ในขณะเดียวกัน…โรเจอร์ไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย พ่อของเขาทำตามคำขู่และลดตำแหน่งเขาลง เขาไม่ได้เป็นหัวหน้าแผนกอีกแล้ว แถมเงินเดือนก็น้อยลงไปตามตำแหน่งใหม่นั้นด้วย ตำแหน่งพนักงานต๊อกต๋อยนั่นหมายถึง เขามีปัญหาและความเครียดเพิ่มขึ้น โซเฟียก็ไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เธอเพียงแค่ต้องการใช้เงินเหมือนเดิมและในตอนนี้ เธอก็ใช้ข้ออ้างเรื่องตั้งท้องเพื่อขอเงินจากเขามากขึ้นหลังเลิกงาน เขาตรงกลับบ้านทันทีเพราะว่าเขาไม่อยากพบใครทั้งนั้น เขายังไม่รับสายของโซเฟียที่โทรมาหาเขาไม่หยุดในช่วงเช้าด้วย เธอได้กลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับเขาอย่างแท้จริง“เฮ้อ…ขอพักบ้างเถอะ…” เขาบ่นพลางโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง เขาเบื่อหน่ายกับการได้รับข้อความพวกนั้น [โรเจอร์ ที่รัก ฉันต้องการคุณ…ขอเงินหน่อยได้ไหม? ทำไมไม่มาหากันเลย? ฉันเหงาจัง…นี่ เมื่อไหร่คุณจะให้ของขวัญฉันอีก…?] และนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อความที่เธอส่งมาเขาสบถกับตัวเอง…เขาควรจะรู้สึกขอบคุณเด็บบราห์ที่คอยทำความสะอาดบ้านให้อยู่เสมอ เธอไม่เคยสร้างปัญหาหรือบ่นเกี่ยวกับการกระทำของเขาเลย แม้แต่เรื่องที่เขาไม่เคยอยู่บ้านด้วยซ้ำเมื่อนึกย้อนกลับไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โรเจอร์ถึงกับชะงักก่อนจะหันไปจ้องแม่“ใช่แล้วลูก ลูกไม่ควรละเลยโซเฟียกับหลานของแม่นะ” แม่ของเขาย้ำ“อะไรนะ…แต่…”“ระหว่างที่พวกคุณคุยกัน ฉันขอตัวเอากระเป๋าไปเก็บก่อน” โซเฟียพูดขณะแยกตัวออกมา เธอเดินเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์พร้อมกับกระเป๋าเดินทางก่อนจะเริ่มเดินสำรวจและพึมพำกับตัวเองเบา ๆ“คุณแม่บ้าไปแล้วเหรอครับ?” โรเจอร์บ่นกับเธอเบา ๆ“อย่าพูดกับแม่แบบนั้นนะ โรเจอร์”“แม่จะให้เธอมาอยู่ที่บ้านของผมได้ยังไง?”“แต่แม่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ลูกทั้งสองควรจะอยู่ด้วยกันเพราะลูกในท้อง…”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะครับ คุณแม่ เพราะผมจะพาเด็บบราห์กลับมา”“อะไรนะ? ทำไม?” ผู้หญิงทั้งสองคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน“เพราะผมจะเอาทุกอย่างที่เป็นของผมคืนมา” เขากอดอกพลางพูดด้วยท่าทางที่แน่วแน่“คุณหมายความว่ายังไง?” โซเฟียถามอย่างไม่รู้เรื่อง“แต่พ่อของลูก…เขาไม่ได้พูด…”“คุณพ่อจริงจังมาก แล้วคุณแม่จำไม่ได้เหรอ…ว่าผมกำลังอยู่ในช่วงทดลองงานบริษัท และเมื่อวานนี้ผมขาดงาน พวกเขาก็ยื่นคำขาดกับผมว่า ถ้าผมขาดงานอีกครั้ง ผมจะถูกไล่ออก”“นั่น…เป็นไปไม่ได้…” โซเฟียตื่นตระหนก เพราะนั่นหมายถึงชีวิตหร
ผู้คนที่เคยรังเกียจเด็บบราห์และหวังให้เธอตาย ตอนนี้กลับต้องรีบตามหาเธอ เพราะพวกเขาตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้เป็นแค่ตัวปัญหาอีกต่อไป แต่เธอเป็นกุญแจสำคัญสู่ชีวิตที่สะดวกสบาย ชีวิตที่พวกเขาเคยเห็นเป็นของตายและไม่อยากจะอยู่ต่อไปหากขาดมันอย่างไรก็ตาม คนที่ทรมานจากการหายตัวไปของเด็บบราห์ที่สุดก็คือญาติของเธอ พวกเขาอ้างว่าเป็นครอบครัว แต่ไม่เคยใส่ใจสุขภาพหรือความเป็นอยู่เลย ในตอนนี้ พวกเขากำลังจะเป็นบ้า และพยายามทุกวิถีทางตามหาเธอให้พบ ช่างน่าเสียดาย เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นจากที่ไหนหรือจะถามใครเกี่ยวกับที่อยู่ของเธอ เพราะในสายตาพวกเขา เด็บบราห์เป็นคนไร้เพื่อนมาโดยตลอด“ยังไม่มีความคืบหน้าอีกเหรอ?” เฟรเดอริคถามอย่างกระวนกระวาย เพราะตอนนี้ เขาไม่มีเงินสำหรับธุรกิจใหญ่ที่เขากำลังจะลงทุน“ยังครับ พ่อ” เออร์เนสต์บ่น “ไม่มีทางไหนที่เพื่อนของผมจะสืบหาเธอได้เลย เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่มีแม้แต่โซเชียลมีเดีย”“แล้วอีเมลที่มันเคยสร้างตอนเรียนล่ะ?” แคสแซนดร้าถามเมื่อนึกขึ้นได้“มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เราจะต้องมีอีเมลที่มันเพิ่งส่งมาให้เรา แล้วเราถึงจะสามารถติดตามได้” แฝดชายผมบลอนด์อธิบาย “แล้วอ
“ฉันมันโง่จริง ๆ ที่ไม่เคยให้อะไรตอบแทนเธอ จากคอลเลคชั่นเครื่องประดับที่เธอช่วยฉันออกแบบเลย” โรเจอร์แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา ในเวลานี้ เขารู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียเด็บบราห์ไป แม้รู้ถึงสาเหตุของการหย่าร้าง แต่เพราะความหยิ่งยโสทำให้เขาปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขากำลังถูกทอดทิ้ง “เฮ้อ…ถ้าเธอกลับมา ฉันอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่าง หรือบางที ฉันควรจะมีลูกกับเธอ เพราะเธอจะได้ไม่เหงาเมื่อต้องอยู่บ้านคนเดียว”“พี่คุยกับใครอยู่เหรอ?”โรเจอร์เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นน้องชาย เขาจึงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว “มีอะไร?”“ที่ผมมาหาพี่ก็เพราะว่าพ่ออยากรู้ว่าพี่เจอพี่สะใภ้หรือยังน่ะ”“ก็ยังไม่เจอน่ะสิ ไม่งั้น นายคงไม่ได้มายืนอยู่ในบริษัทนี้หรอก”“อืม…ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพี่ถึงเกลียดผม”“เพราะนายเกิดมาเพื่อแย่งทุกอย่างไปจากฉันเหมือนที่แม่บอกยังไงล่ะ”“น่าเสียดาย ผมเคยชื่นชมพี่นะ แต่ตอนนี้ผมกลับสงสารพี่มากกว่า”“ไอ้นี่…” โรเจอร์ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเกรี้ยวและเตรียมตัวจะต่อยน้องชายตัวเอง…ในเวลานั้น พ่อของพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้น “อย่ามีเรื่องวิวาทในบริษัท” จอร์จพูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจ“ขอโทษครับ คุณพ่อ”
“คุณพ่อครับ ผมก็ต้องขอตัวด้วยเหมือนกัน” เอลเลียตกล่าวขณะพยายามซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้“อืม ไปสิ นี่ก็ใกล้จะได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี” จอร์จกล่าวพลางสังเกตดูพิรุธที่เอลเลียตพยายามปกปิด “ลูกอยากไปกินข้าวด้วยกันไหม?”“ขอโทษนะครับคุณพ่อ แต่ผมมีนัดแล้ว”“อืม ระวังตัวด้วยนะ แต่อย่าลืมว่าในฐานะเจ้านาย ลูกจะต้องกลับมาให้ตรงเวลาเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี”“ทราบแล้วครับ” เอลเลียตตอบอย่างมีความสุขก่อนจะหันหลังและเริ่มวิ่งไปยังสถานที่ตามนัดจากข้อความที่เขาได้รับสถานที่นั้นคือร้านอาหาร เมื่อเอลเลียตมาถึง เขาก็ขอโต๊ะสำหรับแขกสองคนในมุมหนึ่งเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวเมื่อนั่งลงแล้ว เขาก็ส่งข้อความเพื่อบอกผู้นัดว่าจองโต๊ะเอาไว้แล้วเอลเลียตรู้สึกกังวลเล็กน้อยแต่ก็มีความสุข เพราะในที่สุด พี่สะใภ้ก็ติดต่อมา เขาชอบที่ได้ใช้เวลาร่วมกับเธอและมองว่าเธอเป็นเหมือนพี่สาวแท้ ๆ ที่เขาไม่เคยมีขณะนั่งรอ เขาก็สั่งอาหารสำหรับพวกเขาทั้งคู่ หลังจากผ่านไปห้านาที ก็มีมือของใครบางคนแตะลงบนไหล่ของเขา เขาตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองและได้พบกับดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งที่เขาชื่นชอบ“พี่เด็บบราห์?” เขากล่าวขึ้นอย่างรู้สึกทึ่งในควา
“แล้วตอนนี้พี่พักอยู่ที่ไหน?”[นั่นเป็นความลับจ้ะ]“อ้าว ใจร้ายจัง”[แต่เดี๋ยวพี่ให้เบอร์โทรศัพท์กับนายได้นะ]“อืม ดีเลย”[พี่ยังบอกไม่ได้ว่าฉันพักอยู่ที่ไหน เพราะพี่อยากจะเก็บตัวจนกว่าการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้น]“เข้าใจแล้วครับ พี่เด็บบี้ แค่พี่ให้เบอร์มาผมก็พอใจแล้ว” เขาพูดพลางบันทึกเบอร์โทรศัพท์ “แล้วพี่รู้เพศยัง?”[สองเดือนเองจ้ะ]“อ๋อ…เข้าใจแล้ว แต่พี่จะบอกผมทันทีที่พี่รู้ใช่ไหม?”[แน่นอน นายจะเป็นหนึ่งในคนแรกที่ได้รู้เลย]เอลเลียตดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจที่พี่สะใภ้ยังไม่ลืมเขาหลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเขาก็เดินไปตามท้องถนนเพื่อใช้เวลาร่วมกันอีกสักพักก่อนจะบอกลากัน เพราะเอลเลียตจะต้องกลับไปยังบริษัท“แล้วผมจะส่งข้อความหาพี่นะ” เขาพูดขณะสบตาเธอ[ได้เลย พี่จะรอข้อความจากนาย]“แล้วเจอกันใหม่นะครับ พี่เด็บบี้” เขาพูดอย่างมีความสุข ก่อนจะโน้มตัวลงจุ๊บแก้มของเธอเบา ๆ แล้วรีบกลับไปที่บริษัทเด็บบราห์ยิ้มขณะที่เธอมองตามหลังเขา เธอรักเด็กคนนี้“คุณแน่ใจว่าเขาจะไม่พูดอะไรใช่ไหม?” มีใครบางคนถามขึ้นจากด้านหลังเธอ เธอหันไปและได้เห็นเจย์เดนที่กำลังมองมาที่เธอ “เด็ก
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าโรเจอร์และทนายของเขาจะพยายามสุดความสามารถเพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหล แต่ข่าวเกี่ยวกับการพิจารณาคดีก็ยังคงถูกเปิดเผยต่อสาธารณะอยู่ดี สื่อทุกแห่งกำลังสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ ซึ่งหมายความว่าตระกูลที่เกี่ยวข้องต่างก็เริ่มถูกนักข่าวรบกวนนอกจากนี้ ข่าวลือยังแพร่กระจายภายในปีเตอร์สันกรุปอย่างรวดเร็ว“ถ้างั้น…ตอนนี้เขาก็เป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อยน่ะสิ”“มันก็สมควรแล้ว”“ใช่ พระเจ้า มันน่ารังเกียจที่จะต้องทนเห็นผู้หญิงผมบลอนด์โง่ ๆ เดินเฉิดฉายทำเหมือนว่าเป็นเจ้าของที่นี่อย่างนั้นแหละ”“สมควรแล้วที่คนไม่ซื่อสัตย์จะต้องได้รับในสิ่งที่ตัวเองตัวเองทำ”“ตอนนี้เขาไม่มีเงินแล้ว เขาคงจะไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นอีกต่อไป”โรเจอร์ขมวดคิ้วพลางกำดินสอแน่นจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ พวก ‘คนโง่’ พวกนั้นพูดเหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น‘คอยดูนะ เมื่อไหร่ที่ฉันได้ตำแหน่งประธานบริษัทคืนมา ฉันจะไล่พวกแกออกให้หมด ฉันจะทำให้พวกแกทุกคนต้องทนทุกข์’ โรเจอร์ด่าทอเพื่อนร่วมอยู่ภายในใจ “นี่ นายมาที่นี่เพื่อทำงาน ไม่ใช่มานั่งพูดจาไร้สาระ” เสียงเอ็ดการ์ดัง
"วันนี้เป็นวันเกิดคุณผู้หญิงนะครับท่าน จะไม่กลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ก่อนเหรอครับ?" คนขับรถเอสยูวีหรูคันงามเอ่ยถาม"ฉันสั่งแล้วว่าห้ามพูดถึงเธอ" ชายผมดกดำเอ่ยเหน็บพลางขมวดคิ้ว"ขอโทษครับท่าน" คนขับรถพูดอย่างกระวนกระวายขณะขับรถมุ่งไปยังบริษัทประธานบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเมือง โรเจอร์ ปีเตอร์สันถอนหายใจก่อนเอนตัวพิงเบาะหลังพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง เขานั้นสมบูรณ์แบบและเป็นเหมือนความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล แต่พรสวรรค์และรูปลักษณ์ที่ดีกลับต้องมาถูกบดบังด้วยข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวนั่นคือหญิงที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ผู้ซึ่งทำลายชีวิตของเขาลงโรเจอร์ขมวดคิ้วแน่นอีกครั้งเมื่อนึกถึงเธอ เขาเกลียดเธอมากเสียจนอยากจะสาปแช่งตัวตนของเธอ ได้แต่สงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่ตายไปเสีย โชคชะตาอันโหดร้ายผูกมัดเขาเอาไว้กับเธอตลอดไป เมื่อมาถึงบริษัท โรเจอร์ก็ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะลงจากรถและเดินเข้าไปในสำนักงานหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอนตัวลงบนเก้าอี้ หลับตาลงชั่วครู่เพื่อขจัดความเครียดของวันนี้ออกไป ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องงานที่ทำให้เขาหงุดหงิดได้ถึงเพียงนี้"คุณโรเจอร์ครับ?"โรเจอร์ขมวดคิ้วแน่นขึ้นแม้