“แล้วตอนนี้พี่พักอยู่ที่ไหน?”[นั่นเป็นความลับจ้ะ]“อ้าว ใจร้ายจัง”[แต่เดี๋ยวพี่ให้เบอร์โทรศัพท์กับนายได้นะ]“อืม ดีเลย”[พี่ยังบอกไม่ได้ว่าฉันพักอยู่ที่ไหน เพราะพี่อยากจะเก็บตัวจนกว่าการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้น]“เข้าใจแล้วครับ พี่เด็บบี้ แค่พี่ให้เบอร์มาผมก็พอใจแล้ว” เขาพูดพลางบันทึกเบอร์โทรศัพท์ “แล้วพี่รู้เพศยัง?”[สองเดือนเองจ้ะ]“อ๋อ…เข้าใจแล้ว แต่พี่จะบอกผมทันทีที่พี่รู้ใช่ไหม?”[แน่นอน นายจะเป็นหนึ่งในคนแรกที่ได้รู้เลย]เอลเลียตดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจที่พี่สะใภ้ยังไม่ลืมเขาหลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเขาก็เดินไปตามท้องถนนเพื่อใช้เวลาร่วมกันอีกสักพักก่อนจะบอกลากัน เพราะเอลเลียตจะต้องกลับไปยังบริษัท“แล้วผมจะส่งข้อความหาพี่นะ” เขาพูดขณะสบตาเธอ[ได้เลย พี่จะรอข้อความจากนาย]“แล้วเจอกันใหม่นะครับ พี่เด็บบี้” เขาพูดอย่างมีความสุข ก่อนจะโน้มตัวลงจุ๊บแก้มของเธอเบา ๆ แล้วรีบกลับไปที่บริษัทเด็บบราห์ยิ้มขณะที่เธอมองตามหลังเขา เธอรักเด็กคนนี้“คุณแน่ใจว่าเขาจะไม่พูดอะไรใช่ไหม?” มีใครบางคนถามขึ้นจากด้านหลังเธอ เธอหันไปและได้เห็นเจย์เดนที่กำลังมองมาที่เธอ “เด็ก
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าโรเจอร์และทนายของเขาจะพยายามสุดความสามารถเพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหล แต่ข่าวเกี่ยวกับการพิจารณาคดีก็ยังคงถูกเปิดเผยต่อสาธารณะอยู่ดี สื่อทุกแห่งกำลังสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ ซึ่งหมายความว่าตระกูลที่เกี่ยวข้องต่างก็เริ่มถูกนักข่าวรบกวนนอกจากนี้ ข่าวลือยังแพร่กระจายภายในปีเตอร์สันกรุปอย่างรวดเร็ว“ถ้างั้น…ตอนนี้เขาก็เป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อยน่ะสิ”“มันก็สมควรแล้ว”“ใช่ พระเจ้า มันน่ารังเกียจที่จะต้องทนเห็นผู้หญิงผมบลอนด์โง่ ๆ เดินเฉิดฉายทำเหมือนว่าเป็นเจ้าของที่นี่อย่างนั้นแหละ”“สมควรแล้วที่คนไม่ซื่อสัตย์จะต้องได้รับในสิ่งที่ตัวเองตัวเองทำ”“ตอนนี้เขาไม่มีเงินแล้ว เขาคงจะไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นอีกต่อไป”โรเจอร์ขมวดคิ้วพลางกำดินสอแน่นจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ พวก ‘คนโง่’ พวกนั้นพูดเหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น‘คอยดูนะ เมื่อไหร่ที่ฉันได้ตำแหน่งประธานบริษัทคืนมา ฉันจะไล่พวกแกออกให้หมด ฉันจะทำให้พวกแกทุกคนต้องทนทุกข์’ โรเจอร์ด่าทอเพื่อนร่วมอยู่ภายในใจ “นี่ นายมาที่นี่เพื่อทำงาน ไม่ใช่มานั่งพูดจาไร้สาระ” เสียงเอ็ดการ์ดัง
"วันนี้เป็นวันเกิดคุณผู้หญิงนะครับท่าน จะไม่กลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ก่อนเหรอครับ?" คนขับรถเอสยูวีหรูคันงามเอ่ยถาม"ฉันสั่งแล้วว่าห้ามพูดถึงเธอ" ชายผมดกดำเอ่ยเหน็บพลางขมวดคิ้ว"ขอโทษครับท่าน" คนขับรถพูดอย่างกระวนกระวายขณะขับรถมุ่งไปยังบริษัทประธานบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเมือง โรเจอร์ ปีเตอร์สันถอนหายใจก่อนเอนตัวพิงเบาะหลังพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง เขานั้นสมบูรณ์แบบและเป็นเหมือนความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล แต่พรสวรรค์และรูปลักษณ์ที่ดีกลับต้องมาถูกบดบังด้วยข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวนั่นคือหญิงที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ผู้ซึ่งทำลายชีวิตของเขาลงโรเจอร์ขมวดคิ้วแน่นอีกครั้งเมื่อนึกถึงเธอ เขาเกลียดเธอมากเสียจนอยากจะสาปแช่งตัวตนของเธอ ได้แต่สงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่ตายไปเสีย โชคชะตาอันโหดร้ายผูกมัดเขาเอาไว้กับเธอตลอดไป เมื่อมาถึงบริษัท โรเจอร์ก็ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะลงจากรถและเดินเข้าไปในสำนักงานหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอนตัวลงบนเก้าอี้ หลับตาลงชั่วครู่เพื่อขจัดความเครียดของวันนี้ออกไป ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องงานที่ทำให้เขาหงุดหงิดได้ถึงเพียงนี้"คุณโรเจอร์ครับ?"โรเจอร์ขมวดคิ้วแน่นขึ้นแม้
“งั้นเธอแอบอัดเสียงตอนพวกเขามีอะไรกันเหรอ?” เสียงผู้หญิงปลายสายถามขึ้นอย่างสงสัยอีกฝ่ายตอบกลับด้วยรหัสมอร์สว่า [ใช่ เธอไม่ได้กดวางสาย]“เยี่ยมเลย…เธอก็แผนการดีนิ”[ไม่ต้องห่วง ฉันรู้]“พรุ่งนี้ฉันจะเอาเค้กกับของขวัญไปให้นะ ส่งคลิปเสียงพวกนั้นมาให้ฉันนะ เดี๋ยวจะเอาไปให้สามีของฉันช่วยเธอยื่นเรื่องฟ้องหย่าให้”[ขอบคุณนะ]“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ไปนอนพักผ่อนได้แล้ว” เธอพูดก่อนจะวางสายไปหญิงสาวผู้สื่อสารด้วยรหัสมอร์สถอนหายใจยาว ดวงตาแดงก่ำและเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาไหลออกมาช้า ๆ มันช่างเจ็บปวดเมื่อนึกถึงตอนที่ได้ยินสามีสารภาพรักกับชู้รักของเขาเธอเดินไปยังห้องนอนอย่างช้า ๆ และหยุดตรงหน้ากระจกบานใหญ่ตรงทางเดิน ภาพสะท้อนตรงหน้าคือหญิงหน้าตาสะสวย ผมลอนสีน้ำตาล ทว่าดวงตากลับบวมช้ำเพราะความโศกเศร้า นัยน์ตาสีฟ้าเป็นเอกลักษณ์ เธออาจจะไม่เร้าอารมณ์เท่ากับโซเฟียแต่รูปร่างก็มีสัดส่วนโค้งเว้าที่ลงตัวปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหญิงนัยน์ตาสีฟ้าคนนี้ดูน่าดึงดูดใจยิ่งนัก กระนั้น เนื่องจากอุบัติเหตุวัยเด็ก จึงทำให้เธอพบเจอกับความเลวร้ายแสนสาหัส เธอจึงพูดไม่ได้อีกเลย ดังนั้นภาษามือและรหัสมอร์สจึงเป็นเครื่องมือใ
ที่โรงพยาบาล แคโรไลน์ขอให้คุณหมอตรวจสุขภาพให้เพื่อนของเธออย่างละเอียดเนื่องจากเด็บบราห์รู้สึกไม่ค่อยสบายและอาเจียนบ่อยคุณหมอสังเกตเห็นว่าเด็กสาวผมลอนสีน้ำตาลคนนี้ดูซีดเซียว เขาจึงตรวจให้เธออย่างละเอียดครบถ้วนเพื่อวินิจฉัยสาเหตุทันที[แคร์รี่ ฉันกลัวจัง] เด็บบราห์รู้สึกหวาดกลัวว่าร่างกายอาจมีปัญหาร้ายแรง และความวิตกกังวลก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เริ่มการตรวจ“ใจเย็น ๆ นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่กับเธอเสมอ เข้าใจไหม?” แคโรไลน์จับมือเด็บบราห์และปลอบโยนเธอเพื่อบรรเทาความกังวลเด็บบราห์พยักหน้าตอบรับ หลังจากนั้นไม่นาน พยาบาลก็นำผลการตรวจมาให้“ขอบคุณนะครับ พยาบาลคนสวย” คุณหมอพูดหยอกล้อพร้อมขยิบตาให้กับพยาบาลที่กำลังยืนยิ้มอยู่ก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างช้า ๆ เพื่อนรักสองคนต่างหัวเราะเบา ๆ ให้กับภาพตรงหน้าคุณหมอเริ่มอ่านผลตรวจและสีหน้าของเขาก็ดูจริงจังขึ้นเมื่อเขาพลิกดูผลตรวจทีละหน้า“ตกลงว่าเพื่อนของฉันเป็นอะไรคะ?” เมื่อเห็นว่าคุณหมอเงียบไป แคโรไลน์จึงถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“ใจเย็น ๆ นะแคโรไลน์ เพื่อนคุณแข็งแรงดีครับ” คุณหมออธิบาย“แข็งแรงเหรอคะ? แล้วทำไมเธอถึงอาเจียนบ
การออกไปข้างนอกทำให้เด็บบราห์รู้สึกดีขึ้น แคโรไลน์พาเธอไปซื้อของขวัญวันเกิด จากนั้น พวกเธอก็รับประทานอาหารที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งก่อนจะกลับไปยังอะพาร์ตเมนต์ของเด็บบราห์ แคโรไลน์ยืนกรานว่าวันนี้เธอจะไม่ปล่อยให้เด็บบราห์อยู่คนเดียว แต่เมื่อพวกเธอมาถึงที่หน้าประตูบ้าน ความสุขของพวกเธอก็หายไป เมื่อได้เห็นผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งกำลังทุบประตูบ้านและตะโกนเสียงดัง“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ นังใบ้!” หญิงสูงวัยผมสีบลอนด์เหลือบขาวตะโกนพลางทุบประตูอย่างแรง เมื่อเห็นพวกเธอ หญิงสูงวัยก็ตวาดขึ้นทันทีว่า “นี่เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? ทำไมถึงไม่อยู่ติดบ้านช่อง และที่ลูกชายของฉันต้องทนทุกข์ก็เพราะเธอ”“คุณนายปีเตอร์สันคะ อะพาร์ตเมนต์นี้เป็นอะพาร์ตเมนต์ส่วนรวมและที่คุณกำลังตะโกนเสียงดังแบบนี้มันเป็นการรบกวนคนอื่นอยู่นะคะ” แคโรไลน์ตอบโต้“หุบปากซะ นังขอทาน” คุณนายปีเตอร์สันกลับ ก่อนจะหันไปหาเด็บบราห์และสั่งให้เธอเปิดประตูเด็บบราห์เปิดประตูอย่างไม่เต็มใจ หญิงสูงวัยรีบผลักประตูให้เปิดออกและเดินเข้าไปภายในบ้าน ในขณะที่แคโรไลน์พยายามขวางทางเธอ แต่เด็บบราห์หันมองเธอด้วยรอยยิ้มเจื้อนเพื่อพยายามหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้
หลังจากเหตุการณ์อื้อฉาวนั้น โรเจอร์ก็พาแม่ของเขากลับบ้าน พร้อมย้ำเตือนเด็บบราห์ว่าพวกเขาจะต้องคุยกันเรื่องนี้อย่างจริงจังคืนนั้น“ขอบใจมากนะลูก” เมื่อพวกเขามาถึงที่รถ แม่ของเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “แต่ลูกรู้ได้ยังไง?”“ฟาเบียนได้รับสายจากเพื่อนตำรวจน่ะสิครับ เพื่อนของเขาบอกว่า มีเจ้าหน้าที่สองคนกำลังไปที่บ้านของผม” เขาอธิบายขณะพยุงแม่ขึ้นรถ “นั่นแหละครับ ผมถึงออกจากที่ทำงานเร็ว ผมเองก็อยากจะรู้ว่ายัยนั่นทำอะไรลงไป แต่ผมไม่คิดว่าไอ้เจย์เดนนั่นพยายามจะจับแม่เข้าคุก”“อ่อ แม่ขอโทษนะลูกรัก แม่ก็แค่โกรธเพราะรอนานแล้ว เพราะแม่ไม่คิดว่านังนั่นจะออกไปข้างนอก”“ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอออกไปข้างนอกมา แต่มันจบแล้วครับคุณแม่ คืนนี้ผมจะต่อว่าเธอที่เธอไร้ความรับผิดชอบและทำให้แม่ต้องทนรออยู่ข้างนอกนาน ๆ”“ใช่แล้วลูกแม่ ลงโทษมันให้หลาบจำไปเลย”ฟาเบียนฟังการสนทนาอยู่เงียบ ๆ เขารู้สึกกระอักกระอ่วนกับท่าทีของพวกเขาที่มีต่อเด็บบราห์ แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะครอบครัวของเขาไม่ได้ร่ำรวยและมีอิทธิพลเหมือนกับตระกูลปีเตอร์สันหลังจากที่เหลือเธอเพียงลำพังอยู่ภายในอะพาร์ตเมนต์ เด็บบราห์ก็ปล่อยให
คู่รักทั้งสองไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังมีใครบางคนเฝ้าดูพวกเขาอยู่ เขาได้บันทึกบทสนทนาและถ่ายภาพพวกเขาเอาไว้ เมื่อได้หลักฐานมากเพียงพอแล้ว ใครคนนั้นก็โทรกลับไปรายงานหัวหน้าของเขาทันที “เยี่ยม กลับมาที่ทำงานดี ๆ ล่ะ” หัวหน้ากล่าวก่อนวางสาย ชายหนุ่มที่กำลังเดือดดาลผู้นั้นมีดวงตาสีไพลินและมีผมสีดำเข้ม“ในฐานะทนาย นับว่าข่าวดีมาก ๆ เลยเนี้ย พอได้หลักฐานชิ้นนี้มา เราจะต้องคณะคดีแน่นอนเลย” เพื่อนร่วมงานผมสีแดงกล่าว “ชื่อเสียงของนายจะต้องโด่งดังขึ้นเพราะคดีนี้แน่ ๆ”“ฉันไม่ได้ทำเพื่อชื่อเสียงของตัวเอง เธอเป็นเพื่อนภรรยาฉัน ถ้าเธอไม่ได้รับความยุติธรรม ฉันก็ยินดีที่จะช่วยเพราะเธอไม่สมควรได้รับการปฏิบัติแบบนั้น” เขาพูดพลางหยิบเสื้อคลุมขึ้นมาใส่“แล้วจะไปไหน คริสเตียน?” เพื่อนผมสีแดงถาม“นายก็เห็นแล้วนิ? ฉันกำลังจะหาลูกความฉันน่ะสิ บอกเธอว่าเราได้อะไรมา และอาจรีบพาเธออ อกมาจากที่นั่นด้วย เพราะชีวิตเธออาจตกอยู่ในอันตราย”“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะใช้หลักฐานที่ได้มาในวันนี้รีบออกคำสั่งศาลเพื่อให้การคุ้มครองก่อนนะ” เพื่อนร่วมงานเริ่มร่างเอกสารในคอมพิวเตอร์ทันที“เยี่ยม! เอาจริง ฉันก็รู้ดีแหละว่าหมอนั่น