คิดถึงจังเลยลูกรักของแม่” นาตาลีโผเข้ากอดลูกชายทันที ที่ได้เจอหน้ากันที่สนามบิน “มิสยู เช่นกันครับ” ชายหนุ่มโดนหญิงสาวอวบจนเกือบอ้วน ตัวใหญ่ตามแบบฝรั่ง จูบแก้มซ้ายแก้มขวาด้วยความคิดถึง “แม่กับพ่อครับนี่ขิมและปูนปั้น ภรรยาและลูกชายของผม” ทั้งสองคนมัวแต่ดีใจที่ได้เจอหน้าลูกชายที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี จนลืมสังเกตว่าเขาไม่ได้มาแค่คนเดียว “ฮาย ปูนปั้น มาให้...แม่ต้องเป็นอะไรนะ” นาตาลีหันไปถามลูกชาย เธอเริ่มจำสับสนว่าเธอควรจะเป็นย่าหรือยายกันแน่ “คุณแม่ต้องเป็นคุณย่าสิครับ” ปูนปั้นเด็กน้อยที่เข้ากับทุกคนได้เสมอ เพราะเขาโตมากับร้านอาหารจึงยอมให้ย่ากับปู่อุ้มแต่โดยดี “ปู่ซื้อของเล่นมาให้เยอะเลย ได้ข่าวว่าหลายชายคนเก่งเป็นเชฟน้อยใช่ไหม” “ใช่ครับ เชฟปูนปั้น” ปู่กับย่าต่างหัวเราะให้กับความฉอเลาะของหลานชาย ความจริงแล้วทั้งคู่
ตอนที่ 1สาวน้อยในเรือน“เมื่อคืนไปนอนไหนมาอีกล่ะบ้านช่องอยู่ไม่ติดเลยนะลูก” อมราอดที่จะต่อว่าลูกชายไม่ได้ทั้งที่ความจริงเปรมธวัชก็ทำตัวแบบนี้มาตลอด 10 ปีตั้งแต่เขากลับมาจากต่างประเทศพร้อมกับหอบหัวใจที่บอบช้ำกลับมา “โมโหอะไรมาครับถึงได้มาลงกับผมแบบนี้...ไหนมาหอมแก้มให้หายคิดถึงหน่อย” ชายหนุ่มที่ยังคงอยู่ในชุดทำงานเพราะตั้งแต่เมื่อคืนนี้เขายังไม่ได้กลับมาบ้านเลยเข้ามาโอบกอดคนเป็นแม่หอมแก้มฟอดใหญ่เพื่อเอาใจ “อายุจะ 40 แล้ว ลูกจะใช้ชีวิตต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ แม่เองก็อยากจะอุ้มหลานอยากจะมีทายาทสืบสกุลกับเขาสักคน” ก่อนหน้านี้อมราพยายามจะเลือกหาลูกสะใภ้ที่ถูกใจเธอให้กับลูกชายแต่มันก็ไม่มีประโยชน์หลายครั้งที่เธอคิดว่าจะยอมให้เปรมธวัชจริงจังกับผู้หญิงสักคนทีเป็นคู่ขาอยู่ตอนนี้เพื่อที่เธอจะได้มีหลานแต่กลับเป็นชายหนุ่มที่ไม่ยอมทำตาม “ผู้ชายอายุ 60 แล้วก็ยังมีลูกได้นะครับไม่เห็นต้องรีบเลยสาวๆสมัยนี้ก็อยากมีสามีอายุเยอะกันทั้งนั้น” ชายหนุ่มพยายามหาเหตุผลมาเฉไฉเพราะตัวเขาเองยังไม่รู้จะหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เขาเคยคิดจะเลือกผู้
ตอนที่ 2คำขอร้องจากผู้มีพระคุณเปรมธวัชเดินออกมาจากคอนโดมิเนียมแต่เขาก็ต้องกลับไปอีกครั้งเมื่อคิดขึ้นได้ว่าลืมแฟ้มเอกสารบางอย่างไว้“สุดท้ายเธอก็หักหลังฉัน”ภาพที่เปรมธวัชได้เห็นคือผู้ชายที่เขาไม่คุ้นหน้ากำลังเดินเข้าไปยังห้องของนาเดียโดยที่หญิงสาวเป็นคนเปิดประตูให้สองมือที่คล้องคอและดึงตัวผู้ชายคนนั้นเข้าห้องทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่า ทั้งคู่มีความสัมพันธ์อะไรกันชายหนุ่มตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปแสดงตัว เขาไม่ต้องการเป็นคนโง่ที่โดนหักหลังอีกแล้วเขาจึงเลือกที่จะเดินออกมาและส่งข้อความกลับไปหาหญิงสาวที่เป็นคู่ขาให้เขาย้ายออกจากคอนโดของเขาภายในวันนี้ด้วยเหตุผลว่าเขาต้องการพาผู้หญิงคนใหม่มาอยู่เปรมธวัชตัดสินใจที่จะเดินหน้าเรื่องของมินตราทันทีชีวิตที่ผ่านมาทำให้เขาเริ่มกลัวว่าบางทีเงินทองที่เขามีอยู่จะไม่สามารถซื้อความรักจากใครได้อีกเขาจึงคิดว่าบางทีคำว่ามีพระคุณอาจจะทำให้เขาเป็นที่ต้องการของมินตราก็ได้“วันนี้คุณเปรมมาร่วมยินดีด้วยนะลูก”ยุพาหันไปบอกลูกสาวด้วยความซาบซึ้งใจที่ลูกชายของเจ้านายมาร่วมแสดงความยินดีกับลูกสาวของเธอในวันรับปริญญา“มิ้นขอบคุณคุณเปรมมากนะคะที่มาร่วมยินดีกับมิ้นในว
ตอนที่ 3ภรรยาเด็ก“ในเมื่อมินตราตกลงแล้ว เราจะเอาอย่างไรกันต่อไป”อมราไม่กล้าถามลูกชายตรงๆว่าแผนการที่เธอวางไว้ เปรมธวัชพร้อมจะเริ่มต้นเมื่อไหร่เพราะสำหรับเธอแล้วต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเร็วที่สุด อายุของเธอมากขึ้นทุกวันดูแล้วคงไม่ได้อยู่ดูหลานจนถึงรับปริญญา“ผมพร้อมแล้วครับอยู่ที่สาวน้อยของคุณแม่นั่นแหละที่จะพร้อมหรือยัง”ชายหนุ่มตอบด้วยความมั่นใจเพราะตัวเขาเองตอนนี้ก็ ไม่เหลือผู้หญิงคนไหนอีกแล้วตั้งแต่วันนั้นที่เขารู้ความจริงเรื่องของนาเดียเขาก็ตั้งใจว่าจะยุติความสัมพันธ์แบบชั่วคราวแล้วหันมาทำตามในสิ่งที่แม่ต้องการจะดีกว่าการมีลูกบางครั้งอาจจะทำให้ตัวเขาเองมีความสุขในชีวิตมากกว่านี้ก็ได้ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนเข้าหอสำหรับภรรยารับจ้างที่ไม่มีแม้แต่งานแต่งไม่มีการบอกรักไม่มีทะเบียนสมรสไม่มีสิ่งใดๆที่ผู้หญิงต่างก็เฝ้าฝันว่าชีวิตของเธอจะต้องได้รับจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี“มิ้นพร้อมแล้วค่ะ”หญิงสาวในชุดนอนพูดขึ้นเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องที่อมราจัดไว้สำหรับเป็นห้องนอนของทั้งคู่ในการผลิตหลานให้กับเธอ“พูดจาเป็นหุ่นยนต์เหมือนไร้ความรู้สึกแบบนี้ผมจะทำอะไรคุ
ตอนที่ 4เรียนรู้ระหว่างเรา“ไม่เอา ! ผมไม่ให้ใส่เสื้อผ้าแบบนี้”เปรมธวัชดึงเสื้อยืดออกจากมือของภรรยาเด็กเพราะพี่เขาพาเธอมาซื้อเสื้อผ้าใหม่ในวันนี้เพราะอยากให้สาวน้อยแต่งตัวดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น“มิ้นเคยใส่แต่เสื้อผ้าแบบนี้ถ้าเป็นแบบอื่นก็ไม่รู้จะใส่แบบไหนเหมือนกันค่ะ”มินตราคิดไม่ออกว่าเสื้อผ้าแบบไหนที่จะเหมาะกับเธอจึงยกให้เปรมธวัชทำหน้าที่เลือกเอาแบบที่เขาต้องการทั้งสองคนเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายตาของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังจ้องมองอยู่“คุณเปรมพาใครมาซื้อเสื้อผ้าคะนี่”สาวสวยไฮโซเดินเข้ามาทักทายเปรมธวัชพร้อมกับเพื่อนของเธออีก 3 คนซึ่งทุกคนกำลังหันมาจ้องมองสาวน้อยที่กำลังยืนอยู่ข้างนักธุรกิจชื่อดัง“สวัสดีครับน้องไอลดา”ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่หันกลับไปทักทายอีกฝ่ายแทนซึ่งด้วยมารยาทแล้วทำให้คำถามนั้นต้องเป็นอันตกไปเมื่อถูกบทสนทนาอื่นเข้ามาแทน“ปกติแล้วไอไม่เคยเห็นพี่เปรมมาเดินห้างแบบนี้เลยนะคะใครๆก็พากันพูดกันว่านักธุรกิจหนุ่มใหญ่อย่างคุณเปรมธวัชนอกจากเรื่องงานแล้วก็ไม่สนใจเรื่องอื่นเลย”ไอลดาพยายามจะล้วงเอาคำตอบให้ได้ว่าผู้หญิงที่มากับเปรมธวัชใ