ตอนที่10
เริ่มต้นครอบครัว
หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของวริน ภูวดลตัดสินใจบวชอย่างไม่มีกำหนด เรื่องงานเขามีลูกน้องที่ไว้ใจดูแลให้
ภูผาพาครอบครัวของเขาและป่าสุแม่บ้านที่เลี้ยงดูปูนปั้นกลับมาที่เชียงใหม่ด้วย
“แล้วเราจะเลี้ยงลูกที่ไหนคะ”
ขิมถามเพราะเธอกับเขาต่างอยู่กันคนละที่ เลยคิดไม่ออกว่าที่ไหนจะเหมาะกว่ากัน
“เลี้ยงที่บ้านคุณ ผมตัดสินใจแล้ว จะซื้อบ้านที่ประกาศขายที่อยู่ติดกับบ้านของคุณ และจะให้ช่างมาออกแบบทุบให้ทั้งสองหลังให้เชื่อมติดกัน”
ขิมเห็นด้วยกับความคิดของภูผาเพราะบ้านของเธอหรือคอนโดของเขาก็คงจะเล็กไป ถ้าต้องอยู่กันถึงสี่คน
ร้านอาหารถูกปิดไปก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาแค่เพียงสามวัน เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองคนอยู่กรุงเทพ ร้านยังคงเปิดอยู่ ภูผาจึงอยากให้ทุกคนได้พักบ้าง
****หนึ่งปีผ่านไป****
“ปูนปั้นครับ ห้ามเดินลงบันไดคนเดียวเด็ดขาด ถ้าคุณแม่เห็นอีกจะไม่เตือนแล้วนะ ต้องมีการลงโทษกันบ้างแล้ว ”
ขิมดุลูกชายที่เริ่มซนมากขึ้น เพราะตอนนี้อายุจะสองขวบเต็มแล้ว ป้าสุเองก็อายุมากตามหลานไม่ค่อยทัน
“คุณหนูมาหายายเถอะค่ะ ไปดูปลาในอ่างกันดีกว่า”
ทันทีที่ได้ยินเสียงคุณหนูยอดดวงใจโดนดุ ป้าสุก็จะรีบเดินมาอุ้มหนีทุกครั้ง จนตอนนี้ ใครจะดุปูนปั้นที ต้องเอาตอนที่ป้าสุอยู่ห่างๆ ถ้าอย่างนั้นไม่มีทางได้ดุจนจบแน่
“ขิมเดือนหน้าคุณพ่อกับคุณแม่ผมจะบินมาหา รบกวนคุณช่วยเตรียมที่ห้องให้ด้วยนะ”
ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ขิมแอบรู้สึกน้อยใจมาตลอดว่าเธอไม่เคยได้เจอครอบครัวของสามีเลย ตอนนี้ถึงเธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันแบบสามีภรรยาแล้วก็ตามแต่ก็ไม่เคยมี งานแต่งไม่มีการจดทะเบียนสมรส
ปูนปั้นก็ถือว่าเป็นบุตรบุญธรรมของภูผาเพียงคนเดียว ตามที่วรินจัดการไว้ จนหลายครั้งขิมเริ่มรู้สึกว่าเธอเหมือนเป็นอากาศเท่านั้น
“ท่านทั้งคู่จะมาเที่ยวเหรอคะ”
หญิงสาวถามโดยหวังว่าคำตอบ จะเกี่ยวกับเธอหรือลูกบ้าง
“คุณพ่อจะมาดูร้านอาหาร ท่านอยากให้ทำจริงจัง มีอะไรขาดเหลือท่านจะได้ช่วย”
ภูผาตอบตามที่เขากับบิดาคุยกันไว้ โดยที่ไม่ทันได้สังเกตสีหน้าของหญิงสาวที่จ๋อยลงทันที
“วันนี้คุณจะไปร้านพร้อมผมเลยไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวขิมตามไปทีหลังกับลูกแล้วก็ป้าสุเอง
วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีกับการจากไปของมารดาของเธอ ขิมตั้งใจจะทำอาหารเพลไปถวายพระที่วัด แล้วแวะพาลูกและป้าสุไปถวายสังฆทาน
ตอนแรกที่ปูนปั้นย้ายมาอยู่กับเธอและภูผา ครอบครัวดูมีความสุข ป้าสุก็เป็นเหมือนผู้ใหญ่ของบ้านที่คอยช่วยเลี้ยงหลาน ภูผาเองก็ใช้เวลาส่วนมากกับครอบครัว แม้แต่เวลาไปร้านก็จะพาขิมกับลูกไปด้วย แต่หลายเดือนมานี้ภูผาเอาแต่สนใจกับร้านอาหาร จนบางวันเหมือนเขาลืมไปเลยว่ามีอีกสองชีวิตรอเขากลับบ้านอยู่
“ป้ารู้นะ ว่าคุณขิมกำลังรู้สึกน้อยใจ ถ้ามันไม่สบายใจจริงๆก็ควรคุยกันตรงๆ นะคะ”
ด้วยอายุที่มากและป้าสุก็เป็นคนที่คอยอยู่เคียงข้างวรินกับภูวดลมาโดยตลอด เธอจึงเข้าใจปัญหาครอบครัวดี
“ขิมก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะป้า หลายเดือนมานี้ คุณภูดูเปลี่ยนไป ขนาดวันนี้เป็นวันครบรอบที่แม่ของขิมจากไป คุณภูยังไม่เคยพูดถึงเลย ”
“ป้าก็ไม่ได้เข้าข้างคุณภูนะ แต่ว่างบางครั้ง เขาอาจจะคิดเรื่องร้านเพราะมันคืออนาคตของคุณหนูก็ได้ แต่อาจลืมไปว่านอกจากเงินแล้ว ลูกกับเมียยังต้องการตัวเขาด้วย”
ขิมคิดตามคำพูดของป้าสุ ฟังดูแล้วก็มีเหตุผล แต่ทำไมเธอยังคงรู้สึกแปลกๆอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน
“วันนี้คุณจะไปร้านไหน” ภูผาถามภรรยาเพราะตอนนี้เขาเปิดถึงสามสาขาแล้ว
“วันนี้ขิมจะไปครัวเวียดนามค่ะ รับแม่ครัวมาใหม่จะไปสอนเพิ่มเสียหน่อย”
“ถ้าอย่างนั้น ผมเข้าอีกสองร้านเอง เจอกันดึกเลยนะ ไม่ต้องรอผมกินข้าว”
หญิงสาวที่กำลังนั่งพับผ้าของลูกชาย เพื่อเตรียมเอาไปใส่ตู้ หันมาสังเกตสามีที่วันนี้เขาดูแต่งตัวหล่อเป็นพิเศษ เธอเริ่มรู้สึกว่ามีหลายอย่างในตัวสามีที่ไม่เหมือนเดิม
“ป้าสุคะ วันนี้ขิมฝากตาหนูถึงดึกเลยได้ไหมคะ เดี๋ยวขิมจะให้เด็กที่ร้านมาช่วยงานช่วงเย็น ขิมมีธุระบางอย่างที่อยากทำค่ะ”
หญิงสาวตัดสินใจที่จะรู้ให้ได้ว่าวันนี้สามีของเธอทำอะไรที่ไหนอย่างไร
“คุณขิมตัดสินใจจะทำอะไรก็ขอให้มีสตินะคะ ป้าอยู่ข้างคุณขิมและคุณหนูเสมอ”
หญิงสาวโผตัวเข้ากอดหญิงในวัยชรา ที่อายุมากกว่าแม่ของเธอเสียอีก ชีวิตของเธอมีแค่เพียงไม่กี่คนแล้ว ทำไมเธอรู้สึกเหมือนตอนนี้เธอกำลังถูกนอกใจ ขิมพยายามตั้งสติคิดถึงปูนปั้นและวรินไว้ในใจ เพื่อให้เธอเข้มแข็งและเป็นแม่ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ขิมตัดสินใจเช่ารถพร้อมคนขับ เธอติดสัญญาณ จีพีเอสไว้ที่รถของภูผา โดยที่เขาไม่รู้ตัว เพราะเธอเพิ่งได้มาเมื่อคืนนี้เอง จึงลงไปติดตอนเช้ามืด
“ตามไปเรื่อยๆ แต่อย่าใกล้มากนะคะ เดี๋ยวเขาจะสงสัย” หญิงสาวบอกกับคนขับ
“คุณพอจะมองเห็นไหมคะ ว่าเบาะข้างคนขับมีคนนั่งไหม ฉันสายตาสั้นแต่มองแล้วรู้สึกเหมือนมี”
หญิงสาวพยายามเพ่งดูแต่เธอเห็นไม่ชัด บางจังหวะก็รู้สึกเหมือนมี บางทีก็เหมือนเบาะเปล่า
“ผมก็เห็นไม่ชัด เอาแบบนี้ไหมครับ เดี๋ยวผมจะขับแซง คุณก็คอยมอง พอแซงเสร็จผมจะเข้าจอดข้างทางแล้วค่อยตามต่อเพื่อไม่ให้เขาสงสัย”
หญิงสาวเห็นด้วยกับวิธีการนี้ พอรถยนต์ของเธอกำลังขับแซงเธอจึงมองเห็นชัดเจนว่า เบาะข้างๆสามีของเธอมีผู้หญิงนั่งอยู่ เป็นผู้หญิงร่างเล็ก จึงทำให้เธอเห็นไม่ชัดตั้งแต่แรกเพราะเบาะบังอยู่
“กลับเถอะค่ะ ฉันพอแล้ว”
หญิงสาวรู้ว่าตัวเอง ไม่สามารถที่จะทนรับรู้อะไรมากกว่านี้ไปได้อีก เธอจึงขอหยุดเพียงแค่นี้ก่อน เธอขอกลับไปเตรียมหัวใจให้พร้อมกว่านี้ เพราะจริงอาจทำให้เธอต้องเจ็บปวด
ตอนที่11ไม่ไว้ใจ “ไหนว่าจะกลับดึกคะ เด็กที่ร้านเพิ่งกลับไปเอง” ป้าสุเพิ่งอาบน้ำให้ปูนปั้นเสร็จ กำลังนั่งทาแป้งแต่งตัวกัน ถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกขิมบอกกับเธอว่าคงกลับดึก “วันนี้ขิมเช่ารถสะกดรอยตามคุณภูไปค่ะ ” หญิงสาวหยุดเล่าก่อนจะเดินไปอุ้มลูกชายมาหอมและกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ “เกิดอะไรขึ้นคะคุณขิม” ป้าสุเห็นท่าทีของคนเล่า เริ่มไม่ค่อยสบายใจ เพราะสิ่งที่เจ้านายของเธอไปเจอคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ขิมเจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถไปกลับคุณภู และเส้นทางที่ไป ไม่ใช่ทางไปร้าน แต่เป็นทางไปคอนโดที่คุณภูเคยอยู่ ขิมเลยบอกให้คนขับพาขิมกลับ ขิมยังไม่พร้อมค่ะป้า ขิมกลัว” ป้าสุได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ขิมเธอเป็นผู้หญิงที่ชีวิตโดดเดี่ยว ถ้าเธอต้องเสียคุณภูไป เธอคงไม่รู้จะอยู่อย่างไร “คุณแม่ วันนี้ปูนไปนอนด้วยนะ” “นอนได้ครับ แต่ถ้าจะหลับแล้ว ต้องกลับไปนอนห้องของตัวเอง เดี๋ยวคุณยายไม่มีใครนอนด้วย ปูนปั้นไม่ห่วงคุณยายเหรอครับ” ขิมพยายามปรับอารมณ์เมื่อลูกชายของเธอหันมาคุยด้วย เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นสัมผัสได้ถึ
ตอนที่12สารภาพผิด “ขิมพรุ่งนี้คุณไปธุระกับผมหน่อยนะ เอาลูกไปด้วย” “อืม” หญิงสาวตอบแค่เพียงสั้นๆ เพื่อแสดงว่าเธอรับรู้ เพราะตอนนี้เธอเมาจนไม่อยากพูดอะไร ภูผานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่นอนข้างเขารู้อะไรมา และสิ่งที่รู้มันคือเรื่องจริงไหม เธอรู้เอง หรือมีใครมาเล่าให้ฟัง แต่สิ่งที่ชายหนุ่มมั่นใจ คือภรรยาของเขาดูเอาจริงเอาจัง ถ้าเขายังไม่แสดงออกให้เธอรู้สึกเชื่อใจ มีหวังไม่นาน คำว่าครอบครัวของเขาต้องพังยับเยินแน่ เพียงแค่หลับตา ภูผาก็คิดถึงใบหน้าของพี่สะใภ้ เขาให้สัญญากับเธอไว้ ว่าจะดูแลเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่น ปูนปั้นให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาเพิ่งคิดได้ ว่าเขาแทบจะไม่มีเวลาเล่นกับลูกเหมือนตอนลูกมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ บางวันเขาออกไปทำงานแต่เช้า แล้วก็กลับดึก อย่างเช่นวันนี้ เขาได้เห็นหน้าลูกก็แค่ตอนที่ลูกหลับแล้วเท่านั้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา ภูผาเองพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ เขาคิดว่าขิมต้องรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่เขาก็โทรไปถามพนักงานตลอด ทางนั้นก็ยืนยันว่าขิมไม่ได้ไปทั้งสองร้านเลย แ
ตอนที่13พร้อมหน้าครอบครัวใหญ่ วันนี้พ่อกับแม่ของภูผาจะเดินทางมาถึงที่สนามบินเชียงใหม่ วันนี้ครัวเวียดนามหยุดหนึ่งวัน เพื่อเตรียมรับทั้งคู่ “คิดถึงจังเลยลูกรักของแม่” นาตาลีโผเข้ากอดลูกชายทันที ที่ได้เจอหน้ากันที่สนามบิน “มิสยู เช่นกันครับ” ชายหนุ่มโดนหญิงสาวอวบจนเกือบอ้วน ตัวใหญ่ตามแบบฝรั่ง จูบแก้มซ้ายแก้มขวาด้วยความคิดถึง “แม่กับพ่อครับนี่ขิมและปูนปั้น ภรรยาและลูกชายของผม” ทั้งสองคนมัวแต่ดีใจที่ได้เจอหน้าลูกชายที่ไม่ได้เจอกันเป็นปี จนลืมสังเกตว่าเขาไม่ได้มาแค่คนเดียว “ฮาย ปูนปั้น มาให้...แม่ต้องเป็นอะไรนะ” นาตาลีหันไปถามลูกชาย เธอเริ่มจำสับสนว่าเธอควรจะเป็นย่าหรือยายกันแน่ “คุณแม่ต้องเป็นคุณย่าสิครับ” ปูนปั้นเด็กน้อยที่เข้ากับทุกคนได้เสมอ เพราะเขาโตมากับร้านอาหารจึงยอมให้ย่ากับปู่อุ้มแต่โดยดี “ปู่ซื้อของเล่นมาให้เยอะเลย ได้ข่าวว่าหลายชายคนเก่งเป็นเชฟน้อยใช่ไหม” “ใช่ครับ เชฟปูนปั้น” ปู่กับย่าต่างหัวเราะให้กับความฉอเลาะของหลานชาย ความจริงแล้วทั้งคู่
ตอนที่ 1สาวน้อยในเรือน“เมื่อคืนไปนอนไหนมาอีกล่ะบ้านช่องอยู่ไม่ติดเลยนะลูก” อมราอดที่จะต่อว่าลูกชายไม่ได้ทั้งที่ความจริงเปรมธวัชก็ทำตัวแบบนี้มาตลอด 10 ปีตั้งแต่เขากลับมาจากต่างประเทศพร้อมกับหอบหัวใจที่บอบช้ำกลับมา “โมโหอะไรมาครับถึงได้มาลงกับผมแบบนี้...ไหนมาหอมแก้มให้หายคิดถึงหน่อย” ชายหนุ่มที่ยังคงอยู่ในชุดทำงานเพราะตั้งแต่เมื่อคืนนี้เขายังไม่ได้กลับมาบ้านเลยเข้ามาโอบกอดคนเป็นแม่หอมแก้มฟอดใหญ่เพื่อเอาใจ “อายุจะ 40 แล้ว ลูกจะใช้ชีวิตต่อไปแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ แม่เองก็อยากจะอุ้มหลานอยากจะมีทายาทสืบสกุลกับเขาสักคน” ก่อนหน้านี้อมราพยายามจะเลือกหาลูกสะใภ้ที่ถูกใจเธอให้กับลูกชายแต่มันก็ไม่มีประโยชน์หลายครั้งที่เธอคิดว่าจะยอมให้เปรมธวัชจริงจังกับผู้หญิงสักคนทีเป็นคู่ขาอยู่ตอนนี้เพื่อที่เธอจะได้มีหลานแต่กลับเป็นชายหนุ่มที่ไม่ยอมทำตาม “ผู้ชายอายุ 60 แล้วก็ยังมีลูกได้นะครับไม่เห็นต้องรีบเลยสาวๆสมัยนี้ก็อยากมีสามีอายุเยอะกันทั้งนั้น” ชายหนุ่มพยายามหาเหตุผลมาเฉไฉเพราะตัวเขาเองยังไม่รู้จะหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เขาเคยคิดจะเลือกผู้
ตอนที่ 2คำขอร้องจากผู้มีพระคุณเปรมธวัชเดินออกมาจากคอนโดมิเนียมแต่เขาก็ต้องกลับไปอีกครั้งเมื่อคิดขึ้นได้ว่าลืมแฟ้มเอกสารบางอย่างไว้“สุดท้ายเธอก็หักหลังฉัน”ภาพที่เปรมธวัชได้เห็นคือผู้ชายที่เขาไม่คุ้นหน้ากำลังเดินเข้าไปยังห้องของนาเดียโดยที่หญิงสาวเป็นคนเปิดประตูให้สองมือที่คล้องคอและดึงตัวผู้ชายคนนั้นเข้าห้องทำให้ชายหนุ่มรู้ได้ทันทีว่า ทั้งคู่มีความสัมพันธ์อะไรกันชายหนุ่มตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปแสดงตัว เขาไม่ต้องการเป็นคนโง่ที่โดนหักหลังอีกแล้วเขาจึงเลือกที่จะเดินออกมาและส่งข้อความกลับไปหาหญิงสาวที่เป็นคู่ขาให้เขาย้ายออกจากคอนโดของเขาภายในวันนี้ด้วยเหตุผลว่าเขาต้องการพาผู้หญิงคนใหม่มาอยู่เปรมธวัชตัดสินใจที่จะเดินหน้าเรื่องของมินตราทันทีชีวิตที่ผ่านมาทำให้เขาเริ่มกลัวว่าบางทีเงินทองที่เขามีอยู่จะไม่สามารถซื้อความรักจากใครได้อีกเขาจึงคิดว่าบางทีคำว่ามีพระคุณอาจจะทำให้เขาเป็นที่ต้องการของมินตราก็ได้“วันนี้คุณเปรมมาร่วมยินดีด้วยนะลูก”ยุพาหันไปบอกลูกสาวด้วยความซาบซึ้งใจที่ลูกชายของเจ้านายมาร่วมแสดงความยินดีกับลูกสาวของเธอในวันรับปริญญา“มิ้นขอบคุณคุณเปรมมากนะคะที่มาร่วมยินดีกับมิ้นในว
ตอนที่ 3ภรรยาเด็ก“ในเมื่อมินตราตกลงแล้ว เราจะเอาอย่างไรกันต่อไป”อมราไม่กล้าถามลูกชายตรงๆว่าแผนการที่เธอวางไว้ เปรมธวัชพร้อมจะเริ่มต้นเมื่อไหร่เพราะสำหรับเธอแล้วต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างเร็วที่สุด อายุของเธอมากขึ้นทุกวันดูแล้วคงไม่ได้อยู่ดูหลานจนถึงรับปริญญา“ผมพร้อมแล้วครับอยู่ที่สาวน้อยของคุณแม่นั่นแหละที่จะพร้อมหรือยัง”ชายหนุ่มตอบด้วยความมั่นใจเพราะตัวเขาเองตอนนี้ก็ ไม่เหลือผู้หญิงคนไหนอีกแล้วตั้งแต่วันนั้นที่เขารู้ความจริงเรื่องของนาเดียเขาก็ตั้งใจว่าจะยุติความสัมพันธ์แบบชั่วคราวแล้วหันมาทำตามในสิ่งที่แม่ต้องการจะดีกว่าการมีลูกบางครั้งอาจจะทำให้ตัวเขาเองมีความสุขในชีวิตมากกว่านี้ก็ได้ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนเข้าหอสำหรับภรรยารับจ้างที่ไม่มีแม้แต่งานแต่งไม่มีการบอกรักไม่มีทะเบียนสมรสไม่มีสิ่งใดๆที่ผู้หญิงต่างก็เฝ้าฝันว่าชีวิตของเธอจะต้องได้รับจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามี“มิ้นพร้อมแล้วค่ะ”หญิงสาวในชุดนอนพูดขึ้นเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องที่อมราจัดไว้สำหรับเป็นห้องนอนของทั้งคู่ในการผลิตหลานให้กับเธอ“พูดจาเป็นหุ่นยนต์เหมือนไร้ความรู้สึกแบบนี้ผมจะทำอะไรคุ
ตอนที่ 4เรียนรู้ระหว่างเรา“ไม่เอา ! ผมไม่ให้ใส่เสื้อผ้าแบบนี้”เปรมธวัชดึงเสื้อยืดออกจากมือของภรรยาเด็กเพราะพี่เขาพาเธอมาซื้อเสื้อผ้าใหม่ในวันนี้เพราะอยากให้สาวน้อยแต่งตัวดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น“มิ้นเคยใส่แต่เสื้อผ้าแบบนี้ถ้าเป็นแบบอื่นก็ไม่รู้จะใส่แบบไหนเหมือนกันค่ะ”มินตราคิดไม่ออกว่าเสื้อผ้าแบบไหนที่จะเหมาะกับเธอจึงยกให้เปรมธวัชทำหน้าที่เลือกเอาแบบที่เขาต้องการทั้งสองคนเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าโดยไม่ทันได้สังเกตว่ามีสายตาของผู้หญิงกลุ่มหนึ่งกำลังจ้องมองอยู่“คุณเปรมพาใครมาซื้อเสื้อผ้าคะนี่”สาวสวยไฮโซเดินเข้ามาทักทายเปรมธวัชพร้อมกับเพื่อนของเธออีก 3 คนซึ่งทุกคนกำลังหันมาจ้องมองสาวน้อยที่กำลังยืนอยู่ข้างนักธุรกิจชื่อดัง“สวัสดีครับน้องไอลดา”ชายหนุ่มไม่ตอบคำถามแต่หันกลับไปทักทายอีกฝ่ายแทนซึ่งด้วยมารยาทแล้วทำให้คำถามนั้นต้องเป็นอันตกไปเมื่อถูกบทสนทนาอื่นเข้ามาแทน“ปกติแล้วไอไม่เคยเห็นพี่เปรมมาเดินห้างแบบนี้เลยนะคะใครๆก็พากันพูดกันว่านักธุรกิจหนุ่มใหญ่อย่างคุณเปรมธวัชนอกจากเรื่องงานแล้วก็ไม่สนใจเรื่องอื่นเลย”ไอลดาพยายามจะล้วงเอาคำตอบให้ได้ว่าผู้หญิงที่มากับเปรมธวัชใ
ตอนที่ 5เผลอปล่อยใจ“คุณแม่ครับผมซื้ออาหารทะเลร้านโปรดมาฝาก” เปรมธวัชยื่นถุงกับข้าวถุงใหญ่ส่งให้มารดาที่นั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขกด้วยท่าทางมีความสุขที่เห็นลูกชายกลับมาพร้อมกับลูกสะใภ้ของเธอ “พามินตราไปร้านโปรดของเรามาใช่ไหม” อมราถามทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วเพราะลูกชายโทรมาบอกตั้งแต่ช่วงเย็นแต่ที่เธอแกล้งพูดเพราะอยากให้หญิงสาวได้รู้ว่าร้านอาหารร้านนั้นถ้าไม่พิเศษจริงๆเปรมธวัชไม่มีทางพาไป “มิ้นชอบบรรยากาศที่นั่นมากครับสงสัยวันหลังเราต้องไปกันพร้อมหน้าทุกคนจะได้สนุกมากยิ่งขึ้นรับรองได้ว่าถ้าน้ายุพาไปคงได้ถอดสูตรอาหารเอามาทำให้เราได้กินกันแน่” ยุพาสาวใช้มองหน้าเจ้านายด้วยความแปลกใจเพราะการที่เปรมธวัชพูดแบบนี้หมายความว่าเขาจะพาเธอไปกินด้วย มินตราได้ยินคำพูดของสามีที่ให้ความสำคัญกับแม่ของเธอหญิงสาวรู้สึกมีความสุขที่เธอเลือกตัดสินใจไม่ผิดยอมเป็นภรรยารับจ้างให้เขาถึงแม้เธอจะไม่มีตัวตนในสังคมแต่ในบ้านหลังนี้ เปรมธวัชให้ความสำคัญกับเธอตามที่เขาสัญญาไว้จริงๆและความสำคัญนี้ก็เผื่อแผ่ไปหามารดาของเธอด้วย “เปรมรู้ไหมยุพาไม่ย