ตอนที่4
ลาก่อนลูกรัก
แพทย์ที่ทำคลอดให้กับขิมเป็นน้องสาวของวริน ทุกอย่างจึงไม่มีปัญหา ทันทีที่เด็กน้อยคลอดออกมา วรินตั้งชื่อให้ว่าปูนปั้น เพราะเธอเป็นคนคิดและวางแผนปั้นมากับมือ
“ดูแลตัวเองนะลูก หนูอยู่กับพ่อกับแม่ที่รักหนูที่สุดแล้ว”
ขิมจูบลงไปที่หน้าผากของลูกชายของเธอ คืนวันนี้เธอก็จะออกจากโรงพยาบาลและไปให้ไกล ตามสัญญาที่ให้ไว้กับวริน
เด็กน้อยเกิดมาด้วยใบหน้าที่เหมือนกับภูผามาก ดังนั้นปูนปั้นจึงเหมือนภูวดลไปด้วย ยิ่งทำให้วรินสบายใจ เพราะทุกคนจะได้เชื่อ
ตลอดเวลาเกือบสี่เดือนที่วรินเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อไม่ให้มีใครได้เห็นเธอ จะได้ไม่แปลกใจในวันที่เธอมีลูกขึ้นมา
ภูวดลแกล้งอุ้มลูกออกมานอกห้องที่พักของแม่และเด็ก เพื่อพาหนุ่มน้อยปูนปั้นให้ได้มาเจอหน้ากับพ่อแท้ ๆ
“ผมฝากลูกด้วยนะพี่ รักเขาให้มากๆ ถ้าวันไหนพี่ไม่ต้องการเขาแล้วหรือรักลูกผมน้อยลง บอกผมนะ”
ภูผาเพิ่งเข้าใจคำว่าพ่อก็วันนี้ เขาตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมปล่อยไป เพราะทุกอย่างมันถูกตกลงกันไว้แล้ว และภูวดลก็ไม่ใช่คนอื่นเป็นลุงแท้ๆ ภูผาจึงสบายใจ
******สามเดือนผ่านไป******
ภูผากลับไปที่อเมริการเพื่อไปบอกบิดาและแม่เลี้ยงของเขา ว่าตัวเขาเองต้องการจะมาเปิดร้านอาหารฝรั่ง กับอาหารเวียดนามที่เมืองไทย ในจังหวัดเชียงใหม่
“ดีเหมือนกัน พ่อก็อยากรู้ว่า ที่ไปเรียนทำอาหารมา มันจะสร้างรายได้ให้ลูกได้เหมือนกับการมาช่วยพ่อดูแลบริษัทนำเข้าสินค้าไหม”
จอร์นเขาไม่พอใจที่ภูผาสนใจที่จะเป็นเชฟแต่ได้ นาตาลีภรรยาใหม่ช่วยพูด ภูผาจึงไม่โดนดุ
“คุณคะ เราให้เงินลูกไปสักก้อน เอาไปเริ่มต้น จะได้มีร้านอาหารสวย ๆ ลูกค้าก็ต้องเยอะมากแน่ ๆค่ะ”
นาตาลีเธอรักภูผามาก ถึงกลับไม่ยอมมีลูก เพราะกลัวจะทำให้ลูกเลี้ยงน้อยใจ ชายหนุ่มจึงเป็นลูกชายสุดที่รักเพียงคนเดียว
จอร์นให้เงินภูผามาจำนวนหนึ่ง ซึ่งถือว่าสบายๆเลยกับการเปิดร้านอาหารเล็ก ๆ สักสองสาขา
ชายหนุ่มใช้เวลาสามเดือนเต็มในการช่วยพ่อและแม่เลี้ยงจัดการเรื่องธุรกิจ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาจึงเดินทางมาที่เชียงใหม่ทันที
ก่อนที่ภูผาจะเดินทางกลับอเมริกา เมื่อครั้งที่มาช่วยพี่ชายฝาแฝดทำเรื่องสำคัญ เขาได้ขอข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับขิมไว้ และขิมก็บอกกับเขาเอง ว่าเสร็จงานแม่เธอเมื่อไหร่จะย้ายไปซื้อบ้านอยู่เชียงใหม่ทันที เพราะสาเหตุนี้ ร่านอาหารของชายหนุ่มจึงต้องมาเปิดที่เชียงใหม่
ร้านอาหารตกแต่งเสร็จใช้เวลาแค่เพียงเดือนเดียว แต่ตอนนี้ภูผากำลังต้องการรับสมัครพนักงาน และเขาตั้งใจว่าจะไม่เอาคนที่มีความรู้เกี่ยวกับการทำอาหารมาก่อน เขาต้องการสอนคนที่สมองว่างเปล่าพร้อมรับสิ่งใหม่ๆมากกว่า
ผ่านไปสิบวันจากการติดป้ายประกาศรับสมัครงานชายหนุ่มได้พนักงานเสิร์ฟแล้ว6คน โดยจะแบ่งไว้ที่ร้านอาหารฝรั่ง3 คน แล้วร้านอาหารเวียดนาม3คน แต่ก็ยังขาดแม่ครัวและผู้ช่วยแม่ครัว อีกร้านละ3 คน
“ป้าบุญช่วยครับ ไม่มีใครมาสมัครตำแหน่งแม่ครัวและผู้ช่วยบ้างเลยเหรอครับ”
ภูผาเรียกแม่บ้านที่เขารับสมัครเข้ามาตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำร้านและมีหน้าที่คอยรับสมัครพนักงานให้เขา
มีค่ะเพิ่งมาเมื่อกลางวันนี้ ตอนคุณภูผาออกไปข้างนอก ยังเด็กอยู่เลยนะคะ อายุ24เอง เห็นว่าทำอาหารไม่เป็นแต่อยากทำ เดี๋ยวป้าไปหาใบสมัครมาให้ค่ะ
ทันที่ที่ป้าช่วยยื่นใบสมัครที่ติดรูปไว้เรียบร้อย ภูผาถึงกับมองคนในภาพด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจที่สุด
“ป้าช่วยครับ โทรศัพท์ไปบอกเธอเลย ว่าผมรับเธอเข้าทำงานแล้วให้มาเริ่มงานพรุ่งนี้เช้าเลย เพราะผมต้องสอนเธอทำอาหารก่อนที่ร้านจะเปิดจริงๆ”
ป้าบุญช่วยคิดไว้แล้วเชียว ถ้าเจ้านายของเธอได้เห็นหน้าหญิงสาวที่มาสมัครงาน จะต้องรีบรับทันที เพราะเธอทั้งสวยทั้งน่ารัก
วันนี้ภูผาเข้ามาที่ร้านแต่เช้า เพราะทนรอที่จะเจอกับขิมแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว จะโทรไปคุยก่อน ก็กลัวจะทำให้เธอรู้ตัวแล้วไม่ยอมมาทำงานกับเขา
“คุณภูคะ เธอมาแล้ว ป้าให้นั่งรออยู่ที่หน้าร้าน” ป้าช่วยเดินมาบอชายหนุ่มในครัว
“สวัสดีครับ”
ชายหนุ่มส่งเสียงทักทายไปก่อน เพื่อหวังให้สาวสวยที่ยืนรอเขาได้ยินเสียงแล้วอาจพอจำได้
“ค่ะ สวัส....ดีค่ะ”
หญิงสาวแทบพูดไม่จบประโยค เพราะชายหนุ่มตรงหน้าคืออดีตสามีชั่วคราวของเธอ
“ดีใจนะที่ได้เจอคุณ”
ชายหนุ่มพยายามเดินเข้ามาใกล้ แต่ขิมกลับถอยหลังออก
“เราะจเริ่มงานกันเลยไหมคะ”
หญิงสาวไม่เงยหน้ามอง เอาแต่จ้องที่ปลายเท้าตัวเอง มือไม้เธอดูสั่นกลัวไปหมด
“เราจะเริ่มงานกันวันนี้เลย และเอาเป็นว่าเราจะเริ่มต้นใหม่ในทุกๆเรื่อง ที่ผ่านมาถือว่าผมกับคุณไม่เคยรู้จักกันมาก่อน”
ภูผารู้ว่าขิมกำลังรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องในอดีต เขาจึงตัดสินใจพูดให้เธอรู้ว่า ต่อแต่นี้ไปเขากับเธอจะเป็นเจ้านายกับลูกน้องเท่านั้น
“ตามผมเขามาในครัว อย่างน้อยวันนี้คุณต้องได้สองเมนูกลับไป คุณแจ้งว่าสนใจจะอยู่ร้านอาหารเวียดนาม ซึ่งก็ง่ายกว่าร้านอาหารฝรั่ง เพราะอาหารเวียดนามจะใกล้เคียงกับอาหารของไทย”
ภูผาพยายามเว้นระยะห่าง และเขาก็ทำมันได้ดี เหมือนไม่เคยรู้จักกับหญิงสาวที่ยืนฟังเขาสอนอยู่ข้าง ๆมาก่อนเลย
วันนี้ขิมกับภูผาใช้เวลาทั้งวันในการฝึกทำอาหาร ขิมสามารถเรียนรู้ได้ดี จากที่ตั้งใจว่าจะสอนแค่สองเมนู แต่วันนี้ได้ถึงสาม พรุ่งนี้ภูผาจะให้หญิงสาวทำเองทั้งหมดโดยที่เขาไม่เข้าไปยุ่งเลย
“เก่งมากเรียนรู้ได้เร็ว วันนี้คุณกลับได้แล้ว พรุ่งนี้ก็มาถึงที่นี่ให้เร็วกว่าวันนี้หน่อยแล้วกัน”
ภูผาส่งหญิงสาวที่หน้าประตูร้าน และกำลังจะเดินหันหลังเข้าร้านไป แต่ต้องหยุดเมื่ออีกฝ่ายเรียกชื่อเขา
“คุณภูลูก เอ่อ....ปูนปั้นเป็นอย่างไรบ้างคะ”
ขิมพยายามตัดใจที่จะไม่รู้เรื่องของลูกชายเธอมาตลอดแต่ในที่สุดเธอก็หมดความอดทนเมื่อเจอหน้าพ่อของลูก
“ที่นี่ไม่มีปูนปั้น ไม่มีภูวดล ที่นี่มีแต่ภูผาเจ้าของร้านกับขิมเชฟคนเก่ง”
ชายหนุ่มตอบโดยที่ไม่หันไปมองคนถาม เพราะตัวเขาเองก็คิดถึงลูกไม่ต่างจากเธอ แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อทั้งคู่ตัดสินใจไปแล้ว
ขิมเดินทางกลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านมากนัก เธอซื้อด้วยเงินสดที่ได้จากวริน เธอจึงมีเงินติดตัวไม่มากนัก พอได้จากค่าเช่าบ้านที่กรุงเทพไม่กี่พัน เพราะเป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆและอยู่ในพื้นที่ ที่ไม่ได้มีราคา
หญิงสาวเข้าใจ ว่าทำไมเจ้านายของเธอจึงไม่อยากพูดเรื่องนี้อีก เพราะยิ่งพูด ยิ่งนึกถึงมันก็ยิ่งเจ็บ ขิมกำลังคิดว่าภูวดลคงเลิกกับวรินและเปลี่ยนชื่อใหม่
ตอนที่5เริ่มจีบกันใหม่ ไม่นานร้านอาหารเวียดนามของภูผาก็ถูกเปิดอย่างเป็นทางการ ขิมเองทำอาหารได้ทุกเมนู เดือนแรกเธอมีผู้ช่วยเพียงคนเดียว แต่ร้านขายดีมาก ภูผาจึงต้องจ้างผู้ช่วยแม่ครัวเพิ่มอีกหนึ่งคน “เหนื่อยไหม ขอบคุณมากนะขิม ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่” ชายหนุ่มเดินมาที่ห้องครัวหลังจากลูกค้ากลับไปหมดแล้ว “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะสนุกดี แล้วคุณไม่กลับไปกรุงเทพบ้างเหรอคะ เห็นอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้ว” ขิมไม่กล้าถามถึงลูกกับภรรยาของเขาโดยตรงจึงถามแบบอ้อมๆ ทั่วไป “ไปกรุงเทพ ไปทำไมล่ะ ผมไม่ได้มีอะไรที่นั่นเสียหน่อย” คนตอบทำหน้าสงสัย หญิงสาวเลือกที่จะไม่ถามต่อ เธอคิดว่าชายหนุ่มคงเลิกรากับวรินแน่ๆเลย ถึงได้ย้ายมาอยู่ไกลแบบนี้ ด้วยความเป็นแม่ หญิงสาวรู้สึกห่วงลูกขึ้นมา แต่ก็เชื่อใจว่าในเมื่อวรินเองมีลูกไม่ได้อย่างไรเสีย เขาคงไม่ทิ้งลูกของเธอแน่นอน “เดี๋ยววันนี้ผมไปส่ง แต่ก่อนกลับ เราไปหาข้าวต้มร้อน ๆ กินกันดีกว่า ตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่ ผมยังไม่เคยขับรถเล่นเวลากลางคืนเลย เพราะเหนื่อยแต่กับเรื่องร้าน พรุ่งนี้ร้านหยุด คุณห้ามปฎิเสธเล
ตอนที่6ความรู้สึกที่ดีในวันเก่าๆพระจันทร์ยังไม่ทันลับขอบฟ้า ทั้งสองคนก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง และหวังว่าจะได้เห็นทะเลหมอก“ง่วงก็หลับก่อนเลยนะ เดี๋ยวถึงแล้วผมปลุกเอง โค้งเยอะคุณอาจจะเวียนหัวก็ได้”ชายหนุ่มเขาเคยมาเที่ยวที่นี่ครั้งหนึ่ง ตอนที่มาหาสถานที่เปิดร้านอาหาร จากที่ขี่หาแถวตัวเมือง เลยไกลขึ้นมาถึงเส้นนี้ จนได้รู้ถึงโค้งที่แสนจะเวียนหัว“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ตอนแม่ยังอยู่ฉันก็ตื่นเช้า และเรื่องเมาโค้งยังไม่เป็นสักทีนะคะ”ขิมพูด เพราะเธอยังไม่ได้ลิ้มลองโค้งของเส้นทางนี้ ภูผาได้แต่จะรอดูผล ว่าถึงเวลาหญิงสาวยังยังเก่งอยู่ไหมอากาศข้างนอกเย็นสบายชายหนุ่มจึงแง้มหน้าต่างพอให้ลมเข้า เพื่อได้สูดอากาศบริสุทธิ์ เข้าไปให้ชุ่มปอดเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึง พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง ทั้งคู่รีบจอดรถและเดินไปยังจุดชมวิว“เรามาทันหมอกด้วยค่ะ สวยมากเลย”ขิมหันไปมองชายหนุ่มที่มาด้วยเพราะเธอไม่ได้ยินเสียงตอบจากเขาภูผากำลังยืนมองไปที่ภาพของครอบครัวหนึ่งที่อุ้มเด็กน้อยกำลังถ่ายภาพกัน เด็กคนนั้นน่าจะอายุมากกว่า ปูนปั้นลูกชายของเขากับขิมไม่เท่าไหร่“คิดถึงลูกเหรอคะ” คนถามเห็นแล
ตอนที่7ถึงเวลาของความจริง ภูผาจอดรถหน้าบ้านของหญิงสาว เขารวบรวมความกล้าและตั้งสติ เพื่อคิดคำพูดและเหตุผลที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ขิมยอมฟังเขาจนจบเรื่อง “ขิม เปิดประตูให้ผมหน่อย มีธุระด่วน” ชายหนุ่มโทรศัพท์เข้าไปก่อน เพราะกลัวว่าถ้าไปเคาะหน้าประตูเลยอาจจะทำให้อีกฝ่ายตกใจได้ “ทำไมกลับมาอีกล่ะคะ เข้ามาในบ้านก่อน ขิมคิดว่าคุณกลับไปนอนหลับที่คอนโดแล้วเสียอีก เพราะเมื่อเช้าคุณต้องตื่นแต่เช้า” หญิงสาวหยุดพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าจริงจัง และเอาแต่ถอนหายใจ ก้มหน้ามองมือสองข้างที่กำกันไว้แน่น “คุณภูมีอะไรหรือเปล่าคะ บอกขิมได้นะ หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวกับลูก” ขิมเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเรื่องที่ทำให้ชายหนุ่มไม่สบายใจและตัดสินในกลับมาหาเธอ คงไม่พ้นเรื่องเธอหรือปูนปั้นแน่ๆ “ทั้งสองคน ผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับคุณอย่างไรดี ผมละอายไปหมด” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนคนที่กำลังควบคุมสติไม่ได้ เขาโวยวายตาแดงกร่ำ “ลูกเป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้นกับลูก” หญิงสาวห่วงอยู่เรื่องเดียว คือปูนปั้น เธอกลัวว่าลูกของเธอจะเป็
ตอนที่8พร้อมหน้า เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพของภูวดลกับวริน ต่างก็มองหน้ากันและจับมือเพื่อหวังให้มันช่วยส่งกำลังที่เข้มแข็งผ่านมือที่กุมกันไว้ “คุณ...” สาวใช้ของบ้านถึงรู้อยู่แล้วว่าน้องชายฝาแฝดของเจ้าของบ้านกำลังจะมา แต่เมื่อเห็นตัวจริงที่เหมือนกันทุกอย่าง ก็ทำเอาเด็กสาวถึงขั้นตกใจ “ผมภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดลและนี่ภรรยาของผม” ขิมถึงกับตกใจกับคำแนะนำตัวเธอ ที่ชายหนุ่มพูดออกไป “เชิญทางนี้ค่ะ” ทั้งสองคนเดินตามสาวใช้ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ที่บันไดตกแต่งด้วยภาพของปูนปั้นเต็มไปหมด “นี่คุณใครเขาให้คุณแนะนำแบบนั้น ฉันไปเป็นภรรยาของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” ขิมเดินเกาะแขนภูผา ปากก็บ่นเขาไปตลอดทาง บางจังหวะหมั่นไส้ก็แอบหยิกบ้าง “ต้องให้ผมอธิบายไหม ว่าเมื่อไหร่ ท่าไหน คุณอย่ามัวทำเป็นเล่น เรากำลังจะไปจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตของลูกเรานะ” “ขิมขอโทษ ” หญิงสาวลืมคิดไปว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาไม่พอใจเขา เพราะข้างหน้ามีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่า ภาพของปูนปั
ตอนที่9ชีวิตใหม่และการจากไปตลอดกาล คืนแรกในบ้านของภูวดล ในบทบาทของพ่อและแม่ของหนูน้อยปูนปั้น ทำให้ขิมยอมใจอ่อน กลับมาทำหน้าที่ภรรยาของภูผาอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าวรินเองยังกลัวการที่ตาหนูต้องไปอยู่กับแม่เลี้ยง ดังนั้นในเมื่อเธอเป็นแม่แท้ๆ เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอ ต้องได้เจอทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงเลย ขิมจึงให้โอกาสภูผาอีกสักครั้ง “เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดนะ” ชายหนุ่มกอดแม่ของลูก ด้วยความรู้สึกดีใจและมีความสุขที่จะได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว ตั้งแต่เกิดมาพี่น้องฝาแฝด ไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งแม่และลูกเลยสักครั้ง เพราะทั้งฝั่งตาและปู่ไม่ยินยอม และพ่อของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว จึงตกลงกันที่รับผิดชอบลูกกันไปคนละคน ภูผาตั้งใจว่า เมื่อครั้งนี้เขาเปลี่ยนบทจากลูกมาเป็นพ่อ เขาจะดูแลครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์และดีที่สุด วรินเรียกภูผาและขิมเข้าไปหาเธอทุกวันในช่วงสาย เพราะหลังจากเวลานั้นเธอจะต้องกินยานอนหลับเพื่อไม่ให้ทรมานกับการปวดท้อง และจะตื่นอีกทีช่วงหัวค่ำเพื่อมาเล่นกับปูปั้นลูกชายของเธอ ทั้งสองคนได้เรียนรู้อุป
ตอนที่10เริ่มต้นครอบครัว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของวริน ภูวดลตัดสินใจบวชอย่างไม่มีกำหนด เรื่องงานเขามีลูกน้องที่ไว้ใจดูแลให้ ภูผาพาครอบครัวของเขาและป่าสุแม่บ้านที่เลี้ยงดูปูนปั้นกลับมาที่เชียงใหม่ด้วย “แล้วเราจะเลี้ยงลูกที่ไหนคะ” ขิมถามเพราะเธอกับเขาต่างอยู่กันคนละที่ เลยคิดไม่ออกว่าที่ไหนจะเหมาะกว่ากัน “เลี้ยงที่บ้านคุณ ผมตัดสินใจแล้ว จะซื้อบ้านที่ประกาศขายที่อยู่ติดกับบ้านของคุณ และจะให้ช่างมาออกแบบทุบให้ทั้งสองหลังให้เชื่อมติดกัน” ขิมเห็นด้วยกับความคิดของภูผาเพราะบ้านของเธอหรือคอนโดของเขาก็คงจะเล็กไป ถ้าต้องอยู่กันถึงสี่คน ร้านอาหารถูกปิดไปก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาแค่เพียงสามวัน เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองคนอยู่กรุงเทพ ร้านยังคงเปิดอยู่ ภูผาจึงอยากให้ทุกคนได้พักบ้าง****หนึ่งปีผ่านไป**** “ปูนปั้นครับ ห้ามเดินลงบันไดคนเดียวเด็ดขาด ถ้าคุณแม่เห็นอีกจะไม่เตือนแล้วนะ ต้องมีการลงโทษกันบ้างแล้ว ” ขิมดุลูกชายที่เริ่มซนมากขึ้น เพราะตอนนี้อายุจะสองขวบเต็มแล้ว ป้าสุเองก็อายุมากตามหลานไม่ค่อยทัน “คุณหนูม
ตอนที่11ไม่ไว้ใจ “ไหนว่าจะกลับดึกคะ เด็กที่ร้านเพิ่งกลับไปเอง” ป้าสุเพิ่งอาบน้ำให้ปูนปั้นเสร็จ กำลังนั่งทาแป้งแต่งตัวกัน ถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกขิมบอกกับเธอว่าคงกลับดึก “วันนี้ขิมเช่ารถสะกดรอยตามคุณภูไปค่ะ ” หญิงสาวหยุดเล่าก่อนจะเดินไปอุ้มลูกชายมาหอมและกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ “เกิดอะไรขึ้นคะคุณขิม” ป้าสุเห็นท่าทีของคนเล่า เริ่มไม่ค่อยสบายใจ เพราะสิ่งที่เจ้านายของเธอไปเจอคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ขิมเจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถไปกลับคุณภู และเส้นทางที่ไป ไม่ใช่ทางไปร้าน แต่เป็นทางไปคอนโดที่คุณภูเคยอยู่ ขิมเลยบอกให้คนขับพาขิมกลับ ขิมยังไม่พร้อมค่ะป้า ขิมกลัว” ป้าสุได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ขิมเธอเป็นผู้หญิงที่ชีวิตโดดเดี่ยว ถ้าเธอต้องเสียคุณภูไป เธอคงไม่รู้จะอยู่อย่างไร “คุณแม่ วันนี้ปูนไปนอนด้วยนะ” “นอนได้ครับ แต่ถ้าจะหลับแล้ว ต้องกลับไปนอนห้องของตัวเอง เดี๋ยวคุณยายไม่มีใครนอนด้วย ปูนปั้นไม่ห่วงคุณยายเหรอครับ” ขิมพยายามปรับอารมณ์เมื่อลูกชายของเธอหันมาคุยด้วย เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นสัมผัสได้ถึ
ตอนที่12สารภาพผิด “ขิมพรุ่งนี้คุณไปธุระกับผมหน่อยนะ เอาลูกไปด้วย” “อืม” หญิงสาวตอบแค่เพียงสั้นๆ เพื่อแสดงว่าเธอรับรู้ เพราะตอนนี้เธอเมาจนไม่อยากพูดอะไร ภูผานอนไม่หลับทั้งคืน เพราะเขาไม่รู้ว่าหญิงสาวที่นอนข้างเขารู้อะไรมา และสิ่งที่รู้มันคือเรื่องจริงไหม เธอรู้เอง หรือมีใครมาเล่าให้ฟัง แต่สิ่งที่ชายหนุ่มมั่นใจ คือภรรยาของเขาดูเอาจริงเอาจัง ถ้าเขายังไม่แสดงออกให้เธอรู้สึกเชื่อใจ มีหวังไม่นาน คำว่าครอบครัวของเขาต้องพังยับเยินแน่ เพียงแค่หลับตา ภูผาก็คิดถึงใบหน้าของพี่สะใภ้ เขาให้สัญญากับเธอไว้ ว่าจะดูแลเลี้ยงดูและให้ความอบอุ่น ปูนปั้นให้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เขาเพิ่งคิดได้ ว่าเขาแทบจะไม่มีเวลาเล่นกับลูกเหมือนตอนลูกมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ บางวันเขาออกไปทำงานแต่เช้า แล้วก็กลับดึก อย่างเช่นวันนี้ เขาได้เห็นหน้าลูกก็แค่ตอนที่ลูกหลับแล้วเท่านั้น ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา ภูผาเองพยายามคิดหาทางออกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเหตุการณ์วันนี้ เขาคิดว่าขิมต้องรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ที่ร้าน แต่เขาก็โทรไปถามพนักงานตลอด ทางนั้นก็ยืนยันว่าขิมไม่ได้ไปทั้งสองร้านเลย แ