ผู้คนที่เคยรังเกียจเด็บบราห์และหวังให้เธอตาย ตอนนี้กลับต้องรีบตามหาเธอ เพราะพวกเขาตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้เป็นแค่ตัวปัญหาอีกต่อไป แต่เธอเป็นกุญแจสำคัญสู่ชีวิตที่สะดวกสบาย ชีวิตที่พวกเขาเคยเห็นเป็นของตายและไม่อยากจะอยู่ต่อไปหากขาดมันอย่างไรก็ตาม คนที่ทรมานจากการหายตัวไปของเด็บบราห์ที่สุดก็คือญาติของเธอ พวกเขาอ้างว่าเป็นครอบครัว แต่ไม่เคยใส่ใจสุขภาพหรือความเป็นอยู่เลย ในตอนนี้ พวกเขากำลังจะเป็นบ้า และพยายามทุกวิถีทางตามหาเธอให้พบ ช่างน่าเสียดาย เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นจากที่ไหนหรือจะถามใครเกี่ยวกับที่อยู่ของเธอ เพราะในสายตาพวกเขา เด็บบราห์เป็นคนไร้เพื่อนมาโดยตลอด“ยังไม่มีความคืบหน้าอีกเหรอ?” เฟรเดอริคถามอย่างกระวนกระวาย เพราะตอนนี้ เขาไม่มีเงินสำหรับธุรกิจใหญ่ที่เขากำลังจะลงทุน“ยังครับ พ่อ” เออร์เนสต์บ่น “ไม่มีทางไหนที่เพื่อนของผมจะสืบหาเธอได้เลย เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่มีแม้แต่โซเชียลมีเดีย”“แล้วอีเมลที่มันเคยสร้างตอนเรียนล่ะ?” แคสแซนดร้าถามเมื่อนึกขึ้นได้“มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เราจะต้องมีอีเมลที่มันเพิ่งส่งมาให้เรา แล้วเราถึงจะสามารถติดตามได้” แฝดชายผมบลอนด์อธิบาย “แล้วอ
“ฉันมันโง่จริง ๆ ที่ไม่เคยให้อะไรตอบแทนเธอ จากคอลเลคชั่นเครื่องประดับที่เธอช่วยฉันออกแบบเลย” โรเจอร์แสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา ในเวลานี้ เขารู้สึกเสียใจที่ต้องสูญเสียเด็บบราห์ไป แม้รู้ถึงสาเหตุของการหย่าร้าง แต่เพราะความหยิ่งยโสทำให้เขาปฏิเสธที่จะยอมรับว่าเขากำลังถูกทอดทิ้ง “เฮ้อ…ถ้าเธอกลับมา ฉันอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงบางอย่าง หรือบางที ฉันควรจะมีลูกกับเธอ เพราะเธอจะได้ไม่เหงาเมื่อต้องอยู่บ้านคนเดียว”“พี่คุยกับใครอยู่เหรอ?”โรเจอร์เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นน้องชาย เขาจึงเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว “มีอะไร?”“ที่ผมมาหาพี่ก็เพราะว่าพ่ออยากรู้ว่าพี่เจอพี่สะใภ้หรือยังน่ะ”“ก็ยังไม่เจอน่ะสิ ไม่งั้น นายคงไม่ได้มายืนอยู่ในบริษัทนี้หรอก”“อืม…ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมพี่ถึงเกลียดผม”“เพราะนายเกิดมาเพื่อแย่งทุกอย่างไปจากฉันเหมือนที่แม่บอกยังไงล่ะ”“น่าเสียดาย ผมเคยชื่นชมพี่นะ แต่ตอนนี้ผมกลับสงสารพี่มากกว่า”“ไอ้นี่…” โรเจอร์ลุกขึ้นยืนอย่างโกรธเกรี้ยวและเตรียมตัวจะต่อยน้องชายตัวเอง…ในเวลานั้น พ่อของพวกเขาก็ปรากฏตัวขึ้น “อย่ามีเรื่องวิวาทในบริษัท” จอร์จพูดด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจ“ขอโทษครับ คุณพ่อ”
“คุณพ่อครับ ผมก็ต้องขอตัวด้วยเหมือนกัน” เอลเลียตกล่าวขณะพยายามซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้“อืม ไปสิ นี่ก็ใกล้จะได้เวลาอาหารเที่ยงพอดี” จอร์จกล่าวพลางสังเกตดูพิรุธที่เอลเลียตพยายามปกปิด “ลูกอยากไปกินข้าวด้วยกันไหม?”“ขอโทษนะครับคุณพ่อ แต่ผมมีนัดแล้ว”“อืม ระวังตัวด้วยนะ แต่อย่าลืมว่าในฐานะเจ้านาย ลูกจะต้องกลับมาให้ตรงเวลาเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดี”“ทราบแล้วครับ” เอลเลียตตอบอย่างมีความสุขก่อนจะหันหลังและเริ่มวิ่งไปยังสถานที่ตามนัดจากข้อความที่เขาได้รับสถานที่นั้นคือร้านอาหาร เมื่อเอลเลียตมาถึง เขาก็ขอโต๊ะสำหรับแขกสองคนในมุมหนึ่งเพื่อให้มีความเป็นส่วนตัวเมื่อนั่งลงแล้ว เขาก็ส่งข้อความเพื่อบอกผู้นัดว่าจองโต๊ะเอาไว้แล้วเอลเลียตรู้สึกกังวลเล็กน้อยแต่ก็มีความสุข เพราะในที่สุด พี่สะใภ้ก็ติดต่อมา เขาชอบที่ได้ใช้เวลาร่วมกับเธอและมองว่าเธอเป็นเหมือนพี่สาวแท้ ๆ ที่เขาไม่เคยมีขณะนั่งรอ เขาก็สั่งอาหารสำหรับพวกเขาทั้งคู่ หลังจากผ่านไปห้านาที ก็มีมือของใครบางคนแตะลงบนไหล่ของเขา เขาตกใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองและได้พบกับดวงตาสีฟ้าคู่หนึ่งที่เขาชื่นชอบ“พี่เด็บบราห์?” เขากล่าวขึ้นอย่างรู้สึกทึ่งในควา
“แล้วตอนนี้พี่พักอยู่ที่ไหน?”[นั่นเป็นความลับจ้ะ]“อ้าว ใจร้ายจัง”[แต่เดี๋ยวพี่ให้เบอร์โทรศัพท์กับนายได้นะ]“อืม ดีเลย”[พี่ยังบอกไม่ได้ว่าฉันพักอยู่ที่ไหน เพราะพี่อยากจะเก็บตัวจนกว่าการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้น]“เข้าใจแล้วครับ พี่เด็บบี้ แค่พี่ให้เบอร์มาผมก็พอใจแล้ว” เขาพูดพลางบันทึกเบอร์โทรศัพท์ “แล้วพี่รู้เพศยัง?”[สองเดือนเองจ้ะ]“อ๋อ…เข้าใจแล้ว แต่พี่จะบอกผมทันทีที่พี่รู้ใช่ไหม?”[แน่นอน นายจะเป็นหนึ่งในคนแรกที่ได้รู้เลย]เอลเลียตดีใจที่ได้ยินเช่นนั้น เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจที่พี่สะใภ้ยังไม่ลืมเขาหลังจากทานข้าวเสร็จ พวกเขาก็เดินไปตามท้องถนนเพื่อใช้เวลาร่วมกันอีกสักพักก่อนจะบอกลากัน เพราะเอลเลียตจะต้องกลับไปยังบริษัท“แล้วผมจะส่งข้อความหาพี่นะ” เขาพูดขณะสบตาเธอ[ได้เลย พี่จะรอข้อความจากนาย]“แล้วเจอกันใหม่นะครับ พี่เด็บบี้” เขาพูดอย่างมีความสุข ก่อนจะโน้มตัวลงจุ๊บแก้มของเธอเบา ๆ แล้วรีบกลับไปที่บริษัทเด็บบราห์ยิ้มขณะที่เธอมองตามหลังเขา เธอรักเด็กคนนี้“คุณแน่ใจว่าเขาจะไม่พูดอะไรใช่ไหม?” มีใครบางคนถามขึ้นจากด้านหลังเธอ เธอหันไปและได้เห็นเจย์เดนที่กำลังมองมาที่เธอ “เด็ก
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าโรเจอร์และทนายของเขาจะพยายามสุดความสามารถเพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวรั่วไหล แต่ข่าวเกี่ยวกับการพิจารณาคดีก็ยังคงถูกเปิดเผยต่อสาธารณะอยู่ดี สื่อทุกแห่งกำลังสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่ ซึ่งหมายความว่าตระกูลที่เกี่ยวข้องต่างก็เริ่มถูกนักข่าวรบกวนนอกจากนี้ ข่าวลือยังแพร่กระจายภายในปีเตอร์สันกรุปอย่างรวดเร็ว“ถ้างั้น…ตอนนี้เขาก็เป็นแค่พนักงานต๊อกต๋อยน่ะสิ”“มันก็สมควรแล้ว”“ใช่ พระเจ้า มันน่ารังเกียจที่จะต้องทนเห็นผู้หญิงผมบลอนด์โง่ ๆ เดินเฉิดฉายทำเหมือนว่าเป็นเจ้าของที่นี่อย่างนั้นแหละ”“สมควรแล้วที่คนไม่ซื่อสัตย์จะต้องได้รับในสิ่งที่ตัวเองตัวเองทำ”“ตอนนี้เขาไม่มีเงินแล้ว เขาคงจะไม่รู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นอีกต่อไป”โรเจอร์ขมวดคิ้วพลางกำดินสอแน่นจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ พวก ‘คนโง่’ พวกนั้นพูดเหมือนกับว่าเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น‘คอยดูนะ เมื่อไหร่ที่ฉันได้ตำแหน่งประธานบริษัทคืนมา ฉันจะไล่พวกแกออกให้หมด ฉันจะทำให้พวกแกทุกคนต้องทนทุกข์’ โรเจอร์ด่าทอเพื่อนร่วมอยู่ภายในใจ “นี่ นายมาที่นี่เพื่อทำงาน ไม่ใช่มานั่งพูดจาไร้สาระ” เสียงเอ็ดการ์ดัง
"วันนี้เป็นวันเกิดคุณผู้หญิงนะครับท่าน จะไม่กลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ก่อนเหรอครับ?" คนขับรถเอสยูวีหรูคันงามเอ่ยถาม"ฉันสั่งแล้วว่าห้ามพูดถึงเธอ" ชายผมดกดำเอ่ยเหน็บพลางขมวดคิ้ว"ขอโทษครับท่าน" คนขับรถพูดอย่างกระวนกระวายขณะขับรถมุ่งไปยังบริษัทประธานบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของเมือง โรเจอร์ ปีเตอร์สันถอนหายใจก่อนเอนตัวพิงเบาะหลังพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง เขานั้นสมบูรณ์แบบและเป็นเหมือนความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูล แต่พรสวรรค์และรูปลักษณ์ที่ดีกลับต้องมาถูกบดบังด้วยข้อบกพร่องเพียงอย่างเดียวนั่นคือหญิงที่อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ผู้ซึ่งทำลายชีวิตของเขาลงโรเจอร์ขมวดคิ้วแน่นอีกครั้งเมื่อนึกถึงเธอ เขาเกลียดเธอมากเสียจนอยากจะสาปแช่งตัวตนของเธอ ได้แต่สงสัยว่าทำไมเธอถึงไม่ตายไปเสีย โชคชะตาอันโหดร้ายผูกมัดเขาเอาไว้กับเธอตลอดไป เมื่อมาถึงบริษัท โรเจอร์ก็ถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะลงจากรถและเดินเข้าไปในสำนักงานหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอนตัวลงบนเก้าอี้ หลับตาลงชั่วครู่เพื่อขจัดความเครียดของวันนี้ออกไป ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องงานที่ทำให้เขาหงุดหงิดได้ถึงเพียงนี้"คุณโรเจอร์ครับ?"โรเจอร์ขมวดคิ้วแน่นขึ้นแม้
“งั้นเธอแอบอัดเสียงตอนพวกเขามีอะไรกันเหรอ?” เสียงผู้หญิงปลายสายถามขึ้นอย่างสงสัยอีกฝ่ายตอบกลับด้วยรหัสมอร์สว่า [ใช่ เธอไม่ได้กดวางสาย]“เยี่ยมเลย…เธอก็แผนการดีนิ”[ไม่ต้องห่วง ฉันรู้]“พรุ่งนี้ฉันจะเอาเค้กกับของขวัญไปให้นะ ส่งคลิปเสียงพวกนั้นมาให้ฉันนะ เดี๋ยวจะเอาไปให้สามีของฉันช่วยเธอยื่นเรื่องฟ้องหย่าให้”[ขอบคุณนะ]“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ไปนอนพักผ่อนได้แล้ว” เธอพูดก่อนจะวางสายไปหญิงสาวผู้สื่อสารด้วยรหัสมอร์สถอนหายใจยาว ดวงตาแดงก่ำและเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาไหลออกมาช้า ๆ มันช่างเจ็บปวดเมื่อนึกถึงตอนที่ได้ยินสามีสารภาพรักกับชู้รักของเขาเธอเดินไปยังห้องนอนอย่างช้า ๆ และหยุดตรงหน้ากระจกบานใหญ่ตรงทางเดิน ภาพสะท้อนตรงหน้าคือหญิงหน้าตาสะสวย ผมลอนสีน้ำตาล ทว่าดวงตากลับบวมช้ำเพราะความโศกเศร้า นัยน์ตาสีฟ้าเป็นเอกลักษณ์ เธออาจจะไม่เร้าอารมณ์เท่ากับโซเฟียแต่รูปร่างก็มีสัดส่วนโค้งเว้าที่ลงตัวปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหญิงนัยน์ตาสีฟ้าคนนี้ดูน่าดึงดูดใจยิ่งนัก กระนั้น เนื่องจากอุบัติเหตุวัยเด็ก จึงทำให้เธอพบเจอกับความเลวร้ายแสนสาหัส เธอจึงพูดไม่ได้อีกเลย ดังนั้นภาษามือและรหัสมอร์สจึงเป็นเครื่องมือใ
ที่โรงพยาบาล แคโรไลน์ขอให้คุณหมอตรวจสุขภาพให้เพื่อนของเธออย่างละเอียดเนื่องจากเด็บบราห์รู้สึกไม่ค่อยสบายและอาเจียนบ่อยคุณหมอสังเกตเห็นว่าเด็กสาวผมลอนสีน้ำตาลคนนี้ดูซีดเซียว เขาจึงตรวจให้เธออย่างละเอียดครบถ้วนเพื่อวินิจฉัยสาเหตุทันที[แคร์รี่ ฉันกลัวจัง] เด็บบราห์รู้สึกหวาดกลัวว่าร่างกายอาจมีปัญหาร้ายแรง และความวิตกกังวลก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เริ่มการตรวจ“ใจเย็น ๆ นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่กับเธอเสมอ เข้าใจไหม?” แคโรไลน์จับมือเด็บบราห์และปลอบโยนเธอเพื่อบรรเทาความกังวลเด็บบราห์พยักหน้าตอบรับ หลังจากนั้นไม่นาน พยาบาลก็นำผลการตรวจมาให้“ขอบคุณนะครับ พยาบาลคนสวย” คุณหมอพูดหยอกล้อพร้อมขยิบตาให้กับพยาบาลที่กำลังยืนยิ้มอยู่ก่อนเดินออกจากห้องไปอย่างช้า ๆ เพื่อนรักสองคนต่างหัวเราะเบา ๆ ให้กับภาพตรงหน้าคุณหมอเริ่มอ่านผลตรวจและสีหน้าของเขาก็ดูจริงจังขึ้นเมื่อเขาพลิกดูผลตรวจทีละหน้า“ตกลงว่าเพื่อนของฉันเป็นอะไรคะ?” เมื่อเห็นว่าคุณหมอเงียบไป แคโรไลน์จึงถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล“ใจเย็น ๆ นะแคโรไลน์ เพื่อนคุณแข็งแรงดีครับ” คุณหมออธิบาย“แข็งแรงเหรอคะ? แล้วทำไมเธอถึงอาเจียนบ