“แล้วขวัญไม่ทานด้วยกันเหรอ”
“ทานสิคะ”
ทั้งสองทาข้าวต้มกันไปคุยกันไปตอนนี้ดูคนจะอารมณ์ดีที่สุดก็น่าจะเป็นจอมขวัญเพราะยิ้มให้ชายหนุ่มตรงหน้าไม่ยอมหุบทำเอาชายหนุ่มรู้สึกเกร็งขึ้นบ้างบางครั้งที่หันไปสบตากับเธอ...ถึงตอนเด็กๆจะสนิทกันเล่นด้วยกันได้ทุกอย่างแบบไม่คิดอะไรแต่ใช่ว่าโตมาแล้วเขาจะไม่หวั่นไหวกับคนตรงหน้านี้หรอกนะก็ดูน้องสาวจอมแก่นของเขาตอนนั้นสิโตขึ้นมาไม่คิดว่าจะสวยน่ารักขนาดนี้นี่นา
“เอ่อ..วันนี้ขวัญขออยู่ที่นี่ทั้งวันเลยนะคะ”
“ไม่ได้หรอกขวัญ...คือวันนี้พี่มีนัดกับเพื่อนน่ะ”
ธาวินคิดไว้แล้วว่าเธอต้องมาแบบนี้ตอนเด็กๆเป็นยังไงโตมาก็เป็นแบบนั้นเลยเขาให้เธออยู่ที่นี่ไม่ไดเพราะวันนี้เขามีนัดกับวิเวียนชายหนุ่มจะให้วิเวียนเห็นหญิงสาวอยู่ที่นี่ไม่ได้..
วิเวียนเป็นผู้หญิงที่นิสัยค่อนข้างเอาแต่ใจถ้าเธอเห็นจอมขวัญอยู่ที่นี่เธอต้องไม่พอใจแน่ๆอาจจะทำร้ายจอมขวัญด้วยซ้ำเขาไม่อยากให้จอมขวัญได้รับอันตรายไม่อย่างนั้นถ้าป็นแบบที่เขาคิดจริงเขาต้องทนไม่ได้ที่จอมขวัญโดนทำร้ายแล้วแผนของเขาที่วางเอาไว้คงไม่ราบรื่นแน่
“เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่งที่บ้านนะจะได้ไม่ต้องเดินให้เมื่อย”
“งั้นขวัญอยู่ด้วยได้ไหมคะพี่วิน..ขวัญจะไม่ยุ่งจะไม่กวนพี่วินเลยนะคะ” สาวเจ้าเอ่ยด้วยสีหน้าและน้ำเสียงออดอ้อน
“ไม่ได้หรอกขวัญอย่าดื้อสิเราโตแล้วนะ” แม้นอยากจะใจอ่อนเท่าไรแต่ธาวินก็ยอมให้เธออยู่ที่นี่ไม่ได้อยู่ดี
“ก้อ..ด้าย..ค่า” ธาวินโล่งอกที่กล่อมหญิงสาวให้กลับได้สำเร็จแต่เธอก็ดูแอบงอนเขาอยู่น้อยๆเหมือนกัน
“ไปไหนคะวิน” ยังไม่ทันที่ธาวินละจอมขวัญจะเดินออกมาจากในบ้านก็ต้องหันขวับตามเสียงแหลมๆที่ดังออกมาทันที
“อ้าววิเวียนทำไมมาแต่เช้าเลยละครับ”
“พอดีวิคิดถึงคุณน่ะค่ะเลยมาหาแต่เช้า...แล้วนี่ใครคะ”
วิเวียนเดินเข้ามาเกาะขนของธาวินทันทีพร้อมส่งสายตาไม่เป็นมิตรไปที่จอมขวัญเป็นการประกาศให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นของเธอ...จอมขวัญเมื่อเห็นสายตาไม่เป็นมิตรมองมาที่เธอหญิงสาวกลับจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ฉันเป็นน้องที่สนิทมากกก...ของพี่วินแล้วคุณล่ะเป็นใคร” จอมขวัญพูดพร้อมคว้าแขนของธาวินมาคล้องอีกข้างพร้อมส่งสายตาปะทะกับหญิงสาวตรงข้ามอย่างไม่ยอมลดละ
“ฉันก็เป็นเพื่อนที่สนิทมากกกของธาวินเหมือนกัน” วิเวียนพูดเสียงลากยาวแกมประชดหญิงสาวที่ยืนคล้องแขนธาวินอยู่อีกข้าง
“อืมมม..ก็เป็นได้แค่เพื่อน”
“นี่แกว่าอะไรยัยหน้าจืดดดด” จอมขวัญทำท่าเบ้ปากแสร้งพูดประชดอีกฝ่ายว่าเป็นได้แค่เพื่อนแบบลอยๆแต่เมื่ออีกฝ่ายได้ยินก็เกิดอาการปรี๊ดแตกโดยทันที
“พอได้แล้วครับ...เมฆมาพาคุณวิเวียนไปรอที่ห้องรับแขก”
“ครับพี่วิน” ธาวินเห็นท่าไม่ดีเลยต้องรีบปรามทั้งสองทันทีพร้อมเรียกเมฆินให้มาพาวิเวียนไปรอเขาที่ห้องรับแขกแล้วตัวเขาเองก็พาจอมขวัญไปส่งที่ไร่บดินทร์เดชาทันที
“วินจะไปไหนคะ...จะพายัยนั่นไปไหน”
“มารอพี่วินที่ห้องรับแขกก่อนนะครับคุณวิเวียนเดี๋ยวเขาไปส่งคุณจอมขวัญแล้วคงรีบกลับมา” เมฆินเมื่อเห็นอาการของวิเวียนที่แสดงออกอยู่ตอนนี้เขาล่ะอยากให้งานมันเสร็จไปเร็วๆเหลือเกิน
วิเวียนเมื่อตามธาวินไปไม่ได้ก็ได้แต่ยืนดีดดิ้นอยู่หน้าบ้านพร้อมเดินไปนั่งรอที่ห้องรับแขกอย่างไม่พอใจเท่าไรนัก
“ยัยป้านั่นเป็นเพื่อนพี่วินจริงเหรอคะพี่วินไปคบกับคนนิสัยแบบนี้ได้ยังไงคะ” เมื่อขึ้นมานั่งบนรถได้จอมขวัญก็หน้ามุ่ยบ่นอุกเธอรู้สึกไม่ชอบหน้าวิเวียนอย่างมากก
“พี่กับเธอแค่ทำธุรกิจด้วยกันพี่ส่งผลไม้ในสวนไปแปรรูปที่โรงงานของวิเวียนเราเลยรู้จักกัน”
“เหมือนยัยนั่นไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนพี่วินเลยนะคะ”
“ทำเป็นรู้ดีนะเรา” ธาวินเมื่อเห็นหญิงสาวที่นั่งข้างๆทำหน้าบูดบึ้งก็อดขำไม่ได้เขาใช้มือยีหัวจอมขวัญเหมือนที่เคยทำตอนเด็กๆแต่ความรู้สึกตอนนี้มันไม่ได้เหมือนตอนเด็กๆเลยสักนิดเขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน
จอมขวัญตอนนี้ก็ได้แต่นั่งหน้าแดงก้มหน้างุดทำอะไรไม่ถูกเมื่อครู่ยังนั่งบ่นหน้ามุ่ยอยู่เลยแต่เมื่อธาวินอ่อนโยนด้วยแบบตอนเด็กๆที่เขาเคยทำอาการบ่นหน้ามุ่ยก็เปลี่ยนเป็นนั่งก้มหน้าเขินแทน
ธาวินขับรถมาได้ไม่นานก็มาถึงหน้าบ้านใหญ่ของไร่บดินทร์เดชา
“พี่วินจะกลับเลยเหรอคะ” จอมขวัญเมื่อเห็นธาวินเดินลงรถมาเปิดประตูให้เธอก็ถามชายหนุ่มเสียงอ้อนทันที
“พี่ต้องกลับไปคุยธุระให้เรียบร้อยพี่ไปก่อนนะ”
“ก็ได้ค่ะ..งั้นพรุ่งนี้เดี๋ยวขวัญไปหาใหม่นะคะ”
“อ้าวพ่อวินมาส่งน้องเหรอลูก”
“ครับคุณหญิง” พิไลออกมาเดินเล่นที่หน้าบ้านก็เห็นรถยนต์คันหรูขับเข้ามาในไร่เมื่อรถขับมาจอดที่หน้าบ้านเธอจึงเห็นว่าเป็นธาวินที่ขับรถมาส่งจอมขวัญและกำลังจะกลับพอดีเธอเลยถือโอกาสเดินเข้ามาทักทาย
“แล้วนี่จะกลับแล้วเหรอจ้ะ”
“ครับ...ผมต้องกลับไปคุยงานต่อผมลากลับก่อนนะครับ”
“จ้ะๆ” ธาวินไหว้ลาพิไลแล้วขับรถกลับทันทีเพราะอยากจะคุยธุระกับวิเวียนให้มันเสร็จๆไปเขาเองไม่อยากให้เธออยู่ที่บ้านของเขานานเพราะกลัวว่ามันจะดูไม่ดีและอีกอย่างถ้าเสี่ยวันชัยรู้ว่าลูกสาวไปมาหาสู่กับเขาบ่อยคงจะโดนเสี่ยเพ่งเล็งเป็นพิเศษแน่เพราะเสี่ยวันชัยก็ค่อนข้างหวงลูกสาวเหมือนกัน
เขาเองไม่ได้อยากสนิทกับวิเวียนสักเท่าไรแต่มันก็เป็นทางเดียวที่จะทำให้เข้าถึงข้อมูลของเสี่ยวันชัยได้ง่ายขึ้นเพราะหญิงสาวชอบมาเล่าเรื่องที่บ้านให้ฟังอยู่บ่อยๆว่าเธอเหงาพ่อไม่ค่อยอยู่บ้านชอบบอกเธอว่าไปดูงานต่างจังหวัดและหายไปทีละหลายๆวันโดยติดต่อไม่ได้
เขาเชื่อว่าวิเวียนไม่รู้ว่าเสี่ยวิชัยทำผิดกฏหมายเพราะดูจากที่เขาเริ่มคุยเพื่อตีสนิทกับเธอเขาชอบถามเรื่องครอบครัวเธออยู่บ่อยๆจากที่เธอเล่าให้ฟังเขาก็พอจะรู้ว่าไอ้นิสัยเอาแต่ใจของวิเวียนเกิดขึ้นได้อย่างไรเพราะเสี่ยวันชัยใช้เงินเลี้ยงลูกสาวแต่ไม่ได้ให้ความอบอุ่นเลยทำให้เธอเป็นเด็กที่เอาแต่ใจอยากได้อะไรก็ต้องได้และเขาก็รู้อีกว่าเสี่ยวิชัยเปิดโรงงานแปรรูปผลไม้เพราะเอาไว้ใช้บังหน้าโดยให้ลูกสาวดูแลแทน....หลังจากที่เขาแสร้งตีสนิทกับวิเวียนมาสักพักเขาก็เริ่มได้ข้อมูลมากขึ้นและคิดว่าจะจบคดีนี้ได้ในเวลาเร็วๆนี้
17.00 น.“อะไรนะ……ยัยขวัญจะยังไม่กลับ” พีรพัตรที่กำลังเตรียมตัวเก็บของกลับพรุ่งนี้เมื่อได้ยินที่น้องสาวตนเองบอกว่าไม่กลับก็ดุน้องสาวเป็นการใหญ่“ค่ะ..ขวัญขออยู่ที่นี่สักพักนะคะคุณป้า” จอมขวัญหลบหน้าพี่ชายของเธอมายืนกอดหลังดวงแขเพื่อขอความช่วยเหลือโดยด่วน“น้องโตแล้วนะตาพรีมให้น้องอยู่ที่สักพักเถอะเดี๋ยวป้าดูแลเองไม่ต้องห่วง” ดวงแขเมื่อเห็นหลานสาวอยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพักเลยช่วยพูดให้เธอเองรู้ว่าหลานชายของเธอทั้งหวงทั้งห่วงน้องสาวแต่ก็น่าจะรู้ได้ว่าน้องสาวน่ะโตแล้วดูแลตัวเองได้แล้วควรที่จะเลิกหวงซะที“แต่คุณป้าครั....”“เอาเถอะน่าตาพรีมเดี๋ยวน้องอยากกลับก็กลับเองแหละจริงอย่างที่ป้าลูกบอกน้องน่ะโตแล้วเราก็เลิกหวงน้องซะทีเถอะ” พิไลชักเริ่มไม่ไหวกับอาการหวงน้องสาวของลูกชายซะแล้วจากเมื่อก่อนที่เห็นว่าจอมขวัญเด็กจริงๆพี่ชายจะหวงก็ไม่แปลกแต่นี่ลูกสาวเธอก็โตจนถึงวัยทำงานแล้วแต่ก็ยังหวงไม่เลิกเธอจึงคิดว่าต้องปรามลูกชายบ้างซะแล้วเพราะมัวหวงอยู่อย่างนี้มีหวังไม่ได้เห็นลูกสาวตัวเองแต่งงานมีครอบครัวแน่ๆเพราะถ้าหวังจากลูกชายของเธอจะมีครอบครัวคงยาก“ก็ได้ครับ...แต่ถ้าทำตัวไม่ดีผมมารับกลับไปแ
ในห้องนอนของทั้งคู่ตอนนี้มีเสียงครางปนความสุขของทั้งคู่ดังออกมาเบาๆไม่นานภารกิจทำน้องให้ยัยหนูชมพูก็เสร็จสิ้นและผ่านไปด้วยดีชายหนุ่มโอบกอดคนเป็นภรรยาที่นอนหมดแรงเพราะพึ่งผ่านศึกรักที่หนักหน่วงของเขาอยู่ข้างๆมากอดไว้แล้วหลับไปพร้อมกับเธอเช้าวันต่อมาคอนโด XXXX ลูกแก้วและพีรพัตรกลับจากไร่บดินทร์เดชากันตั้งแต่เช้าตรู่ทั้งสองกลับกันมาแค่สองคนโดยคุณหญิงพิไลบอกว่าจะขออยู่ที่นี่กับจอมขวัญสักพักโดยพีรพัตรเองก็เห็นดีเห็นงามด้วยเลยไม่ได้ว่าอะไร เมื่อทั้งสองกลับมาถึงคอนโดต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันพักผ่อนทันทีเพราะพรุ่งนี้ทั้งพีรพัตรและลูกแก้วต้องเดินทางไปดูงานต่างประเทศกันแต่เช้าRrrrrrrrrrrr ลูกแก้วที่วันนี้เพลียจากการนั่งเครื่องกลับมาเมื่อวานและบวกกับการนอนดึกเพราะมัวจัดกระเป๋าเดินทางอยู่ทำให้หญิงสาวนอนตื่นสายเป็นพิเศษเธอตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้นึกขึ้นได้ทันทีว่าวันนี้เธอต้องเดินทางแต่เช้า“ค่า....คุณพรีม”“คุณอีก10นาทีเจอกันข้างล่างนะผมเรียกรถมารับแล้ว”“โอเคค่ะ” ลูกแก้วตอบตกลงคนที่โทรตามโดยที่ยังไม่ได้เตรียมอะไรหลังจากวางสายได้เธอก็เตรียมตัวอาบน้ำทันทีอย่าเรียก
“ค่ะคุณพี่น้องน่ะเอ็นดูหนูแก้วเหมือนลูกสาวคนนึงถ้าตาพรีมได้หนูแก้วเป็นภรรยาน้องก็หมดห่วงค่ะ” พิไลถึงแม้จะคิดว่าเรื่องนี้มันต้องมีอะไรสักอย่างเพราะถ้าเป็นเรื่องจริงมีหรือที่ทั้งสองจะปิดกันเงียบไม่มีพิรุทได้ขนาดนี้แต่ในใจก็ภาวนาอยากจะให้ทั้งสองลงเอยกันจริงๆซะเหลือเกิน“หนูแก้วก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวของพี่คนนึงนะจะสู้ค่าสินสอดที่พี่เรียกไหวเหรอ” ดวงแขแกล้งหยอกน้องสาวของตนที่ดูอยากจะได้ลูกสาวคนเล็กของเธอเป็นสะใภ้ซะเหลือเกิน“เท่าไรน้องก็สู้ค่ะคุณพี่”“ฮ่าๆๆ” ว่าจบทั้งสองก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน กว่าพีรพัตรและลูกแก้วจะมาถึงอเมริกาแล้วไหนกว่าจะนั่งรถมาถึงโรงแรมที่พักอีกก็ใช้เวลาไปเป็นวันลูกแก้วที่พึ่งเคยนั่งเครื่องเป็นครั้งแรกแล้วยังนั่งเป็นเวลานานอีกต่างหากเธอจึงรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวเหมือนจะเป็นไข้พอมาถึงโรงแรมเธอก็ขอตัวพักผ่อนทันที“เดี๋ยวแก้วขอกินยาแล้วนอนพักสักครู่คงเบาแล้วค่ะ....คุณพรีมจะออกไปตอนไหนก็โทรหาแก้วได้เลยนะคะ” ลูกแก้วที่นั่งกุมหัวอยู่บนโซฟาในห้องหันมาบอกกับพีรพัตรเธอคิดว่าถ้านอนพักอีกนิดอาการคงดีขึ้นอีกอย่างเธอก็ไม่อยากให้อาการป่วยของเธอทำให้เสียงานด้วย“ไม่เป็นไร
“เอาน่าร้านนี้แหละคุณเดี๋ยวผมนั่งรอ....ช่วยแต่งตัวให้เธอได้เลยนะครับ” พีรพัตรขี้เกียจยืนเถียงกับเธอเลยถือโอกาสเรียกเด็กในร้านมาพาเธอไปลองชุดแต่งตัวก่อนที่เธอจะยืนเถียงกับเขานานไปกว่านี้หลังจากส่งหญิงสาวให้ไปแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเขาเองก็ให้ช่างเลือกชุดเปลี่ยนใส่ไปงานคืนนี้ใช้เวลาไม่นานมากเขาก็แต่งตัวเสร็จ คนตัวโตก็นั่งรอหญิงสาวประมาณสองชั่วโมงได้และแล้วเธอก็เดินออกมาวินาทีที่หญิงสาวปรากฏตัวตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มถึงกับละสายตาไม่ได้ชุดที่เธอใส่เป็นชุดราตรีเกาะอกสีขาวเหลือบมุขยาวพอดีตัวกระโปรงแหวกข้างสูงบวกกับหน้าผมที่ดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคน รองเท้ากระเป๋าที่มาเป็นเซ็ตเข้ากับชุดซึ่งพอมันอยู่บนตัวเธอแล้วมันยิ่งหน้ามองละด้วยหุ่นทรวดทรงของเธอที่เหมาะกับชุดนี้อย่างมากทำให้เธอดูสวยสะดุดตาจนเขาแทบละสายตาไม่ได้“คุณพรีมคะ....คุณพรีมมมม...”“เอ่อ....เสร็จแล้วเหรองั้นเราไปกันเลยงานจะเริ่มแล้ว”“ค่ะ” พีรพัตรหลุดจากภวังค์จากเสียงเรียกของหญิงสาวเขารีบยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานเมื่อจัดการเสร็จแล้วเขาก็ไปที่งานทันที ไม่นานมากทั้งสองก็มาถึงงานในเวลาที่งานใกล้จะเริ่ม“คุณพรีมคะรอแก้วด้วยค่ะ”ลูก
“ให้ผมช่วยดูเท้าให้ไหมครับดูมันเริ่มบวมแล้วนะครับ” ลูกแก้วเห็นเจคอปกำลังก้มลงดูที่เท้าของเธอหญิงสาวก็หันหนีเพราะกลัวคนอื่นจะมองไม่ดีอีกอย่างเธอก็พึ่งรู้จักกับเขาจะมาถึงเนื้อถึงตัวกันมันทำให้เธอไม่สบายใจที่จะให้ช่วยเท่าไร“ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวนั่งอีกสักพักคงหายปวดค่ะ”“งั้นเดี๋ยวผมนั่งเป็นเพื่อนนะครับ”“ได้ค่ะ” ทั้งเจคอปและลูกแก้วนั่งคุยกันสักพักพีรพัตรก็เดินออกจากในงานมาเมื่อเห็นว่าลูกแก้วอยู่กับใครเขาถึงกับควันออกหูอุตส่าห์ให้เธอมานั่งรอหน้างานจะได้ไม่ไปเจอพวกเสือพวกตะเข้ที่ในงานแล้วยังมิวายมาเจอนอกงานอีกคนที่เธอนั่งอยู่ด้วยเป็นเพื่อเขาก็จริงแต่ก็ได้ชื่อว่าตัวพ่อเรื่องผู้หญิงเหมือนกัน“กลับกันเถอะคุณ”“เอ่อ..” พีรพัตรเดินเข้าดึงมือลูกแก้วที่กำลังนั่งอยู่โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวทำเอาเธองงเล็กน้อยไม่รู้ว่าเขาจะรีบไปไหนเหมือนกัน“ไงเพื่อนไม่เจอกันนานเลยนะ”“อืม..ฉันกลับก่อนนะ” เจคอปเห็นพีรพัตรเดินเข้ามาด้วยอาการไม่พอใจก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้เขาห้ามยุ่งเขาจึงรู้สึกเสียดายนิดหน่อยแต่ผู้หญิงในสต็อคของเขามีให้เลือกมากมายอยู่แล้วพลาดคนนี้ไปก็ไม่เห็นเป็นไร“คุณพรีมเดินช้าๆหน่อยสิคะแก้วเ
หลายชั่วโมงต่อมา ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกโกรธตัวเองเหลือเกินที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และได้กระทำย่ำยีหญิงสาวไร้เดียงสาที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าถึงเขาจะรู้สึกชอบเธอแต่ก็ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่ารักเธอหรือเปล่าแต่ถึงอย่างไรในสมองของเขาเองก็สั่งว่าเธอไม่ควรมาเจอเรื่องแบบนี้เพราะเขาเองที่ควบคุมตัวเองไม่ได้แท้ๆ จากเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านไปเขารู้ดีว่าเป็นคนแรกของเธอยิ่งทำให้ชายหนุ่มนั้นโกรธตัวเองเข้าไปใหญ่ไม่รู้ว่าเธอตื่นมาจะว่าอย่างไรแต่เขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องรับผิดชอบในตัวเธออย่างแน่นอนเพราะเขาเป็นลูกผู้ชายพอกล้าทำต้องกล้ารับอยู่แล้ว ชายหนุ่มนอนตะแคงใช้แขนชันหัวจ้องมองร่างบางที่เนื้อตัวเธอมีแต่รอยแดงจากการกระทำของเขายิ่งมองยิ่งรู้สึกสงสารเขาได้แต่คิดโทษตัวเองอยู่พักใหญ่แล้วซุกตัวใช้แขนแกร่งของเขานอนกอดด้านหลังเธออย่างทะนุถนอมแล้วเข้าสู่ห้วงนิทราตามเธอไปเช้าวันต่อมา พีรพัตรรู้สึกตัวตื่นก็ใช้มือควานหาร่างบางที่เขานอนกอดเมื่อคืนแต่เมื่อพบกับความว่างเปล่าเขาจึงลืมตาขึ้นเขามองหาหญิงสาวไปทั่วห้องก็ไม่มีวี่แววของเธอไม่รู้ว่าเธอออกไปตอนไหนและหวังในใจว่าเธอคงยังไม่หนีเขาไปไหนเพราะเขายั
“แต่งงานเหรอแก้วไม่ยอมแต่งงานกับคนที่ไม่รักแก้วเด็ดขาดการแต่งงานมันต้องเกิดจากความรักเมื่อไม่เคยรักกันแต่งกันไปเดี๋ยวก็มีปัญหากันอยู่ดี” ที่หญิงสาวพูดออกมามันก็จริงอยู่ที่ไม่ได้รักกันแต่งงานกันไปมันก็คงจะไม่มีความสุขอยู่ดีเพราะตอนนี้ชายหนุ่มเองก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้ว่ารักหญิงสาวหรือเปล่าหรือแค่ชอบเท่านั้น“มันก็จริงอย่างที่คุณพูดถึงผมจะยังให้คำตอบคุณไม่ได้ว่าผมรักคุณหรือเปล่าแต่ยังไงผมก็ต้องรับผิดชอบคุณ” คำตอบจากปากของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวน้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้รู้สึกเจ็บที่หัวใจแปลกๆตอนที่เขาบอกว่าเขาไม่ได้รักเธอที่เขามาดูแลเธอก็คงอยากที่จะรับผิดชอบกับการกระทำของเขาเท่านั้นเธอรู้สึกโมโหตัวเองที่เมื่อคืนยอมเผลอไผลไปกับเขาอย่างลืมตัวลืมอายมอบสิ่งที่มีค่าที่สุดของตัวเองให้กับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเลยสักนิด“คุณไม่ต้องรับผิดชอบแก้วหรอกในเมื่อเราไม่ได้รักกันแก้วจะถือว่าเรื่องเมื่อคืนเป็นความผิดพลาดที่เราไม่ได้ตั้งใจต่อไปนี้เรื่องระหว่างคุณกับแก้วขอให้ลืมมันไปคิดซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ลูกแก้วกลั้นใจพูดแบบนั้นออกไปเพราะคิดว่าที่เขาจะรับผิดชอบเธอเพราะรู้สึกผิดเท่านั้นถ้
3 เดือนผ่านไป17.50 น.“พี่สาครับลูกแก้วกลับไปแล้วเหรอครับ” พีรพัตรที่พึ่งออกมาจากห้องประชุมเขาเหลือบมองไปที่ห้องของลูกแก้วซึ่งเคยเป็นห้องของสาวิตรีมาก่อนพบว่าไฟปิดลงเขาจึงรู้ได้ทันทีว่าวันนี้หญิงสาวกลับไปแล้วแต่ก็อยากรู้ว่าหญิงสาวกลับไปเมื่อไรจึงเอ่ยถามสาวิตรี“ค่ะพึ่งกลับไปเมื่อสักพักนี้เองค่ะ”“ครับงั้นผมกลับก่อนนะครับ”“ค่ะคุณพรีม..เอ่อคุณพรีมคะช่วยดูอาการของลูกแก้วหน่อยก็ดีนะคะพี่เห็นลูกแก้วมักจะวูบๆอยู่บ่อยๆน่ะค่ะพี่บอกให้ไปหาหมอตั้งหลายครั้งแล้วก็ไม่ยอมไปค่ะ”“งั้นเหรอครับโอเคครับเดี๋ยวผมจะดูเธอให้” สาวิตรีคิดว่าทั้งสองต้องมีปัญหากันตั้งแต่กลับมาจากอเมริกาแน่นอนทั้งการที่หญิงสาวขอเปลี่ยนตำแหน่งกับเธอและตอนนี้ก็ยังไปกลับที่ทำงานเองอีกด้วยเธอไม่อยากจะก้าวก่ายเรื่องของทั้งสองมากนักแต่เมื่อเห็นอาการของลูกแก้วเธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้เธอคิดว่าถ้าให้พีรพัตรเป็นคนบอกหญิงสาวเธอก็น่าจะฟังบ้างและนี่ก็อาจจะเป็นโอกาสที่ทั้งสองอาจจะมีโอกาศพูดคุยกันและกลับมาเป็นเหมือนเดิมก็ได้ พีรพัตรเองหลังๆมานี้ก็แอบเห็นอาการของลูกแก้วเหมือนกันแต่เขาไม่ใช่ว่าเขาไม่ห่วงเธอเขาพยายามจะเข้าหาเธอหลายรอบแล้ว