การที่แคโรไลน์รู้วิธีที่จะทำให้เด็บบราห์อารมณ์ดีขึ้นเป็นเรื่องที่ดี หลังจากปลอบใจเพื่อนให้สงบลงแล้ว แคโรไลน์ก็พาเด็บบราห์ไปที่ร้านเครื่องเขียนที่ซึ่งนับได้ว่าเป็นสรวงสวรรค์สำหรับเด็บบราห์ เธอพุ่งตัวไปเลือกซื้อปากกามาร์คเกอร์ ปากกาหลายสี สมุดบันทึก แฟ้มเอกสารและเครื่องเขียนน่ารัก ๆ อื่น ๆ อีกหลายชิ้นทันที“เธอนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ เกือบจะเหมาทั้งร้านแล้ว” แคโรไลน์ล้อเลียนขณะที่พวกเธอนำถุงช้อปปิ้งใส่เข้าไปในรถ [เธอก็พูดเกินไปแล้ว] เด็บบราห์ทั้งขำและเขินกับคำพูดของเพื่อน“อ้ะ…ถ้าเธอสามารถเลือกเสื้อผ้าและเครื่องประดับได้แบบนี้ พวกเราก็คงใช้เวลาในการจัดตู้เสื้อผ้าใหม่เธอไม่นานแน่เลย”[อย่าพูดแบบนั้นสิ นี่ ฉันซื้อมาของให้เธอด้วยนะ] เด็บบราห์ยื่นถุงกระดาษใส่เครื่องเขียนบางชิ้นให้แคโรไลน์“ขอบคุณนะ” แคโรไลน์พูดพร้อมกับรับถุง “แต่ฉันพูดถูกหรือเปล่าล่ะ?”[อืม…ก็อาจจะ] เด็บบราห์หัวเราะ เธอไม่ได้มีความสุขและซื้อของให้ตัวเองแบบนี้มานานแล้ว“ตอนกลับไปถึงบ้าน บอกได้เลยว่าเธอคงหัวหมุนกับการจัดของแน่ ๆ” แคโรไลน์พูดขณะที่พวกเธอขึ้นรถมุ่งหน้ากลับบ้าน[ฉันคงสนุกกับการจัดของกับใช้สมุดบันทึกเล่มใหม่ทำ
[คุณมีงานอดิเรกด้วยหรือเปล่า?] เด็บบราห์เอ่ยถามขณะวางถุงช้อปปิ้งลงบนโซฟาก่อนจะกลับมานั่งข้าง ๆ หนุ่มผมบลอนด์เพื่อทานอาหารเย็นต่อ“อืม…ก็คล้ายกัน ๆ นะ เพราะผมชอบสะสมหุ่นเลโก้น่ะ”[ตัวต่อเลโก้ใช่ไหม?]“ใช่แล้ว ผมชอบสะสมหุ่นตัวละคร และเลโก้ก็จะออกคอลเล็กชันใหม่ทุกฤดูกาลเลย” เขาพูดอย่างตื่นเต้นก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อแสดงรูปให้เธอดู[คุณต้องชอบมันมากแน่ ๆ] เด็บบราห์พูดเมื่อเห็นภาพผ่านโทรศัพท์ของเจย์เดนที่เขากำลังเลื่อนให้เธอดู“ใช่แล้ว อันที่จริง แม่เคยดุที่ผมใช้เงินค่าขนมไปกับของพวกนี้หมด” เจย์เดนหัวเราะเมื่อคิดถึงความทรงจำนั้น “แต่เป็นเพราะตัวต่อพวกนี้ที่ทำให้ผมเข้าสู่วงการก่อสร้างและสืบทอดธุรกิจของครอบครัว จากการสร้างเป็นบ้านตัวต่อแต่เปลี่ยนเป็นการสร้างบ้านจริง ๆ”[จริงด้วย ตระกูลคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับการก่อสร้างนี่]“ใช่ ประมาณนั้น บางครั้งเราก็สร้างตึกขึ้นมาใหม่ และในบางครั้งเราก็ซื้อสถานที่เก่าแล้วนำมาปรับปรุงใหม่”[เข้าใจแล้ว…]“พูดถึงการก่อสร้าง ตอนเด็ก ๆ พ่อแม่ของผมเคยสร้างห้องพิเศษเอาไว้สำหรับของเล่นของผม และผมก็สร้างเมืองใหญ่ ๆ เอาไว้ที่นั่นด้วย” เขาพูดอย่างตื่นเต้น “
“หึ…” หญิงสาวผมดำบ่นพึมพำก่อนจะยืดตัวขึ้นและนวดขมับตัวเองอย่างหงุดหงิด “ที่รัก นังเด็กอกตัญญูนั่นไม่ยอมตอบข้อความฉันเลย” เธอพูดขณะเดินเข้าไปหาสามีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นวม“ผมว่ามันยังไม่เห็นข้อความมากกว่าน่ะ วาเนสซ่า” ชายผมบลอนด์พูดอย่างขบขัน“ฟังนะเฟรเดอริค ถ้าคุณจะเข้าข้างมันแทนที่จะเป็นลูกสาวเรา คืนนี้คุณก็นอนบนโซฟาเถอะ”“ผมไม่ได้เข้าข้างมัน ที่รัก” เฟรเดอริคตอบพลางคว้าเอวภรรยามานั่งลงบนตัก “แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เธอจะไม่ตอบ เพราะผมจำได้ว่าใครบางคนจงใจทำไวน์หกใส่แล็ปท็อปของลูกเลี้ยงของตัวเอง”“โอ้…จริงด้วยแหะ ลืมไปเลยว่าตัวเองทำอะไรสนุก ๆ ไปบ้าง” วาเนสซ่าพูดขณะสบตาเขา“เอาเถอะ ผมคงต้องไปสั่งสอนนังเด็กโง่นั่นสักหน่อย ที่ผ่านมาไม่เห็นจะเคยโทรหาพวกเราเลย ผมเองก็ชักมีน้ำโหแล้วเหมือนกัน” สายตาของเฟรเดอริคเต็มไปด้วยความเกลียดชังขณะที่เขาพูดเช่นนั้น“อืม คุณกล่าวโทษมันไปก็เท่านั้น เพราะยังไงมันก็ไร้ประโยชน์เหมือนกับเมียเก่าคุณนั่นแหละ” วาเนสซ่าเอนตัวพิงเขาอย่างยั่วเย้า“มันก็จริง แต่คุณต้องยอมรับว่ามันยังมีประโยชน์อยู่เพราะว่ามันยังเกี่ยวข้องกับตระกูลปีเตอร์สัน” เฟรเดอริคพูดพลาง
“เดี๋ยวก่อน…ป้าพูดว่าอะไรนะ?” แคสแซนดร้าถามด้วยความตื่นตระหนก“เด็บบราห์ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วเหรอ? แล้วไปไหน?” เฟรเดอริกซักถามหญิงชรา“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง ฉันรู้แค่ว่าแม่สาวน้อยคนนั้นคงจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว แต่ก็ดีแล้วที่เธอไม่กลับมา เพราะมีแต่พวกคนโง่มาตะโกนเรียกเธออยู่หน้าบ้านไม่เว้นแต่ละวัน” หญิงชราพูดก่อนจะเดินเข้าบ้านและปิดประตูลงอย่างรู้สึกรำคาญพ่อและลูกสาวตกตะลึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาไม่คิดว่าเธอจะออกจากบ้านหลังนี้ไป เธอจะไปอยู่ที่ไหนได้? เธอมีเงินงั้นเหรอ? หรือว่าเธอสามารถชนะใจโรเจอร์แล้วย้ายไปอยู่คฤหาสน์สุดหรูที่คุณท่านปีเตอร์สันมอบให้แล้ว?ในขณะที่คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในหัว ราวกับโชคชะตาฟ้ากำหนด โรเจอร์กลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์ด้วยใบหน้าที่ดูบึ้งตึงพอดี เขาหมกมุ่นอยู่กับความคิดของตัวเองและสาปแช่งเด็บบราห์ที่เธอเป็นต้นเหตุทำให้คำขู่ของพ่อเป็นจริง ตอนนี้เขากลายเป็นเพียงพนักงานธรรมดาที่ถูกเจ้านายต่อว่าเรื่องการมาสาย โรเจอร์สาบานกับตัวเองว่าถ้าตามหาเธอพบ เขาจะไม่ปล่อยให้เธอหนีไปจากที่นี่อีก เขาจะทำให้แน่ใจว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก แค่ใช้ชีวิตอยู่เงียบ ๆ ในบ้านหลังนี้และปล่อ
ในขณะที่เด็บบราห์จมอยู่ในโลกของตัวเอง เธอไม่รู้เลยว่าเกิดเรื่องใหญ่หลวงขึ้นในครอบครัวแอนเดอร์สัน เธอกำลังใช้สมาธิในการพูดคุยกับชาร์ล็อตอย่างตั้งใจ พวกเธอวางแผนเรื่องการสอนภาษามือและรหัสมอร์สให้กับเด็ก ๆทั้งสองคนใช้เวลาช่วงเช้าวางแผนเกี่ยวกับชั้นเรียน พูดคุยถึงรายละเอียดของแผนการสอน บทเรียนและตารางการสอน การสนทนาของพวกเธอสิ้นสุดลงตอน 11 โมงเพราะชาร์ล็อตจะต้องไปรับลูกชาย“เอาล่ะ เด็บบราห์ ฉันคิดว่าตอนนี้พวกเราก็ได้รายละเอียดเกือบหมดแล้ว” ชาร์ล็อตกล่าวขณะเดินไปที่ประตู[ใช่แล้ว] เด็บบราห์เขียนตอบ นี่เป็นวิธีการที่ใช้สื่อสารที่สะดวกตามที่ตกลงกันเอาไว้“ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็นนะ ฉันจะพาคุณไปดูสถานที่ที่จะใช้ในการสอน แล้วฉันก็จะแจ้งข่าวเรื่องคลาสให้เพื่อนบ้านทราบวันนี้ด้วย” ชาร์ล็อตพูดต่อขณะเปิดประตู “ฉันขอตัวไปรับไมเคิลแล้วก็ทำอาหารกลางวันก่อนนะ”[แล้วเจอกันค่ะ] เด็บบราห์เขียนบอกลาชาร์ล็อตลงในสมุดก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้านของตัวเองเด็บบราห์รู้สึกมีความสุข เพราะตอนนี้เธอจะสามารถแบ่งปันวิธีการสื่อสารของเธอให้กับคนอื่น ๆ ได้เรียนรู้ เธอรู้สึกดีที่อุปกรณ์เครื่องเขียนที่ซื้อมา
‘ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะยุ่งสินะ’ ใบหน้าของเด็บบราห์ เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อยเมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ‘โอ๊ย…เด็บบราห์ คิดอะไรของเธอน่ะ เธอยังไม่หย่ากับกับสามีเลย แต่ไปคิดถึงคนอื่นซะแล้ว’ เธอรีบเดินเข้าบ้านก่อนจะเก็บของที่ซื้อมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตเข้าที่อย่างลนลานเมื่อเธอเกือบจะจัดของเสร็จแล้ว แคโรไลน์และคริสเตียนก็มาถึงพร้อมกับมื้อเย็นในมือพอดี [ยินดีต้อนรับจ้ะ] เด็บบราห์เปิดประตูทักทายพวกเขาก่อนจะเชิญพวกเขาเข้าไปในบ้าน“สวัสดีจ้ะ เด็บบราห์” ทั้งคู่ตอบรับแล้วเดินเข้าไปในบ้าน คริสเตียนวางถุงอาหารลงบนโต๊ะ“ดูเหมือนว่าเธอจะปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้ดีเลยนะ” แคโรไลน์หยอกล้อเมื่อเห็นมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่นมีสมุดบันทึกและโน้ตบุ๊กที่เปิดค้างเอาไว้[ก็นี่เป็นบ้านของฉันนี่นา อีกอย่าง ฉันชอบวิวจากหน้าต่างตรงนั้น ฉันก็เลยเอาไว้เป็นมุมทำงานน่ะ] เด็บบราห์ตอบ“จิตใจเข้มแข็งมากเลยครับ” คริสเตียนกล่าวชม“ที่รัก ไปล้างมือแล้วมาช่วยเราจัดโต๊ะหน่อย” แคโรไลน์บอกขณะหยิบถุงอาหารออกมาเพื่อเริ่มจัดเตรียมอาหารคริสเตียนทำตามคำสั่ง เมื่อเขากลับมา เธอก็ขอให้เขาเปิดขวดไวน์และเสิร์ฟน้ำผลไม้ พร
วันก่อน เด็บบราห์รู้สึกผ่อนคลาย ดังนั้น วันนี้เธอจึงตั้งใจทำงานเพื่อที่จะเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ให้ได้อย่างสมบูรณ์ มันจะเป็นบ้านหลังใหม่ของเธอ หลังจากทานอาหารเช้าแล้ว เธอก็คำนวณว่าจะต้องใช้เงินเก็บเท่าไหร่ในการซื้อบ้านจากเจย์เดน นอกจากนี้ เธอยังต้องการเก็บเงินส่วนหนึ่งเพื่อซื้อของขวัญตอบแทนเขาอีกด้วย การคำนวณของเธอต้องหยุดลงเมื่อเหลือบดูเวลา เธอมีนัดกับลูกค้าเพื่อปรึกษาเรื่องการยื่นภาษีสำหรับช่วงสองเดือนนี้ทางออนไลน์ เด็บบราห์ปิดสมุดโน้ตลงและเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์‘ตอนนี้ฉันมีเวลามากขึ้นแล้ว ดังนั้น ฉันจะสามารถรับลูกค้าวันละสี่คนได้อย่างสบาย ๆ’ เธอยิ้ม ก่อนหน้านี้ เธอรับลูกค้าได้สัปดาห์ละ 20 คนโดยไม่มีปัญหาหลังจากเสร็จสิ้นการนัดหมาย เธอก็เริ่มร่างรายงานเพื่อส่งให้เจ้านายเนื่องจากมีลูกค้าเพิ่มขึ้นและการออมเงินอย่างมีวินัย เธอจึงมีเงินพอสำหรับค่ารักษาพยาบาลที่กำลังจะมาถึง ค่าเสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อย ค่าเช่าบ้านและค่าจ้างทนายความของคริสเตียน เด็บบราห์รู้สึกมีความสุข เพราะในที่สุด เธอก็ได้เป็นอิสระทางการเงินเสียที ผ่านไปไม่นาน เธอก็ยืดเส้นยืดสายก่อนจะเหลียวมองดู
“ผมไม่สนใจหรอก”[อะไรนะ?]“ผมไม่สนใจว่าจะเป็นลูกแท้ ๆ ของผมไหม ขอเพียงคุณอนุญาต ผมจะเลี้ยงดูเขาให้เหมือนเป็นลูกของผมเอง เพราะผมชอบคุณจริง ๆ นะเด็บบราห์ และความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณมันมาจากข้างในจริง ๆ”[เจย์เดน แต่ฉันปล่อยให้คุณทำแบบนั้นไม่ได้]“ทำไมล่ะ?”[คือว่ามัน…ไม่… มันไม่ถูกต้อง เด็กคนนี้เป็นลูกของโรเจอร์ ไม่ใช่คุณ…]“เด็กคนนั้นเป็นลูกของคุณ ถ้าหากว่าคุณจะให้โอกาสผม ผมจะพยายามเป็นพ่อที่ดีได้แน่”[เจย์เดน…แต่ว่าฉันยัง…]“ผมรู้ คุณยังไม่หย่า แต่เร็ว ๆ นี้คุณจะต้องหย่าแน่นอน ผมจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะเอาชนะใจคุณให้ได้”[ฉันคิดว่าคุณไม่ต้องพยายามขนาดนั้นนะ] เด็บบราห์หันหน้าหนีเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อเมื่อเธอกล่าวเช่นนั้นเจย์เดนตกใจกับปฏิกิริยาของเธอและยิ้มกว้างขึ้น “ผมดีใจมากที่ได้ยินแบบนั้น”[ฉันยังไม่รู้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับคุณกันแน่ แต่ฉันก็คิดถึงคุณอยู่บ่อย ๆ นะ] เด็บบราห์ยอมรับ“ผมรู้ เอาเป็นว่าเราค่อยเป็นค่อยไปก็แล้วกัน” เขาพูดพลางจับมือเธอ “แต่มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีนะ”เด็บบราห์พยักหน้าแล้วยิ้มให้เขาหลังจากนั้น พวกเขาก็ทานอาหารกันต่อ เจย์เดนเล