เด็บบราห์ถูกรังแกมาตลอดชีวิต ในวัยเด็ก เธอต้องทนกับการถูกแม่เลี้ยงทารุณและพี่น้องต่างแม่ของเธอจนทำให้เธอกลายเป็นคนสูญเสียความสามารถในการพูดไป เนื่องจากบาดแผลทางจิตใจ เมื่อเติบโตขึ้น เธอคิดว่าชีวิตจะเปลี่ยนไปเมื่อเธอแต่งงานกับผู้ชายที่เธอรัก โรเจอร์ ปีเตอร์สัน แต่เขากลับเกลียดชังและมองว่าเธอเป็นภาระเพียงเพราะเธอไม่ยอมพูด โรเจอร์เป็นคนเย็นชา จึงไม่เคยใส่ใจในความเจ็บปวดของเธอซึ่งเขาเป็นต้นเหตุ ตรงกันข้าม เขาทุ่มเทใจให้กับหญิงสาวที่เขารักตั้งแต่วัยเด็ก เขาคอยเอาอกเอาใจและยกย่องให้หญิงสาวกลายเป็นอนุภรรยาของตน เนื่องจากกลัวว่าจะต้องอยู่คนเดียว เด็บบราห์จึงทนใช้ชีวิตแต่งงานกับโรเจอร์ถึงสามปี หวังว่าหากเธอรักและเข้าใจ เขาจะเห็นคุณค่าของเธอและยอมทิ้งผู้หญิงคนนั้นไป แต่เธอก็ได้รู้ในที่สุดว่า สิ่งนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น และมันก็ถึงขีดจำกัดของตนเองแล้ว เด็บบราห์ต้องการหย่าร้างเพื่อตามหาความสุขของตนเอง แม้ว่าโรเจอร์จะปฏิเสธด้วยความหยิ่งยโส แต่เธอก็จะไม่ยอมแพ้ เพราะเธอได้พบเหตุผลที่จะต่อสู้เพื่อสิทธิในการมีชีวิตที่มีความสุขแล้ว
View Moreวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าโรเจอร์และทนายของเขาจะพยายามสุดความสามารถเพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหล แต่ข่าวเกี่ยวกับการพิจารณาคดีก็ยังคงถูกเปิดเผยต่อสาธารณะอยู่ดี สื่อทุกแห่งกำลังสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ ซึ่งหมายความว่าตระกูลที่เกี่ยวข้องต่างก็เริ่มถูกนักข่าวรบกวนนอกจากนี้ ข่าวลือยังแพร่กระจายภายในปีเตอร์สันกรุปอย่างรวดเร็ว“ถ้างั้น…ตอนนี้เขาก็เป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อยน่ะสิ”“มันก็สมควรแล้ว”“ใช่ พระเจ้า มันน่ารังเกียจที่จะต้องทนเห็นผู้หญิงผมบลอนด์โง่ ๆ เดินเฉิดฉายทำเหมือนว่าเป็นเจ้าของที่นี่อย่างนั้นแหละ”“สมควรแล้วที่คนไม่ซื่อสัตย์จะต้องได้รับในสิ่งที่ตัวเองตัวเองทำ”“ตอนนี้เขาไม่มีเงินแล้ว เขาคงจะไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นอีกต่อไป”โรเจอร์ขมวดคิ้วพลางกำดินสอแน่นจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ พวก ‘คนโง่’ พวกนั้นพูดเหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น‘คอยดูนะ เมื่อไหร่ที่ฉันได้ตำแหน่งประธานบริษัทคืนมา ฉันจะไล่พวกแกออกให้หมด ฉันจะทำให้พวกแกทุกคนต้องทนทุกข์’ โรเจอร์ด่าทอเพื่อนร่วมอยู่ภายในใจ “นี่ นายมาที่นี่เพื่อทำงาน ไม่ใช่มานั่งพูดจาไร้สาระ” เสียงเอ็ดการ์ดัง
“แล้วตอนนี้พี่พักอยู่ที่ไหน?”[นั่นเป็นความลับจ้ะ]“อ้าว ใจร้ายจัง”[แต่เดี๋ยวพี่ให้เบอร์โทรศัพท์กับนายได้นะ]“อืม ดีเลย”[พี่ยังบอกไม่ได้ว่าฉันพักอยู่ที่ไหน เพราะพี่อยากจะเก็บตัวจนกว่าการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้น]“เข้าใจแล้วครับ พี่เด็บบี้ แค่พี่ให้เบอร์มาผมก็พอใจแล้ว” เขาพูดพลางบันทึกเบอร์โทรศัพท์ “แล้วพี่รู้เพศยัง?”[สองเดือนเองจ้ะ]“อ๋อ…เข้าใจแล้ว แต่พี่จะบอกผมทันทีที่พี่รู้ใช่ไหม?”[แน่นอน นายจะเป็นหนึ่งในคนแรกที่ได้รู้เลย]เอลเลียตดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจที่พี่สะใภ้ยังไม่ลืมเขาหลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเขาก็เดินไปตามท้องถนนเพื่อใช้เวลาร่วมกันอีกสักพักก่อนจะบอกลากัน เพราะเอลเลียตจะต้องกลับไปยังบริษัท“แล้วผมจะส่งข้อความหาพี่นะ” เขาพูดขณะสบตาเธอ[ได้เลย พี่จะรอข้อความจากนาย]“แล้วเจอกันใหม่นะครับ พี่เด็บบี้” เขาพูดอย่างมีความสุข ก่อนจะโน้มตัวลงจุ๊บแก้มของเธอเบา ๆ แล้วรีบกลับไปที่บริษัทเด็บบราห์ยิ้มขณะที่เธอมองตามหลังเขา เธอรักเด็กคนนี้“คุณแน่ใจว่าเขาจะไม่พูดอะไรใช่ไหม?” มีใครบางคนถามขึ้นจากด้านหลังเธอ เธอหันไปและได้เห็นเจย์เดนที่กำลังมองมาที่เธอ “เด็ก
“คุณพ่อครับ ผมก็ต้องขอตัวด้วยเหมือนกัน” เอลเลียตกล่าวขณะพยายามซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้“อืม ไปสิ นี่ก็ใกล้จะได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี” จอร์จกล่าวพลางสังเกตดูพิรุธที่เอลเลียตพยายามปกปิด “ลูกอยากไปกินข้าวด้วยกันไหม?”“ขอโทษนะครับคุณพ่อ แต่ผมมีนัดแล้ว”“อืม ระวังตัวด้วยนะ แต่อย่าลืมว่าในฐานะเจ้านาย ลูกจะต้องกลับมาให้ตรงเวลาเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี”“ทราบแล้วครับ” เอลเลียตตอบอย่างมีความสุขก่อนจะหันหลังและเริ่มวิ่งไปยังสถานที่ตามนัดจากข้อความที่เขาได้รับสถานที่นั้นคือร้านอาหาร เมื่อเอลเลียตมาถึง เขาก็ขอโต๊ะสำหรับแขกสองคนในมุมหนึ่งเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวเมื่อนั่งลงแล้ว เขาก็ส่งข้อความเพื่อบอกผู้นัดว่าจองโต๊ะเอาไว้แล้วเอลเลียตรู้สึกกังวลเล็กน้อยแต่ก็มีความสุข เพราะในที่สุด พี่สะใภ้ก็ติดต่อมา เขาชอบที่ได้ใช้เวลาร่วมกับเธอและมองว่าเธอเป็นเหมือนพี่สาวแท้ ๆ ที่เขาไม่เคยมีขณะนั่งรอ เขาก็สั่งอาหารสำหรับพวกเขาทั้งคู่ หลังจากผ่านไปห้านาที ก็มีมือของใครบางคนแตะลงบนไหล่ของเขา เขาตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองและได้พบกับดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งที่เขาชื่นชอบ“พี่เด็บบราห์?” เขากล่าวขึ้นอย่างรู้สึกทึ่งในควา
“ฉันมันโง่จริง ๆ ที่ไม่เคยให้อะไรตอบแทนเธอ จากคอลเลคชั่นเครื่องประดับที่เธอช่วยฉันออกแบบเลย” โรเจอร์แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา ในเวลานี้ เขารู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียเด็บบราห์ไป แม้รู้ถึงสาเหตุของการหย่าร้าง แต่เพราะความหยิ่งยโสทำให้เขาปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขากำลังถูกทอดทิ้ง “เฮ้อ…ถ้าเธอกลับมา ฉันอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่าง หรือบางที ฉันควรจะมีลูกกับเธอ เพราะเธอจะได้ไม่เหงาเมื่อต้องอยู่บ้านคนเดียว”“พี่คุยกับใครอยู่เหรอ?”โรเจอร์เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นน้องชาย เขาจึงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว “มีอะไร?”“ที่ผมมาหาพี่ก็เพราะว่าพ่ออยากรู้ว่าพี่เจอพี่สะใภ้หรือยังน่ะ”“ก็ยังไม่เจอน่ะสิ ไม่งั้น นายคงไม่ได้มายืนอยู่ในบริษัทนี้หรอก”“อืม…ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพี่ถึงเกลียดผม”“เพราะนายเกิดมาเพื่อแย่งทุกอย่างไปจากฉันเหมือนที่แม่บอกยังไงล่ะ”“น่าเสียดาย ผมเคยชื่นชมพี่นะ แต่ตอนนี้ผมกลับสงสารพี่มากกว่า”“ไอ้นี่…” โรเจอร์ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเกรี้ยวและเตรียมตัวจะต่อยน้องชายตัวเอง…ในเวลานั้น พ่อของพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้น “อย่ามีเรื่องวิวาทในบริษัท” จอร์จพูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจ“ขอโทษครับ คุณพ่อ”
ผู้คนที่เคยรังเกียจเด็บบราห์และหวังให้เธอตาย ตอนนี้กลับต้องรีบตามหาเธอ เพราะพวกเขาตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้เป็นแค่ตัวปัญหาอีกต่อไป แต่เธอเป็นกุญแจสำคัญสู่ชีวิตที่สะดวกสบาย ชีวิตที่พวกเขาเคยเห็นเป็นของตายและไม่อยากจะอยู่ต่อไปหากขาดมันอย่างไรก็ตาม คนที่ทรมานจากการหายตัวไปของเด็บบราห์ที่สุดก็คือญาติของเธอ พวกเขาอ้างว่าเป็นครอบครัว แต่ไม่เคยใส่ใจสุขภาพหรือความเป็นอยู่เลย ในตอนนี้ พวกเขากำลังจะเป็นบ้า และพยายามทุกวิถีทางตามหาเธอให้พบ ช่างน่าเสียดาย เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นจากที่ไหนหรือจะถามใครเกี่ยวกับที่อยู่ของเธอ เพราะในสายตาพวกเขา เด็บบราห์เป็นคนไร้เพื่อนมาโดยตลอด“ยังไม่มีความคืบหน้าอีกเหรอ?” เฟรเดอริคถามอย่างกระวนกระวาย เพราะตอนนี้ เขาไม่มีเงินสำหรับธุรกิจใหญ่ที่เขากำลังจะลงทุน“ยังครับ พ่อ” เออร์เนสต์บ่น “ไม่มีทางไหนที่เพื่อนของผมจะสืบหาเธอได้เลย เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่มีแม้แต่โซเชียลมีเดีย”“แล้วอีเมลที่มันเคยสร้างตอนเรียนล่ะ?” แคสแซนดร้าถามเมื่อนึกขึ้นได้“มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เราจะต้องมีอีเมลที่มันเพิ่งส่งมาให้เรา แล้วเราถึงจะสามารถติดตามได้” แฝดชายผมบลอนด์อธิบาย “แล้วอ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โรเจอร์ถึงกับชะงักก่อนจะหันไปจ้องแม่“ใช่แล้วลูก ลูกไม่ควรละเลยโซเฟียกับหลานของแม่นะ” แม่ของเขาย้ำ“อะไรนะ…แต่…”“ระหว่างที่พวกคุณคุยกัน ฉันขอตัวเอากระเป๋าไปเก็บก่อน” โซเฟียพูดขณะแยกตัวออกมา เธอเดินเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์พร้อมกับกระเป๋าเดินทางก่อนจะเริ่มเดินสำรวจและพึมพำกับตัวเองเบา ๆ“คุณแม่บ้าไปแล้วเหรอครับ?” โรเจอร์บ่นกับเธอเบา ๆ“อย่าพูดกับแม่แบบนั้นนะ โรเจอร์”“แม่จะให้เธอมาอยู่ที่บ้านของผมได้ยังไง?”“แต่แม่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ลูกทั้งสองควรจะอยู่ด้วยกันเพราะลูกในท้อง…”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะครับ คุณแม่ เพราะผมจะพาเด็บบราห์กลับมา”“อะไรนะ? ทำไม?” ผู้หญิงทั้งสองคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน“เพราะผมจะเอาทุกอย่างที่เป็นของผมคืนมา” เขากอดอกพลางพูดด้วยท่าทางที่แน่วแน่“คุณหมายความว่ายังไง?” โซเฟียถามอย่างไม่รู้เรื่อง“แต่พ่อของลูก…เขาไม่ได้พูด…”“คุณพ่อจริงจังมาก แล้วคุณแม่จำไม่ได้เหรอ…ว่าผมกำลังอยู่ในช่วงทดลองงานบริษัท และเมื่อวานนี้ผมขาดงาน พวกเขาก็ยื่นคำขาดกับผมว่า ถ้าผมขาดงานอีกครั้ง ผมจะถูกไล่ออก”“นั่น…เป็นไปไม่ได้…” โซเฟียตื่นตระหนก เพราะนั่นหมายถึงชีวิตหร
ในขณะเดียวกัน…โรเจอร์ไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย พ่อของเขาทำตามคำขู่และลดตำแหน่งเขาลง เขาไม่ได้เป็นหัวหน้าแผนกอีกแล้ว แถมเงินเดือนก็น้อยลงไปตามตำแหน่งใหม่นั้นด้วย ตำแหน่งพนักงานต๊อกต๋อยนั่นหมายถึง เขามีปัญหาและความเครียดเพิ่มขึ้น โซเฟียก็ไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เธอเพียงแค่ต้องการใช้เงินเหมือนเดิมและในตอนนี้ เธอก็ใช้ข้ออ้างเรื่องตั้งท้องเพื่อขอเงินจากเขามากขึ้นหลังเลิกงาน เขาตรงกลับบ้านทันทีเพราะว่าเขาไม่อยากพบใครทั้งนั้น เขายังไม่รับสายของโซเฟียที่โทรมาหาเขาไม่หยุดในช่วงเช้าด้วย เธอได้กลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับเขาอย่างแท้จริง“เฮ้อ…ขอพักบ้างเถอะ…” เขาบ่นพลางโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง เขาเบื่อหน่ายกับการได้รับข้อความพวกนั้น [โรเจอร์ ที่รัก ฉันต้องการคุณ…ขอเงินหน่อยได้ไหม? ทำไมไม่มาหากันเลย? ฉันเหงาจัง…นี่ เมื่อไหร่คุณจะให้ของขวัญฉันอีก…?] และนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อความที่เธอส่งมาเขาสบถกับตัวเอง…เขาควรจะรู้สึกขอบคุณเด็บบราห์ที่คอยทำความสะอาดบ้านให้อยู่เสมอ เธอไม่เคยสร้างปัญหาหรือบ่นเกี่ยวกับการกระทำของเขาเลย แม้แต่เรื่องที่เขาไม่เคยอยู่บ้านด้วยซ้ำเมื่อนึกย้อนกลับไป
“ผมไม่สนใจหรอก”[อะไรนะ?]“ผมไม่สนใจว่าจะเป็นลูกแท้ ๆ ของผมไหม ขอเพียงคุณอนุญาต ผมจะเลี้ยงดูเขาให้เหมือนเป็นลูกของผมเอง เพราะผมชอบคุณจริง ๆ นะเด็บบราห์ และความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณมันมาจากข้างในจริง ๆ”[เจย์เดน แต่ฉันปล่อยให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้]“ทำไมล่ะ?”[คือว่ามัน…ไม่… มันไม่ถูกต้อง เด็กคนนี้เป็นลูกของโรเจอร์ ไม่ใช่คุณ…]“เด็กคนนั้นเป็นลูกของคุณ ถ้าหากว่าคุณจะให้โอกาสผม ผมจะพยายามเป็นพ่อที่ดีได้แน่”[เจย์เดน…แต่ว่าฉันยัง…]“ผมรู้ คุณยังไม่หย่า แต่เร็ว ๆ นี้คุณจะต้องหย่าแน่นอน ผมจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเอาชนะใจคุณให้ได้”[ฉันคิดว่าคุณไม่ต้องพยายามขนาดนั้นนะ] เด็บบราห์หันหน้าหนีเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเมื่อเธอกล่าวเช่นนั้นเจย์เดนตกใจกับปฏิกิริยาของเธอและยิ้มกว้างขึ้น “ผมดีใจมากที่ได้ยินแบบนั้น”[ฉันยังไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับคุณกันแน่ แต่ฉันก็คิดถึงคุณอยู่บ่อย ๆ นะ] เด็บบราห์ยอมรับ“ผมรู้ เอาเป็นว่าเราค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน” เขาพูดพลางจับมือเธอ “แต่มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ”เด็บบราห์พยักหน้าแล้วยิ้มให้เขาหลังจากนั้น พวกเขาก็ทานอาหารกันต่อ เจย์เดนเล
วันก่อน เด็บบราห์รู้สึกผ่อนคลาย ดังนั้น วันนี้เธอจึงตั้งใจทำงานเพื่อที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ มันจะเป็นบ้านหลังใหม่ของเธอ หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เธอก็คำนวณว่าจะต้องใช้เงินเก็บเท่าไหร่ในการซื้อบ้านจากเจย์เดน นอกจากนี้ เธอยังต้องการเก็บเงินส่วนหนึ่งเพื่อซื้อของขวัญตอบแทนเขาอีกด้วย การคำนวณของเธอต้องหยุดลงเมื่อเหลือบดูเวลา เธอมีนัดกับลูกค้าเพื่อปรึกษาเรื่องการยื่นภาษีสำหรับช่วงสองเดือนนี้ทางออนไลน์ เด็บบราห์ปิดสมุดโน้ตลงและเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์‘ตอนนี้ฉันมีเวลามากขึ้นแล้ว ดังนั้น ฉันจะสามารถรับลูกค้าวันละสี่คนได้อย่างสบาย ๆ’ เธอยิ้ม ก่อนหน้านี้ เธอรับลูกค้าได้สัปดาห์ละ 20 คนโดยไม่มีปัญหาหลังจากเสร็จสิ้นการนัดหมาย เธอก็เริ่มร่างรายงานเพื่อส่งให้เจ้านายเนื่องจากมีลูกค้าเพิ่มขึ้นและการออมเงินอย่างมีวินัย เธอจึงมีเงินพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลที่กำลังจะมาถึง ค่าเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อย ค่าเช่าบ้านและค่าจ้างทนายความของคริสเตียน เด็บบราห์รู้สึกมีความสุข เพราะในที่สุด เธอก็ได้เป็นอิสระทางการเงินเสียที ผ่านไปไม่นาน เธอก็ยืดเส้นยืดสายก่อนจะเหลียวมองดู
Comments