Share

ชีวิตใหม่และการจากไปตลอดกาล

ตอนที่9

ชีวิตใหม่และการจากไปตลอดกาล

         คืนแรกในบ้านของภูวดล ในบทบาทของพ่อและแม่ของหนูน้อยปูนปั้น ทำให้ขิมยอมใจอ่อน กลับมาทำหน้าที่ภรรยาของภูผาอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าวรินเองยังกลัวการที่ตาหนูต้องไปอยู่กับแม่เลี้ยง ดังนั้นในเมื่อเธอเป็นแม่แท้ๆ เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอ ต้องได้เจอทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงเลย ขิมจึงให้โอกาสภูผาอีกสักครั้ง

          “เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดนะ”

          ชายหนุ่มกอดแม่ของลูก ด้วยความรู้สึกดีใจและมีความสุขที่จะได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว

          ตั้งแต่เกิดมาพี่น้องฝาแฝด ไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งแม่และลูกเลยสักครั้ง เพราะทั้งฝั่งตาและปู่ไม่ยินยอม และพ่อของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว จึงตกลงกันที่รับผิดชอบลูกกันไปคนละคน

          ภูผาตั้งใจว่า เมื่อครั้งนี้เขาเปลี่ยนบทจากลูกมาเป็นพ่อ เขาจะดูแลครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์และดีที่สุด

          วรินเรียกภูผาและขิมเข้าไปหาเธอทุกวันในช่วงสาย เพราะหลังจากเวลานั้นเธอจะต้องกินยานอนหลับเพื่อไม่ให้ทรมานกับการปวดท้อง และจะตื่นอีกทีช่วงหัวค่ำเพื่อมาเล่นกับปูปั้นลูกชายของเธอ

          ทั้งสองคนได้เรียนรู้อุปนิสัยใจคอของลูกชาย รายละเอียดและวิธีการเลี้ยงที่วรินตั้งใจว่าจะเลี้ยงปูนปั้นแบบไหน ตอนนี้เธอไม่สามารถอยู่ทำได้แล้ว จึงฝากให้ทั้งสองคนช่วยทำแทน

          ความใกล้ชิดระหว่างขิมภูผาและตาหนูเริ่มสนิทกันมากขึ้น แต่จะโอนเอนไปทางภูผามากกว่า เพราะสำหรับขิมแล้ว ตาหนูยังติดคุณแม่อยู่จึงยังไม่ค่อยเข้าหา

          ภูวดลเป็นพ่อที่ไม่ค่อยเล่นกับลูกต่างจากภูผาที่มีอะไรมาทำให้ตาหนูหัวเราะได้ตลอดเวลา เด็กน้อยจึงเริ่มติดพ่อภูแจ จนเริ่มลืมพ่อดลแล้ว

          อาการของวรินเริ่มทรุด แต่ก็ถือว่าเธอมาได้ไกลกว่าที่หมอบอกไว้ เพราะตอนแรกคุณหมอให้ไม่เกินสองเดือน แต่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็สี่เดือนเข้าไปแล้ว

          “ที่ฉันเรียกทุกคนมาวันนี้ เพราเวลาของฉันกำลังจะหมด ถ้าฉันจากไป ไม่ต้องร้องไห้กันนะ เพราะสำหรับฉัน อยู่ได้มาเกินสองเดือนจากที่หมอบอก ก็ถือว่าได้กำไรแล้ว”

          คนป่วยพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ต่างจากทุกคนที่มานั่งฟัง ต่างพากันทำท่าจะร้องไห้

          “วันนี้จะเรียกว่า ฉันต้องการสั่งเสียก็ได้ คุณทนายความก็อยู่ตรงนี้ ทุกอย่างจะถูกจัดการทางกฎหมายให้เรียบร้อย”

          ภูวดลแอบหันหน้าไปร้องไห้ เพราะเขาหลอกตัวเองมาตลอดว่าวันนี้จะไม่มีจริง ภรรยาของเขาไม่ได้ป่วย

          “ตาหนูเป็นลูกของฉันกับคุณภูวดลถูกต้องตามกฎหมาย วันนี้ฉันจะให้ทนายช่วยทำเรื่องยกเขาให้เป็นลูกบุญธรรมของเธอทั้งคู่ เพราะมันมีผลต่อการตัดสินใจทางกฎหมายหลายอย่างจึงอยากทำให้ถูกต้องไว้”

          คนป่วยหยุดพักหายใจ และเอี่ยวตัวไปจับมือสามีของเธอที่กำลังยืนหันหลังแอบร้องไห้อยู่

          “หุ้นส่วนในบริษัทฉันยกให้คุณภูวดลทั้งหมด ส่วนบ้านหลังนี้ และอีกสองหลังที่ระยองและเชียงใหม่ ฉันขอยกให้เป็นชื่อตาหนู”

          “แต่สิทธินี้จะทำธุรกรรมต่างๆได้ก็ต่อเมื่อคุณหนูบรรลุนิติภาวะแล้วไม่มีใครสามารถทำแทนได้ เพราะคุณวรินได้เขียนบอกไว้ในพินัยกรรม”

          ทนายความประจำตระกูลช่วยพูดเสริมถึงรายละเอียดลงไปอีกที

          “ห้องเช่าที่กรุงเทพที่มีอยู่สิบห้อง แถวเขตสาทรฉันยกให้คุณทนาย เพราะคุณดูแลครอบครัวของเรามาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่”

          ทนายความในวัยชราน้ำตาคลอ เขาดูแลมาหลายตระกูลแล้ว มีแต่ตระกูลนี้เท่านั้นที่เห็นคุณค่าเขามากกว่าแค่ทนายแรกเงิน

          “คอนโดย่านรัชดาสามห้อง อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิอีกหนึ่งห้องฉันยกให้เธอขิม เพราะเธอคือคนที่ทำให้ฉันได้มีความสุขในชีวิตสุดท้ายก่อนตาย”

          หญิงสาวถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลย ตอนที่เธอยอมท้องให้ วรินก็จ่ายเธอไปแล้วหนึ่งล้านบาท จนเธอมีเงินพาแม่ไปรักษา และพอแม่เสียเธอก็ได้เงินอีกแปดแสนเพื่อเอาไปซื้อบ้านที่เชียงใหม่ เธอตื่นตันในการเป็นผู้ให้ของวรินจริงๆ

          “ส่วนคนงานที่บ้านนี้ ฉันยกให้คุณภูวดลเป็นคนดูแล จะไม่มีการไล่ใครออกทั้งนั้น นอกจากทุกคนจะอยากออกเอง เงินเดือนทุกเดือนต้องได้รับเหมือนเดิมและปรับขึ้นทุกปี ใช้เงินจากดอกเบี้ยเงินฝากประจำในธนาคารจ่ายก็น่าจะเพียงพอ”

          “คุณรินคะ ป้าขอตามไปเลี้ยงคุณหนูที่เชียงใหม่ได้ไหมคะ ป้าไม่สบายใจ ทางนี้มีคนเยอะแล้ว ดูแลแค่คุณภูวดลคนเดียวไม่น่าจะมีปัญหา”

          ป้าสุคนเก่าแก่ของบ้านเธอเลี้ยงวรินมาตั้งแต่เด็ก เธอรู้ว่าหัวใจทั้งดวงของคุณหนูที่เธอเลี้ยงมา อยู่ในตัวของเด็กน้อยปูนปั้น เธอจึงอยากตามไปดูแล

          “ได้สิ มีใครจะไปอีกไหม”

          วรินถามเพราะคิดว่าคนรับใช้ที่นี่มีมากเกินความจำเป็นแต่เธอก็ไม่อยากเอาใครออก

          ไม่มีใครยอมไป เพราะเชียงใหม่ไม่ใช่ใกล้ๆ ป้าสุแกไม่มีห่วงอะไร พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว ลูกก็ไม่มีเพราะไม่ได้แต่งงาน จึงตัดสินใจง่ายที่จะไปอยู่เชียงใหม่

          “เงินเดือนของป้าสุเดี๋ยวผมจัดการเอง จะได้ไม่ต้องรบกวนพี่ดล”

          ภูผาเขาพอมีฐานะ เพราะแม่เลี้ยงของเขาเป็นลูกเศรษฐีและธุรกิจก็กำลังไปได้ดี

          “รินพี่อาจจะไปบวชสักพักนะ ถ้ารินไม่อยู่แล้ว พี่ไม่รู้จะทำใจยังไง”

          ในเวลานี้คนที่อ่อนแอที่สุดคือภูวดลไม่ใช่คนป่วยเสียแล้ว เขายืนร้องไห้ตลอดเวลา เหมือนคนที่คุมสติตัวเองไม่อยู่

          “ดลคะ คุณอย่าทำให้รินต้องเป็นห่วงสิ ถ้าคุณเหงาก็หาใครสักคนมาดูแลคุณ รินยินดี ตอนแรกที่รินไม่ยอม เพราะรินไม่อยากให้ตาหนูต้องมีแม่ใหม่ แต่ตอนนี้ลูกชายเราเขาได้อยู่กับพ่อและแม่เขาแล้ว รินก็หมดห่วง ยิ้มสิคะ รินจะได้สบายใจ สักวันคุณและทุกคนก็ต้องตามรินไป ความตายเป็นเรื่องธรรมชาติ ไว้ชาติหน้าเรากลับมาเป็นคู่กันใหม่นะคะ ”

          ทุกคนในห้องต่างพากันก้มหน้าร้องไห้ ไม่เว้นแม้แต่ทนายความ ความเป็นคนดี มีน้ำใจมาตั้งแต่เด็กของวริน ทำให้ทุกคนที่อยู่ใกล้เธอต่างหลงรัก

          วรินก่อนที่จะทำใจได้เธอยังเคยคิดเลยว่า ทำไมเธอถึงโชคร้ายมีลูกไม่ได้ และสุดท้ายเธอต้องมาป่วยเป็นโรคร้าย เงินมากมายที่มีอยู่ซื้อชีวิตเธอไม่ได้เลย แต่พอเธอได้อ่านได้ฟังธรรมมะทำให้เธอคิดได้ว่ามันคงเป็นกรรมเก่าที่ติดตัวเธอมา ชาตินี้เธอสร้างแต่ความดี โลกหน้าของเธอคงมีแต่ความสุขไม่ต้องมาเจ็บป่วยแบบนี้

          หลังจากเหตุการณ์วันนั้นวรินก็อยู่ได้อีกสิบวันก่อนที่จะหมดลมหายใจไปในอ้อมกอดของสามี โดยมีตาหนูคอยจับมือและกอดคุณแม่ของเขาไว้ไม่ห่าง

          “คุณแม่ไปสวรรค์”

          ปูนปั้นพูดขึ้นมาหลังจากเขย่าแขนวริน ร้องเรียก คุณแม่อยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบกลับ

          ภูวดลอุ้มลูกชายที่เป็นตัวแทนของภรรยาเข้าไว้ในอ้อมกอด เมื่อเห็นว่าคุณพ่อกำลังร้องไห้ เด็กน้อยก็กอดคุณพ่อไว้แน่น

          “อย่าร้อง อย่าร้องครับ”

คำพูดของลูกทำให้ภูวดลต้องเรียกความเข้มแข็งกลับคืน เพื่อจัดการงานศพของภรรยาต่อไป

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status