“เกรงใจแล้ว ไท่จือไม่จำเป็นจะต้องเรียกข้าว่าอาจารย์ก็ได้ ในเมื่อไท่จือสูงส่งเพียงนี้”
“ที่ข้าเลือกอาจารย์ให้เป็นอาจารย์ของข้าด้วยท่าทีของท่านช่างต้องตาข้า ท่านท่าทีองอาจเกินใครอีกทั้งมีบางอย่างที่ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าท่านมีสิ่งใดซ่อนอยู่ภายในต้องเป็นสิ่งที่ดีแน่นอน”
ทำสีหน้าเรียบเฉย เขานะหรือ มีสุดยอดเคล็ดวิชาของอาจารย์อย่างไรเล่า โดยที่ศิษย์พี่ทั้งสองของเขาไม่มี
“วันนี้ข้ายังไม่อยากจะร่ำเรียนสิ่งใด ความจริงบอกไว้ก่อนที่ข้ายอมเลือกอาจารย์เพราะว่าไม่อยากให้เสด็จพ่อที่คอยเร่งเร้าให้ข้าเปลี่ยนตัวเองเสียใหม่ข้า ยังรักการเที่ยวเล่น เป็นไท่จือจะต้องทำเรื่องอื่นทำไมกันรอให้นั่งบัลลังก์ก็ต้องทำเพื่อคนอื่น ตอนนี้ขอทำเพื่อตัวเอง ข้ามานี่เพื่อเข้าไปในถ้ำอาจารย์มาก็ดีแล้วข้าอยากรู้ว่าในถ้ำที่หลายชั่วคนต้องลงทุน สร้างเรือนอารักขาไว้ คอยเฝ้าเพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่ แล้วยังเรื่องเล่าที่บอกว่าเก็บเคล็ดวิชาไว้เพื่อไท่จือ ข้าก็เป็นไท่จือจึงเหมาะที่จะได้เคล็ดวิชานั้นไปไม่จำเป็นต้องฝึกฝนให้เหนื่อยหนัก”
ปู้ตานซินเหลือบตามองหลงตั๋ว ช่างใจตรงกันกับศิษย์พี่ทั้งสองของเขา วันอื่นมากมายไม่เข้ามาวันนี้หลงตั๋วมีสิ่งใดดลใจให้อยากเข้าไปในถ้ำค้นหาเคล็ดวิชา
“ไม่เหมาะที่จะเข้าไปตอนนี้ ข้า...พาไท่จือไปทัศนาค่ายกลของสำนักเราจะดีกว่า”
"ทัศนาค่ายกล..ไม่เลว ทว่าวันนี้ข้าตั้งใจเข้าไปในถ้ำ ข้าชักสงสัยแล้วตลอดทางมานี่มีแต่คนห้ามปราม อาจารย์ท่านจะห้ามข้าอีกคนหรือไร” ปู้ตานซินเกลียดที่สุดก็คนที่รู้ทันความคิดของเขาไท่จืองี่เง่าเอาแต่ใจโง่งมไม่แบ่งใคร เหตุใดถึงรู้ว่าเขาจะห้าม
“เชิญ”
ผายมือให้กับหลงตั๋ว อย่างเจ้านี่จะเข้าไปได้ไกลแค่ไหนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ แล้วยังไร้ซึ่งความพยายามป่านนี้ศิษย์พี่ทั้งสองคงไปถึงไหนถึงไหนแล้ว
หลงตั๋วเลิกคิ้วทำสีหน้าที่คนหลงตัวเองชอบทำย้ำว่าเฉพาะคนที่หลงตัวเองเท่านั้นที่ชอบทำ
“อาจารย์จะเข้าไปด้วยหรือไม่”
“ข้าไม่มีความจำเป็นต้องเข้าไปในนั้น”
“ตามธรรมดาท่านเป็นอาจารย์ข้า ทางที่ดีท่านไม่ควรปล่อยข้าไปเผชิญอันตราย”
ปู้ตานซิน เดินนำเข้าไปทันทีเหล่าองครักษ์ต่างตามเข้าไปข้างใน
ถ้ำกว้างทางเดินคดเคี้ยวทอดยาว ปู้ตานซินรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างรีบสาวเท้าเข้าไปข้างในนึกห่วงศิษย์พี่ทั้งสองยิ่งนัก
ผนึกใสดุจน้ำถูกล้อมรอบร่างสูงชะลุดที่ยืนนิ่งหลับตาอยู่ในนั้น ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพสวรรค์ท่าทีองอาจดั่งนักรบหากไม่มีปลายเขาแหลมที่งอกออกมาจากหน้าผากเขาก้คือเทพสวรรค์
ป้อก้านกับป้อคุนไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว หายไปไหนไม่ทราบได้ หลงตั๋วยืนตะลึงมองร่างในผนึกนิ่ง
“จอมมารฉูฉาง”ดวงตาที่หลับสนิท กับเผยอขึ้นในทันทีเมื่อได้ยินเสียงเรียกแสยะยิ้มแต่ก้ยังเป้นยิ้มที่หล่อเหลา
“ปู้ตานซิน ๆ 555 ในที่สุดเจ้าก็มาในที่สุดความแค้นของข้าก็จะถูกชำระเสียในวันนี้”เสียงดังเหมือนจากที่ไกลแสนไกลทว่าชัดเจนยิ่งนัก
ปู้ตานซินขมวดคิ้ว ฉูฉางรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือปู้ตานซิน
ขยับมือเอื้อมมาตรงหน้า กำมือเข้าหากันร่างเล็กของหลงตั๋ว ลอยขึ้นจากพื้นเหมือนถูกมือใหญ่บีบที่ลำคอ ทั้งที่มือนั้นอยู่ห่างออกไป
“อั๊กกก ...ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย" หลงตั๋วส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกล้ว เหล่าองครักษ์ถลาเข้าใส่ผนึกทั้งทุบทั้งตีแต่ไม่มีผล เลือดสดๆไหลออกจากปากของหลงตั๋ว
“อะอะอาจารย์ช่วยข้าด้วย ข้าจะตายอยู่แล้ว”ยอมขอร้อง ปู้ตานซินซัดฝ่ามือใส่ผนึกอย่างแรง
“เพี๊ยววววว”ลำแสงจากฝ่ามือกระทบเข้ากับผนึกสีใสฟ้าใสเกิดรอยปริแตกเป็นทางยาว
“5555ขอบใจที่ช่วย ทำลายเกราะผนึกให้ข้า"วางมือลง ปล่อยร่างหลงตั๋วร่วงลงพื้น เหล่าองครักษ์รีบประครอง
“ความจริงคนอื่นไม่สำคัญ แต่ว่าใครเข้ามาในนี้มีทางเดียวที่จะออกไปได้คือกลายเป็นศพ เจ้าพวกมดปลวกจงตายเสียเถอะ”
พลิกฝ่ามืออีกครั้ง ร่างขององครักษ์นับสิบเซถลาถอยร่นตามแรงมือกระอักเลือดออกมาเป็นทิวแถว
“ไท่จือรีบหนีพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์รีบพยุงร่างบอบซ้ำของหลงตั๋วออกไปปู้ตานซินขมวดคิ้วเข้าหากัน คนทั้งหมดหนีออกไปหมดแล้วเหลือเพียงแต่เขาที่เผชิญหน้ากับผนึกใส ภายในมีร่างสูงของฉูฉาง
“เจ้าต้องการเคล็ดวิชาใช่หรือไม่”
“ไม่ ข้ารู้แล้วว่าเจ้าทำไมถึงเลือกข้า” ร่องรอยที่ปู้ตานซินซัดฝ่ามือมีรอยปริแตกร้าวไปเรื่อยๆ
“เข้ามาใกล้ๆ ข้าสิปู้ตานซิน ก่อนนั้นเจ้าเป็นปรมาจารย์กงล้งผนึกข้าไว้ ชาตินี้กลับมาอีกครั้ง เราสองคนยังเป็นสหายกันได้”
“ไม่มีทาง”ปู้ตานซินถอยออกห่างราวกับ ว่าฉูฉางเป็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
ปู้ตานซินกลับออกมาจากถ้ำ ที่ผนึกฉูฉางไว้“ศิษย์น้องเจ้าเป็นอย่างไรบ้างข้ากับป้อคุนหลงไปอีกฝั่งของถ้ำไม่สามารถหาทางกลับไปได้”“ไม่เป็นไรข้าแค่ตกใจกับสิ่งที่พบ จอมมารฉูฉางน่ากลัว อีกทั้งมีลมปราณที่แข็งแกร่งข้าอยู่ใกล้แล้วรู้สึกไม่ค่อยดี”“เจ้าปลอดภัยก็ดีแล้ว ไว้คราวหลังเราทั้งหมดค่อยให้เจ้านำไปที่นั่นอีกครั้ง”“เรื่องเล่าเหล่านั้นหามีความจริงไม่ ศิษย์พี่ทั้งสองเลิกล้มความตั้งใจเสียเถิด มีเพียงการมุ่งมั่นในการคัดสรรศิษย์และสั่งสอนพวกเขาให้ดี เรื่องเล่าของสำนักเราคงโด่งดังเช่นกัน และย่อมจะมีคนอยากมาคารวะเป็นศิษย์”“อืมเจ้าพูดมีเหตุผลว่าแต่เราจะรับใครเป็นศิษย์ในเมื่อสำนักเราเพิ่งจะก่อตั้งขึ้นมาไม่นาน”“ตอนนี้ ปีศาจกินคนพรายน้ำกำลังอาละวาดจับผู้คนไปเมืองบาดาล ข้าเห็นว่าเราควรปราบปีศาจตนนั้นเสีย แล้วชาวบ้านจึงซาบซึ้งบุญคุณล้วนกล่าวขานชื่นชม เมื่อนั้นจึงจะสร้างชื่อเสียง”“ความคิดของเจ้าไม่เลว ไม่มีใครคิดได้เช่นเจ้าใครก็ล้วนไม่อยากเอาตัวเองไปเสี่ยงแต่สำนักเกาซิ่งของเรา หวังสร้างชื่อเสียง เราทั้งสามคงต้องทำเหมือนที่เจ้าบอก”ในครั้งนั้น ปู้ตานซินปล่อยให้ปีศาจพรายน้ำอาละวาดจับชาวบ้านเป็นอาหารถึงส
“อาจารย์ หยางหว่านอย่างเรียนเคล็ดวิชานั้นกับอาจารย์”เขาแสยะยิ้มพลิกร่างบางลงใต้ร่างเขาเสพสมจนพอใจ แลกกับเคล็ดวิชา แต่เรื่องนี้ หยางหว่านหารู้ไม่ว่าเขามิได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้จนเสร็จสมบูรณ์เพียงแค่ผิวเผิน เพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นแลกกับร่างกายของนางให้เขาเสพสมจนอิ่มหนำหากจะได้ทั้งหมดจะต้องแลกด้วยความภักดี เสียงครางนามของจี้โม่ยังติดอยู่ในใจ เรื่องใดกันในเมื่อนางไม่จริงใจเหตุใดเขาต้องจริงใจตอบปู้ตานซินหลับตาลงช้าๆ สลายร่างคงพลังทิพย์ ด้านมืดสลายหายไปเขากลับเป็นปู้ตานซินคนเดิมก่อนที่จะเข้าไปในถ้ำที่ผนึกฉูฉาง หากว่าต้องเข้าไปที่นั่นอีกครั้งเขาจะต้องจัดการเช่นไรตอนนี้ยังคิดไม่ออก ในตอนนั้นเขาถึงกับฆ่าศิษย์พี่ทั้งสอง ฆ่าทุกคนไร้ซึ่งเมตตา และทำทุกอย่างให้ได้ครอบครองยุทธภพและหยางหว่าน แต่ครั้งนี้เขากลับมาแก้ไข แต่จอมมารฉูฉางยังอยู่ที่นั่น แม้เขาจะหาทางเลี่ยงแต่ผนึกก็ปริแตก ปู้ตานซินคิดไม่ออกว่าจะทำอย่างไรดีในตอนนั้นปู้ตานซิน อ่อนหัดยิ่งนักแม้จะผ่านเรื่องราวมา อีกครั้งก็ยังคิดว่าตัวเองไม่ได้แข็งแกร่งเพียงนั้น แค่เพียงสร้างเกราะขึ้นมาก็เท่านั้น ตอนนั้นเขาไม่ลังเลที่จะฆ่าปีศาจพรายน้ำให้ตายลงต่อ
“สำนักของข้า อาจดูคับแคบแต่หวังว่าศิษย์น้องจะไม่ถือสา”ยิ้มบางๆ ก้าวเท้าเดิน เข้าไปในห้องพักนั่งลงเดินลมปราณ เพื่อทดสอบกำลังของตัวเอง ตั้งใจถอดวิญญาณ ไปยังถ้ำที่ผนึกจอมมารฉูฉางเพื่อตรวจดูว่าผนึกที่ปริแตกเสียหายมากน้อยแค่ไหน“อาจารย์”หยางหว่านเดินหอบหมอนเข้ามาข้างใน“เจ้าไม่นอนกับมารดาหรือไร ไหนบ่นว่าคิดถึงพ่อกับแม่”อดที่จะทอดเสียอ่อนโยนเสียไม่ได้ ในเมื่อภาพความทรงจำเก่าๆ ที่หยางหว่านเสแสร้งเป็นว่า รักและภักดีกับเขา ยังวนเวียนในหัว“หยางหว่านอนไม่หลับ ต้องให้ใครสักคนตบตูด”“แม่ของเจ้าเล่า”“อาจเป็นเพราะห่างบ้านไปเสียนาน อาจารย์หยางหว่านคุ้นชินกับการนอนกับท่านเสียมากกว่า”ปู้ตานซินถอนหายใจยาวนางเสแสร้งหรือไม่ในเมื่อเพิ่งจะสี่ขวบแล้วเขาจะเชื่อคำพูดนางได้มากน้อยแค่ไหนในเมื่อที่ผ่านมาเขาไม่อาจแยกแยะว่าจริงหรือหลอก“กลับไปนอนกับแม่ของเจ้าเสียหยางหว่านอาจารย์มีเรื่องจะต้องทำในคืนนี้ ไม่ว่างมาทำเรื่อง แบบนั้นเพื่อเจ้า”“แง…..ฮืออออออออาจารย์ใจร้ายอาจารย์ใจร้ายที่สุดดดด”หยางหว่านวิ่งออกจากห้องไป ปู้ตานซินถอนหายใจเรื่องราวก่อนนั้น“อาจารย์ ข้านอนไม่หลับ”ปู้ตานซินลุกขึ้นจากแท่นนอน ตบมือลงบนแท่น
“ศิษย์ลงเขาไปครั้งนี้แม้ไม่อันตรายเท่าไหร่ ทว่าบนเขายังมีเรื่องให้ต้องห่วง”ไม่ต้องเอ่ยปากปู้ตานซินก็เข้าใจว่าจี้โม่ห่วงใยหยางหว่านกลัวว่านางจะคิดถึงเขา เหอะ ไม่มีทางข้าจะทำให้นางลืมเลือน ม้าไม้ไผ่เช่นเจ้าไปเสีย“บนเขาปลอดภัยยิ่งมีสิ่งใดให้ห่วงใย”แสร้งทำเป็นไขสือ“ข้าห่วงยิ่งคืออาจารย์ ที่จะขาดคนคอยปรนนิบัติ อีกทั้งคนอื่นอาจไม่ถูกใจทันใจเช่นจี้โม่ ครั้งนี้หวังว่าศิษย์พี่จะรับปากปรนนิบัติอาจารย์แทนข้า ข้าจึงวางใจลงไปทำหน้าที่แทนศิษย์ทั้งหลายของสำนักเกาซิ่ง อย่างดีที่สุด”ปู้ตานซินอยากจะใช้เคล็ดวิชาอ่านใจ ก่อนจะยิ้ม ห่วงข้าเจ้าแน่ใจหรือว่าห่วงข้ามิได้ห่วงหยางหว่าน“ศิษย์น้องจี้โม่เจ้าไม่ต้องห่วงอาจารย์ ศิษย์พี่ต้าฉินจะปรนนิบัติอาจารย์แทนเจ้าลงเขาไปด้วยความวางใจเจ้าทำเพื่อสำนักของเรา ล้วนเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง”ปู้ตานซินลืมตาขึ้นช้าๆ“หยางหว่านข้าดูแลนางแทนเจ้าไม่ต้องห่วง นางเป็นศิษย์พี่ของเจ้า นางก็เป็นศิษย์ของข้าเช่นกัน”พูดในสิ่งที่อ่านใจได้มา จี้โม่ซ่อนยิ้มบางๆ เมื่ออาจารย์ล่วงรู้สิ่งที่เก็บงำในใจ“ข้าห่วงนางเพียงส่วนหนึ่งในเมื่อข้ากับนาง ขึ้นเขาพร้อมกัน ตอนนี้วรยุทธ์ของเราสองก็ก้าวหน้า
“เดิมเป็นปรมาจารย์กงล้งที่ผนึกจอมารฉูฉางไว้จนตัวเองสละร่างพาวิญญาณล่องลอยสู่สรวงสวรรค์ กระนั้นก็ยังประกาศว่าจะกลับมาในรอบสีพันปีเพื่อผนึกจอมมารฉูฉางเมื่อถึงเวลาอีกครั้ง”“อาจารย์แล้วทำไมเราไม่ค้นหาร่างอวตารของท่านปรมาจารย์กงล้ง”รีบหลบตาทันที ความลับนี้มีเพียงเขาและท่านปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงที่รู้ผู้อื่นไม่มีใครสืบรู้เรื่องนี้ด้วย อาจารย์ของเขาปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงเป็นผู้ที่มีเคล็ดวิชาท่องกาลเวลาจึงสืบรู้ได้ว่าใครกันที่เป็นร่างอวตารของปรมาจารย์กงล้งเขาจึงได้รับเคล็ดวิชามาจากอาจารย์ทั้งหมดหาใช่เรื่องบังเอิญที่เหล่าจอมยุทธ์หรือศิษย์พี่ของเขาพูดกันไม่ อาจารย์ต้องการมอบเคล็ดวิชาให้เขาเพื่อจะได้ ผนึกจอมมารฉูฉางไว้อีกครั้ง นั่นเอง“อาจารย์ข้านึกออกแล้ว หวังต้าฉินอาสาสืบเสาะหาร่างอวตารของปรมาจารย์กงล้งดีไหม”“เดี๋ยว”ยกมือห้ามทันควัน“อาจารย์ อย่าห้ามศิษย์เลยถ้าปล่อยให้จอมมารฉูฉาง ทำลายผนึกออกมาได้ย่อมไม่เป็นเรื่องดี” เขาตอนนี้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ฝึกลมปราณในทุกวัน หาวิธีสร้างผนึกที่แข็งแกร่ง นับว่าเขาประสบความสำเร็จไม่น้อย เดิมเขาสังหารปีศาจพรายน้ำ แต่ตอนนี้อดีตที่ผ่านมาทำให้เขาคิดค้นวิธีสร้างผ
ยกถ้วยซุบขึ้นซดอีกครั้ง“อาจารย์” เอื้อมมือยื้อถ้วยน้ำแกงไว้ มองสบตาดวงตาใส น่าเอ็นดูยิ่งนักปู้ตานซินปล่อยมือ หยางหว่านดึงมันออกมา บรรจงเป่าเบาๆ ไปที่นำซุบที่มีไอร้อนลอยอ้อยอิ่ง“มันร้อนไปนี่เอง หยางหว่านไม่ทันระวังทำเอาอาจารย์สำลัก ให้หยางหว่านเปาให้มันอุ่น อาจารย์จะได้กินได้สะดวกหน่อย”ปู้ตานซินถอนหายใจ“อาจารย์จะต้องกินบ่อยๆ หยางหว่านจะต้องมาให้อาจารย์กินทุกวัน ฮ่วยซัวช่วยบำรุงกำลังดีไม่น้อย อาจารย์จะได้แข็งแรง มีแรง…..สอนศิษย์ต่อไป”เสียวท้องน้อยวาบ เด็กสาวอายุสิบสี่ ใบหน้าผุดผาดแก้มสีชมพูสดใส ริมฝีปากอวบอิ่ม แล้วยังทรวดทรงองค์เอวที่กำลังมองเห็นเด่นชัด ปู้ตานซินกลืนน้ำลายลงคอ จะใช้เคล็ดวิชาอ่านใจ ก็กลัวคำตอบที่ได้จะทำให้เจ็บปวดใจ หากนางแค่เพียงห่วงใยเขาเพราะเขาเป็นอาจารย์ หยางหว่านครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมาทั้งๆ ที่เขาเห็นได้ชัดว่า นางตัวติดกันกับจี้โม่“ไม่ต้องลำบาก”กัดฟันพูดความจริงอยากให้หยางหว่านแวะเวียนมาทุกวันแต่...อีกใจกลับกลัวว่านางจะมาไม้ไหน เขาจะรับมือหยางหว่านได้หรือในเมื่อใจเขาทั้งใจมีนางอยู่ในนั้นแล้ว“อาจารย์หยางหว่านเต็มใจ ได้ทำอะไรเพื่ออาจารย์บ้างเพราะอาจารย์เป็นเห
จี้โม่ ในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา รูปร่างสูงโปร่งในแบบจอมยุทธ์เจ้าสำอางจะว่าไปบุคลิกบางส่วนล้วนถอดแบบมาจากปู้ตานซิน ก็เขาเห็นอาจารย์วางตัวเช่นนี้มาแต่อ้อนแต่ออก แล้วมันก็ช่างงดงามสมกับเป็นปรมาจารย์หนุ่ม สิ่งที่เขาใฝ่ฝันอันดับสองคือการองอาจเช่นเดียวกับอาจารย์วางท่าได้เช่นเดียวกับอาจารย์ (อันดับหนึ่งคือการได้เป็นเจ้าสำนักต่อจากอาจารย์ แต่คงจะแห้วก็กว่าปู้ตานซินจะแก่จะตาย ตอนนี้เพิ่งจะยี่สิบห้าปีอีกกี่ปีกว่าจะยกสำนักให้เขา)“จอมยุทธ์ท่านนี้”สายตานับสิบคู่ของเหล่าจอมยุทธ์จากสำนักต่างๆ ที่แวะเวียนกันเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของจอมมารฉูฉาง ณ.เรือนอารักขาร่วมกับเหล่าองครักษ์จากวังหลวง จ้องมองมายังจี้โม่ที่กอดกระบี่ไว้กับอกด้วยท่าที มาดมั่นเหลือเกิน“ข้าน้อยจี้โม่ ศิษย์คนที่325ของสำนักเกาซิ่ง”“อือหือ ศิษย์ของปรมาจารย์ปู้ตานซิน ไม่น่าเชื่อว่าคนที่นิ่งเฉยเช่นท่านปรมาจารย์จะส่งศิษย์ของเขาลงมา เฝ้าสังเกตการณ์ด้วย”“อาจารย์และสำนักเกาซิ่งของเรา ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่ที่ผ่านมาล้วนคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่จะลงเขามาเพื่อเฝ้าระวัง”“นับว่าท่านปรมาจารย์ ช่างรอบคอบเสียจริง มิน่าที่ผ่านมานิ่งเฉยเพี่อที่จะส่งศิษย์เอกมาใ
หยางหว่านยิ้มแหย๋ๆไม่แน่ใจตัวเองนักยิ่งเมื่อศิษย์พี่คาดหวังถึงขนาดนี้ ไม่เท่ากับเทใจมาที่หยางหว่านกันหมดแล้วหรือ“ศิษย์พี่ใหญ่ท่านคาดหวังในตัวข้ามากไปหรือเปล่า”พึมพัมเบาๆ“ข้าเชื่อ หยางหว่านเจ้าจะต้องทำได้...อย่างแน่นอน”“ว่าแล้วข้าก็เคี่ยวฮ่วยซัวเรียบร้อยแล้ว หยางหว่านถึงเวลาที่เจ้าต้องยกไปให้อาจารย์แล้ว แล้วอย่าลืมที่ตกลงกันไว้ อย่าเผลอพูดไปว่าพวกเราลงขันกัน เจ้าต้องบอกว่าเจ้าเพียงคนเดียว แล้วก็เรื่องเคี่ยวยาเป็นเจ้าที่เคี่ยวเอง อาจารย์จะได้เกรงใจเจ้า ดื่มมันเสียหมด”หวังต้าฉินสอนสั่ง“ทำไม ...ข้าไม่เข้าใจ”“อาจารย์อ่อนโยนกับเจ้าแม้อาจารย์รู้ว่าพวกเรายุ่งเรื่องส่วนตัวของอาจารย์ อาจารย์ก็จะยิ่งเฉยชา แต่หากเป็นเจ้าคนเดียวข้าคิดว่าอาจารย์ไม่กล้าโกรธเคือง”คนอื่นมองจากด้านนอกจึงรู้ว่าปู้ตานซิน ยกให้หยางหว่านเป็นคนสำคัญแต่อนิจจากลับคิดว่าปู้ตานซินคิดกับหย่างหว่านแค่เพียง บุตรี“อาจารย์”หยางหว่านเดินเข้าไปในห้องของปู้ตานซินลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองใบหน้างดงามที่สองวันมานี้ เขาต้องพบหน้านางทุกวัน หลังจากที่หลายปีผ่านใช้เคล็ดวิชา สอดแนมแอบติดตามมองนางผ่านดวงจิตก็เท่านั้น“วางไว้ แล้วออกไปเสีย”หลั