“คุณหมายความว่ายังไงที่บอกว่าเตรียมตัว? เตรียมตัวเพื่ออะไร?” เขาถามด้วยความสับสน[เป็นความลับค่ะ]“โห้…ดูลึกลับดีจัง” เขาหัวเราะเบา ๆ “เอ่อ เด็บบราห์ คุณคิดว่า…อืม…แบบว่า…ตอนคุณหย่าอย่างเป็นทางการแล้ว ไม่แน่นะ คุณกับผม…”[เจย์เดน ฉันคิดว่าคุณเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งนะ] เด็บบราห์ยิ้มเศร้า“ผมรู้ แต่…ให้โอกาสผมได้ไหม?”[อืม ฉัน…]“นี่ ไม่เป็นไรหรอก ผมรู้ว่ามันยังเร็วไป แต่ผมอยากให้คุณรับผมไว้พิจารณา เพราะคุณดูเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบจริง ๆ นะ สวยทั้งภายนอกและภายใน” เขาพูดพร้อมขยับเข้ามาใกล้ขณะใช้มือขวาลูบใบหน้าของเธอเบา ๆ [เจย์เดน…] ใบหน้าของเด็บบราห์แดงระเรื่อเมื่อได้ยินคำพูดของเขา เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนชมว่าเธอสวย“ผมเข้าใจว่ามันปุบปับ แต่ผมจริงจังนะ ผมเลือกเรียนภาษามือและรหัสมอร์สเพื่อสื่อสารกับคุณเพราะไม่อยากให้คุณถือสมุดเอาไว้ตลอดเวลาเลยนะ”เธอรู้สึกเขินอายเล็กน้อยกับคำสารภาพของเขา เธอยังจำได้ถึงครั้งแรกที่เธอไปเคาะประตูบ้านเขาเพื่อขอความช่วยเหลือตอนมีปัญหาในครัว และโรเจอร์ก็ไม่สนใจที่จะรับสายเธอ“อืม เรียกได้ว่ามันเป็นรักแรกพบสำหรับผมเลยล่ะ และผมก็ชอบตอนคุณพยายามเร
เด็บบราห์รู้สึกถึงความหนาวสะท้านเล็กน้อย แต่เธอก็พยายามปัดเป่าความกังวลออกจากใจ เพราะไม่มีใครที่จะมาตะโกนใส่เธออีกแล้ว เธอเดินไปที่กระจกในห้องนั่งเล่นแล้วยิ้มให้กับเงาสะท้อนของตัวเอง‘ไม่ต้องกลัวนะเด็บบราห์ นี่คือก้าวแรกที่จะทำให้เธอได้พบกับความสุขของตัวเอง’ เธอบอกกับตัวเองนานแล้วที่เธอไม่ได้เข้านอนแต่หัวค่ำโดยไม่ต้องตั้งนาฬิกาปลุก เพราะเธอไม่จำเป็นต้องคอยดูแลใครอีกแล้ว เช้าวันต่อมา เธอตื่นแต่เช้าด้วยความตกใจเล็กน้อยที่พบว่าตัวเองนอนอยู่ภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย แต่เธอก็รู้สึกผ่อนคลายเมื่อรู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน… เธอออกจากอะพาร์ตเมนต์นั้นมาและทิ้งโรเจอร์ไว้เบื้องหลังแล้วจริง ๆ‘วันนี้เป็นวันแรกของการเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้วสินะ’ เธอคิดและยิ้มขณะลุกขึ้นจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็เห็นเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชุดที่เธอมีซึ่งเก่าและโทรมมาก เธอตัดสินใจว่าเธอจะมีชีวิตใหม่ นั่นก็ต้องเริ่มต้นด้วยรูปลักษณ์และเสื้อผ้าก่อนด้วยความคิดนี้ภายในใจ เธอจึงแต่งตัวก่อนจะทานอาหารเช้า มันเป็นเวลาที่เหมาะสมในการสำรวจว่าในห้องครัวมีอะไรบ้าง ขณะนั่งลงทานอาหาร เธอก็เปิดแล็ปท็อปเพื่อตรวจสอบบัญชีธนาค
[มันไม่ใช่อย่างนั้น] เด็บบราห์อธิบาย“ฮืม?” เจย์เดนดูงุนงง[คุณทำเพื่อฉันมามากแล้ว ฉันก็เลยอยากจะเป็นฝ่ายชวนคุณไปทานข้าวต่างหาก]“อ๋อ ถ้าอย่างนั้นผมก็ยินดีรับคำเชิญนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูทะเล้น[ถ้างั้นเราเจอกัน 2 ทุ่มดีไหม?] เด็บบราห์ถาม“ผมจะมาให้ตรงเวลาเลยครับ คุณเพื่อนบ้าน” เขาพูดพร้อมขยิบตาในเวลานั้น แคโรไลน์มาถึงพอดี เจย์เดนจึงบอกลาทั้งสองคนก่อนจะขับรถออกไปทำงาน“รู้ไหมว่าเขาหน้าตาดีเลยทีเดียว” แคโรไลน์พูดพลางมองตามหลังเจย์เดนหลังจากพินิจอยู่ครู่[แคร์รี่…] เด็บบราห์แตะไหล่ของเธอเบา ๆ พร้อมบ่น [เธอมีสามีแล้วนะ]“แล้วยังไงล่ะ มองเพลิน ๆ ไม่ได้ทำร้ายใครหรอกน่า นอกจากนั้น ในเรื่องนี้ยังมี ‘เรื่องที่เถียงไม่ได้’ สองอย่างนะ”“สองอย่าง?”“ฉันรักคริสของฉันมาก และพ่อตาเชื่อมคนนั้นดูเหมือนจะใส่ใจเธอมากเลยล่ะ” แคโรไลน์กล่าว[ฉันรู้…แต่ฉันไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของเขาตามที่ต้องการได้] เด็บบราห์อธิบายอย่างยอมรับ“นี่ ใจเย็น ๆ ฉันก็รู้ว่าเธอต้องการเวลา แต่ผู้สมัครหมายเลขหนึ่งผ่านการรับรองจากฉันแล้วนะ” แคโรไลน์ยักคิ้วพร้อมหัวเราะอย่างขบขัน[แคร์รี่…อืม…แต่ว่ามันไม่ใช่อย
ขณะเดียวกัน โรเจอร์โกรธจัดเพราะกำลังเผชิญค่ำคืนที่ย่ำแย่ เขาปลดปล่อยความโกรธด้วยการทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า และยิ่งไปกว่านั้น เขากลับพบว่าเช้านี้มันต่างจากทุกวัน เพราะเสื้อผ้าและอาหารเช้ามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป…เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าบางทีเด็บบราห์อาจไม่ได้ไร้ประโยชน์อย่างที่คิด เธอเป็นแม่บ้านที่ดีจริง ๆ“อืม…โอ๊ย…ทำไมทุกอย่างต้องยุ่งยากขนาดนี้ด้วย” เขาบ่นพลางนวดขมับหลังจากวางสายจากโซเฟียแล้ว เขากำลังอารมณ์เสีย และการได้ยินคนรักของเขาตะโกนใส่เขายิ่งทำให้เขาปวดหัวมากยิ่งขึ้น“เอ่อ…คุณโรเจอร์” ฟาเบียนเรียกเขาอย่างประหม่า“ว่าไง?” โรเจอร์ถาม“เอ่อ ผมจัดการตรวจสอบแฟ้มเอกสารที่คุณให้มาแล้ว”“เป็นยังไงบ้าง?” เขาถามพลางยกคิ้ว“แย่หน่อยนะครับ เพราะมันถูกต้องตามกฎหมาย เราไม่สามารถหยุดกระบวนการหรือทำให้มันหายไปได้ เพราะทนายที่เธอจ้างมาทำงานรวดเร็วมาก พวกเขาได้ยื่นฟ้องหย่าไปเรียบร้อยแล้ว”“ว่าไงนะ?!” โรเจอร์อุทานพลางลุกขึ้นยืน “แล้วเธอไปจ้างทนายเก่ง ๆ แบบนั้นมาได้ยังไง? ฉันมั่นใจว่าเธอไม่มีเงินเก็บเลยด้วยซ้ำ”“เอ่อ…ผมก็ไม่ทราบครับ”“หึ…ทนายคนนั้นชื่ออะไร?”“ทนายคริสเตียน คอลลินส์ค
“นั่นเป็นข่าวดีมากเลยนะ ยินดีด้วยนะลูก” อิซาเบลกล่าวขณะโผกอดโรเจอร์ “ในที่สุดแม่ก็จะได้เป็นย่าคนแล้ว แล้วก็…”“น่าขยะแขยง!” เอลเลียตขัด “ผมจะไม่มีวันรับลูกของผู้หญิงแบบนั้นเป็นหลานชายของผม”“เอลเลียต” แม่ตวาดเขา “อย่าพูดแบบนั้น”“อิซาเบล อย่าตหวาดลูกฉัน เพราะฉันเองก็คิดเหมือนกันกับลูก” จอร์จกล่าว “ฉันไม่มีวันยอมรับเด็กคนนั้นเป็นหลานแน่ ส่วนโรเจอร์ แกควรจะเริ่มเก็บของออกจากสำนักงานได้แล้ว”“แต่คุณพ่อครับ คุณพ่อทำแบบนี้ไม่ได้…”“จอร์จ คุณกำลังทำอะไร?”“ฉันทำตามพินัยกรรมของพ่อฉัน หมอนี่ไม่สามารถจัดการชีวิตคู่ของตัวเองได้ ดังนั้น มันไม่มีสิทธิ์รับอะไรทั้งนั้น ทั้งการดำรงตำแหน่งประธานบริษัทและทรัพย์สินของฉัน”“อะไรนะ?!” โรเจอร์และอิซาเบลอุทานขึ้นพร้อมกัน“ที่รักคะ คุณจะปล่อยให้ลูกชายต้องไปตกระกำลำบากงั้นเหรอ?”“ก็มันอยากได้เองนิ เขาจะได้ทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น”“คุณจะปล่อยให้เขาไปอยู่ข้างถนนหรือยังไง?” อิซาเบลถามอย่างตื่นตระหนก“ไม่หรอก มันมีอะพาร์ตเมนต์ของมันเอง ดังนั้น มันมีที่ซุกหัวนอนอยู่แล้ว แต่มันไม่มีสิทธิ์ และเราไม่ต้อนรับมันให้กลับมาบ้านของเราอีก ส่วนเรื่องงาน มันทำง
การที่แคโรไลน์รู้วิธีที่จะทำให้เด็บบราห์อารมณ์ดีขึ้นเป็นเรื่องที่ดี หลังจากปลอบใจเพื่อนให้สงบลงแล้ว แคโรไลน์ก็พาเด็บบราห์ไปที่ร้านเครื่องเขียนที่ซึ่งนับได้ว่าเป็นสรวงสวรรค์สำหรับเด็บบราห์ เธอพุ่งตัวไปเลือกซื้อปากกามาร์คเกอร์ ปากกาหลายสี สมุดบันทึก แฟ้มเอกสารและเครื่องเขียนน่ารัก ๆ อื่น ๆ อีกหลายชิ้นทันที“เธอนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ เกือบจะเหมาทั้งร้านแล้ว” แคโรไลน์ล้อเลียนขณะที่พวกเธอนำถุงช้อปปิ้งใส่เข้าไปในรถ [เธอก็พูดเกินไปแล้ว] เด็บบราห์ทั้งขำและเขินกับคำพูดของเพื่อน“อ้ะ…ถ้าเธอสามารถเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับได้แบบนี้ พวกเราก็คงใช้เวลาในการจัดตู้เสื้อผ้าใหม่เธอไม่นานแน่เลย”[อย่าพูดแบบนั้นสิ นี่ ฉันซื้อมาของให้เธอด้วยนะ] เด็บบราห์ยื่นถุงกระดาษใส่เครื่องเขียนบางชิ้นให้แคโรไลน์“ขอบคุณนะ” แคโรไลน์พูดพร้อมกับรับถุง “แต่ฉันพูดถูกหรือเปล่าล่ะ?”[อืม…ก็อาจจะ] เด็บบราห์หัวเราะ เธอไม่ได้มีความสุขและซื้อของให้ตัวเองแบบนี้มานานแล้ว“ตอนกลับไปถึงบ้าน บอกได้เลยว่าเธอคงหัวหมุนกับการจัดของแน่ ๆ” แคโรไลน์พูดขณะที่พวกเธอขึ้นรถมุ่งหน้ากลับบ้าน[ฉันคงสนุกกับการจัดของกับใช้สมุดบันทึกเล่มใหม่ทำ
[คุณมีงานอดิเรกด้วยหรือเปล่า?] เด็บบราห์เอ่ยถามขณะวางถุงช้อปปิ้งลงบนโซฟาก่อนจะกลับมานั่งข้าง ๆ หนุ่มผมบลอนด์เพื่อทานอาหารเย็นต่อ“อืม…ก็คล้ายกัน ๆ นะ เพราะผมชอบสะสมหุ่นเลโก้น่ะ”[ตัวต่อเลโก้ใช่ไหม?]“ใช่แล้ว ผมชอบสะสมหุ่นตัวละคร และเลโก้ก็จะออกคอลเล็กชันใหม่ทุกฤดูกาลเลย” เขาพูดอย่างตื่นเต้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อแสดงรูปให้เธอดู[คุณต้องชอบมันมากแน่ ๆ] เด็บบราห์พูดเมื่อเห็นภาพผ่านโทรศัพท์ของเจย์เดนที่เขากำลังเลื่อนให้เธอดู“ใช่แล้ว อันที่จริง แม่เคยดุที่ผมใช้เงินค่าขนมไปกับของพวกนี้หมด” เจย์เดนหัวเราะเมื่อคิดถึงความทรงจำนั้น “แต่เป็นเพราะตัวต่อพวกนี้ที่ทำให้ผมเข้าสู่วงการก่อสร้างและสืบทอดธุรกิจของครอบครัว จากการสร้างเป็นบ้านตัวต่อแต่เปลี่ยนเป็นการสร้างบ้านจริง ๆ”[จริงด้วย ตระกูลคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างนี่]“ใช่ ประมาณนั้น บางครั้งเราก็สร้างตึกขึ้นมาใหม่ และในบางครั้งเราก็ซื้อสถานที่เก่าแล้วนำมาปรับปรุงใหม่”[เข้าใจแล้ว…]“พูดถึงการก่อสร้าง ตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ของผมเคยสร้างห้องพิเศษเอาไว้สำหรับของเล่นของผม และผมก็สร้างเมืองใหญ่ ๆ เอาไว้ที่นั่นด้วย” เขาพูดอย่างตื่นเต้น “
“หึ…” หญิงสาวผมดำบ่นพึมพำก่อนจะยืดตัวขึ้นและนวดขมับตัวเองอย่างหงุดหงิด “ที่รัก นังเด็กอกตัญญูนั่นไม่ยอมตอบข้อความฉันเลย” เธอพูดขณะเดินเข้าไปหาสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวม“ผมว่ามันยังไม่เห็นข้อความมากกว่าน่ะ วาเนสซ่า” ชายผมบลอนด์พูดอย่างขบขัน“ฟังนะเฟรเดอริค ถ้าคุณจะเข้าข้างมันแทนที่จะเป็นลูกสาวเรา คืนนี้คุณก็นอนบนโซฟาเถอะ”“ผมไม่ได้เข้าข้างมัน ที่รัก” เฟรเดอริคตอบพลางคว้าเอวภรรยามานั่งลงบนตัก “แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะไม่ตอบ เพราะผมจำได้ว่าใครบางคนจงใจทำไวน์หกใส่แล็ปท็อปของลูกเลี้ยงของตัวเอง”“โอ้…จริงด้วยแหะ ลืมไปเลยว่าตัวเองทำอะไรสนุก ๆ ไปบ้าง” วาเนสซ่าพูดขณะสบตาเขา“เอาเถอะ ผมคงต้องไปสั่งสอนนังเด็กโง่นั่นสักหน่อย ที่ผ่านมาไม่เห็นจะเคยโทรหาพวกเราเลย ผมเองก็ชักมีน้ำโหแล้วเหมือนกัน” สายตาของเฟรเดอริคเต็มไปด้วยความเกลียดชังขณะที่เขาพูดเช่นนั้น“อืม คุณกล่าวโทษมันไปก็เท่านั้น เพราะยังไงมันก็ไร้ประโยชน์เหมือนกับเมียเก่าคุณนั่นแหละ” วาเนสซ่าเอนตัวพิงเขาอย่างยั่วเย้า“มันก็จริง แต่คุณต้องยอมรับว่ามันยังมีประโยชน์อยู่เพราะว่ามันยังเกี่ยวข้องกับตระกูลปีเตอร์สัน” เฟรเดอริคพูดพลาง