“พวกเจ้าต้องเห็นตอนที่ท่านปรมาจารย์สะบัดฝ่ามือเปิดทางน้ำให้พวกข้าเดินลงไปในเมืองบาดาล จะบอกให้ตั้งแต่ข้าเกิดมา ไม่เคยเห็นว่ามีปรมาจารย์ท่านใดทำเรื่องเช่นนี้ได้มาก่อน”ดวงตาทุกคู่ในที่นั้นล้วนแสดงถึงความตื่นเต้น
“เสียดายที่พวกข้าไม่ได้รับบัญชาให้ตามไป นับเป็นบุญตาขององครักษ์เกราะเงินและเกราะทอง และแปดกองธงคราวหลังองครักษ์เสื้อแพรคงต้องขันอาสาตามติดท่านปรมาจารย์ ไปให้ได้”
“ยังไม่หมดเท่านั้น ตอนที่ท่านปรมาจารย์พลิกฝ่ามือผนึกเจ้าปีศาจพรายน้ำจนกลายเป็นหินพวกข้าแทบไม่กะพริบตาเลยทีเดียว ท่วงท่างดงาม ราวกับเทพลงมาจุติเป็นโชคดีของไท่จือที่ได้เป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์ปู้ตานซิน”
“ท่านปรมาจารย์ น่าสรรเสริญเสียจริง ข้าพูดแล้วอยากมีลูกขึ้นมาจะส่งไปฝึกวิชากับ ท่านปรมาจารย์เสียเลย”
“ว่ากันว่าขึ้นเขาต้องผ่านค่ายกลที่ท่านปรมาจารย์สร้างขึ้นเอง บางคนใช้เวลาหลายปีกว่าจะผ่านได้ วนมาเวียนไปหลายปีกว่าจะขึ้นเขาไปคารวะเป็นศิษย์ แต่ได้ยินมาว่าไท่จือ เพียงแค่แอบขึ้นไปเดือนจิ่วเยว่ที่ค่ายกลอ่อนแอ”
“อย่าได้พูดไป ปกติท่านปรมาจารย์ไม่รับศิษย์เดือนจิ่วเยว่ถึงขึ้นไปได้ก็ไม่รับ แต่นี่เพียงแค่ อาศัยรับศิษย์ที่เป็นหลานลูกของศิษย์พี่ทั้งสอง ท่านปรมาจารย์จึงต้องจำใจรับไท่จือกันข้อครหา”
“หามีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ”
“อย่าพูดไป เพราะเป็นไท่จือ จึงสามารถต่อรองกับท่านปรมาจารย์ได้”
หลงตั๋ว ได้ยินชัดถ้อยชัดคำความรู้สึกภาคภูมิหดหายไปในทันที
ท้องพระโรง
“ท่านปรมาจารย์ ทำคุณให้แคว้นของเราราษฎรต่างแซ่ซ้องสรรเสริญว่าข้าใส่ใจทุกข์สุข อีกทั้งไท่จือไม่เสียแรงที่เป็นศิษย์ของท่านปรมาจารย์ชักนำให้อาจารย์มา ช่วยปลดทุกข์ให้กับชาวบ้านได้ทำให้ ชาวบ้านล้วนสรรเสริญท่านปรมาจารย์และขอบคุณไท่จือไปพร้อมกัน ครั้งนี้ข้าจึงต้องขอบคุณท่านปรมาจารย์ยิ่งนัก”
“ฝ่าบาท เรื่องราวทุกข์เข็ญของชาวบ้านแม้เพียงน้อยนิดก็แต่ก็นับว่าเกิดเสียงสะท้อนเหมือนการตะโกนก้องในหุบเหว หากฝ่าบาทปล่อยให้มันสะท้อนไปยิ่งดังไปไกลขึ้น เพียงแค่ทำให้ต้นเสียงนั้นหายไปเสีย เดิมข้าไม่คิดว่าจะต้องลงเขามาเพื่อการนี้ แต่ด้วยไท่จือหลายเดือนไม่เคยย่างกรายวังหลวง ข้าจึงอาศัยจังหวะนี้”ออกตัวไม่ยอมรับสมอ้าง นิสัยอย่างหนึ่งของปู้ตานซินที่ผู้คนไม่เคยล่วงรู้
“ข้าคราวหลังจึงต้องใสใจกว่านี้ครั้งนี้นับว่าประจวบเหมาะยิ่งนัก ”ปู้ตานซินยิ้มมุมปาก อดีตที่ผ่านมาล้วนเป็นบทเรียน แม้จะทำดีกว่าก่อนเก่าแต่ก็ยังเกรงว่าจะไม่ดีพอ
เสียงฟ้าคำราม ลั่นคลื่นๆ อยู่ๆฟ้าก็มืดสลัวลงทันทีชาวบ้านและเหล่าสนมนางในต่างวิ่ง หลบด้วยความตื่นกลัว
“ฝ่าบาท ผนึกที่สุดยอดปรมาจารย์กงล้งผนึกจอมมารไว้สี่พันปีบัดนี้ บัดนี้ปริแตกสร้างความผิดปกติไปทั่วแคว้น”ราชครูประสานมือตรงหน้า
“จอมมารฉูฉางถูกผนึกไว้เนิ่นนาน ส่งต่อให้มีการเฝ้าดูผนึกไม่ให้ปริแตกรุ่นต่อรุ่นสั่งเสียว่าจะต้องกรทำทุกรุ่นทุกคน ไม่น่าเชื่อว่า จะมาปริแตกเอาในยุคที่ข้านั่งบัลลังก์” ฮ่องเต้มีสีหน้าตื่นตระหนกไม่น้อย
ปู้ตานซิน ขมวดคิ้วแม้จะเคยได้ยินมาบ้างแต่ทว่าไม่คิดว่าจอมมารฉูฉางที่ปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงพูดถึงบ่อยๆ ว่าจะสามารถทำลายผนึกออกมาได้ในรอบสีพันปีที่ผนึกจากสุดยอดปรมาจารย์..กงล้ง..จะเสื่อมลง
“ข้าเคยได้ยินอาจารย์พูดถึงเช่นกัน”
“หายนะกำลังจะบังเกิด หากไม่สามารถผนึกจอมมารได้อีกครั้ง เรื่องเล่าที่เคยได้ยิน ใครก็ตามที่เข้าใกล้จอมมารจะถูกกลืนเข้าสู่ด้านมืด และกลายเป็นสาวกของจอมมารทันทีสาวกของจอมมารยังกินมนุษย์เป็นอาหาร เพราะหากไม่กินเนื้อมนุษย์ร่างกายจะซูบผอมเลือดเนื้อเหือดแห้งเพราะถูกจอมมารดูดพลังลมปราณไปจนสิ้น ท่านปรมาจารย์ต้องอาศัยท่านช่วยระดม สำนักต่างๆ หารือเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน”
ปู้ตานซินถอนหายใจ เป็นครั้งแรกที่เขาถอนหายใจด้วยความหนักใจจริงๆ ยุทธภพและผู้คนในยุทธภพแม้มองภายนอกเหมือนสามัคคีกลมเกลียวแต่ภายในจริงๆ แล้วแกร่งแย่งชิงดีชิงเด่นยิ่งกว่าในวังหลวง
“ข้ายังไม่อาจรับปาก”
อดีตนั้น
“เรื่องเล่าขาน น่าทึ่งว่าในถ้ำแห่งนั้นมี สุดยอดเคล็ดวิชา เมื่อใครเข้าไปภายใน หากเป็นผู้ที่สวรรค์เลือกสรรจะได้รับมอบเคล็ดวิชา นั้นกลับคืนมา”
ปู้ตานซินขมวดคิ้วเมื่อได้ยินศิษย์พี่ทั้งสองพูดกันเมื่อคราวที่ทั้งสามคนก่อตั้งสำนักเกาซิ่งร่วมกัน
“เจ้าจะเข้าไปที่นั่นหรือ”ป้อก้าน ถามป้อคุน
“ปู้ตานซินเจ้าเล่าไม่อยากเข้าไปบ้างหรือไร”
สีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงอารมณ์หรือท่าทีว่าเห็นด้วยหรือคัดค้าน แต่ภายในใจนั่นเล่าเคล็ดวิชาในเมื่อได้มาจากอาจารย์ก็นับว่าสุดยอดแล้ว แต่หากได้สุดยอดเคล็ดวิชามาเพิ่มยิ่งต้องไร้เทียมทาน แต่ต้องคอยดูก่อนว่าเรื่องเล่านั้นจะจริงเท็ํจเพียงใดปู้ตานซินมิใช่ผู้ที่หลงเชื่อข่าวลือง่ายดายเพียงนั้น
“ข้าเคยได้ยินอาจารย์พูดว่า ที่นั่นเป็นที่ผนึกร่างมารของจอมมารฉูฉางที่ปรมาจารย์กงล้งในอดีตใช้สุดยอดเคล็ดวิชาผนึกไว้จนตัวเองต้องแตกดับสลายร่างกลับสู่สรวงสวรรค์ช่างน่าค้นหาเสียจริง”“น้องเล็กเจ้าคิดเห็นเช่นไร”ป้อก้านหันไปทางปู้ตานซิน“ไม่ควรเข้าไปอย่างยิ่งหากประเหมาะเคราะห์ร้ายทำผนึกแตก แล้วจะต่อกรกับจอมมารได้อย่างไร”วิเคราะห์ตามแบบของปู้ตานซิน“เป็นเพียงตำนาน ล่อลวงไม่ให้ผู้คนย่างกรายเข้าไปเสียมากกว่า แต่เดิมเหล่าจอมยุทธ์ล้วนแวะเวียบนเข้าไปทว่าบัดนี้ฝ่าบาทกลับให้องครักษ์เฝ้าระวัง สร้างเรือนอารักขาไว้ด้านหน้าเสียงร่ำลือยังบอกอีกว่า”ปอคุนกระซิบเบาสุดเบา“ฝ่าบาทต้องการหวงแหนเคล็ดวิชานั่นเอาไว้ให้กับไท่จือเพียงผู้เดียว”ปู้ตานซินคิดถึงใบหน้ายะโสของหลงตั๋วไท่จือที่ไม่แม้แต่จะทักทายเขาในวันที่เขากับศิษย์พี่ทั้งสองเข้าไปในวังหลวงตามคำเชิญของฮ่องเต้เพื่อให้หลงตั๋วในตอนนั้นคัดเลือกใครสักคน ในพวกเขาสามคนเป็นอาจารย์ อดีตเป็นบทเรียน หลงตั๋วไท่จือชี้มือมายังปู้ตานซินต้องการให้เขาเป็นอาจารย์“ท่านจะต้องมาอาศัยในวังหลวงคอยสั่งสอนข้าเรื่องจะให้ข้าขึ้นเขาคงไม่อาจ ด้วยฐานะไท่จือของข้าสูงส่งยิ่ง ไม่เหมาะท
“เกรงใจแล้ว ไท่จือไม่จำเป็นจะต้องเรียกข้าว่าอาจารย์ก็ได้ ในเมื่อไท่จือสูงส่งเพียงนี้”“ที่ข้าเลือกอาจารย์ให้เป็นอาจารย์ของข้าด้วยท่าทีของท่านช่างต้องตาข้า ท่านท่าทีองอาจเกินใครอีกทั้งมีบางอย่างที่ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าท่านมีสิ่งใดซ่อนอยู่ภายในต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน”ทำสีหน้าเรียบเฉย เขานะหรือ มีสุดยอดเคล็ดวิชาของอาจารย์อย่างไรเล่า โดยที่ศิษย์พี่ทั้งสองของเขาไม่มี“วันนี้ข้ายังไม่อยากจะร่ำเรียนสิ่งใด ความจริงบอกไว้ก่อนที่ข้ายอมเลือกอาจารย์เพราะว่าไม่อยากให้เสด็จพ่อที่คอยเร่งเร้าให้ข้าเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ข้า ยังรักการเที่ยวเล่น เป็นไท่จือจะต้องทำเรื่องอื่นทำไมกันรอให้นั่งบัลลังก์ก็ต้องทำเพื่อคนอื่น ตอนนี้ขอทำเพื่อตัวเอง ข้ามานี่เพื่อเข้าไปในถ้ำอาจารย์มาก็ดีแล้วข้าอยากรู้ว่าในถ้ำที่หลายชั่วคนต้องลงทุน สร้างเรือนอารักขาไว้ คอยเฝ้าเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่ แล้วยังเรื่องเล่าที่บอกว่าเก็บเคล็ดวิชาไว้เพื่อไท่จือ ข้าก็เป็นไท่จือจึงเหมาะที่จะได้เคล็ดวิชานั้นไปไม่จำเป็นต้องฝึกฝนให้เหนื่อยหนัก” ปู้ตานซินเหลือบตามองหลงตั๋ว ช่างใจตรงกันกับศิษย์พี่ทั้งสองของเขา วันอื่นมากมายไม่เข้ามาวันนี้หลงตั๋วมีสิ่ง
ปู้ตานซินกลับออกมาจากถ้ำ ที่ผนึกฉูฉางไว้“ศิษย์น้องเจ้าเป็นอย่างไรบ้างข้ากับป้อคุนหลงไปอีกฝั่งของถ้ำไม่สามารถหาทางกลับไปได้”“ไม่เป็นไรข้าแค่ตกใจกับสิ่งที่พบ จอมมารฉูฉางน่ากลัว อีกทั้งมีลมปราณที่แข็งแกร่งข้าอยู่ใกล้แล้วรู้สึกไม่ค่อยดี”“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว ไว้คราวหลังเราทั้งหมดค่อยให้เจ้านำไปที่นั่นอีกครั้ง”“เรื่องเล่าเหล่านั้นหามีความจริงไม่ ศิษย์พี่ทั้งสองเลิกล้มความตั้งใจเสียเถิด มีเพียงการมุ่งมั่นในการคัดสรรศิษย์และสั่งสอนพวกเขาให้ดี เรื่องเล่าของสำนักเราคงโด่งดังเช่นกัน และย่อมจะมีคนอยากมาคารวะเป็นศิษย์”“อืมเจ้าพูดมีเหตุผลว่าแต่เราจะรับใครเป็นศิษย์ในเมื่อสำนักเราเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน”“ตอนนี้ ปีศาจกินคนพรายน้ำกำลังอาละวาดจับผู้คนไปเมืองบาดาล ข้าเห็นว่าเราควรปราบปีศาจตนนั้นเสีย แล้วชาวบ้านจึงซาบซึ้งบุญคุณล้วนกล่าวขานชื่นชม เมื่อนั้นจึงจะสร้างชื่อเสียง”“ความคิดของเจ้าไม่เลว ไม่มีใครคิดได้เช่นเจ้าใครก็ล้วนไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยงแต่สำนักเกาซิ่งของเรา หวังสร้างชื่อเสียง เราทั้งสามคงต้องทำเหมือนที่เจ้าบอก”ในครั้งนั้น ปู้ตานซินปล่อยให้ปีศาจพรายน้ำอาละวาดจับชาวบ้านเป็นอาหารถึงส
“อาจารย์ หยางหว่านอย่างเรียนเคล็ดวิชานั้นกับอาจารย์”เขาแสยะยิ้มพลิกร่างบางลงใต้ร่างเขาเสพสมจนพอใจ แลกกับเคล็ดวิชา แต่เรื่องนี้ หยางหว่านหารู้ไม่ว่าเขามิได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้จนเสร็จสมบูรณ์เพียงแค่ผิวเผิน เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นแลกกับร่างกายของนางให้เขาเสพสมจนอิ่มหนำหากจะได้ทั้งหมดจะต้องแลกด้วยความภักดี เสียงครางนามของจี้โม่ยังติดอยู่ในใจ เรื่องใดกันในเมื่อนางไม่จริงใจเหตุใดเขาต้องจริงใจตอบปู้ตานซินหลับตาลงช้าๆ สลายร่างคงพลังทิพย์ ด้านมืดสลายหายไปเขากลับเป็นปู้ตานซินคนเดิมก่อนที่จะเข้าไปในถ้ำที่ผนึกฉูฉาง หากว่าต้องเข้าไปที่นั่นอีกครั้งเขาจะต้องจัดการเช่นไรตอนนี้ยังคิดไม่ออก ในตอนนั้นเขาถึงกับฆ่าศิษย์พี่ทั้งสอง ฆ่าทุกคนไร้ซึ่งเมตตา และทำทุกอย่างให้ได้ครอบครองยุทธภพและหยางหว่าน แต่ครั้งนี้เขากลับมาแก้ไข แต่จอมมารฉูฉางยังอยู่ที่นั่น แม้เขาจะหาทางเลี่ยงแต่ผนึกก็ปริแตก ปู้ตานซินคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดีในตอนนั้นปู้ตานซิน อ่อนหัดยิ่งนักแม้จะผ่านเรื่องราวมา อีกครั้งก็ยังคิดว่าตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งเพียงนั้น แค่เพียงสร้างเกราะขึ้นมาก็เท่านั้น ตอนนั้นเขาไม่ลังเลที่จะฆ่าปีศาจพรายน้ำให้ตายลงต่อ
“สำนักของข้า อาจดูคับแคบแต่หวังว่าศิษย์น้องจะไม่ถือสา”ยิ้มบางๆ ก้าวเท้าเดิน เข้าไปในห้องพักนั่งลงเดินลมปราณ เพื่อทดสอบกำลังของตัวเอง ตั้งใจถอดวิญญาณ ไปยังถ้ำที่ผนึกจอมมารฉูฉางเพื่อตรวจดูว่าผนึกที่ปริแตกเสียหายมากน้อยแค่ไหน“อาจารย์”หยางหว่านเดินหอบหมอนเข้ามาข้างใน“เจ้าไม่นอนกับมารดาหรือไร ไหนบ่นว่าคิดถึงพ่อกับแม่”อดที่จะทอดเสียอ่อนโยนเสียไม่ได้ ในเมื่อภาพความทรงจำเก่าๆ ที่หยางหว่านเสแสร้งเป็นว่า รักและภักดีกับเขา ยังวนเวียนในหัว“หยางหว่านอนไม่หลับ ต้องให้ใครสักคนตบตูด”“แม่ของเจ้าเล่า”“อาจเป็นเพราะห่างบ้านไปเสียนาน อาจารย์หยางหว่านคุ้นชินกับการนอนกับท่านเสียมากกว่า”ปู้ตานซินถอนหายใจยาวนางเสแสร้งหรือไม่ในเมื่อเพิ่งจะสี่ขวบแล้วเขาจะเชื่อคำพูดนางได้มากน้อยแค่ไหนในเมื่อที่ผ่านมาเขาไม่อาจแยกแยะว่าจริงหรือหลอก“กลับไปนอนกับแม่ของเจ้าเสียหยางหว่านอาจารย์มีเรื่องจะต้องทำในคืนนี้ ไม่ว่างมาทำเรื่อง แบบนั้นเพื่อเจ้า”“แง…..ฮืออออออออาจารย์ใจร้ายอาจารย์ใจร้ายที่สุดดดด”หยางหว่านวิ่งออกจากห้องไป ปู้ตานซินถอนหายใจเรื่องราวก่อนนั้น“อาจารย์ ข้านอนไม่หลับ”ปู้ตานซินลุกขึ้นจากแท่นนอน ตบมือลงบนแท่น
“ศิษย์ลงเขาไปครั้งนี้แม้ไม่อันตรายเท่าไหร่ ทว่าบนเขายังมีเรื่องให้ต้องห่วง”ไม่ต้องเอ่ยปากปู้ตานซินก็เข้าใจว่าจี้โม่ห่วงใยหยางหว่านกลัวว่านางจะคิดถึงเขา เหอะ ไม่มีทางข้าจะทำให้นางลืมเลือน ม้าไม้ไผ่เช่นเจ้าไปเสีย“บนเขาปลอดภัยยิ่งมีสิ่งใดให้ห่วงใย”แสร้งทำเป็นไขสือ“ข้าห่วงยิ่งคืออาจารย์ ที่จะขาดคนคอยปรนนิบัติ อีกทั้งคนอื่นอาจไม่ถูกใจทันใจเช่นจี้โม่ ครั้งนี้หวังว่าศิษย์พี่จะรับปากปรนนิบัติอาจารย์แทนข้า ข้าจึงวางใจลงไปทำหน้าที่แทนศิษย์ทั้งหลายของสำนักเกาซิ่ง อย่างดีที่สุด”ปู้ตานซินอยากจะใช้เคล็ดวิชาอ่านใจ ก่อนจะยิ้ม ห่วงข้าเจ้าแน่ใจหรือว่าห่วงข้ามิได้ห่วงหยางหว่าน“ศิษย์น้องจี้โม่เจ้าไม่ต้องห่วงอาจารย์ ศิษย์พี่ต้าฉินจะปรนนิบัติอาจารย์แทนเจ้าลงเขาไปด้วยความวางใจเจ้าทำเพื่อสำนักของเรา ล้วนเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง”ปู้ตานซินลืมตาขึ้นช้าๆ“หยางหว่านข้าดูแลนางแทนเจ้าไม่ต้องห่วง นางเป็นศิษย์พี่ของเจ้า นางก็เป็นศิษย์ของข้าเช่นกัน”พูดในสิ่งที่อ่านใจได้มา จี้โม่ซ่อนยิ้มบางๆ เมื่ออาจารย์ล่วงรู้สิ่งที่เก็บงำในใจ“ข้าห่วงนางเพียงส่วนหนึ่งในเมื่อข้ากับนาง ขึ้นเขาพร้อมกัน ตอนนี้วรยุทธ์ของเราสองก็ก้าวหน้า
“เดิมเป็นปรมาจารย์กงล้งที่ผนึกจอมารฉูฉางไว้จนตัวเองสละร่างพาวิญญาณล่องลอยสู่สรวงสวรรค์ กระนั้นก็ยังประกาศว่าจะกลับมาในรอบสีพันปีเพื่อผนึกจอมมารฉูฉางเมื่อถึงเวลาอีกครั้ง”“อาจารย์แล้วทำไมเราไม่ค้นหาร่างอวตารของท่านปรมาจารย์กงล้ง”รีบหลบตาทันที ความลับนี้มีเพียงเขาและท่านปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงที่รู้ผู้อื่นไม่มีใครสืบรู้เรื่องนี้ด้วย อาจารย์ของเขาปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงเป็นผู้ที่มีเคล็ดวิชาท่องกาลเวลาจึงสืบรู้ได้ว่าใครกันที่เป็นร่างอวตารของปรมาจารย์กงล้งเขาจึงได้รับเคล็ดวิชามาจากอาจารย์ทั้งหมดหาใช่เรื่องบังเอิญที่เหล่าจอมยุทธ์หรือศิษย์พี่ของเขาพูดกันไม่ อาจารย์ต้องการมอบเคล็ดวิชาให้เขาเพื่อจะได้ ผนึกจอมมารฉูฉางไว้อีกครั้ง นั่นเอง“อาจารย์ข้านึกออกแล้ว หวังต้าฉินอาสาสืบเสาะหาร่างอวตารของปรมาจารย์กงล้งดีไหม”“เดี๋ยว”ยกมือห้ามทันควัน“อาจารย์ อย่าห้ามศิษย์เลยถ้าปล่อยให้จอมมารฉูฉาง ทำลายผนึกออกมาได้ย่อมไม่เป็นเรื่องดี” เขาตอนนี้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ฝึกลมปราณในทุกวัน หาวิธีสร้างผนึกที่แข็งแกร่ง นับว่าเขาประสบความสำเร็จไม่น้อย เดิมเขาสังหารปีศาจพรายน้ำ แต่ตอนนี้อดีตที่ผ่านมาทำให้เขาคิดค้นวิธีสร้างผ
ยกถ้วยซุบขึ้นซดอีกครั้ง“อาจารย์” เอื้อมมือยื้อถ้วยน้ำแกงไว้ มองสบตาดวงตาใส น่าเอ็นดูยิ่งนักปู้ตานซินปล่อยมือ หยางหว่านดึงมันออกมา บรรจงเป่าเบาๆ ไปที่นำซุบที่มีไอร้อนลอยอ้อยอิ่ง“มันร้อนไปนี่เอง หยางหว่านไม่ทันระวังทำเอาอาจารย์สำลัก ให้หยางหว่านเปาให้มันอุ่น อาจารย์จะได้กินได้สะดวกหน่อย”ปู้ตานซินถอนหายใจ“อาจารย์จะต้องกินบ่อยๆ หยางหว่านจะต้องมาให้อาจารย์กินทุกวัน ฮ่วยซัวช่วยบำรุงกำลังดีไม่น้อย อาจารย์จะได้แข็งแรง มีแรง…..สอนศิษย์ต่อไป”เสียวท้องน้อยวาบ เด็กสาวอายุสิบสี่ ใบหน้าผุดผาดแก้มสีชมพูสดใส ริมฝีปากอวบอิ่ม แล้วยังทรวดทรงองค์เอวที่กำลังมองเห็นเด่นชัด ปู้ตานซินกลืนน้ำลายลงคอ จะใช้เคล็ดวิชาอ่านใจ ก็กลัวคำตอบที่ได้จะทำให้เจ็บปวดใจ หากนางแค่เพียงห่วงใยเขาเพราะเขาเป็นอาจารย์ หยางหว่านครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมาทั้งๆ ที่เขาเห็นได้ชัดว่า นางตัวติดกันกับจี้โม่“ไม่ต้องลำบาก”กัดฟันพูดความจริงอยากให้หยางหว่านแวะเวียนมาทุกวันแต่...อีกใจกลับกลัวว่านางจะมาไม้ไหน เขาจะรับมือหยางหว่านได้หรือในเมื่อใจเขาทั้งใจมีนางอยู่ในนั้นแล้ว“อาจารย์หยางหว่านเต็มใจ ได้ทำอะไรเพื่ออาจารย์บ้างเพราะอาจารย์เป็นเห