Share

เริ่มต้นครอบครัว

ตอนที่10

เริ่มต้นครอบครัว

          หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของวริน ภูวดลตัดสินใจบวชอย่างไม่มีกำหนด เรื่องงานเขามีลูกน้องที่ไว้ใจดูแลให้

         ภูผาพาครอบครัวของเขาและป่าสุแม่บ้านที่เลี้ยงดูปูนปั้นกลับมาที่เชียงใหม่ด้วย

          “แล้วเราจะเลี้ยงลูกที่ไหนคะ”

          ขิมถามเพราะเธอกับเขาต่างอยู่กันคนละที่ เลยคิดไม่ออกว่าที่ไหนจะเหมาะกว่ากัน

          “เลี้ยงที่บ้านคุณ ผมตัดสินใจแล้ว จะซื้อบ้านที่ประกาศขายที่อยู่ติดกับบ้านของคุณ และจะให้ช่างมาออกแบบทุบให้ทั้งสองหลังให้เชื่อมติดกัน”

          ขิมเห็นด้วยกับความคิดของภูผาเพราะบ้านของเธอหรือคอนโดของเขาก็คงจะเล็กไป ถ้าต้องอยู่กันถึงสี่คน

          ร้านอาหารถูกปิดไปก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาแค่เพียงสามวัน เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองคนอยู่กรุงเทพ ร้านยังคงเปิดอยู่ ภูผาจึงอยากให้ทุกคนได้พักบ้าง

         

****หนึ่งปีผ่านไป****

         

          “ปูนปั้นครับ ห้ามเดินลงบันไดคนเดียวเด็ดขาด ถ้าคุณแม่เห็นอีกจะไม่เตือนแล้วนะ ต้องมีการลงโทษกันบ้างแล้ว ”

          ขิมดุลูกชายที่เริ่มซนมากขึ้น เพราะตอนนี้อายุจะสองขวบเต็มแล้ว ป้าสุเองก็อายุมากตามหลานไม่ค่อยทัน

          “คุณหนูมาหายายเถอะค่ะ ไปดูปลาในอ่างกันดีกว่า”

          ทันทีที่ได้ยินเสียงคุณหนูยอดดวงใจโดนดุ ป้าสุก็จะรีบเดินมาอุ้มหนีทุกครั้ง จนตอนนี้ ใครจะดุปูนปั้นที ต้องเอาตอนที่ป้าสุอยู่ห่างๆ ถ้าอย่างนั้นไม่มีทางได้ดุจนจบแน่

         “ขิมเดือนหน้าคุณพ่อกับคุณแม่ผมจะบินมาหา รบกวนคุณช่วยเตรียมที่ห้องให้ด้วยนะ”

          ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ขิมแอบรู้สึกน้อยใจมาตลอดว่าเธอไม่เคยได้เจอครอบครัวของสามีเลย ตอนนี้ถึงเธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยาแล้วก็ตามแต่ก็ไม่เคยมี        งานแต่งไม่มีการจดทะเบียนสมรส

          ปูนปั้นก็ถือว่าเป็นบุตรบุญธรรมของภูผาเพียงคนเดียว ตามที่วรินจัดการไว้ จนหลายครั้งขิมเริ่มรู้สึกว่าเธอเหมือนเป็นอากาศเท่านั้น

          “ท่านทั้งคู่จะมาเที่ยวเหรอคะ”

          หญิงสาวถามโดยหวังว่าคำตอบ จะเกี่ยวกับเธอหรือลูกบ้าง

          “คุณพ่อจะมาดูร้านอาหาร ท่านอยากให้ทำจริงจัง มีอะไรขาดเหลือท่านจะได้ช่วย”

          ภูผาตอบตามที่เขากับบิดาคุยกันไว้ โดยที่ไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของหญิงสาวที่จ๋อยลงทันที

          “วันนี้คุณจะไปร้านพร้อมผมเลยไหม”

          “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวขิมตามไปทีหลังกับลูกแล้วก็ป้าสุเอง

          วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีกับการจากไปของมารดาของเธอ ขิมตั้งใจจะทำอาหารเพลไปถวายพระที่วัด แล้วแวะพาลูกและป้าสุไปถวายสังฆทาน

          ตอนแรกที่ปูนปั้นย้ายมาอยู่กับเธอและภูผา ครอบครัวดูมีความสุข ป้าสุก็เป็นเหมือนผู้ใหญ่ของบ้านที่คอยช่วยเลี้ยงหลาน ภูผาเองก็ใช้เวลาส่วนมากกับครอบครัว แม้แต่เวลาไปร้านก็จะพาขิมกับลูกไปด้วย แต่หลายเดือนมานี้ภูผาเอาแต่สนใจกับร้านอาหาร จนบางวันเหมือนเขาลืมไปเลยว่ามีอีกสองชีวิตรอเขากลับบ้านอยู่

          “ป้ารู้นะ ว่าคุณขิมกำลังรู้สึกน้อยใจ ถ้ามันไม่สบายใจจริงๆก็ควรคุยกันตรงๆ นะคะ”

          ด้วยอายุที่มากและป้าสุก็เป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างวรินกับภูวดลมาโดยตลอด เธอจึงเข้าใจปัญหาครอบครัวดี

          “ขิมก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะป้า หลายเดือนมานี้ คุณภูดูเปลี่ยนไป ขนาดวันนี้เป็นวันครบรอบที่แม่ของขิมจากไป คุณภูยังไม่เคยพูดถึงเลย ”

          “ป้าก็ไม่ได้เข้าข้างคุณภูนะ แต่ว่างบางครั้ง เขาอาจจะคิดเรื่องร้านเพราะมันคืออนาคตของคุณหนูก็ได้ แต่อาจลืมไปว่านอกจากเงินแล้ว ลูกกับเมียยังต้องการตัวเขาด้วย”

          ขิมคิดตามคำพูดของป้าสุ ฟังดูแล้วก็มีเหตุผล แต่ทำไมเธอยังคงรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน

          “วันนี้คุณจะไปร้านไหน” ภูผาถามภรรยาเพราะตอนนี้เขาเปิดถึงสามสาขาแล้ว

          “วันนี้ขิมจะไปครัวเวียดนามค่ะ รับแม่ครัวมาใหม่จะไปสอนเพิ่มเสียหน่อย”

          “ถ้าอย่างนั้น ผมเข้าอีกสองร้านเอง เจอกันดึกเลยนะ ไม่ต้องรอผมกินข้าว”

          หญิงสาวที่กำลังนั่งพับผ้าของลูกชาย เพื่อเตรียมเอาไปใส่ตู้ หันมาสังเกตสามีที่วันนี้เขาดูแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ เธอเริ่มรู้สึกว่ามีหลายอย่างในตัวสามีที่ไม่เหมือนเดิม

          “ป้าสุคะ วันนี้ขิมฝากตาหนูถึงดึกเลยได้ไหมคะ เดี๋ยวขิมจะให้เด็กที่ร้านมาช่วยงานช่วงเย็น ขิมมีธุระบางอย่างที่อยากทำค่ะ”

          หญิงสาวตัดสินใจที่จะรู้ให้ได้ว่าวันนี้สามีของเธอทำอะไรที่ไหนอย่างไร

          “คุณขิมตัดสินใจจะทำอะไรก็ขอให้มีสตินะคะ ป้าอยู่ข้างคุณขิมและคุณหนูเสมอ”

          หญิงสาวโผตัวเข้ากอดหญิงในวัยชรา ที่อายุมากกว่าแม่ของเธอเสียอีก ชีวิตของเธอมีแค่เพียงไม่กี่คนแล้ว ทำไมเธอรู้สึกเหมือนตอนนี้เธอกำลังถูกนอกใจ ขิมพยายามตั้งสติคิดถึงปูนปั้นและวรินไว้ในใจ เพื่อให้เธอเข้มแข็งและเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด

         ขิมตัดสินใจเช่ารถพร้อมคนขับ เธอติดสัญญาณ          จีพีเอสไว้ที่รถของภูผา โดยที่เขาไม่รู้ตัว เพราะเธอเพิ่งได้มาเมื่อคืนนี้เอง จึงลงไปติดตอนเช้ามืด

          “ตามไปเรื่อยๆ แต่อย่าใกล้มากนะคะ เดี๋ยวเขาจะสงสัย” หญิงสาวบอกกับคนขับ

          “คุณพอจะมองเห็นไหมคะ ว่าเบาะข้างคนขับมีคนนั่งไหม ฉันสายตาสั้นแต่มองแล้วรู้สึกเหมือนมี”

          หญิงสาวพยายามเพ่งดูแต่เธอเห็นไม่ชัด บางจังหวะก็รู้สึกเหมือนมี บางทีก็เหมือนเบาะเปล่า

          “ผมก็เห็นไม่ชัด เอาแบบนี้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะขับแซง คุณก็คอยมอง พอแซงเสร็จผมจะเข้าจอดข้างทางแล้วค่อยตามต่อเพื่อไม่ให้เขาสงสัย”

          หญิงสาวเห็นด้วยกับวิธีการนี้ พอรถยนต์ของเธอกำลังขับแซงเธอจึงมองเห็นชัดเจนว่า เบาะข้างๆสามีของเธอมีผู้หญิงนั่งอยู่ เป็นผู้หญิงร่างเล็ก จึงทำให้เธอเห็นไม่ชัดตั้งแต่แรกเพราะเบาะบังอยู่

          “กลับเถอะค่ะ ฉันพอแล้ว”

หญิงสาวรู้ว่าตัวเอง ไม่สามารถที่จะทนรับรู้อะไรมากกว่านี้ไปได้อีก เธอจึงขอหยุดเพียงแค่นี้ก่อน เธอขอกลับไปเตรียมหัวใจให้พร้อมกว่านี้ เพราะจริงอาจทำให้เธอต้องเจ็บปวด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status