ตอนที่ 10
กว่าจะรู้
“คุณแม่ครับมิ้นไปไหน”
วันนี้เป็นวันแรกที่เปรมธวัชกลับมาทันกินข้าวเย็นหลังจากที่ 2 เดือนที่ผ่านเขาจะกลับมาถึงบ้านก็หลังเที่ยงคืนเท่านั้น
“พ่อให้มิ้นกับยุพาไปจากที่นี่แล้ว”
ธานินทร์ตอบด้วยท่าทางไม่สนใจยังคงก้มหน้าก้มตากิน ข้าวคลุกกะปิอาหารมื้อสุดท้ายที่ครอบครัวของมินตราได้ทำไว้ให้คนที่บ้านหลังนี้ได้กิน
“คุณพ่อหมายความว่าอย่างไรครับไปจากที่นี่”
เปรมธวัชวางช้อนในมือเขาถามบิดาด้วยเสียงที่สูงและดูมีอารมณ์อยู่ในนั้นเพราะอย่างไรมินตราก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาการที่เธอจะไปไหนเขาควรจะต้องมีส่วนรู้ด้วย
“ก็เปรมจะแต่งงานกับรินไม่ใช่หรือ แล้วจะให้มินตราอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรพ่อก็เลยให้เขาไปเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ยุพาเองก็ทำงานที่นี่มานานก็ถึงเวลาต้องปลดระวางไปใช้ชีวิตอิสระของเธอบ้างและทำไมจะต้องมาโมโหแบบนี้ในเมื่อลูกเลือกเองว่าจะแต่งงานกับรินแล้วจะเก็บมินตราไว้ทำไมอย่าเห็นแก่ตัวนักสิ”
ชายหนุ่มเป็นอันต้องเลิกกินข้าวสองมือกอดอกมองสบตาทั้งพ่อและแม่ที่ดูเหมือนไม่มีใครจะอยู่ข้างเขาในเวลานี้
“มินตราเป็นผู้หญิงเธอทนไม่ได้หรอกที่จะต้องมานั่งเห็นลูกพาภรรยาเข้าบ้านในเมื่อคิดจะสร้างครอบครัวกับหนูรินแล้วพ่อแม่ก็ขอให้มีความสุขปล่อยมิ้นไปเถอะ”
อมราเห็นท่าทางของลูกชายแล้วเธอก็อดใจไม่ได้แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่เลือกยอมทำตามแผนของสามีอย่างน้อยตอนนี้เธอก็เริ่มรู้สึกแล้วว่าเปรมธวัชร้อนใจแค่ไหนที่ภรรยาของเขาหายออกไปจากชีวิต
บนโต๊ะอาหารแปรเปลี่ยนเป็นความเงียบไม่มีใครพูดคุยกันพ่อและแม่ตั้งอยากให้ชายหนุ่มมีเวลาได้คิดทบทวนว่าความจริงแล้วเขาต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่กับรินรดาหรือว่าเขาแค่เพียงยังไม่รู้จักความรู้สึกของตัวเองกันแน่ว่าตอนนี้เขากำลังรักใคร
2 เดือนผ่านไป
“เปรมไหนคุณว่าจะบอกให้พ่อแม่มาสู่ขอรินยังไงล่ะคะนี่ก็หลายเดือนแล้วนะ”
สาวสวยในชุดกระโปรงแดงรัดติ้วเดินมาโอบกอดชายอันเป็นที่รักเพราะต้องการรู้คำตอบเสียทีว่าเมื่อไหร่เธอกับเขาจะได้แต่งงานกัน
“ตอนที่ผมไม่มีคุณเกือบ 5 ปีผมยังรอคุณกลับมาได้แล้วรินจะรอผมอีกหน่อยได้ไหมตอนนี้ผมยังไม่พร้อมที่จะบอกคุณพ่อ คุณแม่จริงๆ”
เปรมธวัชเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขายังต้องการแต่งงานกับ รินรดาอยู่ไหมเพราะตั้งแต่ที่มินตราหายไปจากชีวิตเขาโดยที่ไม่เคยได้ยินแม้แต่ข่าวคราวอะไรของเธอเขากลับไม่มีความสุขทั้งที่ข้างกายเขามีรินรดาอยู่ในเกือบทุกวัน
“ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไรค่ะถ้าอย่างนั้นเปรมย้ายมาอยู่กับรินที่คอนโดได้ไหมเหมือนที่เราเคยอยู่ด้วยกันที่เมืองนอก”
“แต่ที่นี่เมืองไทยเรายังไม่ได้แต่งงานกันคนจะนินทาคุณได้”
ค่ำคืนนั้นที่เปรมธวัชเกือบเผลอใจกลับไปมีอะไรกับคนรักเก่าจนทำให้เขาตัดสินใจมาบอกเลิกกับมินตราเพราะไม่อยากทำผิดต่อเธอแต่กลายเป็นว่าตอนนี้ภรรยาในนามของเขาไม่อยู่แล้วแต่เขาก็กลับไม่ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์อะไรเกินเลยกับรินรดาอย่างที่เขาบอกกับตัวเองมาตลอดว่าสามเหตุที่เขาไม่ยอมแต่งงานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนเพราะเขายังรอการกลับมาของเธอแต่ทำไมวันนี้เขาได้เธอกลับมาแล้วกลับไม่ยอมทำตามที่หัวใจเคยต้องการ
“เปรมรังเกียจอะไรรินก็พูดมาเถอะอย่ามาอ้างเหตุผลนู่นนั่นนี่เลย” หญิงสาวปล่อยมือพี่กอดคนตรงหน้าออก
“เรื่องแต่งงานเมื่อ 5 ปีที่แล้วคุณก็เป็นคนคุกเข่าขอรินเองแต่พอมาถึงตอนนี้คุณกลับเป็นคนพยายามยืดเวลาถ้าคุณไม่ยินดีจะแต่งทำไมไม่บอกรินคะจะได้ไม่รอ”
รินรดาเธอรู้สึกเสียเวลามากกับการรอคอยในครั้งนี้สาเหตุที่เธอกลับมาคืนดีกับเปรมธวัชเพราะเธอมั่นใจว่าเขายังรักเธออยู่ เธออยากแต่งงานมีครอบครัวเพื่อลบคำสบประมาทของคนในสังคมว่าเธอเป็นเพียงหญิงสาวที่โดนคนรักทิ้งมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ลืมไปเลยว่าผมเคยอยากแต่งงานกับคุณเพราะตอนนี้ผมชักเริ่มไม่แน่ใจแล้ว”
ชายหนุ่มหลุดพูดออกมาโดยที่เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าตัวเองจะกล้าพอแต่วันนี้เมื่อเขาคิดว่าจะได้แต่งงานกับรินรดาทำไมเขาถึงมองไม่เห็นความสุขเหมือนตอนที่อยู่กับมินตราเลย
“เพราะคุณมันเฮงซวยแบบนี้ถึงได้ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากอยู่กับคุณ”
คำพูดของรินรดาพี่ดังตามหลังชายหนุ่มที่กำลังเดินหนีออกจากห้องทำให้เปรมธวัชได้คิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่เฮงซวยจริงๆมินตราถึงตัดสินใจเดินออกไปจากชีวิต เขามีเธอเป็นภรรยาที่ดีอยู่แล้ว ทุกอย่างกำลังไปด้วยดีแต่แค่เพียงคนรักเก่ากลับมาเขากลับกลายเป็นคนโลเลและเป็นคนบอกเลิกเธอจนทำให้ทุกอย่างพังไปหมด
“ผมจะไม่แต่งงานกับรินแล้วนะครับ”
วันนี้เปรมธวัชตั้งใจว่าเขาจะพูดความรู้สึกที่เขาได้ตัดสินใจแล้วให้พ่อแม่ได้รับรู้บางทีท่านทั้งคู่อาจจะคิดหาทางออกให้เขาสามารถตามมินตรากลับมาได้
“ทำไมล่ะพ่อกับแม่ก็คุยกันอยู่ว่าเมื่อไหร่ลูกจะให้ไปขอเขาสักที”
ธานินทร์ทำเป็นแกล้งถามทั้งที่ความเป็นผู้ชายของเขาดูออกว่าตอนนี้เปรมธวัชกำลังคิดอะไรและอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ลูกชายไม่แต่งงานตามที่ตอนแรกต้องการ
“ตอนแรกที่มินตราไปผมคิดว่าผมคงไม่รู้สึกอะไรเพราะอย่างไรก็ยังมีรินคอยอยู่เคียงข้างผม”
ชายหนุ่มหยุดพูดเหมือนกำลังรวบรวมความเข้มแข็งเพื่อพูดประโยคต่อไปซึ่งเขาไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครมาก่อน
“แต่มันไม่จริงเลย รินไม่เคยทำให้ผมมีความสุขได้เท่ากับมินตราทุกวันนี้ผู้หญิงที่จากผมไปทำให้ผมรู้แล้วว่าสาเหตุที่ผมไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนจริงใจด้วยก็เพราะว่าผมเป็นผู้ชายที่ไม่ได้เรื่องคงคิดถึงแต่ความสุขของตัวเองมองผู้หญิงเป็นเพียงแค่สินค้ามีราคาวันนี้วันที่ผมต้องเสียมินตราไปผมรู้แล้วว่าการที่เราจะทำให้ใครสักคนรักเราได้มันก็ต้องเกิดจากเรารักคนนั้นมากพอ”
เปรมธวัชนั่งย้อนถามตัวเองมาตลอดทั้งคืนเขามั่นใจแล้วว่าตลอดเวลาที่เขาอยู่กับมินตราเขาตกหลุมรักเธอและความรักที่เขามีให้เธอก็ทำให้เธอรักเขาตอบโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเสนอทรัพย์สินเงินทองอะไรให้เธอมากมายแต่วันนี้วันที่เขาเปลี่ยนใจจะไปรักคนอื่นมินตราก็ไปจากชีวิตเขาเหมือนกันดังนั้นการที่เราต้องการให้ใครสักคนอยู่กับเราด้วยความรักที่จริงใจเราก็ควรจะจริงใจกับคนนั้นเสียก่อน
“พ่อไม่รู้หรอกนะว่ามินตราและยุพาไปอยู่ที่ไหนแต่พ่อคิดว่ามันคงไม่เกินความสามารถของลูกหรอกที่จะตามหาหัวใจตัวเองลองค่อยๆคิดทบทวนดูบางทีภรรยาของลูกอาจจะไม่ได้ไปไกลอยู่ใกล้ๆแต่เธอแค่ไม่มีตัวตนในสายตาของลูกก่อนหน้านี้ก็เท่านั้น”
ธานินทร์จับมือห้ามภรรยาไว้เพราะรู้ว่าอมรากำลังจะใจอ่อนบอกลูกชายว่าตอนนี้มินตราและยุพาอยู่ที่ไหนซึ่งสำหรับธานินทร์แล้วความผิดของลูกชายในครั้งนี้เขาจะต้องใช้ความพยายามในการเอาทุกอย่างคืนมาด้วยตัวเอง มินตราก็เจ็บปวดมากเหลือเกินในวันที่เธอต้องยอมจากบ้านนี้ไปทั้งที่เธอกำลังอุ้มท้องอยู่การที่สามีตัวเองมาบอกว่าจะไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นคงไม่มีใครจะทนได้มีแต่เจ็บเจียนตายด้วยกันทั้งนั้น
“ผมอยากรู้ F******k ของผู้หญิงคนนี้”
เปรมธวัชส่งชื่อข้อมูลและรูปถ่ายของมินตราให้กับฝ่ายไอทีของบริษัทเพราะเขามั่นใจว่าหญิงสาวถึงแม้จะหนีเขาไปแต่เธอคงยังติดตามเขาอยู่ในโลกโซเชียล
ผลจากการค้นหาของแผนกไอทีทำให้รู้ว่าความจริงว่ามินตรากับเปรมธวัชเป็นเพื่อนกันใน F******k มาตั้งนานเพียงแต่เธอไม่ได้ใช้ชื่อจริงชายหนุ่มจึงไม่ได้สะดุดใจ
“เธอคงต้องทนเห็นภาพที่โหดร้ายมานานเลยนะ”
ชายหนุ่มคิดขึ้นมาได้ว่าเขาลงภาพสวีทระหว่างตัวเขาเองกับรินรดาอยู่บ่อยๆแต่เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่ามินตราจะได้เห็นภาพเหล่านั้น วันนี้ชายหนุ่มจึงตัดสินใจลบภาพทุกอย่างออกแล้วเปลี่ยนเป็นภาพถ่ายระหว่างเขากับภรรยาที่หนีเขาไปแทน
กว่าพี่มินตราจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายรู้จัก F******k ของเธอ เธอก็ไม่ทันได้ลบข้อมูลในนั้นมีบางวันที่เธอเผลอเช็คอินสถานที่ที่เธอไปแล้วมันก็ทำให้เปรมธวัชเริ่มต้นตามหาสาวน้อยสุดที่รักของเขาอย่างจริงจังจากสถานที่ที่หญิงสาวได้เช็คอินเป็นบริเวณใกล้เคียงกับที่ดินของครอบครัวเขา เปรมธวัชจึงตัดสินใจเดินทางตามหาหัวใจทันที
ตอนที่ 11ของขวัญที่ล้ำค่า“ผมขอโทษ” มินตราพี่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่ที่บริเวณสวนหลังบ้านหันหลังมาตามเสียงที่เธอได้ยินด้วยความตกใจเพราะมันเป็นเสียงที่เธอคุ้นเคยและรอคอยมาตลอดตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ “คุณเปรมมาได้อย่างไรคะ” สาวน้อยรีบวางสายยางและใช้สองมือประคองชายหนุ่มที่นั่งคุกเข่ายกมือไหว้อยู่ตรงหน้าให้ลุกขึ้น “ให้อภัยผมได้ไหมความผิดครั้งนี้มันมากมายและยิ่งใหญ่เหลือเกินที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้ว่าหัวใจตัวเองต้องการใครจนวันที่คุณไม่อยู่ผมรู้แล้วว่ารินรดาไม่ใช่ผู้หญิงที่ผมต้องการอีกแล้ว” สาวน้อยพูดอะไรไม่ถูกจึงทำได้แค่เพียงฟังและให้อีกฝ่ายพูดความในใจออกมาสำหรับมินตรา เธอไม่เคยโกรธเขาแต่ที่เธอยอมจากมาแค่เพียงอยากให้เขารู้จักเสียงหัวใจตัวเองและเธอไม่ต้องการอยู่อย่างไร้ค่าในบ้านที่เธอไม่มีตัวตนในฐานะภรรยาอีกแล้ว “ผมยกเลิกการแต่งงานทุกอย่างมันจะไม่เกิดขึ้นแล้ว” มินตราพยักหน้าเพราะเธอรู้เรื่องนี้ดีจาก Facebook ของเปรมธวัชที่เธอเฝ้าติดตามเขามาตลอดตั้งแต่เขาไปเรียนที่ต่างประเทศ “ที่คุณมาวันนี้เพื่อจะตามมิ้นให้กลับไปอยู่กับคุณในฐานะ
ตอนที่1ความลับ “พี่ดลพี่ตามผมให้กับจากเวียดนาม เพราะเรื่อง ไร้สาระแบบนี้นี่นะ” ภูผาน้องชายฝาแฝดของภูวดล รู้สึกไม่พอใจเมื่อรู้ถึงสาเหตุที่พี่ชายโทรตามเขาให้กลับมาเมืองไทยเพียงเพราะว่า ต้องการให้เขานอนกับผู้หญิงคนหนึ่งเพื่อมีลูก “ในเมื่อภรรยาพี่ยินยอมแล้ว ทำไมพี่ไม่นอนกับเธอเอง ทำไมต้องเป็นนผม” “พี่ทำใจไม่ได้ ที่จะนอกกายภรรยา แต่แกยังไม่มีเมีย ถือเสียว่าช่วยให้ครอบครัวพี่สมบูรณ์นะ เราเป็นแฝดกัน แล้วเรื่องนี้ก็มีแต่พ่อกับแม่เราเท่านั้นที่รู้ ทุกคนจะคิดว่าเป็นพี่” พ่อของทั้งคู่เป็นคนไทยลูกเสี้ยวอังกฤษที่ทำงานอยู่ที่อเมริกา และเกิดมาเที่ยวที่เมืองไทยและดันมามีอะไรกับแม่ของทั้งคู่ โดยที่พ่อมีภรรยาเป็นอยู่ที่อเมริกาอยู่แล้ว ผู้ใหญ่ทั้งสองคนจึงตัดสินใจที่จะเลี้ยงดูลูกฝ่ายละคนและปิดเรื่องนี้เป็นความลับ แค่พ่อแม่ ภูวดล และภูผาเท่านั้น ที่รู้ว่าทั้งคู่มีแฝด เพราะถึงอย่างไรทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตอยู่คนละประเทศอยู่แล้ว “ก่อนจะตัดสินใจดูรูปของเธอก่อน ” ภูวดลส่งรูปให้น้องชายดู “ทั้งสวย ทั้งน่ารัก ทำไมถึงได้ยอมมาทำแบ
ตอนที่2คืนแรกของการไข่ตก อาหารบนโต๊ะอาหาร ล้วนแต่ไม่คุ้นหน้า ขิมมองดูด้วยความสงสัย ว่าแต่ละอย่างมันเรียกว่าอะไร “ไม่เคยกินใช่ไหม มาเดี๋ยวผมจะแนะนำให้ ว่าอะไรคืออะไรและกินอย่างไรกัน” ภูผาอธิบายชื่อ ส่วนประกอบ และวิธีการรับประทาน ให้หญิงสาวตากลมฟังอย่างละเอียด “อร่อยมากเลยค่ะ คุณภูวดลฝีมือเยี่ยมเลย” ขิมเอ่ยปากชม แต่ด้วยชื่อที่เธอเรียกมันทำให้คนทำรู้สึกน้อยใจ เพราะเขาไม่ใช่ภูวดล “ผมว่าคุณเรียกผมว่า คุณภู ก็พอ มันจะได้ช่วยให้เรารู้สึกสนิทสนมกัน” “ได้ค่ะ ต่อไปขิมจะเรียกว่าคุณภูนะคะ” นานแล้วที่ภูผาไม่มีโอกาสได้กินอาหารในบ้านด้วยฝีมือตัวเอง แบบที่มีคนอื่นด้วย เพราะตั้งแต่เขาเรียนจบ พ่อของเขาก็ซื้อบ้านและให้เขาแยกออกมาใช้ชีวิต ถึงเขาจะชอบทำอาหารแต่ก็เป็นแค่การนั่งกินอยู่คนเดียว “กินเยอะเลยนะ ผมชอบมองเวลาที่คุณกิน มันดูอร่อย คนทำก็รู้สึกภูมิใจไปด้วย” “แล้วคุณวรินไม่ชอบกินฝีมือคุณเหรอคะ ถึงดูตื่นเต้นจัง ที่ขิมกินแล้วถูกปาก” คำถามของหญิงสาวทำเอา ชายหนุ่มไปไม่เป็น เขาเอ่อ...อยู่นานกว่าจะน
ตอนที่3เรียนรู้ ใกล้ชิด “ขอโทษนะคะ ขิมตื่นสายไปหน่อย ” คนพูดเดินออกมาจากห้องนอนในสภาพหน้าซีด พอใกล้จะถึงห้องครัวที่ภูผากำลังทำกับข้าวอยู่เธอก็เป็นลมล้มไปเสียก่อน “ขิม ขิม คุณได้ยินผมไหม” ชายหนุ่มอุ้มคนร่างเล็กที่เป็นลมล้มลงไปนอนกับพื้น มาวางนอนกับโซฟากลางห้อง “ขิมเป็นอะไรไปคะ” “คุณเป็นลม ดีนะตัวเล็ก ถ้าตัวใหญ่ล่ะก็มีหวัง ผมทิ้งคุณไว้ที่พื้นแน่ๆ” ภูผาพูดไป มือก็ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำมาเช็ดตัวให้กลับหญิงสาวที่กำลังนอนตัวร้อนอยู่บนโซฟา “หรือฉันจะท้องแล้วคะ” ขิมทำท่าดีใจ เพราะเธอเคยเห็นในหนังคนท้องชอบเป็นลม เวียนหัว “ต่อให้คุณท้องจริง มันก็คงจะไม่แสดงอาการเร็วแบบนี้ คุณเป็นไข้ ตัวร้อน จนผมต้องเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้” ภูผาส่ายหัวให้กับความคิดของหญิงสาว เธอกับเขานอนด้วยกันคืนเดียว เธอคิดว่าตัวเองกำลังแพ้ท้องเสียแล้ว วันนี้ทั้งวันชายหนุ่มเลยต้องเป็นบุรุษพยาบาลจำเป็น ไม่นานอาการไข้ก็ลดลง ขิมเธอพยายามแสดงออกให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอสบายดี เพื่อที่คืนนี้เขากับเธอจะได้ผลิตลูกกันอีก
ตอนที่4ลาก่อนลูกรัก แพทย์ที่ทำคลอดให้กับขิมเป็นน้องสาวของวริน ทุกอย่างจึงไม่มีปัญหา ทันทีที่เด็กน้อยคลอดออกมา วรินตั้งชื่อให้ว่าปูนปั้น เพราะเธอเป็นคนคิดและวางแผนปั้นมากับมือ “ดูแลตัวเองนะลูก หนูอยู่กับพ่อกับแม่ที่รักหนูที่สุดแล้ว” ขิมจูบลงไปที่หน้าผากของลูกชายของเธอ คืนวันนี้เธอก็จะออกจากโรงพยาบาลและไปให้ไกล ตามสัญญาที่ให้ไว้กับวริน เด็กน้อยเกิดมาด้วยใบหน้าที่เหมือนกับภูผามาก ดังนั้นปูนปั้นจึงเหมือนภูวดลไปด้วย ยิ่งทำให้วรินสบายใจ เพราะทุกคนจะได้เชื่อ ตลอดเวลาเกือบสี่เดือนที่วรินเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านเพื่อไม่ให้มีใครได้เห็นเธอ จะได้ไม่แปลกใจในวันที่เธอมีลูกขึ้นมา ภูวดลแกล้งอุ้มลูกออกมานอกห้องที่พักของแม่และเด็ก เพื่อพาหนุ่มน้อยปูนปั้นให้ได้มาเจอหน้ากับพ่อแท้ ๆ “ผมฝากลูกด้วยนะพี่ รักเขาให้มากๆ ถ้าวันไหนพี่ไม่ต้องการเขาแล้วหรือรักลูกผมน้อยลง บอกผมนะ” ภูผาเพิ่งเข้าใจคำว่าพ่อก็วันนี้ เขาตกหลุมรักเด็กน้อยคนนี้อย่างไม่มีเงื่อนไข แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมปล่อยไป เพราะทุกอย่างมันถูกตกลงกันไว้แล้ว และภูวดลก็ไม่ใช่คนอื่นเ
ตอนที่5เริ่มจีบกันใหม่ ไม่นานร้านอาหารเวียดนามของภูผาก็ถูกเปิดอย่างเป็นทางการ ขิมเองทำอาหารได้ทุกเมนู เดือนแรกเธอมีผู้ช่วยเพียงคนเดียว แต่ร้านขายดีมาก ภูผาจึงต้องจ้างผู้ช่วยแม่ครัวเพิ่มอีกหนึ่งคน “เหนื่อยไหม ขอบคุณมากนะขิม ถ้าไม่ได้คุณผมคงแย่” ชายหนุ่มเดินมาที่ห้องครัวหลังจากลูกค้ากลับไปหมดแล้ว “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะสนุกดี แล้วคุณไม่กลับไปกรุงเทพบ้างเหรอคะ เห็นอยู่ที่นี่มาหลายเดือนแล้ว” ขิมไม่กล้าถามถึงลูกกับภรรยาของเขาโดยตรงจึงถามแบบอ้อมๆ ทั่วไป “ไปกรุงเทพ ไปทำไมล่ะ ผมไม่ได้มีอะไรที่นั่นเสียหน่อย” คนตอบทำหน้าสงสัย หญิงสาวเลือกที่จะไม่ถามต่อ เธอคิดว่าชายหนุ่มคงเลิกรากับวรินแน่ๆเลย ถึงได้ย้ายมาอยู่ไกลแบบนี้ ด้วยความเป็นแม่ หญิงสาวรู้สึกห่วงลูกขึ้นมา แต่ก็เชื่อใจว่าในเมื่อวรินเองมีลูกไม่ได้อย่างไรเสีย เขาคงไม่ทิ้งลูกของเธอแน่นอน “เดี๋ยววันนี้ผมไปส่ง แต่ก่อนกลับ เราไปหาข้าวต้มร้อน ๆ กินกันดีกว่า ตั้งแต่มาอยู่เชียงใหม่ ผมยังไม่เคยขับรถเล่นเวลากลางคืนเลย เพราะเหนื่อยแต่กับเรื่องร้าน พรุ่งนี้ร้านหยุด คุณห้ามปฎิเสธเล
ตอนที่6ความรู้สึกที่ดีในวันเก่าๆพระจันทร์ยังไม่ทันลับขอบฟ้า ทั้งสองคนก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง และหวังว่าจะได้เห็นทะเลหมอก“ง่วงก็หลับก่อนเลยนะ เดี๋ยวถึงแล้วผมปลุกเอง โค้งเยอะคุณอาจจะเวียนหัวก็ได้”ชายหนุ่มเขาเคยมาเที่ยวที่นี่ครั้งหนึ่ง ตอนที่มาหาสถานที่เปิดร้านอาหาร จากที่ขี่หาแถวตัวเมือง เลยไกลขึ้นมาถึงเส้นนี้ จนได้รู้ถึงโค้งที่แสนจะเวียนหัว“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ตอนแม่ยังอยู่ฉันก็ตื่นเช้า และเรื่องเมาโค้งยังไม่เป็นสักทีนะคะ”ขิมพูด เพราะเธอยังไม่ได้ลิ้มลองโค้งของเส้นทางนี้ ภูผาได้แต่จะรอดูผล ว่าถึงเวลาหญิงสาวยังยังเก่งอยู่ไหมอากาศข้างนอกเย็นสบายชายหนุ่มจึงแง้มหน้าต่างพอให้ลมเข้า เพื่อได้สูดอากาศบริสุทธิ์ เข้าไปให้ชุ่มปอดเกือบสองชั่วโมงกว่าจะถึง พระอาทิตย์เริ่มส่องแสง ทั้งคู่รีบจอดรถและเดินไปยังจุดชมวิว“เรามาทันหมอกด้วยค่ะ สวยมากเลย”ขิมหันไปมองชายหนุ่มที่มาด้วยเพราะเธอไม่ได้ยินเสียงตอบจากเขาภูผากำลังยืนมองไปที่ภาพของครอบครัวหนึ่งที่อุ้มเด็กน้อยกำลังถ่ายภาพกัน เด็กคนนั้นน่าจะอายุมากกว่า ปูนปั้นลูกชายของเขากับขิมไม่เท่าไหร่“คิดถึงลูกเหรอคะ” คนถามเห็นแล
ตอนที่7ถึงเวลาของความจริง ภูผาจอดรถหน้าบ้านของหญิงสาว เขารวบรวมความกล้าและตั้งสติ เพื่อคิดคำพูดและเหตุผลที่ดีที่สุด ที่จะทำให้ขิมยอมฟังเขาจนจบเรื่อง “ขิม เปิดประตูให้ผมหน่อย มีธุระด่วน” ชายหนุ่มโทรศัพท์เข้าไปก่อน เพราะกลัวว่าถ้าไปเคาะหน้าประตูเลยอาจจะทำให้อีกฝ่ายตกใจได้ “ทำไมกลับมาอีกล่ะคะ เข้ามาในบ้านก่อน ขิมคิดว่าคุณกลับไปนอนหลับที่คอนโดแล้วเสียอีก เพราะเมื่อเช้าคุณต้องตื่นแต่เช้า” หญิงสาวหยุดพูดเมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าจริงจัง และเอาแต่ถอนหายใจ ก้มหน้ามองมือสองข้างที่กำกันไว้แน่น “คุณภูมีอะไรหรือเปล่าคะ บอกขิมได้นะ หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวกับลูก” ขิมเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี เพราะเรื่องที่ทำให้ชายหนุ่มไม่สบายใจและตัดสินในกลับมาหาเธอ คงไม่พ้นเรื่องเธอหรือปูนปั้นแน่ๆ “ทั้งสองคน ผมไม่รู้จะเริ่มต้นพูดกับคุณอย่างไรดี ผมละอายไปหมด” ชายหนุ่มทำท่าเหมือนคนที่กำลังควบคุมสติไม่ได้ เขาโวยวายตาแดงกร่ำ “ลูกเป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้นกับลูก” หญิงสาวห่วงอยู่เรื่องเดียว คือปูนปั้น เธอกลัวว่าลูกของเธอจะเป็