จี้โม่ ในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา รูปร่างสูงโปร่งในแบบจอมยุทธ์เจ้าสำอางจะว่าไปบุคลิกบางส่วนล้วนถอดแบบมาจากปู้ตานซิน ก็เขาเห็นอาจารย์วางตัวเช่นนี้มาแต่อ้อนแต่ออก แล้วมันก็ช่างงดงามสมกับเป็นปรมาจารย์หนุ่ม สิ่งที่เขาใฝ่ฝันอันดับสองคือการองอาจเช่นเดียวกับอาจารย์วางท่าได้เช่นเดียวกับอาจารย์ (อันดับหนึ่งคือการได้เป็นเจ้าสำนักต่อจากอาจารย์ แต่คงจะแห้วก็กว่าปู้ตานซินจะแก่จะตาย ตอนนี้เพิ่งจะยี่สิบห้าปีอีกกี่ปีกว่าจะยกสำนักให้เขา)
“จอมยุทธ์ท่านนี้”สายตานับสิบคู่ของเหล่าจอมยุทธ์จากสำนักต่างๆ ที่แวะเวียนกันเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของจอมมารฉูฉาง ณ.เรือนอารักขาร่วมกับเหล่าองครักษ์จากวังหลวง จ้องมองมายังจี้โม่ที่กอดกระบี่ไว้กับอกด้วยท่าที มาดมั่นเหลือเกิน
“ข้าน้อยจี้โม่ ศิษย์คนที่325ของสำนักเกาซิ่ง”
“อือหือ ศิษย์ของปรมาจารย์ปู้ตานซิน ไม่น่าเชื่อว่าคนที่นิ่งเฉยเช่นท่านปรมาจารย์จะส่งศิษย์ของเขาลงมา เฝ้าสังเกตการณ์ด้วย”
“อาจารย์และสำนักเกาซิ่งของเรา ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่ที่ผ่านมาล้วนคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่จะลงเขามาเพื่อเฝ้าระวัง”
“นับว่าท่านปรมาจารย์ ช่างรอบคอบเสียจริง มิน่าที่ผ่านมานิ่งเฉยเพี่อที่จะส่งศิษย์เอกมาในครั้งนี้ ปรมาจารย์ปู้ตานซินช่างน่านับถือยิ่งนัก ล้วนวางแผนการมาอย่างดี เช่นนี้จอมมารฉูฉางก็คงไม่ต้องหวั่นเกรงกันอีกแล้ว”
จะว่าไปจี้โม่ก็หาทางแก้ต่างได้ดีทุกอย่างล้วนมาจากการสั่งสอนของปู้ตานซิน ทั้งหน้าตาสีหน้าและท่าทางล้วนน่าเชื่อถืออีกทั้งคำพูดยังไม่ต่างจากปู้ตานซินที่สั่งสอนกันมา อีกทั้งเรื่องที่เหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลายต่างเชื่อมั่นในสำนักเกาซิ่ง และให้การยอมรับปู้ตานซินด้วยบารมีที่สั่งสมและเรื่องเล่าขานก่อนหน้านั้นย่อมทำให้
คำพูดแก้ต่างน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นไป
“ข้ายังไม่เห็น ร่องรอยการผนึกจอมมารฉูฉาง”
“ท่านจอมยุทธ์ข้านำทาง”
ศิษย์จากสำนักหนึ่งที่แอบชื่นชมสำนักเกาซิ่งเป็นพิเศษเสนอตัว เพราะเขาชื่นชมและแอบปลื้มปีติกับสำนักเกาซิ่งและ ปรมาจารย์ปู้ตานซินมานานแล้วแต่เขาเป็นอีกผู้หนึ่งที่ไม่สามารถขึ้นเขา ฝ่าด่านค่ายกลขึ้นไปคารวะปู้ตานซินเป็นอาจารย์
สำนักเกาซิ่ง
“พี่สาวจูจ้าน อาจารย์เฉยชาเช่นเดิม ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว อาจารย์อาจไม่ชอบในสิ่งที่ข้าทำเพื่ออาจารย์”
“เด็กน้อย ..พี่สาวจะบอกอะไรให้ อาจารย์เป็นถึงปรมาจารย์ เจ้าจะล้วงความลับหรือเรื่องราวในใจล้วนไม่อาจทำ แต่อาจเป็นเราที่ถูกอาจารย์เข้าถึงจิตใจ พี่สาวอยู่ที่นี่มาสิบปีก่อนหน้าเจ้ามาไม่นานนัก มีหลายครั้งที่อาจารย์เดาใจเราถููก แต่เราไม่เคยเดาใจอาจารย์ได้สักครั้งเดียว ศิษย์พี่ต่างซุบซิบกันว่าหนึ่งในเคล็ดวิชาที่อาจารย์์ได้มามีวิชาอ่านใจอยูู่่ด้วย”
“หา…. เช่นนั้นข้าจะต้องทำจิตใจให้ว่างเปล่ายามเข้าไปพบอาจารย์ใช่ไหม”จูจ้านพยักหน้า
“ศิษย์พี่ ต้าฉินบอกข้าว่า ไม่ว่าใครจะคิดอย่างไรไม่มีทางหลอกลวงอาจารย์ได้ เจ้าอย่าเผลอใจไปคิดเรื่องไม่ดีกับอาจารย์เป็นอันขาด แต่เรื่องเคล็ดวิชาอย่าได้พูดออกไปเชียวเพราะเป็นเพียงข่าวลือ จนป่านนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าอาจารย์อ่านใจได้จริงหรือไม่ หรือเพียงแค่เดาทางพวกเราถูกก็เท่านั้น”
“อย่างนั้นหยางหว่านก็เสียเปรียบสิ อาจารย์ฉลาดหลักแหลมเดาใจข้าได้ แต่ข้ากลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาจารย์เลย”
“พวกเรารวมหัวลงขันกัน ว่าต้องเป็นหยางหว่านเท่านั้นที่จะทำเรื่องนี้สำเร็จ ศิษย์น้อยใหญ่ต่างห่วงใยอาจารย์ เกรงว่าแก่ตัวไปจะไร้คนดูแล เจ้าเท่านั้นที่เป็นความหวังของพวกเรา เจ้าจะมาถอดใจไม่ได้”หวังต้าฉินเดินเอามือไพล่หลังเข้ามา
หยางหว่านย่นจมูก
“แต่..แม้แต่อุปนิสัยของหญิงงามที่อาจารย์ชื่นชอบเมื่อข้าถาม อาจารย์ยังไม่ยอมเอ่ยปาก”
หวังต้าฉินคว้ามือหยางหว่านมากุมไว้แน่น
“หยางหว่าน ข้าสังเกตอาจารย์หลายครั้งแล้ว เมื่อเจ้าเข้าไปพบอาจารย์ในครั้งใดอาจารย์จะพูดกับเจ้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแล้วยังสายตาอ่อนโยนเมื่อมองเจ้า ดังนั้นข้าจึงคิดว่าอาจารย์ มองเจ้าเหมือนลูกสาวรักเจ้าเหมือนบุตรี เจ้าจะต้องทำในสิ่งที่พวกเราเหล่าศิษย์คาดหวังได้อย่างแน่นอน”
หยางหว่านยิ้มแหย๋ๆไม่แน่ใจตัวเองนักยิ่งเมื่อศิษย์พี่คาดหวังถึงขนาดนี้ ไม่เท่ากับเทใจมาที่หยางหว่านกันหมดแล้วหรือ“ศิษย์พี่ใหญ่ท่านคาดหวังในตัวข้ามากไปหรือเปล่า”พึมพัมเบาๆ“ข้าเชื่อ หยางหว่านเจ้าจะต้องทำได้...อย่างแน่นอน”“ว่าแล้วข้าก็เคี่ยวฮ่วยซัวเรียบร้อยแล้ว หยางหว่านถึงเวลาที่เจ้าต้องยกไปให้อาจารย์แล้ว แล้วอย่าลืมที่ตกลงกันไว้ อย่าเผลอพูดไปว่าพวกเราลงขันกัน เจ้าต้องบอกว่าเจ้าเพียงคนเดียว แล้วก็เรื่องเคี่ยวยาเป็นเจ้าที่เคี่ยวเอง อาจารย์จะได้เกรงใจเจ้า ดื่มมันเสียหมด”หวังต้าฉินสอนสั่ง“ทำไม ...ข้าไม่เข้าใจ”“อาจารย์อ่อนโยนกับเจ้าแม้อาจารย์รู้ว่าพวกเรายุ่งเรื่องส่วนตัวของอาจารย์ อาจารย์ก็จะยิ่งเฉยชา แต่หากเป็นเจ้าคนเดียวข้าคิดว่าอาจารย์ไม่กล้าโกรธเคือง”คนอื่นมองจากด้านนอกจึงรู้ว่าปู้ตานซิน ยกให้หยางหว่านเป็นคนสำคัญแต่อนิจจากลับคิดว่าปู้ตานซินคิดกับหย่างหว่านแค่เพียง บุตรี“อาจารย์”หยางหว่านเดินเข้าไปในห้องของปู้ตานซินลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองใบหน้างดงามที่สองวันมานี้ เขาต้องพบหน้านางทุกวัน หลังจากที่หลายปีผ่านใช้เคล็ดวิชา สอดแนมแอบติดตามมองนางผ่านดวงจิตก็เท่านั้น“วางไว้ แล้วออกไปเสีย”หลั
“เจ้าอยากให้ข้า..ลองพิสูจน์ดูไหมว่าการดื่มฮ่วยซัวฝีมือของจูจ้านกับพวกเจ้าที่วางแผนการให้ข้าดื่มจะส่งผลดีต่อข้าเพียงใด”หยางหว่านยิ้มเบี่ยงตัวหลบเอามือยันอกกว้างไว้ปู้ตานซินอมยิ้ม ปล่อยมือ“ไม่อยากรู้ก็ไปเสีย”“อาจารย์ท่านแกล้งข้า ไหนใครเขาบอกว่าอาจารย์มีเคล็ดวิชาอ่านใจเช่นไรจึงไม่รู้ว่าหยางหว่านจริงใจแค่ไหน”คว้ากิ่งไผ่ตวัดมือเพียงพริบตากิ่งไผ่แหลมจ่อที่คอหอยของหยางหว่าน“ใครกันช่างเอาเรื่องโกหกเหล่านั้นไปเล่าให้เจ้าฟัง หยางหว่านเจ้าเป็นศิษย์เกาซิ่งเพียงหนึ่งในสองที่ข้าวางใจ สิบปีที่ผ่านมาฝึกฝนจนสำเร็จวิชาของเกาซิ่งมีเพียงเจ้ากับจี้โม่ที่ข้าจะวางใจให้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก เช่นนั้นสิ่งที่เจ้าควรคิดถึงอันดับแรกคือการมุ่งมั่นที่จะฝึกตน และทำทุกวิถีทางให้ข้าวางใจมอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้เจ้า เลิกเล่นสนุกอย่างที่ผ่านมาได้แล้ว”ดวงตาที่มองไปยังหยางหว่านมีแววตำหนิชัดเจน“อาจารย์ อาจารย์ใจร้ายที่สุด”วิ่งออกจากตรงนั้นไปด้วยความรู้สึกหลากหลายในใจทั้งน้อยใจและเสียใจที่ถูกตำหนิและโมโหที่อาจารย์มองตัวเองเป็นเด็กเล่นสนุก ปู้ตานซินถอนหายใจ ถ้อยคำที่เขานำมันออกมาปกปิดความเขินอายที่ใกล้ชิดหยางหว่าน แล
ปู้ตานซินปิดตัวเองไม่รับมันพยายามกลับมาแก้ไขด้วยตัวเขาเอง มีจิตใจคุณธรรมจึงยากที่ดวงจิตมารจะเข้าครอบงำแม้จะหลงใหลไปเพียงชั่วครู่ชั่วคราวทว่าสลัดทิ้งจนสิ้นไป นับว่ากล้าหาญไม่น้อย แต่ปู้ตานซินกับคาดไม่ถึงส่งศิษย์เอกที่มีดวงจิตมารเข้าใกล้จอมมารฉูฉางเสียแล้วยากจะแก้ไขเห็นที่นำเล็งกกก๋ง จะไม่อาจดูดายสำนักเกาซิ่งหวังต้าฉิน ถือพัดในมือเดินสำรวจตรวจตรา ศิษย์น้องที่กำลังร่ายรำเพลงกระบี่บ้างก็รวบรวมลมปราณทั้งบุกและตั้งรับ สิบกว่าปีมานี้อาจารย์แทบจะไม่ออกมาดูการฝึกสอนแค่เพียงจัดให้มีการประลองในแต่ละเดือนเฟ้นหาสุดยอดในบรรดาศิษย์แต่ละรุ่น ด่านค่ายกลของอาจารย์ล้วนพลิกผันไม่แน่นอน วันดีคืนดีก็ให้เขาพาศิษย์น้องทั้งหลายเข้าสู่ค่ายกลเพื่อที่จะฟันฝ่าออกมาเหมือนการลับคมมีด อีกทั้งยังสร้างความสามัคคี“จอมยุทธ์”เสียงแหบแห้งเรียกหวังต้าฉินจากด้านหลังร่างสูงหันมองนำเส็งกกก๋ง ด้วยสายตาฉงนสนเท่ห์ดวงตามืดบอด 🤢🤢🤢🤢🤢มือเหี่ยวใช้คลำไปตามทางแทนดวงตาไม้เท้าโค้งงอเขี่ยมาที่ตัว หวังต้าฉินเบาๆ“อาวุโส”“ข้าหลงทางมา หลายวันไม่มีสิ่งใดตกถึงท้อง”หวังต้าฉินใช่โง่งมเพียงอมยิ้มในหน้า ตามืดบอดทว่ารู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ อ
“อาจารย์ท่านจะช่วยศิษย์ต่อกรกับจอมมารในครั้งนี้หรือไม่”“ ข้าจะสละร่างในอีกห้าปีต่อจากนี้ คงไม่ทันได้ช่วยผ่อนหนักเบาช่วยเจ้า แต่ในคืนเดือนเพ็ญเดือนสือเอ้อเยว่ในปีที่สี่ ให้เจ้าลงเขาไปพบข้าเพื่อข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชา”“เรื่องนี้จอมมารฉูฉางจะรับรู้และได้ยินที่เราพูดกันทั้งหมด พลังของเขากล้าแกร่งอยู่ในผนึกยังสามารถดึงพลังลมปราณมาใช้ เพียงแต่ไม่สามารถออกมา เรื่องราวระหว่างท่านปรมาจารย์กงล้งกับจอมมารฉูฉางเมื่อสี่พันปีก่อนเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครรู้แน่ชัด มีเพียงจอมมารกับเจ้าเท่านั้นที่รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี ปู้ตานซินข้าหวังว่าเจ้าจะใช้เคล็ดวิชาท่องกาลเวลากลับไปยังความขัดแย้งนั้นเพื่อจะได้รู้ที่มาที่ไปแก้ไขได้ถูก”“ศิษย์น้อมบัญชา อาจารย์อา อาจารย์ที่ผ่านมาครั้งนั้น ปรมาจารย์กงล้งสละร่าง ครั้งนี้ข้าจำเป็นต้องทำแบบนั้นหรือไม่”“เกรงว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น เจ้าเท่ากับมีศัตรูถึงสอง ครั้งนี้คงหนีไม่พ้นเช่นกัน”หยางหว่านก้าวขาเข้ามา พร้อมกับจอกชาและกาน้ำร้อนในมือกกก๋ง ถอนหายใจส่ายหน้าไปมา“เรื่องรักใคร่หากยากสลัดทิ้งไป ย่อมส่งผลเสียมากมายตามมา”“อาจารย์ปู่ อาจารย์”ย่อตัวลงช้าๆ“หยางหว่าน อาจารย์ปู่มอบกร
“ความจริงคือข้าไม่เคยรู้ว่ามาก่อนว่ารองเจ้าสำนักกระบี่ฟ้ากงล้ง จะเป็นคนเดียวกับ กวงเสี่ยวอึ้งที่ข้าเคยรู้จัก..และมอบใจให้ ข้าเพียงแต่อยากมาช่วยพูดให้ท่านวางใจว่าฉูฉางจะวางมือด้วยไร้กังวล เขากลัวว่าสหายผู้หนึ่งจะเป็นกังวลเพราะเขา”พูดความจริงไร้การเสแสร้ง“ไม่จริง”ดึงรั้งร่างบางเข้าใกล้กดริมฝีปากบดเบียดอย่างบ้าคลั่ง ฟูเหยี่ยนหยางหว่านสะบัดฝ่ามือลงบนแก้มของกงล้งอย่างแรง“ไหนท่านบอกว่า ท่านตั้งใจฝึกตนเพื่อจะได้ เป็นสุดยอดฝีมือ แล้วยังมาสนใจข้าทำไมกัน เรื่องที่ท่านพูดล้วนปลิ้นปล้อนไม่จริงไปเสียทุกอย่าง ในใจไม่รู้สึกอะไรในเมื่อท่านสูญเสียข้าไป ท่านจึงรู้ว่าแค่เพียงเสียดาย หาได้เสียใจ”“ไม่ หยางหว่านข้ารักเจ้า ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไป หากเจ้าจะไปกับฉูฉางข้าจะฆ่าเขาเสีย”“คนรักกันจากกัน ไม่เจ็บซ้ำเท่ากับคนที่ไม่รักต้องอยู่ใกล้ตา ปล่อยข้ากับฉูฉางไปเสียท่านปรมาจารย์อย่าได้แค้นเคืองเราทั้งสองคนเลย”“เจ้าพูดเองคนรักกันจากกันไม่เจ็บซ้ำเท่าคนไม่รักกันใกล้กัน เช่นนั้นเจ้ากับฉูฉางคงไม่รู้สึกอะไรหากต้องจากกัน”สกัดจุดฟูเหยี่ยนหยางหว่านจนตัวแข็งทือ หอบเอาร่างบางจากไป“ข้าจะผนึกเจ้าจนกว่าฉูฉางจะเลิกตามหาเจ
“เจ้าเด็กโง่ หากมิใช่ดวงจิตอวตารของข้า เจ้าคิดว่าจะเข้ามาในนี้ได้ง่ายดายอย่างนั้นหรือต้องมีดวงจิตมารแอบแฝง จึงมองข้ามเรื่องคุณธรรมเสียสิ้น”“ใครกำหนดกันว่า สิ่งไหนคือคุณธรรมสิ่งไหนคือจิตมาร”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปลดปล่อยข้าสิแล้วเจ้าจะเข้าใจทุกอย่าง”คำพูดก้องในหัวของ จี้โม๋เหมือนเสียงสะท้อนในหุบเหวลึก ยกมือขึ้นอุดหูเสีย“โอหังเกินไปแล้ว เพียงแค่จอมมารปลายแถว ข้าเป็นถึงศิษย์เอกของท่านปรมาจารย์ปู้ตานซิน เจ้ากล้าโอหังกับข้าหรือ”ซัดฝ่ามือใส่ผนึก บางอย่างหมุนวนเข้าที่เดิม ทั้งพละกำลังและลมปราณที่รวบรวม คล้ายดังลมปราณของปู้ตานซินเมื่อก่อนหน้านั้น ผนึกสีฟ้าใสปริแตกเป็นรอยร้าวยาวเหยียด“ขอบใจที่ทำลายผนึกเพื่อข้า สมกับที่ข้ารอคอยเจ้ามาเนิ่นนาน เจ้ากับข้าไม่ต่างกัน เรารักมั่นกับนางผู้เดียว”“เจ้าหมายถึงเรื่องใดกัน”“จี้โม๋ อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ได้มีใจให้กับฟูเหยี่ยน หยางหว่าน”“หยางหว่าน เจ้าตั้งใจจะทำอะไร”“นางเกิดมาเพื่อเป็นของข้าและเจ้า”หลงตั๋วขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าองครักษ์ที่เฝ้าถ้ำต่างถูกสกัดจุดจนสิ้น คลายจุดที่สะกัดออกเสีย“ใครกันทำเรื่องเช่นนี้”“ไท่จือ ศิษย์พี่ของท่านจี้โม่เร้นกายเข้าไปข้างใน
หลุดออกมาจากด่านค่ายกล สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดด้านล่างอากาศบริสุทธิ์ไม่น้อย อาภรณ์ชุดดำที่สวมใส่ทำให้องอาจน่ามอง ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะต้องเผชิญมันอย่างเด็ดเดี่ยวและตั้งใจเหมือนเมื่อสี่พันปีที่ผ่านมา“พลั๊ก..."ร่างบอบบางของใครบางคนกระเด็นออกมาชนร่างเขาเข้าเต็มแรง ปู้ตานซินคว้าเอวกิ่วไว้แน่น“อะ อาจารย์”หยางหว่านนั้นเอง นางบุกบั่นฝ่าค่ายกลลงเขามา แต่เขาเพียงแค่โบกมือค่ายกลก็พร้อมจะเปิดอ้า แต่หยางหว่านนางจะใช้ความสามารถทั้งหมดผ่าด่านค่ายกลลงเขา“กลับขึ้นไปเสีย”“อาจารย์จะบ้าหรือ ข้าเพิ่งจะผ่าด่านค่ายกลลงมาแสนจะยากลำบากอาจารย์กลับบอกว่าให้กลับขึ้นไป”ช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนอุ้มไว้ทั้งตัว จะห่างนางกับอยากใกล้ คิดถึงรสจูบและรอยกอด“อาจารย์ท่านจะทำอะไร”เมินหน้าไม่มองหยางหว่านในอ้อมแขน“อาจารย์จะทำอะไร”เสียงเข้ม“ข้าจะพาเจ้ากลับไปส่งที่บนเขา”หยางหว่านดิ้น หลุดจากอ้อมแขนลงมายืนจ้องหน้าปู้ตานซิน“อาจารย์ ต้องเป็นข้าที่โกรธอาจารย์เพราะอาจารย์...จูบข้า”ปู้ตานซินถอนหายใจ หันหลังเดินหนี หยางหวานเดินมายืนเผชิญหน้าเขย่งตัวขึ้นจุมพิตที่ปากของปู้ตานซินอย่างจงใจ“หายกัน อาจารย์จูบข้า ข้าจูบอาจ
จะกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้ ตัวเจ้าก็เพียงกลับไปหลงกลรักของนางเช่นเดิม“อาจารย์ เรากำลังจะไปที่ไหนกัน”“หยางหว่านเจ้ารั้งอยู่กับบิดาเจ้า เสร็จเรื่องแล้วอาจารย์จะรับเจ้ากลับขึ้นเขา”น้ำเสียงเรียบเฉยไม่มีสีหน้าแสดงความกังวลหรือรู้สึกเช่นไร“แต่”“หยางหว่านมีบางอย่าง พลาดไป”“ไม่เป็นไรศิษย์ตั้งใจ ร่วมเดินทางอยู่แล้ว”“เจ้า ไม่ได้อยากร่วมเดินทางแค่เพียงอยากพบจี้โม่ เช่นนั้นเป็นข้าที่พาเขากลับมาหาเจ้าเอง”“อืม ศิษย์น้องจี้โม่ลงเขามานานแล้ว ข้ากำลังคิดถึงเขาพอดี อาจารย์กำลังจะตามเขากลับขึ้นเขาใช่หรือไม่”ดวงตาใสซื่อ แม้ปู้ตานซินจะพยายามคิดว่านางเป็นเช่นนี้ประจำอยู่แล้ว แต่ก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ หยางหว่านแสดงความดีใจเมื่อพูดถึงจี้โม่“รั้งอยู่กับบิดาเจ้า ข้าสัญญาจะพาเขากลับมา”จี้โม่ เร้นกายในถ้ำน้ำแข็ง ที่เคยเป็นที่ซ่อนกายของฉูฉาง ร่างฉูฉางที่ถูกผนึกนั้น กลับกลายเป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณรอวันเหี่ยวแห้ง ร่างกายของจี้โม่กลับ ทรงพลังมีลมปราณและกำลังวังชามากกว่าผู้ใด“ฆ่าปู้ตานซินเสีย ข้าจึงจะปล่อยเจ้า”ใบหน้าผลัดเปลี่ยนไปมาระหว่างใบหน้าของฉูฉางกับจี้โม่ จี้โม่กล้ำกลืนความเจ็บปวดเหมือนมีเข็มนับแสนนับล้