ตอนที่3
เรียนรู้ ใกล้ชิด
“ขอโทษนะคะ ขิมตื่นสายไปหน่อย ”
คนพูดเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพหน้าซีด พอใกล้จะถึงห้องครัวที่ภูผากำลังทำกับข้าวอยู่เธอก็เป็นลมล้มไปเสียก่อน
“ขิม ขิม คุณได้ยินผมไหม”
ชายหนุ่มอุ้มคนร่างเล็กที่เป็นลมล้มลงไปนอนกับพื้น มาวางนอนกับโซฟากลางห้อง
“ขิมเป็นอะไรไปคะ”
“คุณเป็นลม ดีนะตัวเล็ก ถ้าตัวใหญ่ล่ะก็มีหวัง ผมทิ้งคุณไว้ที่พื้นแน่ๆ”
ภูผาพูดไป มือก็ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กลับหญิงสาวที่กำลังนอนตัวร้อนอยู่บนโซฟา
“หรือฉันจะท้องแล้วคะ”
ขิมทำท่าดีใจ เพราะเธอเคยเห็นในหนังคนท้องชอบเป็นลม เวียนหัว
“ต่อให้คุณท้องจริง มันก็คงจะไม่แสดงอาการเร็วแบบนี้ คุณเป็นไข้ ตัวร้อน จนผมต้องเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้”
ภูผาส่ายหัวให้กับความคิดของหญิงสาว เธอกับเขานอนด้วยกันคืนเดียว เธอคิดว่าตัวเองกำลังแพ้ท้องเสียแล้ว
วันนี้ทั้งวันชายหนุ่มเลยต้องเป็นบุรุษพยาบาลจำเป็น ไม่นานอาการไข้ก็ลดลง ขิมเธอพยายามแสดงออกให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอสบายดี เพื่อที่คืนนี้เขากับเธอจะได้ผลิตลูกกันอีก
วันเวลาทุกอย่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดขิมก็ตั้งท้องและอาการของแม่เธอก็ดีขึ้น จากที่หมอบอกว่าให้ทำใจตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว ว่าแม่เธอคงอยู่ได้ไม่ถึงเดือน แต่ตอนนี้ก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว
“ภูผาหมดหน้าที่แล้ว พี่ให้แกเดินทางกลับได้ ขอบใจนะที่ช่วยพี่จนทุกอย่างสำเร็จ”
สองคนฝาแฝดนัดเจอกันที่ร้านอาหารชานเมือง เพื่อให้พ้นจากสายตาของทุกคน
“พอหมดประโยชน์ พี่ก็จะไล่ผมเลยเหรอ ผมขออยู่ดูแลขิมกับลูกก่อนสักพักได้ไหม”
ภูผายังไม่อยากกลับอเมริกา เขาเป็นห่วงขิมกับลูก เพราะตอนนี้หญิงสาวมีเรื่องของแม่ที่ป่วยอยู่อีก เขากลัวว่าถ้าวันหนึ่งแม่ของเธอเป็นอะไรไป แล้วพี่ชายของเขาอาจจะไม่สามารถมาอยู่ดูแลช่วยเธอได้
“อย่าบอกนะว่าหลงรักขิมเข้าแล้ว ”
ภูวดลถามคำถามเหมือนอ่านใจน้องชายออก แต่ ภูผากลับทำท่าทางไม่ยอมรับ
“รักอะไรกัน พี่อย่าลืมนะ ลูกในท้องนั่นลูกผม ผมก็อยากจะมีโอกาสได้เห็นหน้าลูกผมบ้าง”
ลูกก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชายหนุ่มอยากอยู่ต่อ แต่ขิมคือเหตุผลที่สำคัญกว่า
“ถ้าอย่างนั้น เอาแบบนี้แล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปหาเช่าคอนโดให้ แล้วถ้าวันไหน ที่รินเขาไม่ตามพี่ไปดูขิม พี่ก็จะให้ภูผาไปแทน”
ภูวดลต้องยอมตามใจน้องชาย เพราะถ้าภูผาเกิดเปลี่ยนใจไม่ยกลูกให้เขาขึ้นมาจริงๆ เขาจะทำยังไง มีหวังความลับแตก วรินได้ขอหย่าเขาแน่ ๆ ที่บังอาจหลอกเธอ
ขิมท้องได้เพียงแค่สามเดือน ในที่สุดแม่ของเธอก็จากไป หญิงสาวเสียใจร้องไห้ โดยที่ไม่มีใครคอยอยู่เคียงข้าง ภูวดลกับวรินก็ทำหน้าที่ช่วยจัดแจงเรื่องงานศพ ส่วนสภาพจิตใจ เธอยังคงต้องช่วยตัวเอง
ภูผาแอบมาดูหญิงสาวอยู่ทุกคืน เขาจึงตัดสินใจ ให้ภูวดลแกล้งบอกขิมว่าคืนนี้เขาจะมานอนกับเธอ เพราะเป็นห่วงถ้าเธอเครียดมากๆ อาจมีผลต่อเด็กในท้อง
เมื่อสวดเสร็จวัดในกรุงเทพไม่ให้นอนเฝ้าศพ ขิมจึงกลับมานอนที่คอนโด เธอไม่อยากไปนอนกับญาติๆ เพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าเธอท้อง ซึ่งท้องของเธอเล็ก ถ้าไม่สังเกตดี ๆจะดูไม่ออกเลย
“เหนื่อยไหม ต้อนรับแขกมาหลายคืน”
ภูผาในฐานะภูวดลเปิดประตูคอนโดเข้ามา เขาเดินมานั่งที่โซฟาข้างๆขิม
“ไม่เหนื่อยค่ะ ขิมได้ทำให้แม่ครั้งสุดท้าย”
เมื่อพูดถึงแม่ หญิงสาวก็ทำท่าจะร้องไห้ แต่ก็พยายามเก็บซ่อนมันไว้
“การที่แม่ของคุณจากไปแบบนี้ มันอาจจะดีกว่าการที่ท่านต้องทรมาน คุณทำหน้าที่ดีที่สุดแล้ว”
ชายหนุ่มใช้มือโน้มศีรษะของคนตัวเล็กให้ลงมานอนแนบกับไหล่ของเขา
“แล้วคุณจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อไป หลังจากจบงานแม่คุณ”
ภูผาถามเพราะเขาอยากรู้ว่าเขาสามารถไปหาเธอได้ทีไหนหลังจากที่เธอคลอดลูก
“หลังจากฉันคลอดลูกเสร็จ ฉันก็จะยกลูกให้คุณตามสัญญา และจะย้ายไปอยู่เชียงใหม่ หาซื้อบ้านที่นั่นและค่อยคิดว่าจะทำอะไร อย่างน้อยเชียงใหม่ก็เป็นบ้านเกิดของแม่”
หญิงสาวยกศีรษะขึ้น มองหน้าชายหนุ่มอย่างจริงจังก่อนจะพูดความรู้สึกที่เธอยังไม่สบายใจ
“คุณภู คุณสัญญาได้ไหม ว่าคุณจะรักลูกให้เท่ากับชีวิตของคุณ แล้วถ้าวันใด คุณกับคุณวรินไม่ต้องการลูกแล้ว ส่งคืนมาให้ฉันนะ”
ชายหนุ่มพยักหน้ารับคำ เขาเข้าใจความรู้สึกของหญิงสาวดี เพราะเขาคือพ่อ พ่อที่ต้องยอมยกลูกให้กับพี่ชายกับพี่สะใภ้เหมือนกัน
“คุณทำหน้าที่ของแม่ให้ดีที่สุด ตอนที่ลูกอยู่ในท้อง ผมเชื่อว่าถ้าวันใดลูกมีโอกาสได้เจอคุณ ด้วยสายเลือดลูกจะรักคุณแม้ไม่รู้ว่าคุณคือแม่ก็ตาม”
ภูผาไม่ใช่แค่เพียงพูดเพื่อปลอบใจหญิงสาว แต่เขากำลังปลอบใจตัวเองด้วยเหมือนกัน
“ฉันเข้าใจเลย ว่าแม่รักฉันมากขนาดไหน ขนาดตอนนี้ขิมยังไม่ได้เห็นหน้าลูก ความรักยังเต็มหัวใจ แต่รักก็ต้องเสียสละ ลูกไปอยู่กับคุณและคุณวรินคงมีความสุขกว่าอยู่กับคนจนๆอย่างขิม”
“ผมว่าขิมไปนอนเถอะ พรุ่งนี้เป็นงานเผาศพแม่คุณ เก็บพลังงานไว้ดีกว่า เดี๋ยวจะเป็นลมไป”
หญิงสาวลุกจากโซฟาหันมามองหน้า สามีชั่วคราวของเธอ ทำไมเวลาที่เขามาหาเธอที่นี่ เขาถึงได้ดูอบอุ่น แต่เวลาที่เขามากับภรรยา เขาถึงมองเธอเหมือนเป็นอากาศ หญิงสาวได้แต่บอกตัวเองว่าเธอไม่ใช่ภรรยาเขา เป็นแค่เมียชั่วคราวที่เขาจ้างมาผลิตลูกให้เท่านั้น
ตอนที่4ลาก่อนลูกรัก แพทย์ที่ทำคลอดให้กับขิมเป็นน้องสาวของวริน ทุกอย่างจึงไม่มีปัญหา ทันทีที่เด็กน้อยคลอดออกมา วรินตั้งชื่อให้ว่าปูนปั้น เพราะเธอเป็นคนคิดและวางแผนปั้นมากับมือ “ดูแลตัวเองนะลูก หนูอยู่กับพ่อกับแม่ที่รักหนูที่สุดแล้ว” ขิมจูบลงไปที่หน้าผากของลูกชายของเธอ คืนวันนี้เธอก็จะออกจากโรงพยาบาลและไปให้ไกล ตามสัญญาที่ให้ไว้กับวริน เด็กน้อยเกิดมาด้วยใบหน้าที่เหมือนกับภูผามาก ดังนั้นปูนปั้นจึงเหมือนภูวดลไปด้วย ยิ่งทำให้วรินสบายใจ เพราะทุกคนจะได้เชื่อ ตลอดเวลาเกือบสี่เดือนที่วรินเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อไม่ให้มีใครได้เห็นเธอ จะได้ไม่แปลกใจในวันที่เธอมีลูกขึ้นมา ภูวดลแกล้งอุ้มลูกออกมานอกห้องที่พักของแม่และเด็ก เพื่อพาหนุ่มน้อยปูนปั้นให้ได้มาเจอหน้ากับพ่อแท้ ๆ “ผมฝากลูกด้วยนะพี่ รักเขาให้มากๆ ถ้าวันไหนพี่ไม่ต้องการเขาแล้วหรือรักลูกผมน้อยลง บอกผมนะ” ภูผาเพิ่งเข้าใจคำว่าพ่อก็วันนี้ เขาตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมปล่อยไป เพราะทุกอย่างมันถูกตกลงกันไว้แล้ว และภูวดลก็ไม่ใช่คนอื่นเ
ตอนที่5เริ่มจีบกันใหม่ ไม่นานร้านอาหารเวียดนามของภูผาก็ถูกเปิดอย่างเป็นทางการ ขิมเองทำอาหารได้ทุกเมนู เดือนแรกเธอมีผู้ช่วยเพียงคนเดียว แต่ร้านขายดีมาก ภูผาจึงต้องจ้างผู้ช่วยแม่ครัวเพิ่มอีกหนึ่งคน “เหนื่อยไหม ขอบคุณมากนะขิม ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่” ชายหนุ่มเดินมาที่ห้องครัวหลังจากลูกค้ากลับไปหมดแล้ว “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะสนุกดี แล้วคุณไม่กลับไปกรุงเทพบ้างเหรอคะ เห็นอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้ว” ขิมไม่กล้าถามถึงลูกกับภรรยาของเขาโดยตรงจึงถามแบบอ้อมๆ ทั่วไป “ไปกรุงเทพ ไปทำไมล่ะ ผมไม่ได้มีอะไรที่นั่นเสียหน่อย” คนตอบทำหน้าสงสัย หญิงสาวเลือกที่จะไม่ถามต่อ เธอคิดว่าชายหนุ่มคงเลิกรากับวรินแน่ๆเลย ถึงได้ย้ายมาอยู่ไกลแบบนี้ ด้วยความเป็นแม่ หญิงสาวรู้สึกห่วงลูกขึ้นมา แต่ก็เชื่อใจว่าในเมื่อวรินเองมีลูกไม่ได้อย่างไรเสีย เขาคงไม่ทิ้งลูกของเธอแน่นอน “เดี๋ยววันนี้ผมไปส่ง แต่ก่อนกลับ เราไปหาข้าวต้มร้อน ๆ กินกันดีกว่า ตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่ ผมยังไม่เคยขับรถเล่นเวลากลางคืนเลย เพราะเหนื่อยแต่กับเรื่องร้าน พรุ่งนี้ร้านหยุด คุณห้ามปฎิเสธเล
ตอนที่6ความรู้สึกที่ดีในวันเก่าๆพระจันทร์ยังไม่ทันลับขอบฟ้า ทั้งสองคนก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง และหวังว่าจะได้เห็นทะเลหมอก“ง่วงก็หลับก่อนเลยนะ เดี๋ยวถึงแล้วผมปลุกเอง โค้งเยอะคุณอาจจะเวียนหัวก็ได้”ชายหนุ่มเขาเคยมาเที่ยวที่นี่ครั้งหนึ่ง ตอนที่มาหาสถานที่เปิดร้านอาหาร จากที่ขี่หาแถวตัวเมือง เลยไกลขึ้นมาถึงเส้นนี้ จนได้รู้ถึงโค้งที่แสนจะเวียนหัว“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ตอนแม่ยังอยู่ฉันก็ตื่นเช้า และเรื่องเมาโค้งยังไม่เป็นสักทีนะคะ”ขิมพูด เพราะเธอยังไม่ได้ลิ้มลองโค้งของเส้นทางนี้ ภูผาได้แต่จะรอดูผล ว่าถึงเวลาหญิงสาวยังยังเก่งอยู่ไหมอากาศข้างนอกเย็นสบายชายหนุ่มจึงแง้มหน้าต่างพอให้ลมเข้า เพื่อได้สูดอากาศบริสุทธิ์ เข้าไปให้ชุ่มปอดเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึง พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง ทั้งคู่รีบจอดรถและเดินไปยังจุดชมวิว“เรามาทันหมอกด้วยค่ะ สวยมากเลย”ขิมหันไปมองชายหนุ่มที่มาด้วยเพราะเธอไม่ได้ยินเสียงตอบจากเขาภูผากำลังยืนมองไปที่ภาพของครอบครัวหนึ่งที่อุ้มเด็กน้อยกำลังถ่ายภาพกัน เด็กคนนั้นน่าจะอายุมากกว่า ปูนปั้นลูกชายของเขากับขิมไม่เท่าไหร่“คิดถึงลูกเหรอคะ” คนถามเห็นแล
ตอนที่7ถึงเวลาของความจริง ภูผาจอดรถหน้าบ้านของหญิงสาว เขารวบรวมความกล้าและตั้งสติ เพื่อคิดคำพูดและเหตุผลที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ขิมยอมฟังเขาจนจบเรื่อง “ขิม เปิดประตูให้ผมหน่อย มีธุระด่วน” ชายหนุ่มโทรศัพท์เข้าไปก่อน เพราะกลัวว่าถ้าไปเคาะหน้าประตูเลยอาจจะทำให้อีกฝ่ายตกใจได้ “ทำไมกลับมาอีกล่ะคะ เข้ามาในบ้านก่อน ขิมคิดว่าคุณกลับไปนอนหลับที่คอนโดแล้วเสียอีก เพราะเมื่อเช้าคุณต้องตื่นแต่เช้า” หญิงสาวหยุดพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าจริงจัง และเอาแต่ถอนหายใจ ก้มหน้ามองมือสองข้างที่กำกันไว้แน่น “คุณภูมีอะไรหรือเปล่าคะ บอกขิมได้นะ หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวกับลูก” ขิมเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเรื่องที่ทำให้ชายหนุ่มไม่สบายใจและตัดสินในกลับมาหาเธอ คงไม่พ้นเรื่องเธอหรือปูนปั้นแน่ๆ “ทั้งสองคน ผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับคุณอย่างไรดี ผมละอายไปหมด” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนคนที่กำลังควบคุมสติไม่ได้ เขาโวยวายตาแดงกร่ำ “ลูกเป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้นกับลูก” หญิงสาวห่วงอยู่เรื่องเดียว คือปูนปั้น เธอกลัวว่าลูกของเธอจะเป็
ตอนที่8พร้อมหน้า เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงบ้านหลังใหญ่ใจกลางกรุงเทพของภูวดลกับวริน ต่างก็มองหน้ากันและจับมือเพื่อหวังให้มันช่วยส่งกำลังที่เข้มแข็งผ่านมือที่กุมกันไว้ “คุณ...” สาวใช้ของบ้านถึงรู้อยู่แล้วว่าน้องชายฝาแฝดของเจ้าของบ้านกำลังจะมา แต่เมื่อเห็นตัวจริงที่เหมือนกันทุกอย่าง ก็ทำเอาเด็กสาวถึงขั้นตกใจ “ผมภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดลและนี่ภรรยาของผม” ขิมถึงกับตกใจกับคำแนะนำตัวเธอ ที่ชายหนุ่มพูดออกไป “เชิญทางนี้ค่ะ” ทั้งสองคนเดินตามสาวใช้ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน ที่บันไดตกแต่งด้วยภาพของปูนปั้นเต็มไปหมด “นี่คุณใครเขาให้คุณแนะนำแบบนั้น ฉันไปเป็นภรรยาของคุณตั้งแต่เมื่อไหร่” ขิมเดินเกาะแขนภูผา ปากก็บ่นเขาไปตลอดทาง บางจังหวะหมั่นไส้ก็แอบหยิกบ้าง “ต้องให้ผมอธิบายไหม ว่าเมื่อไหร่ ท่าไหน คุณอย่ามัวทำเป็นเล่น เรากำลังจะไปจัดการเรื่องใหญ่ในชีวิตของลูกเรานะ” “ขิมขอโทษ ” หญิงสาวลืมคิดไปว่านี่ไม่ใช่เวลาที่เธอจะมาไม่พอใจเขา เพราะข้างหน้ามีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่า ภาพของปูนปั
ตอนที่9ชีวิตใหม่และการจากไปตลอดกาล คืนแรกในบ้านของภูวดล ในบทบาทของพ่อและแม่ของหนูน้อยปูนปั้น ทำให้ขิมยอมใจอ่อน กลับมาทำหน้าที่ภรรยาของภูผาอีกครั้ง เพราะเธอคิดว่าวรินเองยังกลัวการที่ตาหนูต้องไปอยู่กับแม่เลี้ยง ดังนั้นในเมื่อเธอเป็นแม่แท้ๆ เธอไม่อยากให้ลูกชายของเธอ ต้องได้เจอทั้งพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงเลย ขิมจึงให้โอกาสภูผาอีกสักครั้ง “เราจะช่วยกันเลี้ยงลูกของเราให้ดีที่สุดนะ” ชายหนุ่มกอดแม่ของลูก ด้วยความรู้สึกดีใจและมีความสุขที่จะได้สัมผัสกับคำว่าครอบครัว ตั้งแต่เกิดมาพี่น้องฝาแฝด ไม่เคยได้อยู่พร้อมหน้ากันทั้งแม่และลูกเลยสักครั้ง เพราะทั้งฝั่งตาและปู่ไม่ยินยอม และพ่อของเขาก็มีคนรักอยู่แล้ว จึงตกลงกันที่รับผิดชอบลูกกันไปคนละคน ภูผาตั้งใจว่า เมื่อครั้งนี้เขาเปลี่ยนบทจากลูกมาเป็นพ่อ เขาจะดูแลครอบครัวของเขาให้สมบูรณ์และดีที่สุด วรินเรียกภูผาและขิมเข้าไปหาเธอทุกวันในช่วงสาย เพราะหลังจากเวลานั้นเธอจะต้องกินยานอนหลับเพื่อไม่ให้ทรมานกับการปวดท้อง และจะตื่นอีกทีช่วงหัวค่ำเพื่อมาเล่นกับปูปั้นลูกชายของเธอ ทั้งสองคนได้เรียนรู้อุป
ตอนที่10เริ่มต้นครอบครัว หลังจากเสร็จสิ้นงานศพของวริน ภูวดลตัดสินใจบวชอย่างไม่มีกำหนด เรื่องงานเขามีลูกน้องที่ไว้ใจดูแลให้ ภูผาพาครอบครัวของเขาและป่าสุแม่บ้านที่เลี้ยงดูปูนปั้นกลับมาที่เชียงใหม่ด้วย “แล้วเราจะเลี้ยงลูกที่ไหนคะ” ขิมถามเพราะเธอกับเขาต่างอยู่กันคนละที่ เลยคิดไม่ออกว่าที่ไหนจะเหมาะกว่ากัน “เลี้ยงที่บ้านคุณ ผมตัดสินใจแล้ว จะซื้อบ้านที่ประกาศขายที่อยู่ติดกับบ้านของคุณ และจะให้ช่างมาออกแบบทุบให้ทั้งสองหลังให้เชื่อมติดกัน” ขิมเห็นด้วยกับความคิดของภูผาเพราะบ้านของเธอหรือคอนโดของเขาก็คงจะเล็กไป ถ้าต้องอยู่กันถึงสี่คน ร้านอาหารถูกปิดไปก่อนที่ทั้งคู่จะกลับมาแค่เพียงสามวัน เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองคนอยู่กรุงเทพ ร้านยังคงเปิดอยู่ ภูผาจึงอยากให้ทุกคนได้พักบ้าง****หนึ่งปีผ่านไป**** “ปูนปั้นครับ ห้ามเดินลงบันไดคนเดียวเด็ดขาด ถ้าคุณแม่เห็นอีกจะไม่เตือนแล้วนะ ต้องมีการลงโทษกันบ้างแล้ว ” ขิมดุลูกชายที่เริ่มซนมากขึ้น เพราะตอนนี้อายุจะสองขวบเต็มแล้ว ป้าสุเองก็อายุมากตามหลานไม่ค่อยทัน “คุณหนูม
ตอนที่11ไม่ไว้ใจ “ไหนว่าจะกลับดึกคะ เด็กที่ร้านเพิ่งกลับไปเอง” ป้าสุเพิ่งอาบน้ำให้ปูนปั้นเสร็จ กำลังนั่งทาแป้งแต่งตัวกัน ถามด้วยความสงสัย เพราะตอนแรกขิมบอกกับเธอว่าคงกลับดึก “วันนี้ขิมเช่ารถสะกดรอยตามคุณภูไปค่ะ ” หญิงสาวหยุดเล่าก่อนจะเดินไปอุ้มลูกชายมาหอมและกอดเพื่อเพิ่มกำลังใจ “เกิดอะไรขึ้นคะคุณขิม” ป้าสุเห็นท่าทีของคนเล่า เริ่มไม่ค่อยสบายใจ เพราะสิ่งที่เจ้านายของเธอไปเจอคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ “ขิมเจอผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถไปกลับคุณภู และเส้นทางที่ไป ไม่ใช่ทางไปร้าน แต่เป็นทางไปคอนโดที่คุณภูเคยอยู่ ขิมเลยบอกให้คนขับพาขิมกลับ ขิมยังไม่พร้อมค่ะป้า ขิมกลัว” ป้าสุได้แต่พยักหน้าเข้าใจ ขิมเธอเป็นผู้หญิงที่ชีวิตโดดเดี่ยว ถ้าเธอต้องเสียคุณภูไป เธอคงไม่รู้จะอยู่อย่างไร “คุณแม่ วันนี้ปูนไปนอนด้วยนะ” “นอนได้ครับ แต่ถ้าจะหลับแล้ว ต้องกลับไปนอนห้องของตัวเอง เดี๋ยวคุณยายไม่มีใครนอนด้วย ปูนปั้นไม่ห่วงคุณยายเหรอครับ” ขิมพยายามปรับอารมณ์เมื่อลูกชายของเธอหันมาคุยด้วย เพราะไม่อยากให้ปูนปั้นสัมผัสได้ถึ