“ศิษย์ลงเขาไปครั้งนี้แม้ไม่อันตรายเท่าไหร่ ทว่าบนเขายังมีเรื่องให้ต้องห่วง”
ไม่ต้องเอ่ยปากปู้ตานซินก็เข้าใจว่าจี้โม่ห่วงใยหยางหว่านกลัวว่านางจะคิดถึงเขา เหอะ ไม่มีทางข้าจะทำให้นางลืมเลือน ม้าไม้ไผ่เช่นเจ้าไปเสีย
“บนเขาปลอดภัยยิ่งมีสิ่งใดให้ห่วงใย”แสร้งทำเป็นไขสือ
“ข้าห่วงยิ่งคืออาจารย์ ที่จะขาดคนคอยปรนนิบัติ อีกทั้งคนอื่นอาจไม่ถูกใจทันใจเช่นจี้โม่ ครั้งนี้หวังว่าศิษย์พี่จะรับปากปรนนิบัติอาจารย์แทนข้า ข้าจึงวางใจลงไปทำหน้าที่แทนศิษย์ทั้งหลายของสำนักเกาซิ่ง อย่างดีที่สุด”
ปู้ตานซินอยากจะใช้เคล็ดวิชาอ่านใจ ก่อนจะยิ้ม ห่วงข้าเจ้าแน่ใจหรือว่าห่วงข้ามิได้ห่วงหยางหว่าน
“ศิษย์น้องจี้โม่เจ้าไม่ต้องห่วงอาจารย์ ศิษย์พี่ต้าฉินจะปรนนิบัติอาจารย์แทนเจ้าลงเขาไปด้วยความวางใจเจ้าทำเพื่อสำนักของเรา ล้วนเป็นสิ่งที่น่ายกย่อง”ปู้ตานซินลืมตาขึ้นช้าๆ
“หยางหว่านข้าดูแลนางแทนเจ้าไม่ต้องห่วง นางเป็นศิษย์พี่ของเจ้า นางก็เป็นศิษย์ของข้าเช่นกัน”
พูดในสิ่งที่อ่านใจได้มา จี้โม่ซ่อนยิ้มบางๆ เมื่ออาจารย์ล่วงรู้สิ่งที่เก็บงำในใจ
“ข้าห่วงนางเพียงส่วนหนึ่งในเมื่อข้ากับนาง ขึ้นเขาพร้อมกัน ตอนนี้วรยุทธ์ของเราสองก็ก้าวหน้าไปมาก จึงอยากจะขออนุญาตอาจารย์พาศิษย์พี่ลงเขาไปพร้อมกันกลับไปเยี่ยมบิดาและมารดาของเราทั้งสอง”
ปู้ตานซิน ซ่อนยิ้มเย็นเฉียบเช่นกัน หากจี้โม๋อ่านใจได้เช่นเดียวกันกับปู้ตานซินก็จะรู้ว่าปู้ตานซินไม่มีทางยอม
“อาจารย์”
ร่างชดช้อยของหยางหว่านก้าวเข้ามาข้างใน ใบหน้างดงามช้อนดวงตากลมโตขึ้นมองอาจารย์หลังจากที่ประสานมือ ใบหน้าสวยสดไม่ว่าจะมองครั้งใดปู้ตานซิน หัวใจสั่นไหวทุกครั้งทั้งๆ ที่พยายามห้ามใจครั้งแล้วครั้งเล่าว่ากลับมาครั้งนี้เขาต้องไม่หลงใหลในความเป็นหยางหว่าน เดิมเคยคิดว่าเป็นเขาที่เข้าสู่ด้านมืดจึงหลงใหลนางง่ายดาย แต่ตอนนี้ปู้ตานซินรู้แล้วว่า เป็นเพราะเขามีใจปฏิพัทธ์หยางหว่านจริงๆ
“ข้าให้เจ้าตัดสินใจ”
“ศิษย์น้องข้าไม่ลงเขากับเจ้า ศิษย์น้องหลงตั๋วเหมาะที่จะลงไปกับเจ้า เขาผ่านการฝึกปรือมาอย่างดีอีกทั้งฝีมือก้าวหน้า ขึ้นเขาลงเขาเป็นว่าเล่นจึงเหมาะจะลงเขาเป็นเพื่อนเจ้าอีกอย่างหน้าที่ไท่จือของเขาไม่อาจละเลย ครั้งนี้ลงเขาไปคงกลับไปทำหน้าที่ของเขาได้เต็มที่เสียที”
หลงตั๋วขึ้นลงเขาเพื่อสานสัมพันธ์กับหลินอี้หลิวผู้นั้น อย่างที่เขาอยากให้เป็นจึงไม่เคยห่วงห้ามหากหลงตั๋วจะขึ้นจะลงเขา
แต่ปู้ตานซินคิดไม่ถึงว่า หยางหว่านจะปฏิเสธที่จะลงเขาไปพร้อมจี้โม่น่าจะหาโอกาส อยู่กันเพียงลำพังตามประสาคนรักกัน ไม่มีก้างขวางคอเหตุใดนางจึงปฏิเสธ
อยากใช้วิชาอ่านใจทว่า เพิ่งจะใช้ไปต้องรอถึงหนึ่งชั่วยามจึงจะใช้ได้อีกครั้งจะใช้พร่ำเพรื่อก็จะทำให้สูญเสียลมปราณมากไป
ว่าถึงการอ่านใจ เขาต้องเดินลมปราณ บีบรัดดวงจิตตัวเองให้กลายเป็นธุลีเพื่อที่จะเล็ดลอดเข้าทางจมูกวิ่งเข้าสู่เส้นเลือด ทะลุไปยังสมองที่สั่งการณ์ค้นดูความคิดภายในของคนผู้นั้นว่าเก็บซ่อนสิ่งใดไว้ ต้องทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว จนคนผู้นั้นไม่ทันสังเกตว่าเขากำลังหลับตา เพื่อเดินลมปราณบีบรัดดวงจิต
“ศิษย์พี่ ท่านไม่อยากไปเยี่ยมบิดาท่านกับมารดาท่านหรือไร”
น้ำเสียงแม้จะอ่อนโยนแต่เหมือนคาดคั้นในที
“เป็นการวุ่นวายเจ้าเสียเปล่า เจ้าไปครั้งนี้เพื่อทำหน้าที่แทนสำนักเกาซิ่งของเราหากข้าติดตามเพื่อลงไปเยี่ยมบิดา ไม่น่าอายไปหน่อยหรือ คนจะครหาว่าสำนักเราไม่ให้ความสำคัญกับการส่งยอดฝีมือลงไป เพียงแต่พาคนนู้นคนนี้ขึ้นลงเขา ได้ตามใจ”
“แล้วทำไมให้ศิษย์น้องไท่จือลงไปกับข้าแบบนี้ไม่กลัวคนอื่นเขาครหาหรือไร”
น้ำเสียงแม้จะเรียบเฉย ท่าทีแม้จะองอาจทว่าคำพูดของจี้โม่ล้วนมาจากใจตัดพ้อหยางหว่านดังเช่นคนรักกันตัดพ้อต่อว่ากัน ปู้ตานซินลุกขึ้นยืน หวังต้าฉินรีบเข้าพยุง
“ข้าจะ ออกไปด้านนอกสูดอากาศบริสุทธิ์ ที่นี่...เริ่มมีกลิ่นน้ำส้ม”เป็นเพียงความคิดในใจหาได้พูดออกมาไม่
ก้าวเดินออกไปข้างนอกนึกกระหยิ่มในใจว่าหยางหว่านไม่อยากลงไปกับจี้โม่ ช่างเป็นเรื่องที่ดีเสียจริง มิตรภาพยามคับขันเกิดขึ้นง่ายดาย หากปล่อยให้สองคนใกล้ชิดกันเกรงว่าไม่อาจ ทำลายเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ได้แน่
“อาจารย์จอมมารฉูฉางเป็น วิกฤติของจอมยุทธ์โดยแท้ อาจารย์คิดว่าจะมีใครผนึกจอมมาร ฉูฉางได้อีกครั้งไหม”ยิ้มบางๆ
“มีบางอย่างที่ ..ผิดเวลาไป.ความจริงจอมมารฉูฉางจะสามารถเปิดผนึกออกได้เมื่อผนึกอายุได้สี่พันปี แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปสี่ัพันปีไปไม่เท่าไหร่ ซึ่งถือว่าผนึกเริ่มจะปริแตกยังไม่แน่ชัดว่ากี่ปีอาจสิบปียี่สิบปีหรืออีกพันปี จอมมารฉูฉางจะสามารถออกมาจากผนึกได้ เวลาแห่งหายนะจึงจะมาถึง ด้วยจอมมารฉูฉางจะดูดกลืนลมปราณและวิญญาณของเหล่าปรมาจารย์และจอมยุทธ์มากฝีมือเพื่อส่งเสริมพลังของเขา ให้ยิ่งใหญ่ มีเพียงทางเดียวคือยอมเป็นทาสของเขา อีกทั้งวันหนึ่งวันหนึ่งจอมมารฉูฉางมักดื่มเลือดมนุษย์เพื่อใช้เป็นยาอายุวัฒนะคงความอ่อนเยาว์” ปู้ตานซินยังจำใบหน้าหล่อเหลาในผนึกได้ติดตา อายุของจอมมารฉูฉางคงหลายพันปีทว่าใบหน้ากับยังอ่อนเยาว์ราวเด็กหนุ่ม
“ห้าสำนักใหญ่ล้วนตื่นตระหนก งานประชุมชาวยุทธ์ครั้งก่อนปรมาจารย์ทั้งห้าถึงกับ เฝ้าวนเวียนสังเกตการณ์”
“เดิมเป็นปรมาจารย์กงล้งที่ผนึกจอมารฉูฉางไว้จนตัวเองสละร่างพาวิญญาณล่องลอยสู่สรวงสวรรค์ กระนั้นก็ยังประกาศว่าจะกลับมาในรอบสีพันปีเพื่อผนึกจอมมารฉูฉางเมื่อถึงเวลาอีกครั้ง”“อาจารย์แล้วทำไมเราไม่ค้นหาร่างอวตารของท่านปรมาจารย์กงล้ง”รีบหลบตาทันที ความลับนี้มีเพียงเขาและท่านปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงที่รู้ผู้อื่นไม่มีใครสืบรู้เรื่องนี้ด้วย อาจารย์ของเขาปรมาจารย์เตี่ยงเลี่ยงเป็นผู้ที่มีเคล็ดวิชาท่องกาลเวลาจึงสืบรู้ได้ว่าใครกันที่เป็นร่างอวตารของปรมาจารย์กงล้งเขาจึงได้รับเคล็ดวิชามาจากอาจารย์ทั้งหมดหาใช่เรื่องบังเอิญที่เหล่าจอมยุทธ์หรือศิษย์พี่ของเขาพูดกันไม่ อาจารย์ต้องการมอบเคล็ดวิชาให้เขาเพื่อจะได้ ผนึกจอมมารฉูฉางไว้อีกครั้ง นั่นเอง“อาจารย์ข้านึกออกแล้ว หวังต้าฉินอาสาสืบเสาะหาร่างอวตารของปรมาจารย์กงล้งดีไหม”“เดี๋ยว”ยกมือห้ามทันควัน“อาจารย์ อย่าห้ามศิษย์เลยถ้าปล่อยให้จอมมารฉูฉาง ทำลายผนึกออกมาได้ย่อมไม่เป็นเรื่องดี” เขาตอนนี้ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ฝึกลมปราณในทุกวัน หาวิธีสร้างผนึกที่แข็งแกร่ง นับว่าเขาประสบความสำเร็จไม่น้อย เดิมเขาสังหารปีศาจพรายน้ำ แต่ตอนนี้อดีตที่ผ่านมาทำให้เขาคิดค้นวิธีสร้างผ
ยกถ้วยซุบขึ้นซดอีกครั้ง“อาจารย์” เอื้อมมือยื้อถ้วยน้ำแกงไว้ มองสบตาดวงตาใส น่าเอ็นดูยิ่งนักปู้ตานซินปล่อยมือ หยางหว่านดึงมันออกมา บรรจงเป่าเบาๆ ไปที่นำซุบที่มีไอร้อนลอยอ้อยอิ่ง“มันร้อนไปนี่เอง หยางหว่านไม่ทันระวังทำเอาอาจารย์สำลัก ให้หยางหว่านเปาให้มันอุ่น อาจารย์จะได้กินได้สะดวกหน่อย”ปู้ตานซินถอนหายใจ“อาจารย์จะต้องกินบ่อยๆ หยางหว่านจะต้องมาให้อาจารย์กินทุกวัน ฮ่วยซัวช่วยบำรุงกำลังดีไม่น้อย อาจารย์จะได้แข็งแรง มีแรง…..สอนศิษย์ต่อไป”เสียวท้องน้อยวาบ เด็กสาวอายุสิบสี่ ใบหน้าผุดผาดแก้มสีชมพูสดใส ริมฝีปากอวบอิ่ม แล้วยังทรวดทรงองค์เอวที่กำลังมองเห็นเด่นชัด ปู้ตานซินกลืนน้ำลายลงคอ จะใช้เคล็ดวิชาอ่านใจ ก็กลัวคำตอบที่ได้จะทำให้เจ็บปวดใจ หากนางแค่เพียงห่วงใยเขาเพราะเขาเป็นอาจารย์ หยางหว่านครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมาทั้งๆ ที่เขาเห็นได้ชัดว่า นางตัวติดกันกับจี้โม่“ไม่ต้องลำบาก”กัดฟันพูดความจริงอยากให้หยางหว่านแวะเวียนมาทุกวันแต่...อีกใจกลับกลัวว่านางจะมาไม้ไหน เขาจะรับมือหยางหว่านได้หรือในเมื่อใจเขาทั้งใจมีนางอยู่ในนั้นแล้ว“อาจารย์หยางหว่านเต็มใจ ได้ทำอะไรเพื่ออาจารย์บ้างเพราะอาจารย์เป็นเห
จี้โม่ ในอาภรณ์สีขาวสะอาดตา รูปร่างสูงโปร่งในแบบจอมยุทธ์เจ้าสำอางจะว่าไปบุคลิกบางส่วนล้วนถอดแบบมาจากปู้ตานซิน ก็เขาเห็นอาจารย์วางตัวเช่นนี้มาแต่อ้อนแต่ออก แล้วมันก็ช่างงดงามสมกับเป็นปรมาจารย์หนุ่ม สิ่งที่เขาใฝ่ฝันอันดับสองคือการองอาจเช่นเดียวกับอาจารย์วางท่าได้เช่นเดียวกับอาจารย์ (อันดับหนึ่งคือการได้เป็นเจ้าสำนักต่อจากอาจารย์ แต่คงจะแห้วก็กว่าปู้ตานซินจะแก่จะตาย ตอนนี้เพิ่งจะยี่สิบห้าปีอีกกี่ปีกว่าจะยกสำนักให้เขา)“จอมยุทธ์ท่านนี้”สายตานับสิบคู่ของเหล่าจอมยุทธ์จากสำนักต่างๆ ที่แวะเวียนกันเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของจอมมารฉูฉาง ณ.เรือนอารักขาร่วมกับเหล่าองครักษ์จากวังหลวง จ้องมองมายังจี้โม่ที่กอดกระบี่ไว้กับอกด้วยท่าที มาดมั่นเหลือเกิน“ข้าน้อยจี้โม่ ศิษย์คนที่325ของสำนักเกาซิ่ง”“อือหือ ศิษย์ของปรมาจารย์ปู้ตานซิน ไม่น่าเชื่อว่าคนที่นิ่งเฉยเช่นท่านปรมาจารย์จะส่งศิษย์ของเขาลงมา เฝ้าสังเกตการณ์ด้วย”“อาจารย์และสำนักเกาซิ่งของเรา ไม่ได้นิ่งนอนใจแต่ที่ผ่านมาล้วนคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่จะลงเขามาเพื่อเฝ้าระวัง”“นับว่าท่านปรมาจารย์ ช่างรอบคอบเสียจริง มิน่าที่ผ่านมานิ่งเฉยเพี่อที่จะส่งศิษย์เอกมาใ
หยางหว่านยิ้มแหย๋ๆไม่แน่ใจตัวเองนักยิ่งเมื่อศิษย์พี่คาดหวังถึงขนาดนี้ ไม่เท่ากับเทใจมาที่หยางหว่านกันหมดแล้วหรือ“ศิษย์พี่ใหญ่ท่านคาดหวังในตัวข้ามากไปหรือเปล่า”พึมพัมเบาๆ“ข้าเชื่อ หยางหว่านเจ้าจะต้องทำได้...อย่างแน่นอน”“ว่าแล้วข้าก็เคี่ยวฮ่วยซัวเรียบร้อยแล้ว หยางหว่านถึงเวลาที่เจ้าต้องยกไปให้อาจารย์แล้ว แล้วอย่าลืมที่ตกลงกันไว้ อย่าเผลอพูดไปว่าพวกเราลงขันกัน เจ้าต้องบอกว่าเจ้าเพียงคนเดียว แล้วก็เรื่องเคี่ยวยาเป็นเจ้าที่เคี่ยวเอง อาจารย์จะได้เกรงใจเจ้า ดื่มมันเสียหมด”หวังต้าฉินสอนสั่ง“ทำไม ...ข้าไม่เข้าใจ”“อาจารย์อ่อนโยนกับเจ้าแม้อาจารย์รู้ว่าพวกเรายุ่งเรื่องส่วนตัวของอาจารย์ อาจารย์ก็จะยิ่งเฉยชา แต่หากเป็นเจ้าคนเดียวข้าคิดว่าอาจารย์ไม่กล้าโกรธเคือง”คนอื่นมองจากด้านนอกจึงรู้ว่าปู้ตานซิน ยกให้หยางหว่านเป็นคนสำคัญแต่อนิจจากลับคิดว่าปู้ตานซินคิดกับหย่างหว่านแค่เพียง บุตรี“อาจารย์”หยางหว่านเดินเข้าไปในห้องของปู้ตานซินลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองใบหน้างดงามที่สองวันมานี้ เขาต้องพบหน้านางทุกวัน หลังจากที่หลายปีผ่านใช้เคล็ดวิชา สอดแนมแอบติดตามมองนางผ่านดวงจิตก็เท่านั้น“วางไว้ แล้วออกไปเสีย”หลั
“เจ้าอยากให้ข้า..ลองพิสูจน์ดูไหมว่าการดื่มฮ่วยซัวฝีมือของจูจ้านกับพวกเจ้าที่วางแผนการให้ข้าดื่มจะส่งผลดีต่อข้าเพียงใด”หยางหว่านยิ้มเบี่ยงตัวหลบเอามือยันอกกว้างไว้ปู้ตานซินอมยิ้ม ปล่อยมือ“ไม่อยากรู้ก็ไปเสีย”“อาจารย์ท่านแกล้งข้า ไหนใครเขาบอกว่าอาจารย์มีเคล็ดวิชาอ่านใจเช่นไรจึงไม่รู้ว่าหยางหว่านจริงใจแค่ไหน”คว้ากิ่งไผ่ตวัดมือเพียงพริบตากิ่งไผ่แหลมจ่อที่คอหอยของหยางหว่าน“ใครกันช่างเอาเรื่องโกหกเหล่านั้นไปเล่าให้เจ้าฟัง หยางหว่านเจ้าเป็นศิษย์เกาซิ่งเพียงหนึ่งในสองที่ข้าวางใจ สิบปีที่ผ่านมาฝึกฝนจนสำเร็จวิชาของเกาซิ่งมีเพียงเจ้ากับจี้โม่ที่ข้าจะวางใจให้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก เช่นนั้นสิ่งที่เจ้าควรคิดถึงอันดับแรกคือการมุ่งมั่นที่จะฝึกตน และทำทุกวิถีทางให้ข้าวางใจมอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้เจ้า เลิกเล่นสนุกอย่างที่ผ่านมาได้แล้ว”ดวงตาที่มองไปยังหยางหว่านมีแววตำหนิชัดเจน“อาจารย์ อาจารย์ใจร้ายที่สุด”วิ่งออกจากตรงนั้นไปด้วยความรู้สึกหลากหลายในใจทั้งน้อยใจและเสียใจที่ถูกตำหนิและโมโหที่อาจารย์มองตัวเองเป็นเด็กเล่นสนุก ปู้ตานซินถอนหายใจ ถ้อยคำที่เขานำมันออกมาปกปิดความเขินอายที่ใกล้ชิดหยางหว่าน แล
ปู้ตานซินปิดตัวเองไม่รับมันพยายามกลับมาแก้ไขด้วยตัวเขาเอง มีจิตใจคุณธรรมจึงยากที่ดวงจิตมารจะเข้าครอบงำแม้จะหลงใหลไปเพียงชั่วครู่ชั่วคราวทว่าสลัดทิ้งจนสิ้นไป นับว่ากล้าหาญไม่น้อย แต่ปู้ตานซินกับคาดไม่ถึงส่งศิษย์เอกที่มีดวงจิตมารเข้าใกล้จอมมารฉูฉางเสียแล้วยากจะแก้ไขเห็นที่นำเล็งกกก๋ง จะไม่อาจดูดายสำนักเกาซิ่งหวังต้าฉิน ถือพัดในมือเดินสำรวจตรวจตรา ศิษย์น้องที่กำลังร่ายรำเพลงกระบี่บ้างก็รวบรวมลมปราณทั้งบุกและตั้งรับ สิบกว่าปีมานี้อาจารย์แทบจะไม่ออกมาดูการฝึกสอนแค่เพียงจัดให้มีการประลองในแต่ละเดือนเฟ้นหาสุดยอดในบรรดาศิษย์แต่ละรุ่น ด่านค่ายกลของอาจารย์ล้วนพลิกผันไม่แน่นอน วันดีคืนดีก็ให้เขาพาศิษย์น้องทั้งหลายเข้าสู่ค่ายกลเพื่อที่จะฟันฝ่าออกมาเหมือนการลับคมมีด อีกทั้งยังสร้างความสามัคคี“จอมยุทธ์”เสียงแหบแห้งเรียกหวังต้าฉินจากด้านหลังร่างสูงหันมองนำเส็งกกก๋ง ด้วยสายตาฉงนสนเท่ห์ดวงตามืดบอด 🤢🤢🤢🤢🤢มือเหี่ยวใช้คลำไปตามทางแทนดวงตาไม้เท้าโค้งงอเขี่ยมาที่ตัว หวังต้าฉินเบาๆ“อาวุโส”“ข้าหลงทางมา หลายวันไม่มีสิ่งใดตกถึงท้อง”หวังต้าฉินใช่โง่งมเพียงอมยิ้มในหน้า ตามืดบอดทว่ารู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ อ
“อาจารย์ท่านจะช่วยศิษย์ต่อกรกับจอมมารในครั้งนี้หรือไม่”“ ข้าจะสละร่างในอีกห้าปีต่อจากนี้ คงไม่ทันได้ช่วยผ่อนหนักเบาช่วยเจ้า แต่ในคืนเดือนเพ็ญเดือนสือเอ้อเยว่ในปีที่สี่ ให้เจ้าลงเขาไปพบข้าเพื่อข้าจะถ่ายทอดเคล็ดวิชา”“เรื่องนี้จอมมารฉูฉางจะรับรู้และได้ยินที่เราพูดกันทั้งหมด พลังของเขากล้าแกร่งอยู่ในผนึกยังสามารถดึงพลังลมปราณมาใช้ เพียงแต่ไม่สามารถออกมา เรื่องราวระหว่างท่านปรมาจารย์กงล้งกับจอมมารฉูฉางเมื่อสี่พันปีก่อนเกิดอะไรขึ้นไม่มีใครรู้แน่ชัด มีเพียงจอมมารกับเจ้าเท่านั้นที่รู้เรื่องราวเหล่านี้ดี ปู้ตานซินข้าหวังว่าเจ้าจะใช้เคล็ดวิชาท่องกาลเวลากลับไปยังความขัดแย้งนั้นเพื่อจะได้รู้ที่มาที่ไปแก้ไขได้ถูก”“ศิษย์น้อมบัญชา อาจารย์อา อาจารย์ที่ผ่านมาครั้งนั้น ปรมาจารย์กงล้งสละร่าง ครั้งนี้ข้าจำเป็นต้องทำแบบนั้นหรือไม่”“เกรงว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น เจ้าเท่ากับมีศัตรูถึงสอง ครั้งนี้คงหนีไม่พ้นเช่นกัน”หยางหว่านก้าวขาเข้ามา พร้อมกับจอกชาและกาน้ำร้อนในมือกกก๋ง ถอนหายใจส่ายหน้าไปมา“เรื่องรักใคร่หากยากสลัดทิ้งไป ย่อมส่งผลเสียมากมายตามมา”“อาจารย์ปู่ อาจารย์”ย่อตัวลงช้าๆ“หยางหว่าน อาจารย์ปู่มอบกร
“ความจริงคือข้าไม่เคยรู้ว่ามาก่อนว่ารองเจ้าสำนักกระบี่ฟ้ากงล้ง จะเป็นคนเดียวกับ กวงเสี่ยวอึ้งที่ข้าเคยรู้จัก..และมอบใจให้ ข้าเพียงแต่อยากมาช่วยพูดให้ท่านวางใจว่าฉูฉางจะวางมือด้วยไร้กังวล เขากลัวว่าสหายผู้หนึ่งจะเป็นกังวลเพราะเขา”พูดความจริงไร้การเสแสร้ง“ไม่จริง”ดึงรั้งร่างบางเข้าใกล้กดริมฝีปากบดเบียดอย่างบ้าคลั่ง ฟูเหยี่ยนหยางหว่านสะบัดฝ่ามือลงบนแก้มของกงล้งอย่างแรง“ไหนท่านบอกว่า ท่านตั้งใจฝึกตนเพื่อจะได้ เป็นสุดยอดฝีมือ แล้วยังมาสนใจข้าทำไมกัน เรื่องที่ท่านพูดล้วนปลิ้นปล้อนไม่จริงไปเสียทุกอย่าง ในใจไม่รู้สึกอะไรในเมื่อท่านสูญเสียข้าไป ท่านจึงรู้ว่าแค่เพียงเสียดาย หาได้เสียใจ”“ไม่ หยางหว่านข้ารักเจ้า ข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไป หากเจ้าจะไปกับฉูฉางข้าจะฆ่าเขาเสีย”“คนรักกันจากกัน ไม่เจ็บซ้ำเท่ากับคนที่ไม่รักต้องอยู่ใกล้ตา ปล่อยข้ากับฉูฉางไปเสียท่านปรมาจารย์อย่าได้แค้นเคืองเราทั้งสองคนเลย”“เจ้าพูดเองคนรักกันจากกันไม่เจ็บซ้ำเท่าคนไม่รักกันใกล้กัน เช่นนั้นเจ้ากับฉูฉางคงไม่รู้สึกอะไรหากต้องจากกัน”สกัดจุดฟูเหยี่ยนหยางหว่านจนตัวแข็งทือ หอบเอาร่างบางจากไป“ข้าจะผนึกเจ้าจนกว่าฉูฉางจะเลิกตามหาเจ