“งั้นเธอแอบอัดเสียงตอนพวกเขามีอะไรกันเหรอ?” เสียงผู้หญิงปลายสายถามขึ้นอย่างสงสัยอีกฝ่ายตอบกลับด้วยรหัสมอร์สว่า [ใช่ เธอไม่ได้กดวางสาย]“เยี่ยมเลย…เธอก็แผนการดีนิ”[ไม่ต้องห่วง ฉันรู้]“พรุ่งนี้ฉันจะเอาเค้กกับของขวัญไปให้นะ ส่งคลิปเสียงพวกนั้นมาให้ฉันนะ เดี๋ยวจะเอาไปให้สามีของฉันช่วยเธอยื่นเรื่องฟ้องหย่าให้”[ขอบคุณนะ]“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ไปนอนพักผ่อนได้แล้ว” เธอพูดก่อนจะวางสายไปหญิงสาวผู้สื่อสารด้วยรหัสมอร์สถอนหายใจยาว ดวงตาแดงก่ำและเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาไหลออกมาช้า ๆ มันช่างเจ็บปวดเมื่อนึกถึงตอนที่ได้ยินสามีสารภาพรักกับชู้รักของเขาเธอเดินไปยังห้องนอนอย่างช้า ๆ และหยุดตรงหน้ากระจกบานใหญ่ตรงทางเดิน ภาพสะท้อนตรงหน้าคือหญิงหน้าตาสะสวย ผมลอนสีน้ำตาล ทว่าดวงตากลับบวมช้ำเพราะความโศกเศร้า นัยน์ตาสีฟ้าเป็นเอกลักษณ์ เธออาจจะไม่เร้าอารมณ์เท่ากับโซเฟียแต่รูปร่างก็มีสัดส่วนโค้งเว้าที่ลงตัวปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหญิงนัยน์ตาสีฟ้าคนนี้ดูน่าดึงดูดใจยิ่งนัก กระนั้น เนื่องจากอุบัติเหตุวัยเด็ก จึงทำให้เธอพบเจอกับความเลวร้ายแสนสาหัส เธอจึงพูดไม่ได้อีกเลย ดังนั้นภาษามือและรหัสมอร์สจึงเป็นเครื่องมือใ
ที่โรงพยาบาล แคโรไลน์ขอให้คุณหมอตรวจสุขภาพให้เพื่อนของเธออย่างละเอียดเนื่องจากเด็บบราห์รู้สึกไม่ค่อยสบายและอาเจียนบ่อยคุณหมอสังเกตเห็นว่าเด็กสาวผมลอนสีน้ำตาลคนนี้ดูซีดเซียว เขาจึงตรวจให้เธออย่างละเอียดครบถ้วนเพื่อวินิจฉัยสาเหตุทันที[แคร์รี่ ฉันกลัวจัง] เด็บบราห์รู้สึกหวาดกลัวว่าร่างกายอาจมีปัญหาร้ายแรง และความวิตกกังวลก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เริ่มการตรวจ“ใจเย็น ๆ นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่กับเธอเสมอ เข้าใจไหม?” แคโรไลน์จับมือเด็บบราห์และปลอบโยนเธอเพื่อบรรเทาความกังวลเด็บบราห์พยักหน้าตอบรับ หลังจากนั้นไม่นาน พยาบาลก็นำผลการตรวจมาให้“ขอบคุณนะครับ พยาบาลคนสวย” คุณหมอพูดหยอกล้อพร้อมขยิบตาให้กับพยาบาลที่กำลังยืนยิ้มอยู่ก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างช้า ๆ เพื่อนรักสองคนต่างหัวเราะเบา ๆ ให้กับภาพตรงหน้าคุณหมอเริ่มอ่านผลตรวจและสีหน้าของเขาก็ดูจริงจังขึ้นเมื่อเขาพลิกดูผลตรวจทีละหน้า“ตกลงว่าเพื่อนของฉันเป็นอะไรคะ?” เมื่อเห็นว่าคุณหมอเงียบไป แคโรไลน์จึงถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“ใจเย็น ๆ นะแคโรไลน์ เพื่อนคุณแข็งแรงดีครับ” คุณหมออธิบาย“แข็งแรงเหรอคะ? แล้วทำไมเธอถึงอาเจียนบ
การออกไปข้างนอกทำให้เด็บบราห์รู้สึกดีขึ้น แคโรไลน์พาเธอไปซื้อของขวัญวันเกิด จากนั้น พวกเธอก็รับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งก่อนจะกลับไปยังอะพาร์ตเมนต์ของเด็บบราห์ แคโรไลน์ยืนกรานว่าวันนี้เธอจะไม่ปล่อยให้เด็บบราห์อยู่คนเดียว แต่เมื่อพวกเธอมาถึงที่หน้าประตูบ้าน ความสุขของพวกเธอก็หายไป เมื่อได้เห็นผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งกำลังทุบประตูบ้านและตะโกนเสียงดัง“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ นังใบ้!” หญิงสูงวัยผมสีบลอนด์เหลือบขาวตะโกนพลางทุบประตูอย่างแรง เมื่อเห็นพวกเธอ หญิงสูงวัยก็ตวาดขึ้นทันทีว่า “นี่เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? ทำไมถึงไม่อยู่ติดบ้านช่อง และที่ลูกชายของฉันต้องทนทุกข์ก็เพราะเธอ”“คุณนายปีเตอร์สันคะ อะพาร์ตเมนต์นี้เป็นอะพาร์ตเมนต์ส่วนรวมและที่คุณกำลังตะโกนเสียงดังแบบนี้มันเป็นการรบกวนคนอื่นอยู่นะคะ” แคโรไลน์ตอบโต้“หุบปากซะ นังขอทาน” คุณนายปีเตอร์สันกลับ ก่อนจะหันไปหาเด็บบราห์และสั่งให้เธอเปิดประตูเด็บบราห์เปิดประตูอย่างไม่เต็มใจ หญิงสูงวัยรีบผลักประตูให้เปิดออกและเดินเข้าไปภายในบ้าน ในขณะที่แคโรไลน์พยายามขวางทางเธอ แต่เด็บบราห์หันมองเธอด้วยรอยยิ้มเจื้อนเพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้
หลังจากเหตุการณ์อื้อฉาวนั้น โรเจอร์ก็พาแม่ของเขากลับบ้าน พร้อมย้ำเตือนเด็บบราห์ว่าพวกเขาจะต้องคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจังคืนนั้น“ขอบใจมากนะลูก” เมื่อพวกเขามาถึงที่รถ แม่ของเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แต่ลูกรู้ได้ยังไง?”“ฟาเบียนได้รับสายจากเพื่อนตำรวจน่ะสิครับ เพื่อนของเขาบอกว่า มีเจ้าหน้าที่สองคนกำลังไปที่บ้านของผม” เขาอธิบายขณะพยุงแม่ขึ้นรถ “นั่นแหละครับ ผมถึงออกจากที่ทำงานเร็ว ผมเองก็อยากจะรู้ว่ายัยนั่นทำอะไรลงไป แต่ผมไม่คิดว่าไอ้เจย์เดนนั่นพยายามจะจับแม่เข้าคุก”“อ่อ แม่ขอโทษนะลูกรัก แม่ก็แค่โกรธเพราะรอนานแล้ว เพราะแม่ไม่คิดว่านังนั่นจะออกไปข้างนอก”“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอออกไปข้างนอกมา แต่มันจบแล้วครับคุณแม่ คืนนี้ผมจะต่อว่าเธอที่เธอไร้ความรับผิดชอบและทำให้แม่ต้องทนรออยู่ข้างนอกนาน ๆ”“ใช่แล้วลูกแม่ ลงโทษมันให้หลาบจำไปเลย”ฟาเบียนฟังการสนทนาอยู่เงียบ ๆ เขารู้สึกกระอักกระอ่วนกับท่าทีของพวกเขาที่มีต่อเด็บบราห์ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยและมีอิทธิพลเหมือนกับตระกูลปีเตอร์สันหลังจากที่เหลือเธอเพียงลำพังอยู่ภายในอะพาร์ตเมนต์ เด็บบราห์ก็ปล่อยให
คู่รักทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีใครบางคนเฝ้าดูพวกเขาอยู่ เขาได้บันทึกบทสนทนาและถ่ายภาพพวกเขาเอาไว้ เมื่อได้หลักฐานมากเพียงพอแล้ว ใครคนนั้นก็โทรกลับไปรายงานหัวหน้าของเขาทันที “เยี่ยม กลับมาที่ทำงานดี ๆ ล่ะ” หัวหน้ากล่าวก่อนวางสาย ชายหนุ่มที่กำลังเดือดดาลผู้นั้นมีดวงตาสีไพลินและมีผมสีดำเข้ม“ในฐานะทนาย นับว่าข่าวดีมาก ๆ เลยเนี้ย พอได้หลักฐานชิ้นนี้มา เราจะต้องคณะคดีแน่นอนเลย” เพื่อนร่วมงานผมสีแดงกล่าว “ชื่อเสียงของนายจะต้องโด่งดังขึ้นเพราะคดีนี้แน่ ๆ”“ฉันไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงของตัวเอง เธอเป็นเพื่อนภรรยาฉัน ถ้าเธอไม่ได้รับความยุติธรรม ฉันก็ยินดีที่จะช่วยเพราะเธอไม่สมควรได้รับการปฏิบัติแบบนั้น” เขาพูดพลางหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาใส่“แล้วจะไปไหน คริสเตียน?” เพื่อนผมสีแดงถาม“นายก็เห็นแล้วนิ? ฉันกำลังจะหาลูกความฉันน่ะสิ บอกเธอว่าเราได้อะไรมา และอาจรีบพาเธออ อกมาจากที่นั่นด้วย เพราะชีวิตเธออาจตกอยู่ในอันตราย”“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะใช้หลักฐานที่ได้มาในวันนี้รีบออกคำสั่งศาลเพื่อให้การคุ้มครองก่อนนะ” เพื่อนร่วมงานเริ่มร่างเอกสารในคอมพิวเตอร์ทันที“เยี่ยม! เอาจริง ฉันก็รู้ดีแหละว่าหมอนั่น
เด็บบราห์ถอนหายใจด้วยความเศร้าก่อนจะตบแก้มตัวเองเบา ๆ และตำหนิตัวเอง ‘เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคร่ำครวญถึงอดีตแล้วนะ ฉันจะต้องมีสมาธิกับเรื่องหนีออกไปจากชีวิตของเขาก่อน’เธอหันกลับมาตั้งใจทำงานต่อจนถึงเวลา 19.00 น. เธอปิดแล็ปท็อปและมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารเย็น โรเจอร์บอกว่าเขาต้องการคุยกับเธอคืนนี้ เมื่อเธอจัดโต๊ะอาหารเสร็จ เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นจึงทำให้เธอประหลาดใจ เพราะโดยปกติจะไม่มีใครมาหาเธอในช่วงค่ำเมื่อเธอเปิดประตู เธอก็ตกใจเมื่อได้เห็นแคโรไลน์และคริสเตียนสามีของเพื่อนของเธอมาหา[สวัสดีค่ะ] เธอทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม แต่มันกลับหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเธอได้เห็นท่าทางประหม่าและเป็นกังวลของพวกเขา“สวัสดีตอนเย็นครับ เด็บบราห์” คริสเตียนกล่าวทักทายเธอก่อนจะก้าวเข้าไปในบ้านและปิดประตูอย่างรวดเร็ว[มีอะไรหรือเปล่า?] เด็บบราห์รู้สึกสับสนกับพฤติกรรมของพวกเขา“เด็บบราห์ เธอจะต้องออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” แคโรไลน์พูดอย่างเร่งรีบ[อะไรนะ? ทำไมล่ะ? เกิดอะไรขึ้น?]“คุณกำลังตกอยู่ในอันตรายร้ายแรง” คริสเตียนแจ้งให้เธอทราบ“โซเฟียตั้งท้อง” แคโรไลน์พูดอย่างลนลาน[อะไรก
ก่อนหน้านี้ไม่นาน...หลังจากมื้อเย็น โรเจอร์พาคนรักไปส่งบ้าน และระมัดระวังไม่ให้เธอออกแรงจนเกินไปเพราะเธอตั้งท้องอยู่ เมื่ออยู่คนเดียว เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เขาตกใจเมื่อได้เห็นข้อความและสายที่ไม่ได้รับจากฟาเบียนเป็นจำนวนมาก ความตื่นตระหนกพลันเกิดขึ้นทันทีที่เปิดอ่านข้อความ เขาจึงรีบกลับไปที่ที่ทำงานทันทีข้อความเขียนว่า: [พ่อคุณมาครับ กลับมาด่วน]นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดี พ่อไม่เข้ามาที่บริษัทเลยตั้งแต่ที่แต่งตั้งให้เขารับตำแหน่งประธานบริษัท เว้นแต่จะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นโรเจอร์สังเกตเห็นว่าเหล่าพนักงานหลีกเลี่ยงที่จะสบตาเมื่อเขามาถึง ซึ่งทำให้รู้สึกรำคาญไม่น้อย แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงออกได้ และนั่นอาจเป็นเพราะพ่อของเขา เมื่อเขาก้าวเข้าไปในห้องทำงานก็พบว่า พ่อของเขากำลังมอบหมายงานให้ฟาเบียนขณะตรวจสอบงานประจำวันอยู่“อ้อ...ในที่สุดก็โผล่มาสักทีสินะ” พ่อของเขากล่าวด้วยน้ำเสียงประชดประชันเมื่อโรเจอร์เดินเข้ามาโรเจอร์ขมวดคิ้ว แต่เขาก็รีบคิดหาข้อแก้ตัวเพื่อทำให้พ่อใจเย็นลง “ขอโทษครับคุณพ่อ ที่ผมกลับมาช้าเพราะว่าผมพาคุณแม่ไปส่งที่บ้าน”“งั้นเหรอ? คนขับรถก็มีแล้วทำไมต้องเป็นแกที่พาแม่ไป
“ถ้าแกรู้ความจริง แกคงจะไม่เรียกเธอแบบนั้น”“ความจริงอะไร?” โรเจอร์เอ่ยถามอย่างงุนงง เพราะพ่อของเขามักจะพูดเป็นนัยเสมอเมื่อพวกเขาพูดถึงเด็บบราห์“ฉันไม่รู้ว่าแกจะถามทำไม ในเมื่อแกควรจะรู้ก่อนใคร” พ่อของเขาพูดอย่างโกรธเคือง “เจ้าลูกอกตัญญู เลิกทำตัวไร้สาระได้แล้ว แกมีแต่จะทำลายชื่อเสียงของเรา”“ผมไม่ได้ทำลายอะไรทั้งนั้น ถ้าจะมีใครทำลาย ก็คือนังใบ้คนนั้นต่าง…”“เด็บบราห์” พ่อของเขาขัดจังหวะอย่างเดือดดาล“อะไรนะ?”“เรียกชื่อเธอมันจะยากอะไรนักหนา?”“ผมจะไม่มีวันเรียกชื่อเธอ คุณพ่อควรจะรู้เอาไว้ว่าผมเกลียดเธอมาก”“แกรู้ใช่ไหมว่าคุณปู่บอกว่าแกจะสามารถรับช่วงต่อของบริษัทได้เต็มตัวก็ต่อเมื่อแกมีหลาน”“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณพ่อ ผมมีข่าวดีมาบอกคุณพอดี คุณพ่อกำลังจะได้เป็นคุณปู่แล้ว” โรเจอร์ป่าวประกาศด้วยความยินดี“อะไรนะ…? ลูกของเด็บบราห์…?”“ไม่ใช่หรอกครับ ไม่มีทาง” เขาพูดด้วยท่าทางรังเกียจ“อะไรนะ…แต่แกพูดว่า…” พ่อของเขาหรี่ตาลง “นี่หมายความว่าเมียน้อยแกตั้งท้องงั้นเหรอ?”“ใช่ครับ และนั่นเป็นเหตุผลที่ผมจะหย่ากับเด็บบราห์เพื่อแต่งงานกับโซเฟีย ซึ่งผมควรจะทำแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว”“แก