ตอนที่ 6
การมาของใครบางคน
“สวัสดีค่ะ คุณแม่สบายดีไหมคะไม่ได้เจอกันเสียหลายปี”
สาวสวยหุ่นนางแบบดีกรีนักเรียนนอกยกมือไหว้อมราด้วยความนอบน้อมถึงแม้ว่าสไตล์การแต่งตัวของเธอจะดูไม่ค่อยเป็น คนเรียบร้อยเท่าไหร่
“ไหว้พระเถอะแม่คุณ ลมอะไรหอบทายาทเพียงคนเดียวของนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาถึงบ้านของแม่ได้”
อมราถึงแม้จะพยายามปั้นหน้าพูดดีตามแบบคนมีมารยาทแต่เธอก็อดที่จะใส่คำพูดจิกกัดลงไปไม่ได้เพราะหญิงสาวที่มาเป็นแขกในวันนี้เธอคือคนเดียวกับที่ทำร้ายหัวใจลูกชายเขาเมื่อหลายปีก่อน
“รินกลับมาจากต่างประเทศนานแล้วแต่ไม่กล้ามาหาคุณแม่เพราะยังไม่รู้ว่าเปรมจะหายโกรธรินแล้วหรือยังค่ะ”
คนพูดพยายามทำดวงตาให้ดูเศร้าเหมือนว่าเธอรู้สึกผิดกับสิ่งที่เคยทำลงไปในอดีตแต่มันก็ไม่ทำให้ความรู้สึกของอมราดีขึ้นเพราะเธอรู้จักผู้หญิงตรงหน้าดีว่ามารยาร้อยเล่มเกวียนแค่ไหน
“สิ่งที่เธอทำมันสร้างความเจ็บปวดให้กับเปรมธวัชอยู่มากแต่ไม่ต้องกลัวตอนนี้เขาลืมเธอและทุกอย่างที่เธอทำหมดแล้ว คนเราไม่มีใครจมอยู่กับเรื่องไม่ดีหรือคนไม่ดีได้นานหรอก”
ความเป็นแม่ถึงแม้จะรู้ว่าลูกชายรักผู้หญิงตรงหน้ามากแค่ไหนแต่ในเมื่อเธอคือคนที่ทำให้เปรมธวัชเจ็บปวดไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนอมราก็ไม่เคยลืมและเธอก็ไม่คิดที่จะให้อภัย
“ได้ยินคุณแม่พูดแบบนี้ รินยิ่งอยากจะเจอกับเปรมอยากรู้ว่าเขาจะลืมเรื่องราวระหว่างเราได้จนหมดสิ้นเหมือนอย่างที่คุณแม่พูดไหมเพราะเท่าที่รินรู้มาเปรมธวัชยังไม่ยอมมีแฟนตั้งแต่เราเลิกกัน”
รินรดาพูดด้วยความมั่นใจเพราะก่อนที่เธอจะตัดสินใจมาที่บ้านหลังนี้เธอได้สืบข้อมูลเกี่ยวกับเปรมธวัชมาแล้วว่าชายหนุ่มยังคงรักษาความโสดไว้ไม่มีผู้หญิงคนไหนสามารถเข้ามานั่งในหัวใจของเขาแทนเธอได้
หญิงสาวนักเรียนนอกเมื่อรู้ว่าเป้าหมายของเธอไม่ได้อยู่ที่บ้านจึงรีบขับรถไปหาเขาที่บริษัทความจริงแล้วเธอมีเบอร์โทรของเปรมธวัชแต่ที่เลือกจะไม่โทรไปบอกเพราะไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มจะอยากเจอเธอไหม
รินรดาออกไปแล้วอมราอึดอัดใจมากเธอไม่รู้จะพูดกับใครจึงเรียกยุพาเข้ามาหาเพราะแม่บ้านคนนี้เป็นคนที่รับรู้เรื่องราวระหว่างเปรมธวัชกับรินรดามาโดยตลอด
“บางทีคุณรินอาจจะแค่มาหาคุณเปรมในฐานะเพื่อนก็ได้ค่ะ”
ยุพาพยายามพูดปลอบใจเจ้านาย เธอรู้ดีว่าถ้าทั้งคู่กลับมาคืนดีกันอมราจะเจ็บปวดแค่ไหนเพราะตอนที่เปรมธวัชต้องผิดหวังจากความรักครั้งนั้นเขาแทบเสียผู้เสียคนงานการไม่ทำกินเหล้าเมาทุกวันและถึงขั้นทำร้ายร่างกายตัวเอง
“ฉันก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น ถ้าลูกชายของฉันมันเจ็บแล้วไม่จำฉันก็คงไม่รู้จะทำอย่างไร”
อมราเป็นห่วงลูกชายของเธอก็ไม่ต่างอะไรกับยุพาที่ตอนนี้กำลังเป็นห่วงลูกสาวเหมือนกันถ้ารินนภากับเปรมธวัชกลับมาคบกันและมินตราเธอจะอยู่ต่อไปในฐานะอะไร
“ลูกชายฉันดีด้วยทุกอย่างแต่กลับหลอกลวงทำร้ายจิตใจเขาอยู่หลายปีทั้งที่ตัวเองก็แอบไปมีผู้ชายคนอื่นอยู่แล้วฉันไม่เข้าใจเปรมเลยทำไมถึงเลือกรักผู้หญิงแบบนี้”
อมราหวนคิดถึงภาพความทรงจำเมื่อในอดีตตอนที่รินรดาบอกเลิกลูกชายของเธอในวันที่เปรมธวัชจัดได้ว่าหญิงสาว แอบมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนอื่นทั้งที่คบกับเขาอยู่และนับตั้งแต่วันนั้นลูกชายของเธอก็เฝ้ารอให้คนรักกลับมาจากเดือนผ่านไปเป็นปีจากปีกลายเป็น 5 ปีกว่าที่เปรมธวัชจะกลับมาเป็นคนเดิมที่สามารถอยู่ในสังคมได้โดยไม่มีหยดน้ำตา
“แล้วเป็นอะไร...ฉันพูดอะไรก็เอาแต่เงียบไม่ยอมตอบ”
อมราเพิ่งหันมาสังเกตว่าเธอพูดอยู่คนเดียวยุพาทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีได้แต่ก้มหน้ารับฟังไม่ตอบโต้หรือออกความคิดเห็นใดๆจากที่ปกติแล้วแม่บ้านคนนี้จะคอยช่วยเธอคิดหาทางแก้ไขปัญหาต่างๆแต่ครั้งนี้กลับทำสีหน้าและแววตาเครียดตามเธอไปด้วย
“ยุพาไม่รู้จะออกความเห็นเรื่องนี้อย่างไรค่ะบางทีเราอาจต้องรอให้คุณเเปรมได้เจอกับคุณรินก่อนเราถึงจะรู้ว่าทุกอย่างจะต้องแก้ไขแบบไหน”
แม่บ้านคนสนิทยังไม่อยากออกความคิดเห็นใดๆเพราะเรื่องนี้เธอเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องในฐานะแม่ของมินตรากลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไปจะกลายเป็นว่าเธอพยายามปกป้องลูกสาว
“ก็จริงอย่างที่เธอพูดตอนนี้ฉันไม่ควรคิดว่าจะทำอย่างไรทั้งที่คงต้องรอให้ทั้งคู่เขาได้เจอกันก่อนบางทีอาจจะไม่มีอะไรให้ฉันต้องคิดมากก็ได้”
ยุพาอยู่รับฟังเจ้านายจนอีกฝ่ายรู้สึกสบายใจขึ้นเธอจึงขอตัวกลับเข้ามาในครัว
“มาอยู่ตรงนี้นานหรือยัง” คนถามแสดงอาการตกใจจนมีพิรุธเมื่อหันไปเห็นว่าลูกสาวยืนอยู่ใกล้กับที่เธอและเจ้านายคุยกัน
“มิ้นเพิ่งเดินลงมาค่ะแล้วแม่เป็นอะไรทำไมต้องตกใจแบบนี้ทำเหมือนว่ามีอะไรปิดบังมิ้นอยู่”
ยุพารีบเปลี่ยนสีหน้าทันทีเพราะปกติแล้วเธอไม่ใช่คนโวยวายหรือตื่นตระหนกอะไรง่ายๆการที่เธอแสดงท่าทางแบบนี้ ลูกสาวต้องสงสัยเป็นธรรมดา
“ไม่มีอะไรหรอกเพียงแค่แม่ไม่เห็นลูกตอนที่เดินไปหา คุณอมราพอหันกลับมาก็เลยตกใจว่ามาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
เมื่อรู้ว่าตัวเองโกหกไม่ค่อยแนบเนียนยุพาจึงรีบเดินหนีเข้าครัวไปปล่อยให้มินตรามองตามเธอด้วยความสงสัยอยู่อย่างนั้น
“เมื่อกี้มีแขกมาบ้านเราหรือคะ”
สาวน้อยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่กลับทำให้อีกฝ่ายที่กำลังหั่นผักอยู่ทำมีดร่วงจากมือเพราะไม่ทันได้คิดคำตอบ
“ไปหยิบกะละมังให้แม่หน่อยใส่น้ำมาด้วยจะได้ล้างผัก”
เวลานี้คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการเปลี่ยนเรื่องพูดเพราะยุพากลัวว่าถ้าเธอตอบอะไรไปจะไม่ตรงกับสิ่งที่ลูกสาวจะรู้ในอนาคต
“แม่คะตกลงเมื่อกี้ใครมา”
สาวน้อยยังคงวกกลับมาเรื่องเดิมเพราะท่าทีของมารดายิ่งสร้างความสงสัยให้กับเธอเป็นอย่างมาก
“ไม่มีอะไรทำแล้วก็ไปเก็บผ้าให้แม่หน่อยเย็นๆแบบนี้ลมฟ้าลมฝนชอบมา”
ยุพาพูดตัดบทและตัวเธอก็รีบเดินหนีออกมาเพราะถ้ายืนอยู่ตรงนั้นมีหวังลูกสาวของเธอคงได้คาดคั้นเอาคำตอบจนได้
มินตราได้แต่เก็บความสงสัยเรื่องแขกช่วงบ่ายเอาไว้ในใจเพราะรู้ว่าถามมารดาไปเท่าไหร่ก็คงไม่ได้คำตอบยิ่งแม่มีพิรุธแบบนี้ยิ่งทำให้หญิงสาวให้ความสนใจทั้งที่ปกติแล้วเธอไม่ค่อยใส่ใจเรื่องของคนอื่นเท่าไหร่
“ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อลูกชายฉันนะเพราะว่าเขาจะไม่กลับมากิน”
อมราเดินเข้ามาในครัวด้วยท่าทางโมโหและสีหน้าที่ไม่ค่อยสบายใจเพื่อบอกแม่ครัวทั้งสองคนไม่ให้ทำอาหารมากเพราะวันนี้เหลือคนกินข้าวแค่เพียงไม่กี่คน
“คุณเปรมมีประชุมหรือคะ”
คำถามที่มินตรามักจะถามทุกครั้งเวลาที่สามีของเธอไม่ได้กลับมากินข้าวในช่วงเย็นแต่ครั้งนี้มันกลับทำให้หญิงสูงวัยหันมาสบตาด้วยความสงสารแทนคำตอบ
“มินตราทำงานของเธอเสร็จแล้วก็รีบไปนั่งกินเป็นเพื่อนฉันด้วยนะ”
สาวน้อยมองตามเจ้านายของเธอด้วยความสงสัยวันนี้ทั้งวันบ้านหลังนี้เป็นอะไรกันหมดเธอถามอะไรไม่เคยได้คำตอบเหมือน ทุกคนกำลังมีอะไรปิดบังเธอและหญิงสาวก็คิดว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับการมาของแขกเมื่อช่วงบ่าย
“รู้อย่างนี้ลงมาดูดีกว่า”
มินตราบ่นกับตัวเองที่เธอได้ยินเสียงรถแต่กลับแค่เพียงชะโงกหน้ามองที่หน้าต่างและรู้ว่าแขกที่มาเป็นผู้หญิงหุ่นดีผมยาวแต่ก็เห็นหน้าได้ถนัดจึงคิดไม่ออกว่าจะเป็นใครที่เธอรู้จักไหม
บทสนทนาระหว่างอมราและสาวน้อยในการดูแลของเธอวันนี้ดูจะจริงจังกว่าทุกวัน หญิงสูงวัยต้องการให้มินตราท้องให้เร็วที่สุดทั้งที่รู้อยู่ว่าทุกวันนี้เธอก็พยายามทำเต็มที่แล้ว
“พรุ่งนี้เราไปหาหมอกันไหมจะได้รู้ที่ป่านนี้เธอยังไม่ท้องมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
อมราดูมีท่าทางที่จริงจังและเร่งรีบเหมือนกับว่าเธอกำลังกลัวอะไรบางอย่างถ้าเกิดผู้หญิงที่เธอหาให้ลูกชายไม่ท้องในเร็วๆนี้
“มิ้นกับคุณเปรมเคยไปหาหมอกันมาแล้วค่ะร่างกายของเราทั้งคู่แข็งแรงดีเพียงแต่ว่าคงยังไม่ใช่โอกาสเหมาะที่ลูกจะมาเกิด”
คนรอคอยหลานได้แต่ถอนหายใจเพราะก็คงขึ้นอยู่กับเวลาแล้วจริงๆ ในเมื่อร่างกายของคนทั้งคู่สมบูรณ์ถ้าเป็นก่อนหน้านี้อมราคงไม่เฝ้านับวันรอคอยแต่ในเมื่อผู้หญิงที่เธอแสนจะเกลียดชังทำท่าจะกลับเข้ามาในชีวิตของลูกชายเธอจึงอยากมั่นใจว่าจะมีบางอย่างมาช่วยดึงใจของเปรมธวัชไว้
“เป็นภรรยาต้องรู้จักเอาใจสามีบ้างถึงแม้ว่าเธอกับเปรมธวัชจะเป็นผัวเมียกันเพื่ออะไรบางอย่างก็ตามแต่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเธอก็ควรจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด”
อมราหันมาสั่งสอนหญิงสาวที่นั่งข้างๆเหมือนว่าเธอกำลังจะโยนต้นเหตุของอารมณ์ที่ฉุนเฉียวตอนนี้ไปให้คนรอบกายไปหมดโดยที่มินตราได้แต่สงสัยว่าอยู่ดีๆทำไมคุณท่านของเธอถึงได้มีอาการแปลกไปแบบนี้
สาวน้อยผู้อยากรู้ความจริงตั้งใจว่าเธอจะสืบหาให้ได้ว่าแขกที่มาในช่วงบ่ายเป็นใครกันแน่ทำไมถึงทำให้ทั้งอมราและแม่ของเธอมีท่าทางที่แปลกไปเหมือนทั้งคู่ต่างกำลังกลัวอะไรบางอย่างแต่สิ่งที่ทั้งคู่กลัวต้องเกี่ยวกับเธอและเปรมธวัชแน่นอน
ตอนที่ 7คนรักเขากลับมา“นั่งคุยกับแม่ก่อน” อมรานั่งรอดักเจอลูกชายอยู่จนดึก เธอมีเรื่องที่อยากจะคุยกับเปรมธวัชในวันนี้กลัวว่าถ้าพูดช้าเกินไปอาจจะไม่ทัน “เที่ยงคืนกว่าแล้วคุณแม่ยังนั่งรอแบบนี้ต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่เลย” ลูกชายทำท่าทางออดอ้อนเพราะเขารู้อยู่แล้วว่ามารดากำลังจะพูดเรื่องของแฟนเก่าที่เดินทางมาหาเขาในวันนี้ “ลูกไปกินข้าวกับรินมาใช่ไหม” “ใช่ครับเราไม่ได้เจอกันนานก็เลยมีเรื่องคุยกันเยอะแล้วผมก็ขับรถไปส่งเธอที่บ้านก็เลยกลับดึกหน่อย” เปรมธวัชพยายามจะอธิบายว่าสาเหตุที่เขากลับมาถึงบ้านจนเที่ยงคืนไม่ได้เถลไถลที่ไหนแค่เพียงมีเรื่องคุยกันนานและด้วยความเป็นห่วงเขาจึงขับรถไปส่งเธอที่บ้าน “ผู้หญิงคนนั้นเขากลับมาหาลูกเพื่ออะไรกันอย่าบอกนะว่าแค่กลับมาในฐานะเพื่อนที่คิดถึงเพราะแม่จะไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด” หญิงสูงวัยประสบการณ์ในชีวิตของเธอมีมากจนสามารถเดาผู้หญิงอย่างรินรดาได้ออกการกลับมาของผู้หญิงคนนี้ต้องการมากกว่าความเป็นเพื่อนแน่นอน “คุณแม่คิดมากไป ผมกับรินเราเคยเป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อนถึงแม้จะเลิกไปแล้วแต่เรายั
ตอนที่ 8เหนี่ยวรั้งใจ2 เดือนผ่านไป “เปรมไปส่งรินที่คอนโดนะ” สาวสวยผิวขาวสองแขนยาวกอดคอชายหนุ่มคนรักเก่าของเธอจนใบหน้าของทั้งคู่แทบจะแนบชิดติดกัน “ทำไมถึงไม่กลับบ้าน” เปรมธวัชถามด้วยความแปลกใจเพราะตั้งแต่รินรดากับมาหาเขาทั้งคู่ออกไปกินข้าวเย็นด้วยกันตลอดแล้วสุดท้ายเขาก็จะขับรถไปส่งเธอที่บ้านแต่วันนี้เธอกลับร้องขอให้เขาไปส่งเธอที่คอนโดแทน “วันนี้รินเมาแล้วไม่อยากกลับบ้านเดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่จะว่าเอา เปรมก็เมาเหมือนกันไม่ใช่หรือคะ” วันนี้ไม่ใช่แค่เพียงกินอาหารเย็นด้วยกันแต่เป็นการนั่งดื่มด้วยจึงทำให้เมาทั้งคู่ถึงแม้จะไม่มากนักแต่ก็เรียกได้ว่าความรู้สึกร้อนๆหนาวๆมันเริ่มแผ่ซ่านเข้ามาในหัวใจและร่างกายของคนที่เคยเป็นถ่านไฟเก่าของกันและกัน เปรมธวัชเป็นอันต้องยอมแพ้เขาเดินประคองหญิงสาวขึ้นไปส่งถึงในห้องนอนที่คอนโดเขาตั้งใจว่าส่งเธอเข้านอนเสร็จก็จะรีบกลับบ้านทันทีแต่ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเมื่ออีกฝ่ายพยายามใช้มารยาทุกอย่างรั้งให้เขาอยู่เพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่ทั้งคู่เคยมีให้กันเมื่อหลายปีที่ผ่านมา “อย่าทำแบบนี
ตอนที่ 9ตัวปลอมต้องยอมไป“ฉันจะยังไม่บอกเปรมตามคำขอของเธอนะแต่งถ้าภายในสัปดาห์นี้เธอยังไม่บอกเขาฉันคงต้องขอเป็นคนบอกเองแล้วแหละเพราะไม่อยากให้ทุกอย่างมันสายเกินไป” อมรายอมรับปากลูกสะใภ้คิดว่าเรื่องแบบนี้ภรรยาคงอยากจะบอกสามีด้วยตัวเองแต่ถ้ามินตราปล่อยให้ทุกอย่างนานไปเธอในฐานะที่เป็นแม่ก็คงต้องบอกเรื่องนี้ด้วยตัวเอง คืนนี้เป็นค่ำคืนที่หัวใจของคุณแม่คนใหม่อ่อนแออย่างถึงที่สุดเธอตั้งใจที่จะปล่อยตัวเองให้ร้องไห้จนน้ำตาหมดไปจากร่างกายและวันพรุ่งนี้เธอจะเป็นคนใหม่เธอจะต้องเข้มแข็งให้มากกว่าเดิมเพราะตอนนี้ไม่ได้มีเพียงเธอแค่ชีวิตเดียว “หนูเป็นลูกแม่นะ” มือเล็กลูบลงไปที่ท้องส่งผ่านความอบอุ่นและความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในหัวใจให้กับสายเลือดของตัวเองได้รับรู้ มินตราชักเริ่มไม่แน่ใจในตัวเองเหมือนกันว่าเธอจะยอมยกลูกให้กับเปรมธวัชหรือไม่เพราะในสัญญาทารกที่ถือกำเนิดขึ้นจะเป็นสิทธิ์ขาดของเขาคนเดียวและเธอก็เซ็นยินยอมไปแล้วแต่เมื่อวันนี้มาถึงหัวใจของเธอมันรักเกินกว่าจะยอมยกลูกให้ใคร นาฬิกาบอกเวลาใกล้จะเที่ยงคืนแปรมธวัชยังคงไม่กลับมาแต่วันนี้มินตราตั้งใจว่าเธ
ตอนที่ 10กว่าจะรู้“คุณแม่ครับมิ้นไปไหน” วันนี้เป็นวันแรกที่เปรมธวัชกลับมาทันกินข้าวเย็นหลังจากที่ 2 เดือนที่ผ่านเขาจะกลับมาถึงบ้านก็หลังเที่ยงคืนเท่านั้น “พ่อให้มิ้นกับยุพาไปจากที่นี่แล้ว” ธานินทร์ตอบด้วยท่าทางไม่สนใจยังคงก้มหน้าก้มตากิน ข้าวคลุกกะปิอาหารมื้อสุดท้ายที่ครอบครัวของมินตราได้ทำไว้ให้คนที่บ้านหลังนี้ได้กิน “คุณพ่อหมายความว่าอย่างไรครับไปจากที่นี่” เปรมธวัชวางช้อนในมือเขาถามบิดาด้วยเสียงที่สูงและดูมีอารมณ์อยู่ในนั้นเพราะอย่างไรมินตราก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาการที่เธอจะไปไหนเขาควรจะต้องมีส่วนรู้ด้วย “ก็เปรมจะแต่งงานกับรินไม่ใช่หรือ แล้วจะให้มินตราอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรพ่อก็เลยให้เขาไปเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ยุพาเองก็ทำงานที่นี่มานานก็ถึงเวลาต้องปลดระวางไปใช้ชีวิตอิสระของเธอบ้างและทำไมจะต้องมาโมโหแบบนี้ในเมื่อลูกเลือกเองว่าจะแต่งงานกับรินแล้วจะเก็บมินตราไว้ทำไมอย่าเห็นแก่ตัวนักสิ” ชายหนุ่มเป็นอันต้องเลิกกินข้าวสองมือกอดอกมองสบตาทั้งพ่อและแม่ที่ดูเหมือนไม่มีใครจะอยู่ข้างเขาในเวลานี้ “มินตราเป็นผู้
ตอนที่ 11ของขวัญที่ล้ำค่า“ผมขอโทษ” มินตราพี่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่บริเวณสวนหลังบ้านหันหลังมาตามเสียงที่เธอได้ยินด้วยความตกใจเพราะมันเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยและรอคอยมาตลอดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ “คุณเปรมมาได้อย่างไรคะ” สาวน้อยรีบวางสายยางและใช้สองมือประคองชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่ายกมือไหว้อยู่ตรงหน้าให้ลุกขึ้น “ให้อภัยผมได้ไหมความผิดครั้งนี้มันมากมายและยิ่งใหญ่เหลือเกินที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้ว่าหัวใจตัวเองต้องการใครจนวันที่คุณไม่อยู่ผมรู้แล้วว่ารินรดาไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมต้องการอีกแล้ว” สาวน้อยพูดอะไรไม่ถูกจึงทำได้แค่เพียงฟังและให้อีกฝ่ายพูดความในใจออกมาสำหรับมินตรา เธอไม่เคยโกรธเขาแต่ที่เธอยอมจากมาแค่เพียงอยากให้เขารู้จักเสียงหัวใจตัวเองและเธอไม่ต้องการอยู่อย่างไร้ค่าในบ้านที่เธอไม่มีตัวตนในฐานะภรรยาอีกแล้ว “ผมยกเลิกการแต่งงานทุกอย่างมันจะไม่เกิดขึ้นแล้ว” มินตราพยักหน้าเพราะเธอรู้เรื่องนี้ดีจาก Facebook ของเปรมธวัชที่เธอเฝ้าติดตามเขามาตลอดตั้งแต่เขาไปเรียนที่ต่างประเทศ “ที่คุณมาวันนี้เพื่อจะตามมิ้นให้กลับไปอยู่กับคุณในฐานะ
ตอนที่1ความลับ “พี่ดลพี่ตามผมให้กับจากเวียดนาม เพราะเรื่อง ไร้สาระแบบนี้นี่นะ” ภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดล รู้สึกไม่พอใจเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่พี่ชายโทรตามเขาให้กลับมาเมืองไทยเพียงเพราะว่า ต้องการให้เขานอนกับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อมีลูก “ในเมื่อภรรยาพี่ยินยอมแล้ว ทำไมพี่ไม่นอนกับเธอเอง ทำไมต้องเป็นนผม” “พี่ทำใจไม่ได้ ที่จะนอกกายภรรยา แต่แกยังไม่มีเมีย ถือเสียว่าช่วยให้ครอบครัวพี่สมบูรณ์นะ เราเป็นแฝดกัน แล้วเรื่องนี้ก็มีแต่พ่อกับแม่เราเท่านั้นที่รู้ ทุกคนจะคิดว่าเป็นพี่” พ่อของทั้งคู่เป็นคนไทยลูกเสี้ยวอังกฤษที่ทำงานอยู่ที่อเมริกา และเกิดมาเที่ยวที่เมืองไทยและดันมามีอะไรกับแม่ของทั้งคู่ โดยที่พ่อมีภรรยาเป็นอยู่ที่อเมริกาอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูลูกฝ่ายละคนและปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แค่พ่อแม่ ภูวดล และภูผาเท่านั้น ที่รู้ว่าทั้งคู่มีแฝด เพราะถึงอย่างไรทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอยู่คนละประเทศอยู่แล้ว “ก่อนจะตัดสินใจดูรูปของเธอก่อน ” ภูวดลส่งรูปให้น้องชายดู “ทั้งสวย ทั้งน่ารัก ทำไมถึงได้ยอมมาทำแบ
ตอนที่2คืนแรกของการไข่ตก อาหารบนโต๊ะอาหาร ล้วนแต่ไม่คุ้นหน้า ขิมมองดูด้วยความสงสัย ว่าแต่ละอย่างมันเรียกว่าอะไร “ไม่เคยกินใช่ไหม มาเดี๋ยวผมจะแนะนำให้ ว่าอะไรคืออะไรและกินอย่างไรกัน” ภูผาอธิบายชื่อ ส่วนประกอบ และวิธีการรับประทาน ให้หญิงสาวตากลมฟังอย่างละเอียด “อร่อยมากเลยค่ะ คุณภูวดลฝีมือเยี่ยมเลย” ขิมเอ่ยปากชม แต่ด้วยชื่อที่เธอเรียกมันทำให้คนทำรู้สึกน้อยใจ เพราะเขาไม่ใช่ภูวดล “ผมว่าคุณเรียกผมว่า คุณภู ก็พอ มันจะได้ช่วยให้เรารู้สึกสนิทสนมกัน” “ได้ค่ะ ต่อไปขิมจะเรียกว่าคุณภูนะคะ” นานแล้วที่ภูผาไม่มีโอกาสได้กินอาหารในบ้านด้วยฝีมือตัวเอง แบบที่มีคนอื่นด้วย เพราะตั้งแต่เขาเรียนจบ พ่อของเขาก็ซื้อบ้านและให้เขาแยกออกมาใช้ชีวิต ถึงเขาจะชอบทำอาหารแต่ก็เป็นแค่การนั่งกินอยู่คนเดียว “กินเยอะเลยนะ ผมชอบมองเวลาที่คุณกิน มันดูอร่อย คนทำก็รู้สึกภูมิใจไปด้วย” “แล้วคุณวรินไม่ชอบกินฝีมือคุณเหรอคะ ถึงดูตื่นเต้นจัง ที่ขิมกินแล้วถูกปาก” คำถามของหญิงสาวทำเอา ชายหนุ่มไปไม่เป็น เขาเอ่อ...อยู่นานกว่าจะน
ตอนที่3เรียนรู้ ใกล้ชิด “ขอโทษนะคะ ขิมตื่นสายไปหน่อย ” คนพูดเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพหน้าซีด พอใกล้จะถึงห้องครัวที่ภูผากำลังทำกับข้าวอยู่เธอก็เป็นลมล้มไปเสียก่อน “ขิม ขิม คุณได้ยินผมไหม” ชายหนุ่มอุ้มคนร่างเล็กที่เป็นลมล้มลงไปนอนกับพื้น มาวางนอนกับโซฟากลางห้อง “ขิมเป็นอะไรไปคะ” “คุณเป็นลม ดีนะตัวเล็ก ถ้าตัวใหญ่ล่ะก็มีหวัง ผมทิ้งคุณไว้ที่พื้นแน่ๆ” ภูผาพูดไป มือก็ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กลับหญิงสาวที่กำลังนอนตัวร้อนอยู่บนโซฟา “หรือฉันจะท้องแล้วคะ” ขิมทำท่าดีใจ เพราะเธอเคยเห็นในหนังคนท้องชอบเป็นลม เวียนหัว “ต่อให้คุณท้องจริง มันก็คงจะไม่แสดงอาการเร็วแบบนี้ คุณเป็นไข้ ตัวร้อน จนผมต้องเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้” ภูผาส่ายหัวให้กับความคิดของหญิงสาว เธอกับเขานอนด้วยกันคืนเดียว เธอคิดว่าตัวเองกำลังแพ้ท้องเสียแล้ว วันนี้ทั้งวันชายหนุ่มเลยต้องเป็นบุรุษพยาบาลจำเป็น ไม่นานอาการไข้ก็ลดลง ขิมเธอพยายามแสดงออกให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอสบายดี เพื่อที่คืนนี้เขากับเธอจะได้ผลิตลูกกันอีก