“ข้าเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า ที่นั่นเป็นที่ผนึกร่างมารของจอมมารฉูฉางที่ปรมาจารย์กงล้งในอดีตใช้สุดยอดเคล็ดวิชาผนึกไว้จนตัวเองต้องแตกดับสลายร่างกลับสู่สรวงสวรรค์ช่างน่าค้นหาเสียจริง”
“น้องเล็กเจ้าคิดเห็นเช่นไร”ป้อก้านหันไปทางปู้ตานซิน
“ไม่ควรเข้าไปอย่างยิ่งหากประเหมาะเคราะห์ร้ายทำผนึกแตก แล้วจะต่อกรกับจอมมารได้อย่างไร”วิเคราะห์ตามแบบของปู้ตานซิน
“เป็นเพียงตำนาน ล่อลวงไม่ให้ผู้คนย่างกรายเข้าไปเสียมากกว่า แต่เดิมเหล่าจอมยุทธ์ล้วนแวะเวียบนเข้าไปทว่าบัดนี้ฝ่าบาทกลับให้องครักษ์เฝ้าระวัง สร้างเรือนอารักขาไว้ด้านหน้าเสียงร่ำลือยังบอกอีกว่า”ปอคุนกระซิบเบาสุดเบา
“ฝ่าบาทต้องการหวงแหนเคล็ดวิชานั่นเอาไว้ให้กับไท่จือเพียงผู้เดียว”
ปู้ตานซินคิดถึงใบหน้ายะโสของหลงตั๋วไท่จือที่ไม่แม้แต่จะทักทายเขาในวันที่เขากับศิษย์พี่ทั้งสองเข้าไปในวังหลวงตามคำเชิญของฮ่องเต้เพื่อให้หลงตั๋วในตอนนั้นคัดเลือกใครสักคน ในพวกเขาสามคนเป็นอาจารย์ อดีตเป็นบทเรียน หลงตั๋วไท่จือชี้มือมายังปู้ตานซินต้องการให้เขาเป็นอาจารย์
“ท่านจะต้องมาอาศัยในวังหลวงคอยสั่งสอนข้าเรื่องจะให้ข้าขึ้นเขาคงไม่อาจ ด้วยฐานะไท่จือของข้าสูงส่งยิ่ง ไม่เหมาะที่จะขึ้นเขาคารวะใคร แค่ข้ายอมเลือกท่านเป็นอาจารย์ทำให้ชื่อเสียงสำนักของพวกท่านโด่งดังก็ถือว่าทำบุญของสำนักท่านแค่ไหนแล้ว”
วาจาโอหังยิ่งนัก ปู้ตานซินจำสีหน้าของหลงตั๋วในตอนนั้นขึ้นใจ หากเขาย้อนเวลากลับไปอีกครั้งสิ่งที่เขาจะทำอีกอย่างคือ การลดความโอหังและกดหลงตั๋วผู้นี้ให้อยู่ต่ำกว่าเขาให้จงได้
แล้วปู้ตานซินก็ใช้อดีตให้เป็นประโยชน์
“ข้าไม่ไปอย่างแน่นอนศิษย์พี่ทั้งสองหากอยากจะไปที่นั่นข้าก็ไม่ขัด”ปอคุนกับปอก้าน มองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้าทั้งสามล้วนอยู่ในวัยหนุ่มเลือดร้อนฮึกเหิม
“แต่เราสองคนเกรงว่าวรยุทธ์และฝีมืออาจด้อยกว่าเจ้า กว่าจะเข้าไปที่นั่นได้คงปางตาย”
“ท่านพูดเช่นนี้ตั้งใจจะให้ข้าไปกับพวกท่านใช่หรือไม่ ข่าวลือพวกนั้นล้วนไร้สาระมีทั้งเรื่องจริงและเรื่องหลอกหาก เรื่องเคล็ดวิชาเป็นเรื่องหลอกลวงเล่าเราทั้งสามไม่เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์หรือไร”
“ปู้ตานซิน หากเราทั้งสามเข้าไปแล้วได้เคล็ดวิชากลับมา เจ้าคิดดูว่าสำนักเกาซิ่งของเราจะเป็นที่กล่าวขานเพียงใดคงมีคนร่ำลือไปไกลเรื่องที่เราทั้งสามได้เคล็ดวิชามา แล้วคนทั้งยุทธ์ภพจะต้องอยากเข้ามาร่ำเรียนและคารวะเป็นศิษย์ของเรา”
ปอก้านเกลี่ยกล่อมในเมื่อตอนนี้เกาซิ่งมีเพียงชื่อแต่ไร้ศิษย์ แม้จะบอกว่าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เตี่ยงเลี่ยงแต่ตอนนี้พวกเขาแทบจะอดข้าวอดน้ำหาศิษย์มาร่ำเรียนวิชาก็ไม่มี ก่อตั้งสำนักไปเพียงชื่อ ไร้ซึ่งความน่าเชื่อถือจากผู้คนมีเพียงฝ่าบาทที่ยังเห็นแก่ท่านปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยง
“ในบรรดาเราพี่น้องมีเจ้าที่ฝีมือดีกว่าใครหากเจ้าไม่ไปใครกันจะเหมาะสม”ป้อคุนสำทับ
ปู้ตานซินถอนหายใจ เรื่องเงินทองขัดสนยังไม่เท่าไหร่ แต่จะทำให้สำนักโด่งดัง ยากยิ่งกว่าสิ่งใด ปู้ตานซินเฝ้ามองศิษย์พี่ทั้งสองเร่ขายฝัน ไปป่าวประกาศรับศิษย์ที่ตลาด ด้วยใจคอห่อเหี่ยว แล้วยังจะไท่จือยโสคนนั้นอีก ปู้ตานซินจึงอยากจะหลุดพ้นจากตรงนี้ไปเสียการก่อตั้งสำนักไม่ยาก หากแต่ความยากอยู่ที่ทำอย่างไรให้สำนักเป็นที่จดจำและกล่าวขานของเหล่าชาวบ้านร้านตลาดและมีผู้ต้องการมาร่ำเรียนไม่ใช่ ฝันลมๆ แล้งๆ ไปวันๆ
“ตกลงข้าจะเข้าไปในถ้ำกับพวกท่าน”
แม้จะลังเล ศิษย์พี่ทั้งสอง ตื่นเต้นดีใจที่จะได้เข้าไปในถ้ำที่ผนึกฉูฉางไว้ ใครจะรู้เล่าเรื่องเล่ นั้นหากได้ถูกเอ่ยออกไปทั้งหมดไม่ จอมมารฉูฉางต้องการให้ใครสักคนเข้าไปเปิดผนึก หากใครเปิดผนึกฉูฉางได้อาจได้เคล็ดวิชาตอบแทน
…..แล้วเข้าสู่ด้านมืด
ถ้ำใหญ่หน้าถ้ำเป็นเรือนอารักขาที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สามชั่วคน เพื่อคอยเฝ้าสังเกตการณ์ผนึกของจอมมารฉูฉาง
“การอารักขาแน่นหนาเพียงนั้นเราทั้งสามคนไม่อาจเข้าไปอย่างเปิดเผยคงต้องค่อยๆ เร้นกายเข้าไป" ป้อก้านจอมแผนการอาวุโสกว่าใครในที่นี้
“ข้าเข้าไปด้านในก่อน”ปอคุนรีบเสนอตัวด้วยเป็นคนที่ค่อนข้างซื่อกว่าคนอื่น หลงตั๋วเดินเข้ามาที่เรือนอารักขาพอดี
“ท่านสองคนเร้นกายเข้าไปข้าเบี่ยงเบนความสนใจจากเหล่าองครักษ์นั่น ไท่จือเดินมานู่นแล้ว” ปู้ตานซินขยับเสื้อคลุมเดินออกไปทันที
“อาจารย์”หลงตั๋ว เอ่ยปากทัก เหล่าองครักษ์ต่าง จ้องมองมาที่ปู้ตานซินละเลยที่จะมองไปยังปากถ้ำเสีย ก็แน่นอนอยู่แล้ว เขาสูงส่งบริสุทธิ์อีกทั้งยังมีใบหน้าหล่อเหลาไม่ว่าจะคนหรือเทพจะต้องหันมอง ศิษย์พี่ทั้งสองรีบเร้นกายหายไป
“เกรงใจแล้ว ไท่จือไม่จำเป็นจะต้องเรียกข้าว่าอาจารย์ก็ได้ ในเมื่อไท่จือสูงส่งเพียงนี้”“ที่ข้าเลือกอาจารย์ให้เป็นอาจารย์ของข้าด้วยท่าทีของท่านช่างต้องตาข้า ท่านท่าทีองอาจเกินใครอีกทั้งมีบางอย่างที่ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าท่านมีสิ่งใดซ่อนอยู่ภายในต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน”ทำสีหน้าเรียบเฉย เขานะหรือ มีสุดยอดเคล็ดวิชาของอาจารย์อย่างไรเล่า โดยที่ศิษย์พี่ทั้งสองของเขาไม่มี“วันนี้ข้ายังไม่อยากจะร่ำเรียนสิ่งใด ความจริงบอกไว้ก่อนที่ข้ายอมเลือกอาจารย์เพราะว่าไม่อยากให้เสด็จพ่อที่คอยเร่งเร้าให้ข้าเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ข้า ยังรักการเที่ยวเล่น เป็นไท่จือจะต้องทำเรื่องอื่นทำไมกันรอให้นั่งบัลลังก์ก็ต้องทำเพื่อคนอื่น ตอนนี้ขอทำเพื่อตัวเอง ข้ามานี่เพื่อเข้าไปในถ้ำอาจารย์มาก็ดีแล้วข้าอยากรู้ว่าในถ้ำที่หลายชั่วคนต้องลงทุน สร้างเรือนอารักขาไว้ คอยเฝ้าเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่ แล้วยังเรื่องเล่าที่บอกว่าเก็บเคล็ดวิชาไว้เพื่อไท่จือ ข้าก็เป็นไท่จือจึงเหมาะที่จะได้เคล็ดวิชานั้นไปไม่จำเป็นต้องฝึกฝนให้เหนื่อยหนัก” ปู้ตานซินเหลือบตามองหลงตั๋ว ช่างใจตรงกันกับศิษย์พี่ทั้งสองของเขา วันอื่นมากมายไม่เข้ามาวันนี้หลงตั๋วมีสิ่ง
ปู้ตานซินกลับออกมาจากถ้ำ ที่ผนึกฉูฉางไว้“ศิษย์น้องเจ้าเป็นอย่างไรบ้างข้ากับป้อคุนหลงไปอีกฝั่งของถ้ำไม่สามารถหาทางกลับไปได้”“ไม่เป็นไรข้าแค่ตกใจกับสิ่งที่พบ จอมมารฉูฉางน่ากลัว อีกทั้งมีลมปราณที่แข็งแกร่งข้าอยู่ใกล้แล้วรู้สึกไม่ค่อยดี”“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว ไว้คราวหลังเราทั้งหมดค่อยให้เจ้านำไปที่นั่นอีกครั้ง”“เรื่องเล่าเหล่านั้นหามีความจริงไม่ ศิษย์พี่ทั้งสองเลิกล้มความตั้งใจเสียเถิด มีเพียงการมุ่งมั่นในการคัดสรรศิษย์และสั่งสอนพวกเขาให้ดี เรื่องเล่าของสำนักเราคงโด่งดังเช่นกัน และย่อมจะมีคนอยากมาคารวะเป็นศิษย์”“อืมเจ้าพูดมีเหตุผลว่าแต่เราจะรับใครเป็นศิษย์ในเมื่อสำนักเราเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน”“ตอนนี้ ปีศาจกินคนพรายน้ำกำลังอาละวาดจับผู้คนไปเมืองบาดาล ข้าเห็นว่าเราควรปราบปีศาจตนนั้นเสีย แล้วชาวบ้านจึงซาบซึ้งบุญคุณล้วนกล่าวขานชื่นชม เมื่อนั้นจึงจะสร้างชื่อเสียง”“ความคิดของเจ้าไม่เลว ไม่มีใครคิดได้เช่นเจ้าใครก็ล้วนไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยงแต่สำนักเกาซิ่งของเรา หวังสร้างชื่อเสียง เราทั้งสามคงต้องทำเหมือนที่เจ้าบอก”ในครั้งนั้น ปู้ตานซินปล่อยให้ปีศาจพรายน้ำอาละวาดจับชาวบ้านเป็นอาหารถึงส
“อาจารย์ หยางหว่านอย่างเรียนเคล็ดวิชานั้นกับอาจารย์”เขาแสยะยิ้มพลิกร่างบางลงใต้ร่างเขาเสพสมจนพอใจ แลกกับเคล็ดวิชา แต่เรื่องนี้ หยางหว่านหารู้ไม่ว่าเขามิได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้จนเสร็จสมบูรณ์เพียงแค่ผิวเผิน เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นแลกกับร่างกายของนางให้เขาเสพสมจนอิ่มหนำหากจะได้ทั้งหมดจะต้องแลกด้วยความภักดี เสียงครางนามของจี้โม่ยังติดอยู่ในใจ เรื่องใดกันในเมื่อนางไม่จริงใจเหตุใดเขาต้องจริงใจตอบปู้ตานซินหลับตาลงช้าๆ สลายร่างคงพลังทิพย์ ด้านมืดสลายหายไปเขากลับเป็นปู้ตานซินคนเดิมก่อนที่จะเข้าไปในถ้ำที่ผนึกฉูฉาง หากว่าต้องเข้าไปที่นั่นอีกครั้งเขาจะต้องจัดการเช่นไรตอนนี้ยังคิดไม่ออก ในตอนนั้นเขาถึงกับฆ่าศิษย์พี่ทั้งสอง ฆ่าทุกคนไร้ซึ่งเมตตา และทำทุกอย่างให้ได้ครอบครองยุทธภพและหยางหว่าน แต่ครั้งนี้เขากลับมาแก้ไข แต่จอมมารฉูฉางยังอยู่ที่นั่น แม้เขาจะหาทางเลี่ยงแต่ผนึกก็ปริแตก ปู้ตานซินคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดีในตอนนั้นปู้ตานซิน อ่อนหัดยิ่งนักแม้จะผ่านเรื่องราวมา อีกครั้งก็ยังคิดว่าตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งเพียงนั้น แค่เพียงสร้างเกราะขึ้นมาก็เท่านั้น ตอนนั้นเขาไม่ลังเลที่จะฆ่าปีศาจพรายน้ำให้ตายลงต่อ
“สำนักของข้า อาจดูคับแคบแต่หวังว่าศิษย์น้องจะไม่ถือสา”ยิ้มบางๆ ก้าวเท้าเดิน เข้าไปในห้องพักนั่งลงเดินลมปราณ เพื่อทดสอบกำลังของตัวเอง ตั้งใจถอดวิญญาณ ไปยังถ้ำที่ผนึกจอมมารฉูฉางเพื่อตรวจดูว่าผนึกที่ปริแตกเสียหายมากน้อยแค่ไหน“อาจารย์”หยางหว่านเดินหอบหมอนเข้ามาข้างใน“เจ้าไม่นอนกับมารดาหรือไร ไหนบ่นว่าคิดถึงพ่อกับแม่”อดที่จะทอดเสียอ่อนโยนเสียไม่ได้ ในเมื่อภาพความทรงจำเก่าๆ ที่หยางหว่านเสแสร้งเป็นว่า รักและภักดีกับเขา ยังวนเวียนในหัว“หยางหว่านอนไม่หลับ ต้องให้ใครสักคนตบตูด”“แม่ของเจ้าเล่า”“อาจเป็นเพราะห่างบ้านไปเสียนาน อาจารย์หยางหว่านคุ้นชินกับการนอนกับท่านเสียมากกว่า”ปู้ตานซินถอนหายใจยาวนางเสแสร้งหรือไม่ในเมื่อเพิ่งจะสี่ขวบแล้วเขาจะเชื่อคำพูดนางได้มากน้อยแค่ไหนในเมื่อที่ผ่านมาเขาไม่อาจแยกแยะว่าจริงหรือหลอก“กลับไปนอนกับแม่ของเจ้าเสียหยางหว่านอาจารย์มีเรื่องจะต้องทำในคืนนี้ ไม่ว่างมาทำเรื่อง แบบนั้นเพื่อเจ้า”“แง…..ฮืออออออออาจารย์ใจร้ายอาจารย์ใจร้ายที่สุดดดด”หยางหว่านวิ่งออกจากห้องไป ปู้ตานซินถอนหายใจเรื่องราวก่อนนั้น“อาจารย์ ข้านอนไม่หลับ”ปู้ตานซินลุกขึ้นจากแท่นนอน ตบมือลงบนแท่น
“ศิษย์ลงเขาไปครั้งนี้แม้ไม่อันตรายเท่าไหร่ ทว่าบนเขายังมีเรื่องให้ต้องห่วง”ไม่ต้องเอ่ยปากปู้ตานซินก็เข้าใจว่าจี้โม่ห่วงใยหยางหว่านกลัวว่านางจะคิดถึงเขา เหอะ ไม่มีทางข้าจะทำให้นางลืมเลือน ม้าไม้ไผ่เช่นเจ้าไปเสีย“บนเขาปลอดภัยยิ่งมีสิ่งใดให้ห่วงใย”แสร้งทำเป็นไขสือ“ข้าห่วงยิ่งคืออาจารย์ ที่จะขาดคนคอยปรนนิบัติ อีกทั้งคนอื่นอาจไม่ถูกใจทันใจเช่นจี้โม่ ครั้งนี้หวังว่าศิษย์พี่จะรับปากปรนนิบัติอาจารย์แทนข้า ข้าจึงวางใจลงไปทำหน้าที่แทนศิษย์ทั้งหลายของสำนักเกาซิ่ง อย่างดีที่สุด”ปู้ตานซินอยากจะใช้เคล็ดวิชาอ่านใจ ก่อนจะยิ้ม ห่วงข้าเจ้าแน่ใจหรือว่าห่วงข้ามิได้ห่วงหยางหว่าน“ศิษย์น้องจี้โม่เจ้าไม่ต้องห่วงอาจารย์ ศิษย์พี่ต้าฉินจะปรนนิบัติอาจารย์แทนเจ้าลงเขาไปด้วยความวางใจเจ้าทำเพื่อสำนักของเรา ล้วนเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง”ปู้ตานซินลืมตาขึ้นช้าๆ“หยางหว่านข้าดูแลนางแทนเจ้าไม่ต้องห่วง นางเป็นศิษย์พี่ของเจ้า นางก็เป็นศิษย์ของข้าเช่นกัน”พูดในสิ่งที่อ่านใจได้มา จี้โม่ซ่อนยิ้มบางๆ เมื่ออาจารย์ล่วงรู้สิ่งที่เก็บงำในใจ“ข้าห่วงนางเพียงส่วนหนึ่งในเมื่อข้ากับนาง ขึ้นเขาพร้อมกัน ตอนนี้วรยุทธ์ของเราสองก็ก้าวหน้า
“เดิมเป็นปรมาจารย์กงล้งที่ผนึกจอมารฉูฉางไว้จนตัวเองสละร่างพาวิญญาณล่องลอยสู่สรวงสวรรค์ กระนั้นก็ยังประกาศว่าจะกลับมาในรอบสีพันปีเพื่อผนึกจอมมารฉูฉางเมื่อถึงเวลาอีกครั้ง”“อาจารย์แล้วทำไมเราไม่ค้นหาร่างอวตารของท่านปรมาจารย์กงล้ง”รีบหลบตาทันที ความลับนี้มีเพียงเขาและท่านปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงที่รู้ผู้อื่นไม่มีใครสืบรู้เรื่องนี้ด้วย อาจารย์ของเขาปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงเป็นผู้ที่มีเคล็ดวิชาท่องกาลเวลาจึงสืบรู้ได้ว่าใครกันที่เป็นร่างอวตารของปรมาจารย์กงล้งเขาจึงได้รับเคล็ดวิชามาจากอาจารย์ทั้งหมดหาใช่เรื่องบังเอิญที่เหล่าจอมยุทธ์หรือศิษย์พี่ของเขาพูดกันไม่ อาจารย์ต้องการมอบเคล็ดวิชาให้เขาเพื่อจะได้ ผนึกจอมมารฉูฉางไว้อีกครั้ง นั่นเอง“อาจารย์ข้านึกออกแล้ว หวังต้าฉินอาสาสืบเสาะหาร่างอวตารของปรมาจารย์กงล้งดีไหม”“เดี๋ยว”ยกมือห้ามทันควัน“อาจารย์ อย่าห้ามศิษย์เลยถ้าปล่อยให้จอมมารฉูฉาง ทำลายผนึกออกมาได้ย่อมไม่เป็นเรื่องดี” เขาตอนนี้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ฝึกลมปราณในทุกวัน หาวิธีสร้างผนึกที่แข็งแกร่ง นับว่าเขาประสบความสำเร็จไม่น้อย เดิมเขาสังหารปีศาจพรายน้ำ แต่ตอนนี้อดีตที่ผ่านมาทำให้เขาคิดค้นวิธีสร้างผ
ยกถ้วยซุบขึ้นซดอีกครั้ง“อาจารย์” เอื้อมมือยื้อถ้วยน้ำแกงไว้ มองสบตาดวงตาใส น่าเอ็นดูยิ่งนักปู้ตานซินปล่อยมือ หยางหว่านดึงมันออกมา บรรจงเป่าเบาๆ ไปที่นำซุบที่มีไอร้อนลอยอ้อยอิ่ง“มันร้อนไปนี่เอง หยางหว่านไม่ทันระวังทำเอาอาจารย์สำลัก ให้หยางหว่านเปาให้มันอุ่น อาจารย์จะได้กินได้สะดวกหน่อย”ปู้ตานซินถอนหายใจ“อาจารย์จะต้องกินบ่อยๆ หยางหว่านจะต้องมาให้อาจารย์กินทุกวัน ฮ่วยซัวช่วยบำรุงกำลังดีไม่น้อย อาจารย์จะได้แข็งแรง มีแรง…..สอนศิษย์ต่อไป”เสียวท้องน้อยวาบ เด็กสาวอายุสิบสี่ ใบหน้าผุดผาดแก้มสีชมพูสดใส ริมฝีปากอวบอิ่ม แล้วยังทรวดทรงองค์เอวที่กำลังมองเห็นเด่นชัด ปู้ตานซินกลืนน้ำลายลงคอ จะใช้เคล็ดวิชาอ่านใจ ก็กลัวคำตอบที่ได้จะทำให้เจ็บปวดใจ หากนางแค่เพียงห่วงใยเขาเพราะเขาเป็นอาจารย์ หยางหว่านครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมาทั้งๆ ที่เขาเห็นได้ชัดว่า นางตัวติดกันกับจี้โม่“ไม่ต้องลำบาก”กัดฟันพูดความจริงอยากให้หยางหว่านแวะเวียนมาทุกวันแต่...อีกใจกลับกลัวว่านางจะมาไม้ไหน เขาจะรับมือหยางหว่านได้หรือในเมื่อใจเขาทั้งใจมีนางอยู่ในนั้นแล้ว“อาจารย์หยางหว่านเต็มใจ ได้ทำอะไรเพื่ออาจารย์บ้างเพราะอาจารย์เป็นเห
จี้โม่ ในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา รูปร่างสูงโปร่งในแบบจอมยุทธ์เจ้าสำอางจะว่าไปบุคลิกบางส่วนล้วนถอดแบบมาจากปู้ตานซิน ก็เขาเห็นอาจารย์วางตัวเช่นนี้มาแต่อ้อนแต่ออก แล้วมันก็ช่างงดงามสมกับเป็นปรมาจารย์หนุ่ม สิ่งที่เขาใฝ่ฝันอันดับสองคือการองอาจเช่นเดียวกับอาจารย์วางท่าได้เช่นเดียวกับอาจารย์ (อันดับหนึ่งคือการได้เป็นเจ้าสำนักต่อจากอาจารย์ แต่คงจะแห้วก็กว่าปู้ตานซินจะแก่จะตาย ตอนนี้เพิ่งจะยี่สิบห้าปีอีกกี่ปีกว่าจะยกสำนักให้เขา)“จอมยุทธ์ท่านนี้”สายตานับสิบคู่ของเหล่าจอมยุทธ์จากสำนักต่างๆ ที่แวะเวียนกันเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของจอมมารฉูฉาง ณ.เรือนอารักขาร่วมกับเหล่าองครักษ์จากวังหลวง จ้องมองมายังจี้โม่ที่กอดกระบี่ไว้กับอกด้วยท่าที มาดมั่นเหลือเกิน“ข้าน้อยจี้โม่ ศิษย์คนที่325ของสำนักเกาซิ่ง”“อือหือ ศิษย์ของปรมาจารย์ปู้ตานซิน ไม่น่าเชื่อว่าคนที่นิ่งเฉยเช่นท่านปรมาจารย์จะส่งศิษย์ของเขาลงมา เฝ้าสังเกตการณ์ด้วย”“อาจารย์และสำนักเกาซิ่งของเรา ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่ที่ผ่านมาล้วนคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่จะลงเขามาเพื่อเฝ้าระวัง”“นับว่าท่านปรมาจารย์ ช่างรอบคอบเสียจริง มิน่าที่ผ่านมานิ่งเฉยเพี่อที่จะส่งศิษย์เอกมาใ