ตอนที่ 4
เรียนรู้ระหว่างเรา
“ไม่เอา ! ผมไม่ให้ใส่เสื้อผ้าแบบนี้”
เปรมธวัชดึงเสื้อยืดออกจากมือของภรรยาเด็กเพราะพี่เขาพาเธอมาซื้อเสื้อผ้าใหม่ในวันนี้เพราะอยากให้สาวน้อยแต่งตัวดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
“มิ้นเคยใส่แต่เสื้อผ้าแบบนี้ถ้าเป็นแบบอื่นก็ไม่รู้จะใส่แบบไหนเหมือนกันค่ะ”
มินตราคิดไม่ออกว่าเสื้อผ้าแบบไหนที่จะเหมาะกับเธอจึงยกให้เปรมธวัชทำหน้าที่เลือกเอาแบบที่เขาต้องการ
ทั้งสองคนเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายตาของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังจ้องมองอยู่
“คุณเปรมพาใครมาซื้อเสื้อผ้าคะนี่”
สาวสวยไฮโซเดินเข้ามาทักทายเปรมธวัชพร้อมกับเพื่อนของเธออีก 3 คนซึ่งทุกคนกำลังหันมาจ้องมองสาวน้อยที่กำลังยืนอยู่ข้างนักธุรกิจชื่อดัง
“สวัสดีครับน้องไอลดา”
ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่หันกลับไปทักทายอีกฝ่ายแทนซึ่งด้วยมารยาทแล้วทำให้คำถามนั้นต้องเป็นอันตกไปเมื่อถูกบทสนทนาอื่นเข้ามาแทน
“ปกติแล้วไอไม่เคยเห็นพี่เปรมมาเดินห้างแบบนี้เลยนะคะใครๆก็พากันพูดกันว่านักธุรกิจหนุ่มใหญ่อย่างคุณเปรมธวัชนอกจากเรื่องงานแล้วก็ไม่สนใจเรื่องอื่นเลย”
ไอลดาพยายามจะล้วงเอาคำตอบให้ได้ว่าผู้หญิงที่มากับเปรมธวัชในวันนี้เธอเป็นใครแต่ไม่ว่าจะหาอะไรมาชวนคุยชายหนุ่มก็ไม่ยอมหลุดปาก
มินตรารู้สึกอึดอัดกับบทสนทนาที่ดูประดิษฐ์คำพูดของทั้งคู่จึงทำให้หญิงสาวเลือกที่จะเดินออกมาจากร้านเพื่อมาหาที่นั่งรอ
“ไอลดาเป็นน้องสาวของเพื่อนผม”
เปรมธวัชเดินตามออกมาพร้อมกับรีบแนะนำให้มินตรารู้ว่าผู้หญิงที่เข้ามาคุยกับเขาเธอเป็นใครทั้งที่หญิงสาวไม่ได้เอ่ยถามสักคำ
“ดูเธออยากรู้นะคะว่ามิ้นเป็นใคร วันนี้คุณสามารถเลือกที่จะไม่ตอบได้แต่ถ้าวันหลังคุณโดนถามแบบนี้อีกเราควรตอบว่าอย่างไรดีคะ”
มินตราเธอไม่ได้ต้องการเล่นลิ้นหรือต้องการสถานะแต่เธอแค่ไม่รู้ว่าคำตอบไหนคือสิ่งที่ควรจะพูดออกไปเพราะเธอไม่รู้ว่าระหว่างเธอกับเขามันควรจะเรียกว่าอะไรต่อหน้าคนอื่น
“เอาเป็นว่าถ้าเลี่ยงได้ผมก็จะเลี่ยงแต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ผมก็จะแนะนำคุณว่านี่มินตราและไม่บอกสถานะก็แค่นั้น”
เปรมธวัชพูดออกไปพร้อมกับสังเกตปฏิกิริยาของหญิงสาวที่นั่งข้างๆด้วย ชายหนุ่มอยากรู้ว่าหลังจากที่เธอได้เป็นภรรยาของเขาทางพฤตินัยแล้วเธอมีความเป็นเจ้าของหรือต้องการขึ้นมายืนอยู่บนสังคมเหมือนเช่นผู้หญิงคนอื่นที่เขากลัวไหม
“มิ้นว่าวันหลังเราไม่ต้องมาข้างนอกด้วยกันดีกว่าค่ะเพราะไม่ว่าเราจะตอบอย่างไรมันก็ต้องมีคนอยากรู้ความจริงสักวัน... มิ้นไม่อยากให้คุณเปรมต้องเดือดร้อน”
น้ำเสียงที่แสดงความจริงใจสายตาที่แสดงความเป็นห่วงทำให้เปรมธวัชรู้ได้เลยว่าสาวน้อยคนนี้เธอไม่ได้ต้องการจะเป็นเจ้าของเขา
“ถ้าคุณเป็นห่วงผมก็ไม่เป็นไรเพราะผมเองไม่ได้ซีเรียสกับเรื่องนี้เราไปหาซื้ออย่างอื่นต่อกันดีกว่า”
ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องพูดและพาภรรยารับจ้างของเขาเข้าไปเลือกซื้อรองเท้าและกระเป๋าในแบบที่เขาคิดว่าเข้ากับเสื้อผ้าที่เขาซื้อมา
ทั้งสองคนใช้เวลาเลือกซื้อของในห้างสรรพสินค้าเกือบ 2 ชั่วโมงก่อนที่จะเดินทางกลับตลอดข้างทางมินตราได้แต่นอนหลับเพราะเธอรู้สึกเหนื่อยอย่างบอกไม่ถูกซึ่งก็ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อคืนไหมวันนี้เธอจึงรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้
เปรมธวัชแอบมองหญิงสาวที่นั่งหลับอยู่เบาะข้างคนขับด้วยความภูมิใจที่เขาได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอและเขาก็มั่นใจว่าตลอดเวลาที่เธอกับเขาอยู่ด้วยกันเธอจะไม่มีทางนอกใจและหักหลังเขาเหมือนที่ผู้หญิงที่ผ่านมาทำ
ความรักของเปรมธวัชไม่ใช่แค่เพียงผิดหวังเรื่องของรินรดาคนรักเก่าเท่านั้นแต่กลับแค่เพียงคู่นอนอย่างนาเดียซึ่งเป็นคู่ขา คนสนิทก็ยังหักหลังด้วยการนอกใจไปมีคนอื่น เปรมธวัชไม่ศรัทธาในความรักเขามองว่าผู้ชายที่ดีพร้อมทุกอย่างแบบเขายังไม่ได้รับความรักที่แท้จริง บนโลกใบนี้ก็คงไม่มีความจริงใจกันอีกแล้ว
“เรากำลังจะไปไหนกันคะ”
มินตราตื่นขึ้นมาเธอมองข้างทางรู้สึกไม่คุ้นจึงเอ่ยถามคนขับเพราะคิดว่าเขาคงไม่ได้กำลังพาเธอกลับบ้าน
“จะพาไปหาอะไรกินยังเหลือเวลาอีกมากไหนๆก็ลางานแล้ววันนี้ก็เลยอยากจะพักผ่อน”
เปรมธวัชอยากสร้างความคุ้นเคยและความใกล้ชิดสนิทกันระหว่างเขากับเธอให้มากกว่านี้เพราะถึงเมื่อคืนทั้งคู่จะมี ความใกล้ชิดและสนิทสนมทางกายด้วยกันแล้วแต่เขายังสัมผัสได้ถึงช่องว่างระหว่างความสัมพันธ์ที่หญิงสาวแสดงกับเขามันยังคงเป็นลักษณะเจ้านายกับลูกน้องอยู่
“นอกเมืองมีร้านอาหารทะเลน่ากิน ไกลหน่อยแต่รับรองได้ว่าคุณจะติดใจคุณแม่ชอบกินอาหารร้านนี้มากไม่ได้พาท่านมาแต่ก็ว่าจะซื้อไปฝาก”
ชายหนุ่มเริ่มเปิดบทสนทนา เขาพยายามพูดเกี่ยวกับความชอบและสิ่งที่เขาไม่ชอบให้สาวน้อยได้รับรู้เพราะถึงแม้ทั้งคู่จะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแต่มันก็เป็นความสัมพันธ์ระหว่างเจ้านายกับลูกน้องจึงไม่ค่อยรู้ใจกันเท่าไหร่เปรมธวัชหวังว่ามินตราจะเป็นผู้หญิงที่ทำให้เขามีความสุขที่สุดถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่ได้รักเธอและเธอก็ไม่ได้รักเขาก็ตาม
“ข้าวหลามร้านนี้อร่อยมาก”
รถยนต์คันหรูจอดหน้าร้านข้าวหลามที่เป็นเพียงป้าแก่ๆนั่งอยู่หน้าบ้านเท่านั้นทำเอามินตราถึงกับแปลกใจที่หนุ่มไฮโซอย่างเปรมธวัชรู้จักร้านขายของข้างทางแบบนี้ด้วย
“ลองกินแล้วคุณจะติดใจ”
ชายหนุ่มลงไปซื้อเมื่อขึ้นมาบนรถเขาก็แกะข้าวหลามส่งให้สาวน้อยที่นั่งข้างๆ มินตรามองหน้าตาของคนขับที่กำลังกินด้วยความเอร็ดอร่อยและยิ้มอย่างมีความสุขด้วยความไม่เข้าใจในตัวเขาในความที่เป็นเปรมธวัชหนุ่มนักธุรกิจไฮโซมาดสุขุมแต่ทำไมวันนี้เขากลับดูติดดินและกลายเป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาที่อารมณ์ดี
“ร้านนี้ลูกน้องผมเคยซื้อไปฝาก ผมชอบมากก็เลยขอให้เขาพามาตั้งแต่นั้นก็กลายเป็นลูกค้าประจำตลอด”
เปรมธวัชเป็นคนสนใจในเรื่องรายละเอียดยิบย่อยแม้แต่เรื่องของอาหารที่กิน เขายอมเดินทางขับรถไกลมาถึงที่นี่เพื่อได้กินข้าวหลามรสชาติถูกใจและเมื่อเลือกที่จะมาอุดหนุนคุณป้าก็ไม่ใช่แค่เพียงไม่กี่กระบอกแต่ชายหนุ่มกลับเหมามาทั้งหมดเพื่อนำไปแจกคนที่ทำงาน
ความเป็นคนมีน้ำใจของชายหนุ่มเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้มินตราแอบมีใจให้กับลูกชายเจ้านายมาตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กสาวๆอยู่เพราะเขาจะคอยช่วยเหลือเธอทุกอย่างแม้แต่ตอนที่เธอไปเรียนโรงเรียนประจำเวลาที่เขาซื้อวัสดุอุปกรณ์การเรียนก็มักจะซื้อเผื่อแล้วฝากแม่ของเธอไปให้เสมอ
“กระเป๋าใบนี้ยังใช้อยู่อีก”
มินตราควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเพื่อมาเช็ดปากจึงทำให้ชายหนุ่มมองเห็นกระเป๋าสตางค์ของเธอและเขาก็ต้องแปลกใจเพราะกระเป๋าใบนี้เขาเป็นคนซื้อให้เธอเองเมื่อเกือบ 5 ปีที่แล้ว
“มันยังใช้ได้อยู่แถมราคาแพงด้วย มิ้นก็เลยไม่ได้เปลี่ยนค่ะ”
หญิงสาวไม่กล้าบอกความจริงว่าถึงแม้ว่ามันจะเก่าหรือขาดตรงไหนเธอก็ยินดีที่จะใช้มันต่อเพราะมันคือของขวัญวันเกิดจากเขาที่มอบให้เธอเมื่อ 5 ปีที่แล้วและเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายเพราะหลังจากที่เธอกับเขาเริ่มอายุมากขึ้นความสัมพันธ์ก็เริ่มห่างกันออกไป
ระหว่างทางไปร้านอาหารเปรมธวัชยังคงแวะข้างทางอยู่เรื่อย ๆ เมื่อเขาเจอร้านของกินที่ถูกใจหรือเจอวิวทิวทัศน์ที่อยากจะลงไปถ่ายรูป ความสัมพันธ์ในวันนี้ทำให้ความรู้สึกถูกพัฒนาไปอีกขั้น ทั้งคู่มีโอกาสได้รู้จักกันในอีกแง่มุมมากขึ้น
มินตราเองจากสาวน้อยเรียบร้อยไม่กล้าแสดงความคิดเห็นใดๆวันนี้เธอก็ปล่อยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้ออกมาอย่างธรรมชาติเมื่อรู้สึกมีความสุขที่ได้ออกมาท่องเที่ยวไกลบ้านสักครั้งเพราะชีวิตของเธอนอกจากบ้านของเปรมธวัชและโรงเรียนประจำเธอก็แทบจะไม่รู้จักที่ไหนเลยพอถึงช่วงเข้ามหาวิทยาลัยเธอก็เลือกที่จะอยู่หอในโดยตลอดและไม่เคยใช้เวลาว่างไปเที่ยวสังสรรค์ตามแบบวัยรุ่นเพราะเลือกที่จะช่วยแม่ประหยัดและใช้เวลาอ่านหนังสือเพื่อคว้าเกียรตินิยมอันดับ 1 มาให้ได้
“กว่าจะถึงร้านก็เกือบมืดเลยนะคะ”
สาวน้อยหันมาส่งยิ้มให้คนขับที่พาเธอแวะเที่ยวตลอดทางวันนี้เธอพยายามบอกกับตัวเองว่าไม่ว่าเขาจะดีกับเธอแค่ไหนเธอก็ยังเป็นแค่เพียงภรรยารับจ้างและเขาก็เป็นลูกชายของเจ้านายความสุขในวันนี้มินตราเลือกที่จะเก็บมันไว้ก้นลึกของหัวใจเพื่อเอาไว้ทดแทนเมื่อวันหนึ่งที่เธอกับเขาต้องแยกกันตามเส้นทางชีวิตของแต่ละคน
ตอนที่ 5เผลอปล่อยใจ“คุณแม่ครับผมซื้ออาหารทะเลร้านโปรดมาฝาก” เปรมธวัชยื่นถุงกับข้าวถุงใหญ่ส่งให้มารดาที่นั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกด้วยท่าทางมีความสุขที่เห็นลูกชายกลับมาพร้อมกับลูกสะใภ้ของเธอ “พามินตราไปร้านโปรดของเรามาใช่ไหม” อมราถามทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วเพราะลูกชายโทรมาบอกตั้งแต่ช่วงเย็นแต่ที่เธอแกล้งพูดเพราะอยากให้หญิงสาวได้รู้ว่าร้านอาหารร้านนั้นถ้าไม่พิเศษจริงๆเปรมธวัชไม่มีทางพาไป “มิ้นชอบบรรยากาศที่นั่นมากครับสงสัยวันหลังเราต้องไปกันพร้อมหน้าทุกคนจะได้สนุกมากยิ่งขึ้นรับรองได้ว่าถ้าน้ายุพาไปคงได้ถอดสูตรอาหารเอามาทำให้เราได้กินกันแน่” ยุพาสาวใช้มองหน้าเจ้านายด้วยความแปลกใจเพราะการที่เปรมธวัชพูดแบบนี้หมายความว่าเขาจะพาเธอไปกินด้วย มินตราได้ยินคำพูดของสามีที่ให้ความสำคัญกับแม่ของเธอหญิงสาวรู้สึกมีความสุขที่เธอเลือกตัดสินใจไม่ผิดยอมเป็นภรรยารับจ้างให้เขาถึงแม้เธอจะไม่มีตัวตนในสังคมแต่ในบ้านหลังนี้ เปรมธวัชให้ความสำคัญกับเธอตามที่เขาสัญญาไว้จริงๆและความสำคัญนี้ก็เผื่อแผ่ไปหามารดาของเธอด้วย “เปรมรู้ไหมยุพาไม่ย
ตอนที่ 6การมาของใครบางคน“สวัสดีค่ะ คุณแม่สบายดีไหมคะไม่ได้เจอกันเสียหลายปี” สาวสวยหุ่นนางแบบดีกรีนักเรียนนอกยกมือไหว้อมราด้วยความนอบน้อมถึงแม้ว่าสไตล์การแต่งตัวของเธอจะดูไม่ค่อยเป็น คนเรียบร้อยเท่าไหร่ “ไหว้พระเถอะแม่คุณ ลมอะไรหอบทายาทเพียงคนเดียวของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาถึงบ้านของแม่ได้” อมราถึงแม้จะพยายามปั้นหน้าพูดดีตามแบบคนมีมารยาทแต่เธอก็อดที่จะใส่คำพูดจิกกัดลงไปไม่ได้เพราะหญิงสาวที่มาเป็นแขกในวันนี้เธอคือคนเดียวกับที่ทำร้ายหัวใจลูกชายเขาเมื่อหลายปีก่อน “รินกลับมาจากต่างประเทศนานแล้วแต่ไม่กล้ามาหาคุณแม่เพราะยังไม่รู้ว่าเปรมจะหายโกรธรินแล้วหรือยังค่ะ” คนพูดพยายามทำดวงตาให้ดูเศร้าเหมือนว่าเธอรู้สึกผิดกับสิ่งที่เคยทำลงไปในอดีตแต่มันก็ไม่ทำให้ความรู้สึกของอมราดีขึ้นเพราะเธอรู้จักผู้หญิงตรงหน้าดีว่ามารยาร้อยเล่มเกวียนแค่ไหน “สิ่งที่เธอทำมันสร้างความเจ็บปวดให้กับเปรมธวัชอยู่มากแต่ไม่ต้องกลัวตอนนี้เขาลืมเธอและทุกอย่างที่เธอทำหมดแล้ว คนเราไม่มีใครจมอยู่กับเรื่องไม่ดีหรือคนไม่ดีได้นานหรอก” ความเป็นแม่ถึงแม้จะ
ตอนที่ 7คนรักเขากลับมา“นั่งคุยกับแม่ก่อน” อมรานั่งรอดักเจอลูกชายอยู่จนดึก เธอมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเปรมธวัชในวันนี้กลัวว่าถ้าพูดช้าเกินไปอาจจะไม่ทัน “เที่ยงคืนกว่าแล้วคุณแม่ยังนั่งรอแบบนี้ต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่เลย” ลูกชายทำท่าทางออดอ้อนเพราะเขารู้อยู่แล้วว่ามารดากำลังจะพูดเรื่องของแฟนเก่าที่เดินทางมาหาเขาในวันนี้ “ลูกไปกินข้าวกับรินมาใช่ไหม” “ใช่ครับเราไม่ได้เจอกันนานก็เลยมีเรื่องคุยกันเยอะแล้วผมก็ขับรถไปส่งเธอที่บ้านก็เลยกลับดึกหน่อย” เปรมธวัชพยายามจะอธิบายว่าสาเหตุที่เขากลับมาถึงบ้านจนเที่ยงคืนไม่ได้เถลไถลที่ไหนแค่เพียงมีเรื่องคุยกันนานและด้วยความเป็นห่วงเขาจึงขับรถไปส่งเธอที่บ้าน “ผู้หญิงคนนั้นเขากลับมาหาลูกเพื่ออะไรกันอย่าบอกนะว่าแค่กลับมาในฐานะเพื่อนที่คิดถึงเพราะแม่จะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด” หญิงสูงวัยประสบการณ์ในชีวิตของเธอมีมากจนสามารถเดาผู้หญิงอย่างรินรดาได้ออกการกลับมาของผู้หญิงคนนี้ต้องการมากกว่าความเป็นเพื่อนแน่นอน “คุณแม่คิดมากไป ผมกับรินเราเคยเป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อนถึงแม้จะเลิกไปแล้วแต่เรายั
ตอนที่ 8เหนี่ยวรั้งใจ2 เดือนผ่านไป “เปรมไปส่งรินที่คอนโดนะ” สาวสวยผิวขาวสองแขนยาวกอดคอชายหนุ่มคนรักเก่าของเธอจนใบหน้าของทั้งคู่แทบจะแนบชิดติดกัน “ทำไมถึงไม่กลับบ้าน” เปรมธวัชถามด้วยความแปลกใจเพราะตั้งแต่รินรดากับมาหาเขาทั้งคู่ออกไปกินข้าวเย็นด้วยกันตลอดแล้วสุดท้ายเขาก็จะขับรถไปส่งเธอที่บ้านแต่วันนี้เธอกลับร้องขอให้เขาไปส่งเธอที่คอนโดแทน “วันนี้รินเมาแล้วไม่อยากกลับบ้านเดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่จะว่าเอา เปรมก็เมาเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ” วันนี้ไม่ใช่แค่เพียงกินอาหารเย็นด้วยกันแต่เป็นการนั่งดื่มด้วยจึงทำให้เมาทั้งคู่ถึงแม้จะไม่มากนักแต่ก็เรียกได้ว่าความรู้สึกร้อนๆหนาวๆมันเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจและร่างกายของคนที่เคยเป็นถ่านไฟเก่าของกันและกัน เปรมธวัชเป็นอันต้องยอมแพ้เขาเดินประคองหญิงสาวขึ้นไปส่งถึงในห้องนอนที่คอนโดเขาตั้งใจว่าส่งเธอเข้านอนเสร็จก็จะรีบกลับบ้านทันทีแต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่ออีกฝ่ายพยายามใช้มารยาทุกอย่างรั้งให้เขาอยู่เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่เคยมีให้กันเมื่อหลายปีที่ผ่านมา “อย่าทำแบบนี
ตอนที่ 9ตัวปลอมต้องยอมไป“ฉันจะยังไม่บอกเปรมตามคำขอของเธอนะแต่งถ้าภายในสัปดาห์นี้เธอยังไม่บอกเขาฉันคงต้องขอเป็นคนบอกเองแล้วแหละเพราะไม่อยากให้ทุกอย่างมันสายเกินไป” อมรายอมรับปากลูกสะใภ้คิดว่าเรื่องแบบนี้ภรรยาคงอยากจะบอกสามีด้วยตัวเองแต่ถ้ามินตราปล่อยให้ทุกอย่างนานไปเธอในฐานะที่เป็นแม่ก็คงต้องบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง คืนนี้เป็นค่ำคืนที่หัวใจของคุณแม่คนใหม่อ่อนแออย่างถึงที่สุดเธอตั้งใจที่จะปล่อยตัวเองให้ร้องไห้จนน้ำตาหมดไปจากร่างกายและวันพรุ่งนี้เธอจะเป็นคนใหม่เธอจะต้องเข้มแข็งให้มากกว่าเดิมเพราะตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเธอแค่ชีวิตเดียว “หนูเป็นลูกแม่นะ” มือเล็กลูบลงไปที่ท้องส่งผ่านความอบอุ่นและความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในหัวใจให้กับสายเลือดของตัวเองได้รับรู้ มินตราชักเริ่มไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกันว่าเธอจะยอมยกลูกให้กับเปรมธวัชหรือไม่เพราะในสัญญาทารกที่ถือกำเนิดขึ้นจะเป็นสิทธิ์ขาดของเขาคนเดียวและเธอก็เซ็นยินยอมไปแล้วแต่เมื่อวันนี้มาถึงหัวใจของเธอมันรักเกินกว่าจะยอมยกลูกให้ใคร นาฬิกาบอกเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแปรมธวัชยังคงไม่กลับมาแต่วันนี้มินตราตั้งใจว่าเธ
ตอนที่ 10กว่าจะรู้“คุณแม่ครับมิ้นไปไหน” วันนี้เป็นวันแรกที่เปรมธวัชกลับมาทันกินข้าวเย็นหลังจากที่ 2 เดือนที่ผ่านเขาจะกลับมาถึงบ้านก็หลังเที่ยงคืนเท่านั้น “พ่อให้มิ้นกับยุพาไปจากที่นี่แล้ว” ธานินทร์ตอบด้วยท่าทางไม่สนใจยังคงก้มหน้าก้มตากิน ข้าวคลุกกะปิอาหารมื้อสุดท้ายที่ครอบครัวของมินตราได้ทำไว้ให้คนที่บ้านหลังนี้ได้กิน “คุณพ่อหมายความว่าอย่างไรครับไปจากที่นี่” เปรมธวัชวางช้อนในมือเขาถามบิดาด้วยเสียงที่สูงและดูมีอารมณ์อยู่ในนั้นเพราะอย่างไรมินตราก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาการที่เธอจะไปไหนเขาควรจะต้องมีส่วนรู้ด้วย “ก็เปรมจะแต่งงานกับรินไม่ใช่หรือ แล้วจะให้มินตราอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรพ่อก็เลยให้เขาไปเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ยุพาเองก็ทำงานที่นี่มานานก็ถึงเวลาต้องปลดระวางไปใช้ชีวิตอิสระของเธอบ้างและทำไมจะต้องมาโมโหแบบนี้ในเมื่อลูกเลือกเองว่าจะแต่งงานกับรินแล้วจะเก็บมินตราไว้ทำไมอย่าเห็นแก่ตัวนักสิ” ชายหนุ่มเป็นอันต้องเลิกกินข้าวสองมือกอดอกมองสบตาทั้งพ่อและแม่ที่ดูเหมือนไม่มีใครจะอยู่ข้างเขาในเวลานี้ “มินตราเป็นผู้
ตอนที่ 11ของขวัญที่ล้ำค่า“ผมขอโทษ” มินตราพี่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่บริเวณสวนหลังบ้านหันหลังมาตามเสียงที่เธอได้ยินด้วยความตกใจเพราะมันเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยและรอคอยมาตลอดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ “คุณเปรมมาได้อย่างไรคะ” สาวน้อยรีบวางสายยางและใช้สองมือประคองชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่ายกมือไหว้อยู่ตรงหน้าให้ลุกขึ้น “ให้อภัยผมได้ไหมความผิดครั้งนี้มันมากมายและยิ่งใหญ่เหลือเกินที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้ว่าหัวใจตัวเองต้องการใครจนวันที่คุณไม่อยู่ผมรู้แล้วว่ารินรดาไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมต้องการอีกแล้ว” สาวน้อยพูดอะไรไม่ถูกจึงทำได้แค่เพียงฟังและให้อีกฝ่ายพูดความในใจออกมาสำหรับมินตรา เธอไม่เคยโกรธเขาแต่ที่เธอยอมจากมาแค่เพียงอยากให้เขารู้จักเสียงหัวใจตัวเองและเธอไม่ต้องการอยู่อย่างไร้ค่าในบ้านที่เธอไม่มีตัวตนในฐานะภรรยาอีกแล้ว “ผมยกเลิกการแต่งงานทุกอย่างมันจะไม่เกิดขึ้นแล้ว” มินตราพยักหน้าเพราะเธอรู้เรื่องนี้ดีจาก Facebook ของเปรมธวัชที่เธอเฝ้าติดตามเขามาตลอดตั้งแต่เขาไปเรียนที่ต่างประเทศ “ที่คุณมาวันนี้เพื่อจะตามมิ้นให้กลับไปอยู่กับคุณในฐานะ
ตอนที่1ความลับ “พี่ดลพี่ตามผมให้กับจากเวียดนาม เพราะเรื่อง ไร้สาระแบบนี้นี่นะ” ภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดล รู้สึกไม่พอใจเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่พี่ชายโทรตามเขาให้กลับมาเมืองไทยเพียงเพราะว่า ต้องการให้เขานอนกับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อมีลูก “ในเมื่อภรรยาพี่ยินยอมแล้ว ทำไมพี่ไม่นอนกับเธอเอง ทำไมต้องเป็นนผม” “พี่ทำใจไม่ได้ ที่จะนอกกายภรรยา แต่แกยังไม่มีเมีย ถือเสียว่าช่วยให้ครอบครัวพี่สมบูรณ์นะ เราเป็นแฝดกัน แล้วเรื่องนี้ก็มีแต่พ่อกับแม่เราเท่านั้นที่รู้ ทุกคนจะคิดว่าเป็นพี่” พ่อของทั้งคู่เป็นคนไทยลูกเสี้ยวอังกฤษที่ทำงานอยู่ที่อเมริกา และเกิดมาเที่ยวที่เมืองไทยและดันมามีอะไรกับแม่ของทั้งคู่ โดยที่พ่อมีภรรยาเป็นอยู่ที่อเมริกาอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูลูกฝ่ายละคนและปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แค่พ่อแม่ ภูวดล และภูผาเท่านั้น ที่รู้ว่าทั้งคู่มีแฝด เพราะถึงอย่างไรทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอยู่คนละประเทศอยู่แล้ว “ก่อนจะตัดสินใจดูรูปของเธอก่อน ” ภูวดลส่งรูปให้น้องชายดู “ทั้งสวย ทั้งน่ารัก ทำไมถึงได้ยอมมาทำแบ
ตอนที่13พร้อมหน้าครอบครัวใหญ่ วันนี้พ่อกับแม่ของภูผาจะเดินทางมาถึงที่สนามบินเชียงใหม่ วันนี้ครัวเวียดนามหยุดหนึ่งวัน เพื่อเตรียมรับทั้งคู่ “คิดถึงจังเลยลูกรักของแม่” นาตาลีโผเข้ากอดลูกชายทันที ที่ได้เจอหน้ากันที่สนามบิน “มิสยู เช่นกันครับ” ชายหนุ่มโดนหญิงสาวอวบจนเกือบอ้วน ตัวใหญ่ตามแบบฝรั่ง จูบแก้มซ้ายแก้มขวาด้วยความคิดถึง “แม่กับพ่อครับนี่ขิมและปูนปั้น ภรรยาและลูกชายของผม” ทั้งสองคนมัวแต่ดีใจที่ได้เจอหน้าลูกชายที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี จนลืมสังเกตว่าเขาไม่ได้มาแค่คนเดียว “ฮาย ปูนปั้น มาให้...แม่ต้องเป็นอะไรนะ” นาตาลีหันไปถามลูกชาย เธอเริ่มจำสับสนว่าเธอควรจะเป็นย่าหรือยายกันแน่ “คุณแม่ต้องเป็นคุณย่าสิครับ” ปูนปั้นเด็กน้อยที่เข้ากับทุกคนได้เสมอ เพราะเขาโตมากับร้านอาหารจึงยอมให้ย่ากับปู่อุ้มแต่โดยดี “ปู่ซื้อของเล่นมาให้เยอะเลย ได้ข่าวว่าหลายชายคนเก่งเป็นเชฟน้อยใช่ไหม” “ใช่ครับ เชฟปูนปั้น” ปู่กับย่าต่างหัวเราะให้กับความฉอเลาะของหลานชาย ความจริงแล้วทั้งคู่
ตอนที่12สารภาพผิด “ขิมพรุ่งนี้คุณไปธุระกับผมหน่อยนะ เอาลูกไปด้วย” “อืม” หญิงสาวตอบแค่เพียงสั้นๆ เพื่อแสดงว่าเธอรับรู้ เพราะตอนนี้เธอเมาจนไม่อยากพูดอะไร ภูผานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่นอนข้างเขารู้อะไรมา และสิ่งที่รู้มันคือเรื่องจริงไหม เธอรู้เอง หรือมีใครมาเล่าให้ฟัง แต่สิ่งที่ชายหนุ่มมั่นใจ คือภรรยาของเขาดูเอาจริงเอาจัง ถ้าเขายังไม่แสดงออกให้เธอรู้สึกเชื่อใจ มีหวังไม่นาน คำว่าครอบครัวของเขาต้องพังยับเยินแน่ เพียงแค่หลับตา ภูผาก็คิดถึงใบหน้าของพี่สะใภ้ เขาให้สัญญากับเธอไว้ ว่าจะดูแลเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่น ปูนปั้นให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาเพิ่งคิดได้ ว่าเขาแทบจะไม่มีเวลาเล่นกับลูกเหมือนตอนลูกมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ บางวันเขาออกไปทำงานแต่เช้า แล้วก็กลับดึก อย่างเช่นวันนี้ เขาได้เห็นหน้าลูกก็แค่ตอนที่ลูกหลับแล้วเท่านั้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา ภูผาเองพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ เขาคิดว่าขิมต้องรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่เขาก็โทรไปถามพนักงานตลอด ทางนั้นก็ยืนยันว่าขิมไม่ได้ไปทั้งสองร้านเลย แ
ตอนที่11ไม่ไว้ใจ “ไหนว่าจะกลับดึกคะ เด็กที่ร้านเพิ่งกลับไปเอง” ป้าสุเพิ่งอาบน้ำให้ปูนปั้นเสร็จ กำลังนั่งทาแป้งแต่งตัวกัน ถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกขิมบอกกับเธอว่าคงกลับดึก “วันนี้ขิมเช่ารถสะกดรอยตามคุณภูไปค่ะ ” หญิงสาวหยุดเล่าก่อนจะเดินไปอุ้มลูกชายมาหอมและกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ “เกิดอะไรขึ้นคะคุณขิม” ป้าสุเห็นท่าทีของคนเล่า เริ่มไม่ค่อยสบายใจ เพราะสิ่งที่เจ้านายของเธอไปเจอคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ขิมเจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถไปกลับคุณภู และเส้นทางที่ไป ไม่ใช่ทางไปร้าน แต่เป็นทางไปคอนโดที่คุณภูเคยอยู่ ขิมเลยบอกให้คนขับพาขิมกลับ ขิมยังไม่พร้อมค่ะป้า ขิมกลัว” ป้าสุได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ขิมเธอเป็นผู้หญิงที่ชีวิตโดดเดี่ยว ถ้าเธอต้องเสียคุณภูไป เธอคงไม่รู้จะอยู่อย่างไร “คุณแม่ วันนี้ปูนไปนอนด้วยนะ” “นอนได้ครับ แต่ถ้าจะหลับแล้ว ต้องกลับไปนอนห้องของตัวเอง เดี๋ยวคุณยายไม่มีใครนอนด้วย ปูนปั้นไม่ห่วงคุณยายเหรอครับ” ขิมพยายามปรับอารมณ์เมื่อลูกชายของเธอหันมาคุยด้วย เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นสัมผัสได้ถึ
ตอนที่10เริ่มต้นครอบครัว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของวริน ภูวดลตัดสินใจบวชอย่างไม่มีกำหนด เรื่องงานเขามีลูกน้องที่ไว้ใจดูแลให้ ภูผาพาครอบครัวของเขาและป่าสุแม่บ้านที่เลี้ยงดูปูนปั้นกลับมาที่เชียงใหม่ด้วย “แล้วเราจะเลี้ยงลูกที่ไหนคะ” ขิมถามเพราะเธอกับเขาต่างอยู่กันคนละที่ เลยคิดไม่ออกว่าที่ไหนจะเหมาะกว่ากัน “เลี้ยงที่บ้านคุณ ผมตัดสินใจแล้ว จะซื้อบ้านที่ประกาศขายที่อยู่ติดกับบ้านของคุณ และจะให้ช่างมาออกแบบทุบให้ทั้งสองหลังให้เชื่อมติดกัน” ขิมเห็นด้วยกับความคิดของภูผาเพราะบ้านของเธอหรือคอนโดของเขาก็คงจะเล็กไป ถ้าต้องอยู่กันถึงสี่คน ร้านอาหารถูกปิดไปก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาแค่เพียงสามวัน เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองคนอยู่กรุงเทพ ร้านยังคงเปิดอยู่ ภูผาจึงอยากให้ทุกคนได้พักบ้าง****หนึ่งปีผ่านไป**** “ปูนปั้นครับ ห้ามเดินลงบันไดคนเดียวเด็ดขาด ถ้าคุณแม่เห็นอีกจะไม่เตือนแล้วนะ ต้องมีการลงโทษกันบ้างแล้ว ” ขิมดุลูกชายที่เริ่มซนมากขึ้น เพราะตอนนี้อายุจะสองขวบเต็มแล้ว ป้าสุเองก็อายุมากตามหลานไม่ค่อยทัน “คุณหนูม
ตอนที่9ชีวิตใหม่และการจากไปตลอดกาล คืนแรกในบ้านของภูวดล ในบทบาทของพ่อและแม่ของหนูน้อยปูนปั้น ทำให้ขิมยอมใจอ่อน กลับมาทำหน้าที่ภรรยาของภูผาอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าวรินเองยังกลัวการที่ตาหนูต้องไปอยู่กับแม่เลี้ยง ดังนั้นในเมื่อเธอเป็นแม่แท้ๆ เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอ ต้องได้เจอทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงเลย ขิมจึงให้โอกาสภูผาอีกสักครั้ง “เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดนะ” ชายหนุ่มกอดแม่ของลูก ด้วยความรู้สึกดีใจและมีความสุขที่จะได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว ตั้งแต่เกิดมาพี่น้องฝาแฝด ไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งแม่และลูกเลยสักครั้ง เพราะทั้งฝั่งตาและปู่ไม่ยินยอม และพ่อของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว จึงตกลงกันที่รับผิดชอบลูกกันไปคนละคน ภูผาตั้งใจว่า เมื่อครั้งนี้เขาเปลี่ยนบทจากลูกมาเป็นพ่อ เขาจะดูแลครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์และดีที่สุด วรินเรียกภูผาและขิมเข้าไปหาเธอทุกวันในช่วงสาย เพราะหลังจากเวลานั้นเธอจะต้องกินยานอนหลับเพื่อไม่ให้ทรมานกับการปวดท้อง และจะตื่นอีกทีช่วงหัวค่ำเพื่อมาเล่นกับปูปั้นลูกชายของเธอ ทั้งสองคนได้เรียนรู้อุป
ตอนที่8พร้อมหน้า เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพของภูวดลกับวริน ต่างก็มองหน้ากันและจับมือเพื่อหวังให้มันช่วยส่งกำลังที่เข้มแข็งผ่านมือที่กุมกันไว้ “คุณ...” สาวใช้ของบ้านถึงรู้อยู่แล้วว่าน้องชายฝาแฝดของเจ้าของบ้านกำลังจะมา แต่เมื่อเห็นตัวจริงที่เหมือนกันทุกอย่าง ก็ทำเอาเด็กสาวถึงขั้นตกใจ “ผมภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดลและนี่ภรรยาของผม” ขิมถึงกับตกใจกับคำแนะนำตัวเธอ ที่ชายหนุ่มพูดออกไป “เชิญทางนี้ค่ะ” ทั้งสองคนเดินตามสาวใช้ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ที่บันไดตกแต่งด้วยภาพของปูนปั้นเต็มไปหมด “นี่คุณใครเขาให้คุณแนะนำแบบนั้น ฉันไปเป็นภรรยาของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” ขิมเดินเกาะแขนภูผา ปากก็บ่นเขาไปตลอดทาง บางจังหวะหมั่นไส้ก็แอบหยิกบ้าง “ต้องให้ผมอธิบายไหม ว่าเมื่อไหร่ ท่าไหน คุณอย่ามัวทำเป็นเล่น เรากำลังจะไปจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตของลูกเรานะ” “ขิมขอโทษ ” หญิงสาวลืมคิดไปว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาไม่พอใจเขา เพราะข้างหน้ามีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่า ภาพของปูนปั
ตอนที่7ถึงเวลาของความจริง ภูผาจอดรถหน้าบ้านของหญิงสาว เขารวบรวมความกล้าและตั้งสติ เพื่อคิดคำพูดและเหตุผลที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ขิมยอมฟังเขาจนจบเรื่อง “ขิม เปิดประตูให้ผมหน่อย มีธุระด่วน” ชายหนุ่มโทรศัพท์เข้าไปก่อน เพราะกลัวว่าถ้าไปเคาะหน้าประตูเลยอาจจะทำให้อีกฝ่ายตกใจได้ “ทำไมกลับมาอีกล่ะคะ เข้ามาในบ้านก่อน ขิมคิดว่าคุณกลับไปนอนหลับที่คอนโดแล้วเสียอีก เพราะเมื่อเช้าคุณต้องตื่นแต่เช้า” หญิงสาวหยุดพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าจริงจัง และเอาแต่ถอนหายใจ ก้มหน้ามองมือสองข้างที่กำกันไว้แน่น “คุณภูมีอะไรหรือเปล่าคะ บอกขิมได้นะ หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวกับลูก” ขิมเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเรื่องที่ทำให้ชายหนุ่มไม่สบายใจและตัดสินในกลับมาหาเธอ คงไม่พ้นเรื่องเธอหรือปูนปั้นแน่ๆ “ทั้งสองคน ผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับคุณอย่างไรดี ผมละอายไปหมด” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนคนที่กำลังควบคุมสติไม่ได้ เขาโวยวายตาแดงกร่ำ “ลูกเป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้นกับลูก” หญิงสาวห่วงอยู่เรื่องเดียว คือปูนปั้น เธอกลัวว่าลูกของเธอจะเป็
ตอนที่6ความรู้สึกที่ดีในวันเก่าๆพระจันทร์ยังไม่ทันลับขอบฟ้า ทั้งสองคนก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง และหวังว่าจะได้เห็นทะเลหมอก“ง่วงก็หลับก่อนเลยนะ เดี๋ยวถึงแล้วผมปลุกเอง โค้งเยอะคุณอาจจะเวียนหัวก็ได้”ชายหนุ่มเขาเคยมาเที่ยวที่นี่ครั้งหนึ่ง ตอนที่มาหาสถานที่เปิดร้านอาหาร จากที่ขี่หาแถวตัวเมือง เลยไกลขึ้นมาถึงเส้นนี้ จนได้รู้ถึงโค้งที่แสนจะเวียนหัว“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ตอนแม่ยังอยู่ฉันก็ตื่นเช้า และเรื่องเมาโค้งยังไม่เป็นสักทีนะคะ”ขิมพูด เพราะเธอยังไม่ได้ลิ้มลองโค้งของเส้นทางนี้ ภูผาได้แต่จะรอดูผล ว่าถึงเวลาหญิงสาวยังยังเก่งอยู่ไหมอากาศข้างนอกเย็นสบายชายหนุ่มจึงแง้มหน้าต่างพอให้ลมเข้า เพื่อได้สูดอากาศบริสุทธิ์ เข้าไปให้ชุ่มปอดเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึง พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง ทั้งคู่รีบจอดรถและเดินไปยังจุดชมวิว“เรามาทันหมอกด้วยค่ะ สวยมากเลย”ขิมหันไปมองชายหนุ่มที่มาด้วยเพราะเธอไม่ได้ยินเสียงตอบจากเขาภูผากำลังยืนมองไปที่ภาพของครอบครัวหนึ่งที่อุ้มเด็กน้อยกำลังถ่ายภาพกัน เด็กคนนั้นน่าจะอายุมากกว่า ปูนปั้นลูกชายของเขากับขิมไม่เท่าไหร่“คิดถึงลูกเหรอคะ” คนถามเห็นแล
ตอนที่5เริ่มจีบกันใหม่ ไม่นานร้านอาหารเวียดนามของภูผาก็ถูกเปิดอย่างเป็นทางการ ขิมเองทำอาหารได้ทุกเมนู เดือนแรกเธอมีผู้ช่วยเพียงคนเดียว แต่ร้านขายดีมาก ภูผาจึงต้องจ้างผู้ช่วยแม่ครัวเพิ่มอีกหนึ่งคน “เหนื่อยไหม ขอบคุณมากนะขิม ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่” ชายหนุ่มเดินมาที่ห้องครัวหลังจากลูกค้ากลับไปหมดแล้ว “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะสนุกดี แล้วคุณไม่กลับไปกรุงเทพบ้างเหรอคะ เห็นอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้ว” ขิมไม่กล้าถามถึงลูกกับภรรยาของเขาโดยตรงจึงถามแบบอ้อมๆ ทั่วไป “ไปกรุงเทพ ไปทำไมล่ะ ผมไม่ได้มีอะไรที่นั่นเสียหน่อย” คนตอบทำหน้าสงสัย หญิงสาวเลือกที่จะไม่ถามต่อ เธอคิดว่าชายหนุ่มคงเลิกรากับวรินแน่ๆเลย ถึงได้ย้ายมาอยู่ไกลแบบนี้ ด้วยความเป็นแม่ หญิงสาวรู้สึกห่วงลูกขึ้นมา แต่ก็เชื่อใจว่าในเมื่อวรินเองมีลูกไม่ได้อย่างไรเสีย เขาคงไม่ทิ้งลูกของเธอแน่นอน “เดี๋ยววันนี้ผมไปส่ง แต่ก่อนกลับ เราไปหาข้าวต้มร้อน ๆ กินกันดีกว่า ตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่ ผมยังไม่เคยขับรถเล่นเวลากลางคืนเลย เพราะเหนื่อยแต่กับเรื่องร้าน พรุ่งนี้ร้านหยุด คุณห้ามปฎิเสธเล