ปู้ตานซินปิดตัวเองไม่รับมันพยายามกลับมาแก้ไขด้วยตัวเขาเอง มีจิตใจคุณธรรมจึงยากที่ดวงจิตมารจะเข้าครอบงำแม้จะหลงใหลไปเพียงชั่วครู่ชั่วคราวทว่าสลัดทิ้งจนสิ้นไป นับว่ากล้าหาญไม่น้อย แต่ปู้ตานซินกับคาดไม่ถึงส่งศิษย์เอกที่มีดวงจิตมารเข้าใกล้จอมมารฉูฉางเสียแล้วยากจะแก้ไขเห็นที่นำเล็งกกก๋ง จะไม่อาจดูดาย
สำนักเกาซิ่ง
หวังต้าฉิน ถือพัดในมือเดินสำรวจตรวจตรา ศิษย์น้องที่กำลังร่ายรำเพลงกระบี่บ้างก็รวบรวมลมปราณทั้งบุกและตั้งรับ สิบกว่าปีมานี้อาจารย์แทบจะไม่ออกมาดูการฝึกสอนแค่เพียงจัดให้มีการประลองในแต่ละเดือนเฟ้นหาสุดยอดในบรรดาศิษย์แต่ละรุ่น ด่านค่ายกลของอาจารย์ล้วนพลิกผันไม่แน่นอน วันดีคืนดีก็ให้เขาพาศิษย์น้องทั้งหลายเข้าสู่ค่ายกลเพื่อที่จะฟันฝ่าออกมาเหมือนการลับคมมีด อีกทั้งยังสร้างความสามัคคี
“จอมยุทธ์”เสียงแหบแห้งเรียกหวังต้าฉินจากด้านหลังร่างสูงหันมองนำเส็งกกก๋ง ด้วยสายตาฉงนสนเท่ห์ดวงตามืดบอด
🤢🤢🤢🤢🤢มือเหี่ยวใช้คลำไปตามทางแทนดวงตาไม้เท้าโค้งงอเขี่ยมาที่ตัว หวังต้าฉินเบาๆ
“อาวุโส”
“ข้าหลงทางมา หลายวันไม่มีสิ่งใดตกถึงท้อง”
หวังต้าฉินใช่โง่งมเพียงอมยิ้มในหน้า ตามืดบอดทว่ารู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ อีกทั้งขึ้นเขาผ่าด่านค่านยกลมาเพียงนี้จะพูดว่าหลงทางค่ายกลของอาจารย์หาใช่ธรรมดาไม่
ตวัดพัดในมือจ่อที่คอหอย ผู้อาวุโสกลับเอื้อมมือหยิบพัดออกง่ายดาย ทั้งๆที่แม้แต่คนที่แข็งแกร่งหนุ่มแน่นยังไม่อาจง้างพัดของหวังต้าฉินออกจากคอหอยด้วยลมปราณที่แข็งแกร่งถูกส่งไปยังพัดในมือได้ แต่นี่กลับใช้เพียงมือเดียวเขี่ยพัดของเขาเหมือนกับเป็นเพียงแค่เศษใบไม้หล่นร่วงให้รำคาญใจ หวังต้าฉินกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ
“ท่านเป็นใคร”นำเส็งกงก๋ง ยิ้ม
“ไม่เลวทีเดียวลมปราณพิฆาตของเจ้า เอาเป็นว่าข้าเบื่อที่จะเล่นสนุกแล้ว ถูกจับได้ง่ายดายเพียงนี้ อาจารย์ของเจ้าข้าต้องการพบเขา”
“เขาตงกุ้ยของเราเป็นที่ตั้งสำนัก รายรอบเขาล้วนมีค่ายกล หากมิใช่เดือนจิ่วเยว่จึงยากจะขึ้นมาได้แม้แต่จอมยุทธ์หนุ่ม ที่ผ่านการฝึกฝนยังยากจะฝ่าขึ้นมา แต่ท่านกลับบอกว่าหลงทางหวังต้าฉินไม่อาจเชื่อได้ หวังว่าท่านคงมาดีหากมาร้ายป่านนี้สำนักเราคงแหลกเป็นผุยผงไปแล้วในเมื่อรับมือลมปราณพิฆาตของข้าได้ง่ายดายหาใช่คนธรรมดาไม่ อาวุโสเชิญทางนี้”ผายมือเชิญ
ปู้ตานซินอมยิ้ม ลืมตาขึ้นช้าๆ มองไปยังอาวุโสนำเส็งกงก๋ง
“อาจารย์อา ท่านมาถึงนี่ ศิษย์ไร้การต้อนรับต้องขออภัย”
“อืมมมสำนักเกาซิ่ง เลือกเอาเขาตงกุ้ยเป็นที่ตั้ง ทำเลดีเสียจริงข้าเพียงแค่แวะมาชื่นชมป้ายสำนักอันใหม่ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ปลดมันลงไม่ได้”
“555อาจารย์อาเย้าศิษย์เล่น หวังต้าฉินคารวะอาจารย์ปู๋กกก๋งและยกน้ำชาอาจารย์ปู่ดั้นด้นขึ้นเขามาเหนื่อยๆ ”
“หวังต้าฉินโง่งม ไม่รู้จักท่านปรมาจารย์กกก๋ง อาจารย์โปรดลงทัณฑ์ข้าเผลอตัวล่วงเกินท่านปรมาจารย์ไปเสียแล้ว”
“555นานๆ ได้ออกกำลังเสียที ลมปราณพิฆาตนับว่ามีอานุภาพไม่น้อย ปู้ตานซินสั่งสอนศิษย์ได้เยี่ยมยุทธ์เพียงนี้ ใครกันจะกล้าลงทัณฑ์ เขาว่าปรมาจารย์ดีสร้างจอมยุทธ์เก่ง นับถือนับถือ..”
ปู้ตานซินพยุงกกก๋งยังแท่นนั่ง
“เห็นหรือไม่หวังต้าฉิน ยังไม่รีบขอบคุณอาจารย์ปู่ แล้วรีบไปยกน้ำชามา”หวังต้าฉินยิ้มประสานมืออีกครั้ง
“ขอบคุณอาจารย์ปู่” โบกมือยิ้มๆ
สีหน้าของกกก๋งเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดเมื่ออยู่เพียงลำพังสองคนกกก๋งเป็นศิษย์ร่วมสำนักและเป็นศิษย์น้องของปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยง
“ปู้ตานซิน ข้าล้วนรับรู้เรื่องราวของเจ้าผิดถูกแม้ปะปน หลายอย่างกลับมาแก้ไขจึงดี เจ้ามาครั้งนี้สิ่งดีดีเกิดขึ้นมากมายแต่รู้หรือไม่ว่าเดินหมากผิดไป”
“อาจารย์ศิษย์ผิดไปแล้วย้อนกลับมาครั้งนี้ตั้งใจทำให้ดี ยังมีสิ่งใดผิดพลาดไปอีกหรือ”
“ครั้งนั้นเป็นเจ้าที่ถูกดึงดวงจิตมารออกมา แต่ครั้งนี้ศิษย์เอกที่ส่งไปกำลังจะกลายเป็นฝ่ายเดียวกับฉูฉาง”
“อาจารย์ศิษย์คาดไม่ถึงว่าเขาจะเข้าสู้ด้านมืด เห็นทีจะต้องรีบ พาเขาออกมาเสีย”
“ช้าไปแล้ว บัดนี้จอมมารฉูฉางสัมผัสได้ถึงดวงจิตมารของเขาเกรงว่าจะช้าไปแล้ว ตอนนี้ ตัวเขาเองก็ไม่ได้ต่อต้านแม้จะดึงตัวเขาออกมาก็เปล่าประโยชน์ข้าเพียงแค่มาบอกให้เจ้าระวังตัว หากจอมมารฉูฉางกับดวงจิตมารดวงใหม่ผนึกเข้าหากัน จะต้องเป็นภัยใหญ่หลวง ในตอนนั้นเป็นเจ้าที่ยอมสลายร่างคงพลังทิพย์จึงสามารถยับยั้งดวงจิตมารของตัวเองไม่ให้ก่อหายนะเพิ่มขึ้น ข้านับถือเจ้ายิ่งนักแต่ครั้งนี้ใช่ว่าจะควบคุมได้เสียหมดแม้จะกลับมาแก้ไขเพียงใดก็ยังมีข้อบกพร่อง”
“อาจารย์ศิษย์โง่งม”ก้มหน้ายอมรับผิดไม่บ่อยครั้งที่เขาจะรู้สึกผิดอย่างที่เป็นมีเพียงอาจารย์เขาเตี่ยงเลี่ยงเท่านั้นที่เขาจะก้มหน้าสำนึกผิดปรมาจารย์กกก๋งก็เป็นอีกคนที่ได้เห็นปู้ต่านซินในแบบนี้
“อย่าได้เสียใจไป ยังมีเวลาอีกมาก จอมมารฉูฉางเพียงส่งต่อพลังของเขาและความแค้นเคืองที่มีต่อเจ้า ศิษย์ของเจ้าคนนั้น จะกลายเป็นร่างอวาตารของจอมมารฉูฉางมีพลังเทียบเคียงจอมมารฉูฉางทว่าความแค้นที่อยู่กับเขาบวกกับเรื่องราวแต่หนหลัง ที่จอมมารตั้งใจให้เขารู้ เจ้าอาจจะสู้ศิษย์เจ้าคนนั้นไม่ได้ในเมื่อสองเป็นหนึ่ง เป็นเจ้าที่ต้องรับความแค้นนี้ไปแบบไม่อาจหลีกเลี่ยง”
“ศิษย์ต้องทำอย่างไร อาจารย์โปรดชี้แนะ”
“สละได้สละเสีย ปล่อยได้จึงปล่อยเสีย ยิ่งดื้อดึงยิ่งเจ็บปวด”
ปู้ตานซินเลิกคิ้วสูงความรู้สึกเสียใจแล่นเข้าสู่หัวใจของเขาในทันที
“อาจารย์ท่านจะช่วยศิษย์ต่อกรกับจอมมารในครั้งนี้หรือไม่”“ ข้าจะสละร่างในอีกห้าปีต่อจากนี้ คงไม่ทันได้ช่วยผ่อนหนักเบาช่วยเจ้า แต่ในคืนเดือนเพ็ญเดือนสือเอ้อเยว่ในปีที่สี่ ให้เจ้าลงเขาไปพบข้าเพื่อข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชา”“เรื่องนี้จอมมารฉูฉางจะรับรู้และได้ยินที่เราพูดกันทั้งหมด พลังของเขากล้าแกร่งอยู่ในผนึกยังสามารถดึงพลังลมปราณมาใช้ เพียงแต่ไม่สามารถออกมา เรื่องราวระหว่างท่านปรมาจารย์กงล้งกับจอมมารฉูฉางเมื่อสี่พันปีก่อนเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครรู้แน่ชัด มีเพียงจอมมารกับเจ้าเท่านั้นที่รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี ปู้ตานซินข้าหวังว่าเจ้าจะใช้เคล็ดวิชาท่องกาลเวลากลับไปยังความขัดแย้งนั้นเพื่อจะได้รู้ที่มาที่ไปแก้ไขได้ถูก”“ศิษย์น้อมบัญชา อาจารย์อา อาจารย์ที่ผ่านมาครั้งนั้น ปรมาจารย์กงล้งสละร่าง ครั้งนี้ข้าจำเป็นต้องทำแบบนั้นหรือไม่”“เกรงว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น เจ้าเท่ากับมีศัตรูถึงสอง ครั้งนี้คงหนีไม่พ้นเช่นกัน”หยางหว่านก้าวขาเข้ามา พร้อมกับจอกชาและกาน้ำร้อนในมือกกก๋ง ถอนหายใจส่ายหน้าไปมา“เรื่องรักใคร่หากยากสลัดทิ้งไป ย่อมส่งผลเสียมากมายตามมา”“อาจารย์ปู่ อาจารย์”ย่อตัวลงช้าๆ“หยางหว่าน อาจารย์ปู่มอบกร
“ความจริงคือข้าไม่เคยรู้ว่ามาก่อนว่ารองเจ้าสำนักกระบี่ฟ้ากงล้ง จะเป็นคนเดียวกับ กวงเสี่ยวอึ้งที่ข้าเคยรู้จัก..และมอบใจให้ ข้าเพียงแต่อยากมาช่วยพูดให้ท่านวางใจว่าฉูฉางจะวางมือด้วยไร้กังวล เขากลัวว่าสหายผู้หนึ่งจะเป็นกังวลเพราะเขา”พูดความจริงไร้การเสแสร้ง“ไม่จริง”ดึงรั้งร่างบางเข้าใกล้กดริมฝีปากบดเบียดอย่างบ้าคลั่ง ฟูเหยี่ยนหยางหว่านสะบัดฝ่ามือลงบนแก้มของกงล้งอย่างแรง“ไหนท่านบอกว่า ท่านตั้งใจฝึกตนเพื่อจะได้ เป็นสุดยอดฝีมือ แล้วยังมาสนใจข้าทำไมกัน เรื่องที่ท่านพูดล้วนปลิ้นปล้อนไม่จริงไปเสียทุกอย่าง ในใจไม่รู้สึกอะไรในเมื่อท่านสูญเสียข้าไป ท่านจึงรู้ว่าแค่เพียงเสียดาย หาได้เสียใจ”“ไม่ หยางหว่านข้ารักเจ้า ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไป หากเจ้าจะไปกับฉูฉางข้าจะฆ่าเขาเสีย”“คนรักกันจากกัน ไม่เจ็บซ้ำเท่ากับคนที่ไม่รักต้องอยู่ใกล้ตา ปล่อยข้ากับฉูฉางไปเสียท่านปรมาจารย์อย่าได้แค้นเคืองเราทั้งสองคนเลย”“เจ้าพูดเองคนรักกันจากกันไม่เจ็บซ้ำเท่าคนไม่รักกันใกล้กัน เช่นนั้นเจ้ากับฉูฉางคงไม่รู้สึกอะไรหากต้องจากกัน”สกัดจุดฟูเหยี่ยนหยางหว่านจนตัวแข็งทือ หอบเอาร่างบางจากไป“ข้าจะผนึกเจ้าจนกว่าฉูฉางจะเลิกตามหาเจ
“เจ้าเด็กโง่ หากมิใช่ดวงจิตอวตารของข้า เจ้าคิดว่าจะเข้ามาในนี้ได้ง่ายดายอย่างนั้นหรือต้องมีดวงจิตมารแอบแฝง จึงมองข้ามเรื่องคุณธรรมเสียสิ้น”“ใครกำหนดกันว่า สิ่งไหนคือคุณธรรมสิ่งไหนคือจิตมาร”“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ปลดปล่อยข้าสิแล้วเจ้าจะเข้าใจทุกอย่าง”คำพูดก้องในหัวของ จี้โม๋เหมือนเสียงสะท้อนในหุบเหวลึก ยกมือขึ้นอุดหูเสีย“โอหังเกินไปแล้ว เพียงแค่จอมมารปลายแถว ข้าเป็นถึงศิษย์เอกของท่านปรมาจารย์ปู้ตานซิน เจ้ากล้าโอหังกับข้าหรือ”ซัดฝ่ามือใส่ผนึก บางอย่างหมุนวนเข้าที่เดิม ทั้งพละกำลังและลมปราณที่รวบรวม คล้ายดังลมปราณของปู้ตานซินเมื่อก่อนหน้านั้น ผนึกสีฟ้าใสปริแตกเป็นรอยร้าวยาวเหยียด“ขอบใจที่ทำลายผนึกเพื่อข้า สมกับที่ข้ารอคอยเจ้ามาเนิ่นนาน เจ้ากับข้าไม่ต่างกัน เรารักมั่นกับนางผู้เดียว”“เจ้าหมายถึงเรื่องใดกัน”“จี้โม๋ อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่ได้มีใจให้กับฟูเหยี่ยน หยางหว่าน”“หยางหว่าน เจ้าตั้งใจจะทำอะไร”“นางเกิดมาเพื่อเป็นของข้าและเจ้า”หลงตั๋วขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าองครักษ์ที่เฝ้าถ้ำต่างถูกสกัดจุดจนสิ้น คลายจุดที่สะกัดออกเสีย“ใครกันทำเรื่องเช่นนี้”“ไท่จือ ศิษย์พี่ของท่านจี้โม่เร้นกายเข้าไปข้างใน
หลุดออกมาจากด่านค่ายกล สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอดด้านล่างอากาศบริสุทธิ์ไม่น้อย อาภรณ์ชุดดำที่สวมใส่ทำให้องอาจน่ามอง ต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะต้องเผชิญมันอย่างเด็ดเดี่ยวและตั้งใจเหมือนเมื่อสี่พันปีที่ผ่านมา“พลั๊ก..."ร่างบอบบางของใครบางคนกระเด็นออกมาชนร่างเขาเข้าเต็มแรง ปู้ตานซินคว้าเอวกิ่วไว้แน่น“อะ อาจารย์”หยางหว่านนั้นเอง นางบุกบั่นฝ่าค่ายกลลงเขามา แต่เขาเพียงแค่โบกมือค่ายกลก็พร้อมจะเปิดอ้า แต่หยางหว่านนางจะใช้ความสามารถทั้งหมดผ่าด่านค่ายกลลงเขา“กลับขึ้นไปเสีย”“อาจารย์จะบ้าหรือ ข้าเพิ่งจะผ่าด่านค่ายกลลงมาแสนจะยากลำบากอาจารย์กลับบอกว่าให้กลับขึ้นไป”ช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนอุ้มไว้ทั้งตัว จะห่างนางกับอยากใกล้ คิดถึงรสจูบและรอยกอด“อาจารย์ท่านจะทำอะไร”เมินหน้าไม่มองหยางหว่านในอ้อมแขน“อาจารย์จะทำอะไร”เสียงเข้ม“ข้าจะพาเจ้ากลับไปส่งที่บนเขา”หยางหว่านดิ้น หลุดจากอ้อมแขนลงมายืนจ้องหน้าปู้ตานซิน“อาจารย์ ต้องเป็นข้าที่โกรธอาจารย์เพราะอาจารย์...จูบข้า”ปู้ตานซินถอนหายใจ หันหลังเดินหนี หยางหวานเดินมายืนเผชิญหน้าเขย่งตัวขึ้นจุมพิตที่ปากของปู้ตานซินอย่างจงใจ“หายกัน อาจารย์จูบข้า ข้าจูบอาจ
จะกลับไปแก้ไขสิ่งใดได้ ตัวเจ้าก็เพียงกลับไปหลงกลรักของนางเช่นเดิม“อาจารย์ เรากำลังจะไปที่ไหนกัน”“หยางหว่านเจ้ารั้งอยู่กับบิดาเจ้า เสร็จเรื่องแล้วอาจารย์จะรับเจ้ากลับขึ้นเขา”น้ำเสียงเรียบเฉยไม่มีสีหน้าแสดงความกังวลหรือรู้สึกเช่นไร“แต่”“หยางหว่านมีบางอย่าง พลาดไป”“ไม่เป็นไรศิษย์ตั้งใจ ร่วมเดินทางอยู่แล้ว”“เจ้า ไม่ได้อยากร่วมเดินทางแค่เพียงอยากพบจี้โม่ เช่นนั้นเป็นข้าที่พาเขากลับมาหาเจ้าเอง”“อืม ศิษย์น้องจี้โม่ลงเขามานานแล้ว ข้ากำลังคิดถึงเขาพอดี อาจารย์กำลังจะตามเขากลับขึ้นเขาใช่หรือไม่”ดวงตาใสซื่อ แม้ปู้ตานซินจะพยายามคิดว่านางเป็นเช่นนี้ประจำอยู่แล้ว แต่ก็อดที่จะน้อยใจไม่ได้ หยางหว่านแสดงความดีใจเมื่อพูดถึงจี้โม่“รั้งอยู่กับบิดาเจ้า ข้าสัญญาจะพาเขากลับมา”จี้โม่ เร้นกายในถ้ำน้ำแข็ง ที่เคยเป็นที่ซ่อนกายของฉูฉาง ร่างฉูฉางที่ถูกผนึกนั้น กลับกลายเป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณรอวันเหี่ยวแห้ง ร่างกายของจี้โม่กลับ ทรงพลังมีลมปราณและกำลังวังชามากกว่าผู้ใด“ฆ่าปู้ตานซินเสีย ข้าจึงจะปล่อยเจ้า”ใบหน้าผลัดเปลี่ยนไปมาระหว่างใบหน้าของฉูฉางกับจี้โม่ จี้โม่กล้ำกลืนความเจ็บปวดเหมือนมีเข็มนับแสนนับล้
“ข้ามีลูกของเขาอยู่ในครรภ์ กงล้งปล่อยข้าไปเสีย ข้ากับฉูฉางสัญญาจะไม่กลับมาที่นี่อีก ท่านเป็นถึงปรมาจารย์อีกทั้งยังหนุ่มแน่นคาดว่าไม่นานจะต้องพบรักแท้”“รักแท้ของข้ามีเพียงเจ้าฟูเหยี่ยน หยางหว่าน”“ท่านแค่เพียงรู้สึกเสียดาย รู้สึกว่าฉูฉางเหนือกว่าท่าน เพราะข้าเลือกเขา หากนานไปท่านก็จะรู้ว่า ยังมีหญิงอื่นที่คู่ควรท่าน ข้าหาคู่ควรไม่ปล่อยข้าไปเสีย”“ไม่ไม่...ไม่มีทาง" โถมร่างเข้าใส่กอดจูบพัลวัน ร่างเล็กของหยางหว่านไม่อาจต่อต้านขัดขืน“ได้โปรดกงล้งปล่อยข้าไปเสีย”“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้ารักฉูฉาง เจ้าแค่เพียงหาใครสักคนแทนที่ข้า ในเมื่อมีข้าแล้วเขาก็หมดประโยชน์”หยางหว่านหลับตาลงช้าๆ ไล่หยาดน้ำตาเมื่อร่างใหญ่เปลือยเปล่ากอดรัดอยู่บนแท่นนอน บทรักเร่าร้อนกลายเป็นอ่อนหวานอ่อนโยน ไม่อาจต่อสู้ขัดขืนยอมให้เข้าครอบครองร่างกายแม้จะบอกว่าไม่เต็มใจ แต่ภายในใจกับไม่อาจต้านทาน ไฟเสน่หาทั้งๆ ที่ในครรภ์มีเลือดเนื้อเชื้อไขของฉูฉางในนั้น สะอื้นไห้ปานจะขาดใจ กงล้งจูบซับน้ำตากอดรวบร่างบาง ด้วยความรักดั่งดวงใจ“ข้าไม่เคยลืมเจ้า ข้าไม่เคยไม่รักเจ้าฟูเหยี่ยนหยางหว่าน ลืมฉูฉางเสีย แล้วอยู่กับข้า ข้ารับรองจะรักและดูแลเ
“จี้โม่ ช้าไปแล้วจี้โม่แอบเข้าไปในถ้ำที่ผนึกจอมมารฉูฉาง ตอนนี้หนีหายไปไม่มีผู้ใดพบเห็น”“ศิษย์พี่ท่านว่ามีความเป็นไปได้เพียงใด ที่จี้โม่จะเป็นผู้ทำร้ายปู้ตานซิน”ป้อก้านส่ายหน้าไปมา“จี้โม่ จะต่อกรกับปู้ตานซินที่เป็นอาจารย์ได้อย่างไร นอกจาก…จะได้พลังมารจากจอมมารฉูฉาง”“ศิษย์พี่ อย่างนั้นแสดงว่าปู้ตานซินรู้เรื่องนี้ดี”“ปิดสำนักสร้างค่ายกล ป้องกันสำนักไว้ ข้าจำต้องช่วยปู้ตานซินเสียเดี๋ยวนี้ หากจี่โม่หรือจอมมารฉูฉางมาตามหาปู้ตานซินที่นี่เกรงว่าเราไม่อาจปกป้องเขา”“ท่านพ่อจะช่วยอาจารย์ได้อย่างไร”หยางหว่านสีหน้าเป็นกังวล“ข้าจะต้องถ่ายลมปราณบางส่วนให้เขา อาจพอให้อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้นแต่อาจไม่สามารถช่วยได้มากด้วยความที่ปู้ตานซินเป็นถึงปรมาจารย์ลมปราณของเขาสูงส่งกว่าข้าไม่น้อย หากจะให้เขาดีขึ้นจนเป็นปกติจะต้องใช้ลมปราณของ พวกเราถึงสองคน”ป้อคุนรีบออกตัว“ศิษย์พี่ หากจอมมารมาที่นี่เราสองคนไม่มีใครเหลือพลังลมปราณเกรงว่า สำนักป้อหยางของเราจะราบเป็นหน้ากลอง”ป้อก้านพยักหน้าแม้จะห่วงปู้ตานซินแค่ไหนแต่ก็ห่วงสำนักที่สร้างมากับมือมากกว่า“เช่นนั้นให้ข้าถ่ายลมปราณให้เขาเพียงคนเดียวส่วนเจ้าระหว่างนี้
“อาจารย์ ก่อนหน้านั้นข้าไม่ได้สติอาจารย์ทำเรื่องใดก็ไม่ต้องเสียสละรับผิดชอบในตัวเข้าก็ได้ ถือเสียว่าเรื่องนี้มิได้เกิดขึ้นมาก่อน”แกล้งพูด หยั่งเชิงดูว่าปู้ตานซินจะเป็นบุรุษที่เป็นบุรุษจริงๆหรือไม่เสียที เสียแล้วหยางหว่านในเมื่อปู้ตานซินหลับตาลงช้าๆบีบรัดดวงจิตเข้าไปอ่านใจที่ภายในนั้นมีแต่ความคิดอยากให้อาจารย์แสดงความรักใคร่ในนั้น ปูู้ตานซินยิ้ม กว้างก่อนจะลืมตาขึ้นช้าๆ สมใจแล้วมิใช่หรือ“เช่นนั้นยามนี้ยามที่เจ้ามีสติสมบูรณ์ข้าจัดการ เจ้าเสียให้เจ้าได้รับรู้ว่าเป็นของข้าแล้ว อย่างไม่อาจปฏิเสธ” ก้มลงรั้งร่างบางลงบนแท่นนอนกดริมฝีปากบดเบียดเร่าร้อนด้วยไฟสวาทไม่อาจมอดดับลงง่ายๆในเมื่อปู้ตานซิน ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งรัก“อะ อาจารย์”“ข้าต้องการเจ้าหย่างหว่าน อย่าบอกว่าเจ้าไม่ต้องการข้าอย่าได้ปากแข็งอีกเลย ใจเราสองตรงกันเพียงนี้ เป็นของข้าเสียแล้วอย่าบอกว่าเจ้าไม่ได้รับรู้ม้น ว่าข้าต้องการเจ้าแค่ไหน อาจารย์ต่อแต่นี้จะรักเจ้าเพียงคนเดียวไม่เกรงว่าจะต้องเจอเรื่องราวเลวร้ายหรือทุกอย่างจะซ้ำรอยเดิม ขอเพียงให้ได้อยู่กับเจ้าได้มีเจ้าข้างกายไก้กอดจูบเจ้าก็พอแล้ว” ปลดแกะอาภรณ์ทั้งที่เพิ่งจะสวม