Share

อดีตเป็นบทเรียน

“ข้าเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า ที่นั่นเป็นที่ผนึกร่างมารของจอมมารฉูฉางที่ปรมาจารย์กงล้งในอดีตใช้สุดยอดเคล็ดวิชาผนึกไว้จนตัวเองต้องแตกดับสลายร่างกลับสู่สรวงสวรรค์ช่างน่าค้นหาเสียจริง”

“น้องเล็กเจ้าคิดเห็นเช่นไร”ป้อก้านหันไปทางปู้ตานซิน

“ไม่ควรเข้าไปอย่างยิ่งหากประเหมาะเคราะห์ร้ายทำผนึกแตก แล้วจะต่อกรกับจอมมารได้อย่างไร”วิเคราะห์ตามแบบของปู้ตานซิน

“เป็นเพียงตำนาน ล่อลวงไม่ให้ผู้คนย่างกรายเข้าไปเสียมากกว่า แต่เดิมเหล่าจอมยุทธ์ล้วนแวะเวียบนเข้าไปทว่าบัดนี้ฝ่าบาทกลับให้องครักษ์เฝ้าระวัง สร้างเรือนอารักขาไว้ด้านหน้าเสียงร่ำลือยังบอกอีกว่า”ปอคุนกระซิบเบาสุดเบา

“ฝ่าบาทต้องการหวงแหนเคล็ดวิชานั่นเอาไว้ให้กับไท่จือเพียงผู้เดียว”

ปู้ตานซินคิดถึงใบหน้ายะโสของหลงตั๋วไท่จือที่ไม่แม้แต่จะทักทายเขาในวันที่เขากับศิษย์พี่ทั้งสองเข้าไปในวังหลวงตามคำเชิญของฮ่องเต้เพื่อให้หลงตั๋วในตอนนั้นคัดเลือกใครสักคน ในพวกเขาสามคนเป็นอาจารย์ อดีตเป็นบทเรียน หลงตั๋วไท่จือชี้มือมายังปู้ตานซินต้องการให้เขาเป็นอาจารย์

“ท่านจะต้องมาอาศัยในวังหลวงคอยสั่งสอนข้าเรื่องจะให้ข้าขึ้นเขาคงไม่อาจ ด้วยฐานะไท่จือของข้าสูงส่งยิ่ง ไม่เหมาะที่จะขึ้นเขาคารวะใคร แค่ข้ายอมเลือกท่านเป็นอาจารย์ทำให้ชื่อเสียงสำนักของพวกท่านโด่งดังก็ถือว่าทำบุญของสำนักท่านแค่ไหนแล้ว”

วาจาโอหังยิ่งนัก ปู้ตานซินจำสีหน้าของหลงตั๋วในตอนนั้นขึ้นใจ หากเขาย้อนเวลากลับไปอีกครั้งสิ่งที่เขาจะทำอีกอย่างคือ การลดความโอหังและกดหลงตั๋วผู้นี้ให้อยู่ต่ำกว่าเขาให้จงได้

แล้วปู้ตานซินก็ใช้อดีตให้เป็นประโยชน์

“ข้าไม่ไปอย่างแน่นอนศิษย์พี่ทั้งสองหากอยากจะไปที่นั่นข้าก็ไม่ขัด”ปอคุนกับปอก้าน มองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าทั้งสามล้วนอยู่ในวัยหนุ่มเลือดร้อนฮึกเหิม

“แต่เราสองคนเกรงว่าวรยุทธ์และฝีมืออาจด้อยกว่าเจ้า กว่าจะเข้าไปที่นั่นได้คงปางตาย”

“ท่านพูดเช่นนี้ตั้งใจจะให้ข้าไปกับพวกท่านใช่หรือไม่ ข่าวลือพวกนั้นล้วนไร้สาระมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องหลอกหาก เรื่องเคล็ดวิชาเป็นเรื่องหลอกลวงเล่าเราทั้งสามไม่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์หรือไร”

“ปู้ตานซิน หากเราทั้งสามเข้าไปแล้วได้เคล็ดวิชากลับมา เจ้าคิดดูว่าสำนักเกาซิ่งของเราจะเป็นที่กล่าวขานเพียงใดคงมีคนร่ำลือไปไกลเรื่องที่เราทั้งสามได้เคล็ดวิชามา แล้วคนทั้งยุทธ์ภพจะต้องอยากเข้ามาร่ำเรียนและคารวะเป็นศิษย์ของเรา”

ปอก้านเกลี่ยกล่อมในเมื่อตอนนี้เกาซิ่งมีเพียงชื่อแต่ไร้ศิษย์ แม้จะบอกว่าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เตี่ยงเลี่ยงแต่ตอนนี้พวกเขาแทบจะอดข้าวอดน้ำหาศิษย์มาร่ำเรียนวิชาก็ไม่มี ก่อตั้งสำนักไปเพียงชื่อ ไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือจากผู้คนมีเพียงฝ่าบาทที่ยังเห็นแก่ท่านปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยง

“ในบรรดาเราพี่น้องมีเจ้าที่ฝีมือดีกว่าใครหากเจ้าไม่ไปใครกันจะเหมาะสม”ป้อคุนสำทับ

ปู้ตานซินถอนหายใจ เรื่องเงินทองขัดสนยังไม่เท่าไหร่ แต่จะทำให้สำนักโด่งดัง ยากยิ่งกว่าสิ่งใด ปู้ตานซินเฝ้ามองศิษย์พี่ทั้งสองเร่ขายฝัน ไปป่าวประกาศรับศิษย์ที่ตลาด ด้วยใจคอห่อเหี่ยว แล้วยังจะไท่จือยโสคนนั้นอีก ปู้ตานซินจึงอยากจะหลุดพ้นจากตรงนี้ไปเสียการก่อตั้งสำนักไม่ยาก หากแต่ความยากอยู่ที่ทำอย่างไรให้สำนักเป็นที่จดจำและกล่าวขานของเหล่าชาวบ้านร้านตลาดและมีผู้ต้องการมาร่ำเรียนไม่ใช่ ฝันลมๆ แล้งๆ ไปวันๆ

“ตกลงข้าจะเข้าไปในถ้ำกับพวกท่าน”

แม้จะลังเล ศิษย์พี่ทั้งสอง ตื่นเต้นดีใจที่จะได้เข้าไปในถ้ำที่ผนึกฉูฉางไว้ ใครจะรู้เล่าเรื่องเล่ นั้นหากได้ถูกเอ่ยออกไปทั้งหมดไม่ จอมมารฉูฉางต้องการให้ใครสักคนเข้าไปเปิดผนึก หากใครเปิดผนึกฉูฉางได้อาจได้เคล็ดวิชาตอบแทน

…..แล้วเข้าสู่ด้านมืด

ถ้ำใหญ่หน้าถ้ำเป็นเรือนอารักขาที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สามชั่วคน เพื่อคอยเฝ้าสังเกตการณ์ผนึกของจอมมารฉูฉาง

“การอารักขาแน่นหนาเพียงนั้นเราทั้งสามคนไม่อาจเข้าไปอย่างเปิดเผยคงต้องค่อยๆ เร้นกายเข้าไป" ป้อก้านจอมแผนการอาวุโสกว่าใครในที่นี้

“ข้าเข้าไปด้านในก่อน”ปอคุนรีบเสนอตัวด้วยเป็นคนที่ค่อนข้างซื่อกว่าคนอื่น หลงตั๋วเดินเข้ามาที่เรือนอารักขาพอดี

“ท่านสองคนเร้นกายเข้าไปข้าเบี่ยงเบนความสนใจจากเหล่าองครักษ์นั่น ไท่จือเดินมานู่นแล้ว” ปู้ตานซินขยับเสื้อคลุมเดินออกไปทันที

“อาจารย์”หลงตั๋ว เอ่ยปากทัก เหล่าองครักษ์ต่าง จ้องมองมาที่ปู้ตานซินละเลยที่จะมองไปยังปากถ้ำเสีย ก็แน่นอนอยู่แล้ว เขาสูงส่งบริสุทธิ์อีกทั้งยังมีใบหน้าหล่อเหลาไม่ว่าจะคนหรือเทพจะต้องหันมอง ศิษย์พี่ทั้งสองรีบเร้นกายหายไป

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status