Share

สิบปีผ่านไป

“ศิษย์ลงเขาไปครั้งนี้แม้ไม่อันตรายเท่าไหร่ ทว่าบนเขายังมีเรื่องให้ต้องห่วง”

ไม่ต้องเอ่ยปากปู้ตานซินก็เข้าใจว่าจี้โม่ห่วงใยหยางหว่านกลัวว่านางจะคิดถึงเขา เหอะ ไม่มีทางข้าจะทำให้นางลืมเลือน ม้าไม้ไผ่เช่นเจ้าไปเสีย

“บนเขาปลอดภัยยิ่งมีสิ่งใดให้ห่วงใย”แสร้งทำเป็นไขสือ

“ข้าห่วงยิ่งคืออาจารย์ ที่จะขาดคนคอยปรนนิบัติ อีกทั้งคนอื่นอาจไม่ถูกใจทันใจเช่นจี้โม่ ครั้งนี้หวังว่าศิษย์พี่จะรับปากปรนนิบัติอาจารย์แทนข้า ข้าจึงวางใจลงไปทำหน้าที่แทนศิษย์ทั้งหลายของสำนักเกาซิ่ง อย่างดีที่สุด”

ปู้ตานซินอยากจะใช้เคล็ดวิชาอ่านใจ ก่อนจะยิ้ม ห่วงข้าเจ้าแน่ใจหรือว่าห่วงข้ามิได้ห่วงหยางหว่าน

“ศิษย์น้องจี้โม่เจ้าไม่ต้องห่วงอาจารย์ ศิษย์พี่ต้าฉินจะปรนนิบัติอาจารย์แทนเจ้าลงเขาไปด้วยความวางใจเจ้าทำเพื่อสำนักของเรา ล้วนเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง”ปู้ตานซินลืมตาขึ้นช้าๆ

“หยางหว่านข้าดูแลนางแทนเจ้าไม่ต้องห่วง นางเป็นศิษย์พี่ของเจ้า นางก็เป็นศิษย์ของข้าเช่นกัน”

พูดในสิ่งที่อ่านใจได้มา จี้โม่ซ่อนยิ้มบางๆ เมื่ออาจารย์ล่วงรู้สิ่งที่เก็บงำในใจ

“ข้าห่วงนางเพียงส่วนหนึ่งในเมื่อข้ากับนาง ขึ้นเขาพร้อมกัน ตอนนี้วรยุทธ์ของเราสองก็ก้าวหน้าไปมาก จึงอยากจะขออนุญาตอาจารย์พาศิษย์พี่ลงเขาไปพร้อมกันกลับไปเยี่ยมบิดาและมารดาของเราทั้งสอง”

ปู้ตานซิน ซ่อนยิ้มเย็นเฉียบเช่นกัน หากจี้โม๋อ่านใจได้เช่นเดียวกันกับปู้ตานซินก็จะรู้ว่าปู้ตานซินไม่มีทางยอม

“อาจารย์”

 ร่างชดช้อยของหยางหว่านก้าวเข้ามาข้างใน ใบหน้างดงามช้อนดวงตากลมโตขึ้นมองอาจารย์หลังจากที่ประสานมือ ใบหน้าสวยสดไม่ว่าจะมองครั้งใดปู้ตานซิน หัวใจสั่นไหวทุกครั้งทั้งๆ ที่พยายามห้ามใจครั้งแล้วครั้งเล่าว่ากลับมาครั้งนี้เขาต้องไม่หลงใหลในความเป็นหยางหว่าน เดิมเคยคิดว่าเป็นเขาที่เข้าสู่ด้านมืดจึงหลงใหลนางง่ายดาย แต่ตอนนี้ปู้ตานซินรู้แล้วว่า เป็นเพราะเขามีใจปฏิพัทธ์หยางหว่านจริงๆ

“ข้าให้เจ้าตัดสินใจ”

“ศิษย์น้องข้าไม่ลงเขากับเจ้า ศิษย์น้องหลงตั๋วเหมาะที่จะลงไปกับเจ้า เขาผ่านการฝึกปรือมาอย่างดีอีกทั้งฝีมือก้าวหน้า ขึ้นเขาลงเขาเป็นว่าเล่นจึงเหมาะจะลงเขาเป็นเพื่อนเจ้าอีกอย่างหน้าที่ไท่จือของเขาไม่อาจละเลย ครั้งนี้ลงเขาไปคงกลับไปทำหน้าที่ของเขาได้เต็มที่เสียที”

หลงตั๋วขึ้นลงเขาเพื่อสานสัมพันธ์กับหลินอี้หลิวผู้นั้น อย่างที่เขาอยากให้เป็นจึงไม่เคยห่วงห้ามหากหลงตั๋วจะขึ้นจะลงเขา

แต่ปู้ตานซินคิดไม่ถึงว่า หยางหว่านจะปฏิเสธที่จะลงเขาไปพร้อมจี้โม่น่าจะหาโอกาส อยู่กันเพียงลำพังตามประสาคนรักกัน ไม่มีก้างขวางคอเหตุใดนางจึงปฏิเสธ

อยากใช้วิชาอ่านใจทว่า เพิ่งจะใช้ไปต้องรอถึงหนึ่งชั่วยามจึงจะใช้ได้อีกครั้งจะใช้พร่ำเพรื่อก็จะทำให้สูญเสียลมปราณมากไป

 ว่าถึงการอ่านใจ เขาต้องเดินลมปราณ บีบรัดดวงจิตตัวเองให้กลายเป็นธุลีเพื่อที่จะเล็ดลอดเข้าทางจมูกวิ่งเข้าสู่เส้นเลือด ทะลุไปยังสมองที่สั่งการณ์ค้นดูความคิดภายในของคนผู้นั้นว่าเก็บซ่อนสิ่งใดไว้ ต้องทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว จนคนผู้นั้นไม่ทันสังเกตว่าเขากำลังหลับตา เพื่อเดินลมปราณบีบรัดดวงจิต

“ศิษย์พี่ ท่านไม่อยากไปเยี่ยมบิดาท่านกับมารดาท่านหรือไร”

น้ำเสียงแม้จะอ่อนโยนแต่เหมือนคาดคั้นในที

“เป็นการวุ่นวายเจ้าเสียเปล่า เจ้าไปครั้งนี้เพื่อทำหน้าที่แทนสำนักเกาซิ่งของเราหากข้าติดตามเพื่อลงไปเยี่ยมบิดา ไม่น่าอายไปหน่อยหรือ คนจะครหาว่าสำนักเราไม่ให้ความสำคัญกับการส่งยอดฝีมือลงไป เพียงแต่พาคนนู้นคนนี้ขึ้นลงเขา ได้ตามใจ”

“แล้วทำไมให้ศิษย์น้องไท่จือลงไปกับข้าแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นเขาครหาหรือไร”

น้ำเสียงแม้จะเรียบเฉย ท่าทีแม้จะองอาจทว่าคำพูดของจี้โม่ล้วนมาจากใจตัดพ้อหยางหว่านดังเช่นคนรักกันตัดพ้อต่อว่ากัน ปู้ตานซินลุกขึ้นยืน หวังต้าฉินรีบเข้าพยุง

“ข้าจะ ออกไปด้านนอกสูดอากาศบริสุทธิ์ ที่นี่...เริ่มมีกลิ่นน้ำส้ม”เป็นเพียงความคิดในใจหาได้พูดออกมาไม่

ก้าวเดินออกไปข้างนอกนึกกระหยิ่มในใจว่าหยางหว่านไม่อยากลงไปกับจี้โม่ ช่างเป็นเรื่องที่ดีเสียจริง มิตรภาพยามคับขันเกิดขึ้นง่ายดาย หากปล่อยให้สองคนใกล้ชิดกันเกรงว่าไม่อาจ ทำลายเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ได้แน่

“อาจารย์จอมมารฉูฉางเป็น วิกฤติของจอมยุทธ์โดยแท้ อาจารย์คิดว่าจะมีใครผนึกจอมมาร ฉูฉางได้อีกครั้งไหม”ยิ้มบางๆ

“มีบางอย่างที่ ..ผิดเวลาไป.ความจริงจอมมารฉูฉางจะสามารถเปิดผนึกออกได้เมื่อผนึกอายุได้สี่พันปี แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปสี่ัพันปีไปไม่เท่าไหร่ ซึ่งถือว่าผนึกเริ่มจะปริแตกยังไม่แน่ชัดว่ากี่ปีอาจสิบปียี่สิบปีหรืออีกพันปี จอมมารฉูฉางจะสามารถออกมาจากผนึกได้ เวลาแห่งหายนะจึงจะมาถึง ด้วยจอมมารฉูฉางจะดูดกลืนลมปราณและวิญญาณของเหล่าปรมาจารย์และจอมยุทธ์มากฝีมือเพื่อส่งเสริมพลังของเขา ให้ยิ่งใหญ่ มีเพียงทางเดียวคือยอมเป็นทาสของเขา อีกทั้งวันหนึ่งวันหนึ่งจอมมารฉูฉางมักดื่มเลือดมนุษย์เพื่อใช้เป็นยาอายุวัฒนะคงความอ่อนเยาว์” ปู้ตานซินยังจำใบหน้าหล่อเหลาในผนึกได้ติดตา อายุของจอมมารฉูฉางคงหลายพันปีทว่าใบหน้ากับยังอ่อนเยาว์ราวเด็กหนุ่ม

“ห้าสำนักใหญ่ล้วนตื่นตระหนก งานประชุมชาวยุทธ์ครั้งก่อนปรมาจารย์ทั้งห้าถึงกับ เฝ้าวนเวียนสังเกตการณ์”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status