“เดี๋ยวก่อน…ป้าพูดว่าอะไรนะ?” แคสแซนดร้าถามด้วยความตื่นตระหนก“เด็บบราห์ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเหรอ? แล้วไปไหน?” เฟรเดอริกซักถามหญิงชรา“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันรู้แค่ว่าแม่สาวน้อยคนนั้นคงจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว แต่ก็ดีแล้วที่เธอไม่กลับมา เพราะมีแต่พวกคนโง่มาตะโกนเรียกเธออยู่หน้าบ้านไม่เว้นแต่ละวัน” หญิงชราพูดก่อนจะเดินเข้าบ้านและปิดประตูลงอย่างรู้สึกรำคาญพ่อและลูกสาวตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาไม่คิดว่าเธอจะออกจากบ้านหลังนี้ไป เธอจะไปอยู่ที่ไหนได้? เธอมีเงินงั้นเหรอ? หรือว่าเธอสามารถชนะใจโรเจอร์แล้วย้ายไปอยู่คฤหาสน์สุดหรูที่คุณท่านปีเตอร์สันมอบให้แล้ว?ในขณะที่คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว ราวกับโชคชะตาฟ้ากำหนด โรเจอร์กลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ด้วยใบหน้าที่ดูบึ้งตึงพอดี เขาหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองและสาปแช่งเด็บบราห์ที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้คำขู่ของพ่อเป็นจริง ตอนนี้เขากลายเป็นเพียงพนักงานธรรมดาที่ถูกเจ้านายต่อว่าเรื่องการมาสาย โรเจอร์สาบานกับตัวเองว่าถ้าตามหาเธอพบ เขาจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไปจากที่นี่อีก เขาจะทำให้แน่ใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก แค่ใช้ชีวิตอยู่เงียบ ๆ ในบ้านหลังนี้และปล่อ
ในขณะที่เด็บบราห์จมอยู่ในโลกของตัวเอง เธอไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องใหญ่หลวงขึ้นในครอบครัวแอนเดอร์สัน เธอกำลังใช้สมาธิในการพูดคุยกับชาร์ล็อตอย่างตั้งใจ พวกเธอวางแผนเรื่องการสอนภาษามือและรหัสมอร์สให้กับเด็ก ๆทั้งสองคนใช้เวลาช่วงเช้าวางแผนเกี่ยวกับชั้นเรียน พูดคุยถึงรายละเอียดของแผนการสอน บทเรียนและตารางการสอน การสนทนาของพวกเธอสิ้นสุดลงตอน 11 โมงเพราะชาร์ล็อตจะต้องไปรับลูกชาย“เอาล่ะ เด็บบราห์ ฉันคิดว่าตอนนี้พวกเราก็ได้รายละเอียดเกือบหมดแล้ว” ชาร์ล็อตกล่าวขณะเดินไปที่ประตู[ใช่แล้ว] เด็บบราห์เขียนตอบ นี่เป็นวิธีการที่ใช้สื่อสารที่สะดวกตามที่ตกลงกันเอาไว้“ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็นนะ ฉันจะพาคุณไปดูสถานที่ที่จะใช้ในการสอน แล้วฉันก็จะแจ้งข่าวเรื่องคลาสให้เพื่อนบ้านทราบวันนี้ด้วย” ชาร์ล็อตพูดต่อขณะเปิดประตู “ฉันขอตัวไปรับไมเคิลแล้วก็ทำอาหารกลางวันก่อนนะ”[แล้วเจอกันค่ะ] เด็บบราห์เขียนบอกลาชาร์ล็อตลงในสมุดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านของตัวเองเด็บบราห์รู้สึกมีความสุข เพราะตอนนี้เธอจะสามารถแบ่งปันวิธีการสื่อสารของเธอให้กับคนอื่น ๆ ได้เรียนรู้ เธอรู้สึกดีที่อุปกรณ์เครื่องเขียนที่ซื้อมา
‘ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะยุ่งสินะ’ ใบหน้าของเด็บบราห์ เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ‘โอ๊ย…เด็บบราห์ คิดอะไรของเธอน่ะ เธอยังไม่หย่ากับกับสามีเลย แต่ไปคิดถึงคนอื่นซะแล้ว’ เธอรีบเดินเข้าบ้านก่อนจะเก็บของที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตเข้าที่อย่างลนลานเมื่อเธอเกือบจะจัดของเสร็จแล้ว แคโรไลน์และคริสเตียนก็มาถึงพร้อมกับมื้อเย็นในมือพอดี [ยินดีต้อนรับจ้ะ] เด็บบราห์เปิดประตูทักทายพวกเขาก่อนจะเชิญพวกเขาเข้าไปในบ้าน“สวัสดีจ้ะ เด็บบราห์” ทั้งคู่ตอบรับแล้วเดินเข้าไปในบ้าน คริสเตียนวางถุงอาหารลงบนโต๊ะ“ดูเหมือนว่าเธอจะปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้ดีเลยนะ” แคโรไลน์หยอกล้อเมื่อเห็นมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่นมีสมุดบันทึกและโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้[ก็นี่เป็นบ้านของฉันนี่นา อีกอย่าง ฉันชอบวิวจากหน้าต่างตรงนั้น ฉันก็เลยเอาไว้เป็นมุมทำงานน่ะ] เด็บบราห์ตอบ“จิตใจเข้มแข็งมากเลยครับ” คริสเตียนกล่าวชม“ที่รัก ไปล้างมือแล้วมาช่วยเราจัดโต๊ะหน่อย” แคโรไลน์บอกขณะหยิบถุงอาหารออกมาเพื่อเริ่มจัดเตรียมอาหารคริสเตียนทำตามคำสั่ง เมื่อเขากลับมา เธอก็ขอให้เขาเปิดขวดไวน์และเสิร์ฟน้ำผลไม้ พร
วันก่อน เด็บบราห์รู้สึกผ่อนคลาย ดังนั้น วันนี้เธอจึงตั้งใจทำงานเพื่อที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ มันจะเป็นบ้านหลังใหม่ของเธอ หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เธอก็คำนวณว่าจะต้องใช้เงินเก็บเท่าไหร่ในการซื้อบ้านจากเจย์เดน นอกจากนี้ เธอยังต้องการเก็บเงินส่วนหนึ่งเพื่อซื้อของขวัญตอบแทนเขาอีกด้วย การคำนวณของเธอต้องหยุดลงเมื่อเหลือบดูเวลา เธอมีนัดกับลูกค้าเพื่อปรึกษาเรื่องการยื่นภาษีสำหรับช่วงสองเดือนนี้ทางออนไลน์ เด็บบราห์ปิดสมุดโน้ตลงและเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์‘ตอนนี้ฉันมีเวลามากขึ้นแล้ว ดังนั้น ฉันจะสามารถรับลูกค้าวันละสี่คนได้อย่างสบาย ๆ’ เธอยิ้ม ก่อนหน้านี้ เธอรับลูกค้าได้สัปดาห์ละ 20 คนโดยไม่มีปัญหาหลังจากเสร็จสิ้นการนัดหมาย เธอก็เริ่มร่างรายงานเพื่อส่งให้เจ้านายเนื่องจากมีลูกค้าเพิ่มขึ้นและการออมเงินอย่างมีวินัย เธอจึงมีเงินพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลที่กำลังจะมาถึง ค่าเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อย ค่าเช่าบ้านและค่าจ้างทนายความของคริสเตียน เด็บบราห์รู้สึกมีความสุข เพราะในที่สุด เธอก็ได้เป็นอิสระทางการเงินเสียที ผ่านไปไม่นาน เธอก็ยืดเส้นยืดสายก่อนจะเหลียวมองดู
“ผมไม่สนใจหรอก”[อะไรนะ?]“ผมไม่สนใจว่าจะเป็นลูกแท้ ๆ ของผมไหม ขอเพียงคุณอนุญาต ผมจะเลี้ยงดูเขาให้เหมือนเป็นลูกของผมเอง เพราะผมชอบคุณจริง ๆ นะเด็บบราห์ และความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณมันมาจากข้างในจริง ๆ”[เจย์เดน แต่ฉันปล่อยให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้]“ทำไมล่ะ?”[คือว่ามัน…ไม่… มันไม่ถูกต้อง เด็กคนนี้เป็นลูกของโรเจอร์ ไม่ใช่คุณ…]“เด็กคนนั้นเป็นลูกของคุณ ถ้าหากว่าคุณจะให้โอกาสผม ผมจะพยายามเป็นพ่อที่ดีได้แน่”[เจย์เดน…แต่ว่าฉันยัง…]“ผมรู้ คุณยังไม่หย่า แต่เร็ว ๆ นี้คุณจะต้องหย่าแน่นอน ผมจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเอาชนะใจคุณให้ได้”[ฉันคิดว่าคุณไม่ต้องพยายามขนาดนั้นนะ] เด็บบราห์หันหน้าหนีเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเมื่อเธอกล่าวเช่นนั้นเจย์เดนตกใจกับปฏิกิริยาของเธอและยิ้มกว้างขึ้น “ผมดีใจมากที่ได้ยินแบบนั้น”[ฉันยังไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับคุณกันแน่ แต่ฉันก็คิดถึงคุณอยู่บ่อย ๆ นะ] เด็บบราห์ยอมรับ“ผมรู้ เอาเป็นว่าเราค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน” เขาพูดพลางจับมือเธอ “แต่มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ”เด็บบราห์พยักหน้าแล้วยิ้มให้เขาหลังจากนั้น พวกเขาก็ทานอาหารกันต่อ เจย์เดนเล
ในขณะเดียวกัน…โรเจอร์ไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย พ่อของเขาทำตามคำขู่และลดตำแหน่งเขาลง เขาไม่ได้เป็นหัวหน้าแผนกอีกแล้ว แถมเงินเดือนก็น้อยลงไปตามตำแหน่งใหม่นั้นด้วย ตำแหน่งพนักงานต๊อกต๋อยนั่นหมายถึง เขามีปัญหาและความเครียดเพิ่มขึ้น โซเฟียก็ไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เธอเพียงแค่ต้องการใช้เงินเหมือนเดิมและในตอนนี้ เธอก็ใช้ข้ออ้างเรื่องตั้งท้องเพื่อขอเงินจากเขามากขึ้นหลังเลิกงาน เขาตรงกลับบ้านทันทีเพราะว่าเขาไม่อยากพบใครทั้งนั้น เขายังไม่รับสายของโซเฟียที่โทรมาหาเขาไม่หยุดในช่วงเช้าด้วย เธอได้กลายเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับเขาอย่างแท้จริง“เฮ้อ…ขอพักบ้างเถอะ…” เขาบ่นพลางโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง เขาเบื่อหน่ายกับการได้รับข้อความพวกนั้น [โรเจอร์ ที่รัก ฉันต้องการคุณ…ขอเงินหน่อยได้ไหม? ทำไมไม่มาหากันเลย? ฉันเหงาจัง…นี่ เมื่อไหร่คุณจะให้ของขวัญฉันอีก…?] และนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อความที่เธอส่งมาเขาสบถกับตัวเอง…เขาควรจะรู้สึกขอบคุณเด็บบราห์ที่คอยทำความสะอาดบ้านให้อยู่เสมอ เธอไม่เคยสร้างปัญหาหรือบ่นเกี่ยวกับการกระทำของเขาเลย แม้แต่เรื่องที่เขาไม่เคยอยู่บ้านด้วยซ้ำเมื่อนึกย้อนกลับไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้น โรเจอร์ถึงกับชะงักก่อนจะหันไปจ้องแม่“ใช่แล้วลูก ลูกไม่ควรละเลยโซเฟียกับหลานของแม่นะ” แม่ของเขาย้ำ“อะไรนะ…แต่…”“ระหว่างที่พวกคุณคุยกัน ฉันขอตัวเอากระเป๋าไปเก็บก่อน” โซเฟียพูดขณะแยกตัวออกมา เธอเดินเข้าไปในอะพาร์ตเมนต์พร้อมกับกระเป๋าเดินทางก่อนจะเริ่มเดินสำรวจและพึมพำกับตัวเองเบา ๆ“คุณแม่บ้าไปแล้วเหรอครับ?” โรเจอร์บ่นกับเธอเบา ๆ“อย่าพูดกับแม่แบบนั้นนะ โรเจอร์”“แม่จะให้เธอมาอยู่ที่บ้านของผมได้ยังไง?”“แต่แม่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ลูกทั้งสองควรจะอยู่ด้วยกันเพราะลูกในท้อง…”“ลืมเรื่องนั้นไปเถอะครับ คุณแม่ เพราะผมจะพาเด็บบราห์กลับมา”“อะไรนะ? ทำไม?” ผู้หญิงทั้งสองคนตะโกนขึ้นพร้อมกัน“เพราะผมจะเอาทุกอย่างที่เป็นของผมคืนมา” เขากอดอกพลางพูดด้วยท่าทางที่แน่วแน่“คุณหมายความว่ายังไง?” โซเฟียถามอย่างไม่รู้เรื่อง“แต่พ่อของลูก…เขาไม่ได้พูด…”“คุณพ่อจริงจังมาก แล้วคุณแม่จำไม่ได้เหรอ…ว่าผมกำลังอยู่ในช่วงทดลองงานบริษัท และเมื่อวานนี้ผมขาดงาน พวกเขาก็ยื่นคำขาดกับผมว่า ถ้าผมขาดงานอีกครั้ง ผมจะถูกไล่ออก”“นั่น…เป็นไปไม่ได้…” โซเฟียตื่นตระหนก เพราะนั่นหมายถึงชีวิตหร
ผู้คนที่เคยรังเกียจเด็บบราห์และหวังให้เธอตาย ตอนนี้กลับต้องรีบตามหาเธอ เพราะพวกเขาตระหนักได้ว่าเธอไม่ได้เป็นแค่ตัวปัญหาอีกต่อไป แต่เธอเป็นกุญแจสำคัญสู่ชีวิตที่สะดวกสบาย ชีวิตที่พวกเขาเคยเห็นเป็นของตายและไม่อยากจะอยู่ต่อไปหากขาดมันอย่างไรก็ตาม คนที่ทรมานจากการหายตัวไปของเด็บบราห์ที่สุดก็คือญาติของเธอ พวกเขาอ้างว่าเป็นครอบครัว แต่ไม่เคยใส่ใจสุขภาพหรือความเป็นอยู่เลย ในตอนนี้ พวกเขากำลังจะเป็นบ้า และพยายามทุกวิถีทางตามหาเธอให้พบ ช่างน่าเสียดาย เพราะพวกเขาไม่รู้เลยว่าจะเริ่มต้นจากที่ไหนหรือจะถามใครเกี่ยวกับที่อยู่ของเธอ เพราะในสายตาพวกเขา เด็บบราห์เป็นคนไร้เพื่อนมาโดยตลอด“ยังไม่มีความคืบหน้าอีกเหรอ?” เฟรเดอริคถามอย่างกระวนกระวาย เพราะตอนนี้ เขาไม่มีเงินสำหรับธุรกิจใหญ่ที่เขากำลังจะลงทุน“ยังครับ พ่อ” เออร์เนสต์บ่น “ไม่มีทางไหนที่เพื่อนของผมจะสืบหาเธอได้เลย เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่มีแม้แต่โซเชียลมีเดีย”“แล้วอีเมลที่มันเคยสร้างตอนเรียนล่ะ?” แคสแซนดร้าถามเมื่อนึกขึ้นได้“มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย เราจะต้องมีอีเมลที่มันเพิ่งส่งมาให้เรา แล้วเราถึงจะสามารถติดตามได้” แฝดชายผมบลอนด์อธิบาย “แล้วอ