"ไม่ต้องมีใครบอกพี่ก็รู้หมอกำลังมาแล้วพี่ตามมาเอง"
"หนึ่งต้องรีบไปซักผ้าลูกค่ะค้างไว้นานมันจะไม่ดี"
"ไม่ต้องผ้าพวกนั้นถ้ามันจะเป็นอะไรซื้อใหม่เอาก็ได้"
"พี่สิงห์"
สิงหนาทโอบร่างบางให้นอนลงในขณะที่เธอกำลังจะฝืนลุกขึ้น
"อย่าดื้อได้ไหมปล่อยให้ตัวเองเป็นไข้นานแล้วเมื่อไรลูกจะเข้าใกล้ได้"
"หนึ่งกินยาต้มเดี๋ยวก็หายแล้วค่ะจะตามหมอมาทำไมให้เปลืองค่ารักษา"
"พี่มีเงินพี่ออกค่ารักษาเมียพี่ได้"
"อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ...ตอนนี้เราเป็นแค่พ่อและแม่ของตานพเท่านั้น...นี่ไม่ไปทำงานทำการหรือไงคะถึงได้มานั่งเฝ้าหนึ่งอยู่ได้"
"ไม่...ช่วงนี้พี่ว่าง"
สิงหนาทไม่สนใจแล้วว่าหญิงสาวจะต่อต้านเขายังไงเขาพูดกับตัวเองไว้แล้วว่ายังไงเขาก็จะต้องอยู่เป็นครอบครัวเดียวกับหญิงสาวให้ได้เพราะเขาให้เวลาเธออยู่กับลูกมาพักใหญ่แล้ว
"ร่างกายคุณหนึ่งอ่อยเพลียมากนะครับเดี๋ยวหมอจะฉีดยาแก้ไข้แล้วก็จะให้ยาแก้ไข้กับยาบำรุงไว้ให้แล้วก็ทานตามที่หมอเขียนให้นะครับ"
หมอหนุ่มตรวจอาการนาราพักใหญ่ก็ได้ข้อสรุปมาว่าร่างกายหญิงสาวนั้นอ่อนเพลียและค่อนข้างจะขาดสารอาหาร
"ค่ะคุณหมอ"
"ช่วงนี้นอนพักเยอะๆนะครับทานอาหารให้ตรงเวลาช่วงเป็นไข้รับประทานแต่อาหารอ่อนนะครับหลังจากหายแล้วก็ให้ทานอาหารตามปกติแต่ควรจะครบถ้วนตามหลักโภชนาการนะครับร่างกายจะได้ไม่ขาดสารอาหารแล้วอ่อนเพลียอีก"
"ครับหมอผมจะคอยดูแลเธอตามที่หมอสั่งนะครับ"
สิงหนาทหันมายิ้มรับปากกับหมอหนุ่มในขณะที่มือทั้งสองกุมมือของหญิงสาวอยู่
"ดีครับงั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ"
"พี่สิงห์ไม่ต้องคอยมาดูแลหนึ่งหรอกค่ะหนึ่งดูแลตัวเองได้"
หลังจากที่หมอกลับไปพักใหญ่แล้วนาราก็ยังไม่เห็นว่าสิงหนาทจะกลับไปเสียทีเธอจึงต้องเอ่ยปากให้เขากลับไป
"ดูแลตัวเองได้เหรอพี่เกรงว่าจะเป็นภาระน้าอัญอีกล่ะสอแค่ตอนนี้น้าอัญดูตานพคนเดียวก็แย่อยู่แล้วไม่เกรงใจน้าอัญบ้างหรืออย่างไร"
สิงหนาทเชื่อว่าหากเขายกความลำบากของอัญชัญขึ้นมาหญิงสาวจะต้องใจอ่อนให้เขาอยู่เฝ้าเธอเป็นแน่
"อยากดูแลหนึ่งเพราะอยากเจอลูกบ้างใช่ไหมคะ"
นาราหันหน้าหนีชายหนุ่ม
"....."
สิงหนาทมองหญิงสาวอย่างอ่อนใจที่ึวามคิดของเธอช่างไม่ถูกใจเขาเอาเสียเลย
"งั้นหนึ่งอนุญาตพี่สิงห์ค่ะแค่อย่ามายุ่งกับหนึ่งก็พอ"
"..หื้มม.."
สิงหนาทโอบร่างบางเข้ามากอดหลังจากที่เธอพูดอะไรไร้สาระอยู่เป็นพักทั้งที่ยังไม่เคยถามเขาสักคำว่าเขาคิดแบบนั้นจริงหรือเปล่า
"พี่สิงห์.."
"อยู่เฉยๆ"
สิงหนาทกอดนาราเอาไว้โดยที่เธอขัดขืนไม่ได้ต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรนาราเองยังสับสนกับการกระทำของเขาอยู่มากว่าเขานั้นทำแบบนี้เพื่อต้องการอะไรไม่นานเธอก็หลับไปด้วยความเพลียจากฤทธิ์ยา
"ตานพ.."
"พ่อ.."
เด็กชายหันมาหาคนเรียกตาแป๋ว
"ครับ..มาหาคุณพ่อมา"
ในช่วงเย็นของวันเมื่อสิงหนาทเห็นอัญชัญมาลูกชายของเขากลับมาจึงรีบเข้าไปอุ้มทันทีด้วยความคิดถึง
"น้าฝากตานพหน่อยนะน้าจะไปทำกับข้าวซะหน่อย"
"ตามสบายเลยครับน้าอัญเดี๋ยวผมดูตานพเองคืนนี้ผมก็จะอยู่เฝ้าไข้หนึ่งด้วยครับ"
"เจ้าตัวยอมเหรอจ้ะคุณสิงห์"
อัญชัญแอบทำหน้าสงสัย
"ไม่ยอมก็ต้องยอมครับ"
สิงหนาทพูดด้วยท่าทีมั่นใจ
"อ่อ..จะ"
อัญชัญเห็นอีกฝ่ายมั่นใจแบบนั้นเธอก็ไม่ขัดดีเหมือนกันเผื่อครั้งนี้อาจจะมีอะไรดีๆเกิดขึ้นก็เป็นได้ว่าจบก็เดินเข้าครัวไป
"พ่อป้อนข้าวนะครับ...กินข้าวหน่อยนะครับลูก"
สิงหนาทป้อนข้าวมานพหลังจากที่อัญชัญถือถ้วยข้าวของมานพมาให้เขาแต่ดูท่าลูกชายเขาจะสนใจของเล่นที่เขายื่นให้ก่อนหน้านี้เสียมากเกินไปแล้วไม่สนใจข้าวที่เขาป้อนเลยสักนิด
"ตานพวางของเล่นแล้วกินข้าวก่อนลูก"
"ครับ.."
"คราวหลังถ้าจะให้ลูกกินข้าวอย่าให้ลูกมัวเล่นค่ะพี่สิงห์ต้องให้เค้ากินข้าวให้เสร็จก่อน..."
"พี่เข้าใจแล้ว...แล้วหนึ่งทำไมไม่นอนพัก"
สิงหนาทถึงกับพยักหน้าเบาๆที่นาราออกมาครู่เดียวก็ปราบลูกให้เชื่อฟังได้เป็นอย่างดีทั้งเขายังโดนดุไปด้วย
"หนึ่งค่อยยังชั่วแล้วล่ะค่ะ"
นารานั่งลงที่เก้าอี้โต๊ะอาหารมองลูกชายเธอกินข้าวที่สิงหนาทป้อนเธอรู้ดีหากลูกเธอมัวเล่นจะไม่สนใจที่จะกินอะไรเลย
"ไปนอนพักเถอะหนูหนึ่งตานพเดี๋ยวน้าดูให้...คุณสิงห์เอาข้าวต้มไปให้หนูหนึ่งกินในห้องเถอะจะ"
"ครับ.."
นาราเดินกลับเข้าห้องไปตามคำบอกของอัญชัญโดยมีสิงหนาทเดินถือถาดข้าวต้มตามไปด้วย
"หนึ่งกินเองได้ค่ะ"
"อืม.."
เมื่อถึงห้องนารายื่นมือรับถาดข้าวต้มมาวางที่โต๊ะและนั่งกินเองโดยที่ไม่สนว่าชายหนุ่มจะอยู่ในห้องหรือไม่เธอทำเหมือนเขาเป็นเพียงแค่ธาตุอากาศที่มองไม่เห็นเท่านั้น
"เสื้อผ้ามาแล้วครับคุณสิงห์"
"วางไว้ตรงนั้นเลยขอบใจนะครับลุงมั่น"
"ครับ"
นายมั่นคนงานที่บ้านสิงหนาทวางกระเป๋าของชายหนุ่มเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกไป
"เสื้อผ้าอะไรคะ.."
นาราเห็นจะทำไม่สนใจชายหนุ่มไม่ได้แล้วเพราะไม่รู้ว่าเขาเอาเสื้อผ้าอะไรมาไว้ในห้องเธอ
"พี่จะมานอนเฝ้าหนึ่งที่นี่"
สิงหนาทหยิบกระเป๋าตนมาเปิดเอาเสื้อผ้ามาแขวนในตู้เสื้อผ้าหญิงสาวหน้าตาเฉย
"หนึ่งบอกแล้วไงคะว่าพี่สิงห์อย่ามายุ่งกับหนึ่ง"
นาราถึงกับหน้ามุ่ยบึ้งตึงบอกบุญไม่รับ
"พี่ขอไม่ฟัง"
"อย่ามาทำแบบนี้กับหนึ่งได้ไหม"
"พี่แค่อยากรับผิดชอบดูแลหนึ่ง...อยากอยู่เป็นครอบครัวพ่อแม่ลูกหนึ่งช่วยเข้าใจพี่ด้วยเถอะ"
"จะอยู่ได้ยังไงมนเมื่อพี่สิงห์ไม่ได้รักหนึ่ง"
"เคยได้ยินพี่พูดแบบนั้นเหรอหนึ่ง...จะไปไหน"
"โอ้ย..."
ด้วยความที่นาราลุกขึ้นอย่างรวดเร็วหมายจะก้าวออกไปจากห้องอาการหน้ามืดของเธอก็แล่นมาเล่นงานจนขาอ่อนยวบลงไป
"หนึ่ง...เห็นไหมถ้าพี่ไม่อยู่ตรงนี้จะเป็นยังไงไม่ล้มหัวฟาดไปแล้วเหรอ...อยากให้ตานพมีแม่พิการอย่างนั้นสิ"
สิงหนาทรวบร่างบางลงมานอนที่เตียง
"อย่ายุ่งกับหนึ่ง"
หญิงสาวยังมีกะใจไล่ชายหนุ่มในขณะที่เธอไม่มีแม้เสียงพูด
"อย่าดื้อได้ไหม...ใครบอกว่าพี่ไม่รักหนึ่งก่อนหน้านั้นที่เราอยู่ด้วยกันทุกวันไม่รู้หรือไงว่าพี่รู้สึกยังไงกับหนึ่ง"
สิงหนาทเห็นทีต้องคุยกันจริงจังเสียทีในเรื่องของเขากับเธอ
"พี่สิงห์ก็แค่ดูแลหนึ่งตามหน้าที่เท่านั้น"
ก่อนหน้านั้นที่สิงหนาทดูแลเอาใจใส่เธอจนเธอยอมรับว่าแอบเผลอใจไปให้เขาแต่ก็ข่มใจบอกตัวเองอยู่ตลอดว่าเขาทำตามหน้าที่เพราะคิดไว้เสมอว่าคนอย่างเขาไม่มีวันสนใจผู้หญิงจนๆที่เป็นได้แต่ภาระของเขาอย่างเธอแน่นอน
"คิดแบบนั้นจริงสิ"
สิงหนาทไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวไม่รับรู้ถึงความรู้สึกที่เขามีให้ก่อนหน้าที่จะมีปัญหากันอย่างนั้นจริงหรือ
"......"
"การกระทำพี่มันทำให้หนึ่งดูไม่ออกหรือหนึ่งหลอกตัวเองกันแน่หรือต้องให้พี่พูดว่าพี่มีความรู้สึกดีๆกับหนึ่งถ้าวันนั้นพี่ไม่ขาดสติจนทำร้ายหนึ่งป่านนี้เราก็คงจะแต่งงานกันไปแล้วมั้ง"
"....."
นารายังคงเงียบครั้งนี้หูเธอไม่ได้ฝาดเพราะอาการไข้ใช่หรือไม่ยังคอยเฝ้าถามตัวเองอยู่ในใจ
"อื้อ...ออกไปค่ะเดี๋ยวติดไข้หนึ่ง"
จนมารู้สึกตัวว่าไม่ได้ฝันตอนที่ถูกชายหนุ่มรวบกอดหอมซ้ายหอมขวาอย่างเอาแต่ใจเธอจึงรีบผลักเขาออกจากตัวของเธอและหันหน้าหนีด้วยอาการเขิน
"งั้นพี่จะเฝ้าหนึ่งอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนนะ"
"....."
นาราหันหน้าหนีชายหนุ่มเธอไม่ได้ให้คำตอบอะไรว่าให้เฝ้าได้หรือไม่ได้หากหญิงสาวเงียบแบบนี้ก็เป็นที่ได้ใจของสิงหนาทเพราะเขาจะคิดว่าเธออนุญาต
หลายวันต่อมา
จากวันที่นาราไม่สบายนี่ก็เป็นครึ่งเดือนแล้วที่สิงหนาทไม่ยอมกลับไปอยู่บ้านของตัวเองแถมเป็นสัญญาณที่ดีเพราะหลังจากที่สิงหนาทเผยความในใจไปก็ทำให้เขาและนาราคุยกันดีขึ้นเรื่อยๆและยังดูแลเรื่องในบ้านกับดูแลลูกอย่างไม่ขาดตกบกพร่องจนนาราใจอ่อนให้ชายหนุ่มได้เข้ามาอยู่ในชีวิตของเธอไปแล้ว
"หนึ่ง.."
ฟึ่บบ
"ว้ายย.."
สิงหนาทถูกนาราปาถุงผ้าใส่ด้วยความตกใจเพราะจู่ๆสิงหนาทก็เดินมาจับหลังเธออย่างไม่ได้ตั้งตัว
"อิๆๆ.."
มานพเห็นคนเป็นพ่อถูกแม่ตนเองขว้างผ้าใส่ก็หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
"พี่สิงห์..หนึ่งตกใจหมดเลยค่ะ..เอ่อหน้า"
นาราเองก็อดขำไม่ได้เหมือนกันเพราะสิงหนาทยังหน้าเสียที่ถูกเธอเขวี้ยงของใส่ไม่หาย
"ขำพี่งั้นเหรอ..นี่"
"ว้าย..พี่สิงห์..อย่าค่ะ..ว้ายยย"
สิงหนาทเอาคืนโดยการจั๊กกะจี้ไปที่เอวร่างบางที่เอาแต่ขำเขา
"ตานพมาหายายหน่อยครับ"
"ครับ"
อัญชัญเห็นสองผัวเมียกำลังแกล้งกันจึงรีบอุ้มหลานชาบออกไปเดินเล่นข้างนอกปล่อยให้ทั้งสองเติมความหวานให้กันตามลำพังจะดีกว่า
20.00 น.
"บ้านนี้มีเจ้าตัวเล็กมาวิ่งในบ้านเพิ่มอีกสักคนคงดีนะหนึ่ง"
ในขณะที่นารากล่อมมานพหลับไปพักใหญ่แล้วสิงหนาทจึงเข้ามารวบกอดนาราและกระซิบข้างหูเธอถึงเรื่องที่คิดอยู่ในใจ
"......"
นาราอมยิ้มอย่างเอียงอายที่ไม่คิดว่าเขาจะมาพูดเรื่องนี้กับเธอ
"ขอลูกให้พี่อีกคนนะ"
"อื้อ..."
สิงหนาทไม่รอช้าเพราะไม่อยากให้มานพมีน้องที่อายุห่างกันมากจึงรีบรวบร่างบางกอดก่ายพรมจูบและเริ่มปฏิบัติการทำลูกในทันที
หลายเดือนต่อมา
ไร่ศังกร
"คิดถึงที่นี่จังเลยค่ะ"
นรีนาถมองเรือนศังกรด้วยความคิดถึงเกือบปีแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาที่นี่ดีที่สิงหนาทดีกับนาราไวจึงรีบกลับมาทำงานได้เธอกับเมืองรามก็ได้มีโอกาสมาเที่ยวที่ไร่ได้
"มานี่สิพี่มีอะไรให้ดูด้วย"
เมืองรามปล่อยอนุชิตให้เล่นอยู่กับทศพลและเขาก็รีบจูงมือนรีนาถมาที่ที่เขาสร้างเอาไว้ใหม่เพื่อเธอที่ธารน้ำตก
"นี่.."
นรีนาถมองจุดเดิมที่เคยเป็นกระท่อมตอนที่ชายหนุ่มจับเธอมาตอนนี้มันกลายเป็นหอสูงสามชั้นเป็นเหมือนจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาเลย
"ตามพี่มาสิ"
"หนังสือนี่คะ.."
นรีนาถตามชายหนุ่มที่จูงมือเธอเดินขึ้นมาที่ชั้นสองเธอก็ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหนังสือวางเรียงรายเต็มไปหมดเยอะกว่าที่เรือนของเธอด้วยซ้ำจึงดีใจเป็นอย่างมาก
"พี่ให้ไอ้ทศกับไอ้ทองเกณฑ์คนมาสร้างที่นี่เลยนะที่นี่คือหอศังกรเป็นหอหนังสือที่พี่สร้างไว้ให้หญิงโดยเฉพาะมันจะอยู่ไปจนชั่วลูกชั่วหลานเป็นที่ที่เกิดจากความรักของเราสองคน"
"ขอบคุณมากเลยนะคะพี่ราม"
นรีนาถสวมกอดเมืองรามด้วยความดีใจที่นี่คงจะเป็นที่ที่เธอชอบมากๆอีกที่เลยในไร่นี้
"พี่อยากให้ที่ตรงนี้มีแต่ความทรงจำที่มีแต่ความสุขของหญิงนะ"
"หญิงไม่ลืมเรื่องราวที่นี่ว่าตอนแรกหญิงมาอยู่ในฐานะอะไรเพราะมันทำให้หญิงได้มาเจอพี่รามแต่หญิงจะเลือกที่จะพูดถึงสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นค่ะลูกหลานเราจะเห็นแต่ความรักของเราเท่านั้น"
"รู้ใช่ไหมว่าตอนนี้หญิงกับลูกสำคัญกับพี่มากที่สุด"
เมืองรามจูบกระหม่อมคนเป็นเมียเบาๆ
"รู้ค่ะพี่รามกับลูกก็สำคัญกับหญิงมากที่สุดเหมือนกัน"
เรื่องราวความรักของทั้งสองกว่าจะมาถึงวันนี้ก็หนักหนาเหมือนกันแต่นั่นก็เป็นโชคชะตาที่ท้าทายในความรักของทั้งสองยิ่งผ่านอะไรมามากก็ยิ่งรักกันมากนั่นเอง
จบบริบูรณ์
เมื่อความแค้นที่ต้องถูกเหยียบย่ำหัวใจจนเสียเมียรักไปทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มต้องเอาคืนพวกคนที่ทำกับเขาและเหยื่อที่ต้องถูกพ่อเลี้ยงหนุ่มกระทำก็คือเธอลูกสาวของชู้ที่พรากเมียเขาไป...วันที่พาหญิงสาวมากักขังที่ไร่เพราะความแค้นเขาจึงกดขี่ขมเหงเธอสารพัดยิ่งเห็นแววตาใสซื่อไร้เดียงสาทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าพ่อของตนทำเรื่องเอาไว้และท่าทางหยิ่งทระนงตนทั้งที่รู้ว่าไม่ชนะเขาได้ในบางครั้งของเธอทำให้เขานั้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจเพิ่มเป็นทวีคูณแต่ในบางครั้งก็แอบสนใจในตัวจำเลยเล็กน้อยและนานวันเข้าก็กลับกลายเป็นสนใจทุกๆเรื่องที่เป็นเรื่องของเธออย่างไม่รู้ตัวการที่พ่อเลี้ยงหนุ่มขโมยลูกสาวนายธนาคารใหญ่มาอย่างคนเอาแต่ใจแบบนี้ย่อมมีปัญหาตามมาภายหลังแน่นอนแต่ปัญหาและเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไรอุปสรรคที่ทั้งสองจะต้องเจอมีอะไรบ้างติดตามได้ในเรื่องแค้นสวาทรามสูรเลยค่าา..พระเอกเมืองราม ศิริศังกร [ราม]อายุ40ปีพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่สูง185ผิวพรรณสะอาดผุดผ่องถึงแม้จะอยู่กับไร่กับสวนใบหน้าคมเข้มแววตาประดุจเหยี่ยวจมูกโด่งเป็นสันปากหนาเป็นกระจับร่างกายกำยำบึกบึนได้รูปแม้จะอายุเจ้าเลขสี่แล้วแต่เขาก็ยังดูสง่าเรีย
ช่วงประมาณปี พ.ศ 2500เชียงใหม่ไร่ศังกรปั้งๆๆๆๆไร่ศังกรเชียงใหม่ตั้งอยู่ที่ราบสูงตอนนี้อยู่ช่วงหน้าฝนมองสุดลูกหูลูกตาก็มีแต่สีเขียวขจีไปทั่วทุกมุมไร่..อาณาเขตของไร่นี้มีนับพันไร่เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างมากที่ยากต่อการเข้าถึงหากมิใช่คนในจะไม่รู้ทางและอาจจะหลงเข้าป่าไปได้..ที่ไร่นี้ทำการเกษตรหลายอย่างรวมกันปกครองโดยพ่อเลี้ยงเมืองรามวัยสี่สิบปีชายหนุ่มที่ยิ่งทีอายุยิ่งดูดีสาวๆในราเมื่อมีโอกาสก็มิวายจะโปรยเสน่ห์หรือถวายตัวให้โดยไม่มีข้อแม้เพราะรู้ตัวว่าหากเป็นคนของเมืองรามนั้นจะไม่ต้องทำงานไปตลอดชาติเลยก็ยังได้คล้อยบ่ายแดดเปรี้ยงพ่อเลี้ยงหนุ่มที่อยู่ในชุดคาวบอยสวมหมวกสีน้ำตาลรับกับใบหน้าคมเข้มชายหนุ่มยืนหน้านิ่งคิ้วขมวดเพราะโทสะที่อยู่ในใจมือขวาและซ้ายต่างก็มีปืนสั้นอยู่ในมือทั้งรัวปล่อยกระสุนปืนอยู่ที่กระท่อมเถียงนาใส่หุ่นไล่กาสิบกว่าตัวที่สั่งให้คนสนิทสร้างขึ้นมาให้เพื่อระบายอารมณ์เหงื่อตามเนื้อตัวไหลซิกออกมาไม่หยุดเพราะความร้อนจากแดดบวกกับความร้อนในใจมันแผดเผาพ่อเลี้ยงหนุ่มอยู่นั่นเองที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเมียสุดที่รักของเขาที่เฝ้าประคบประหงมอย่างดีนั้นหนีไปกับหนุ่มเมืองกรุงห
ท้ายไร่ชา“มึงเป็นอะไรของมึงนักหนาผู้หญิงไม่ดีมึงก็ปล่อยไปมึงจะไปตามจองล้างจองผลาญให้เสียเวลาทำไมคนในไร่สาวๆสวยๆอยากจะเป็นเมียมึงทั้งนั้นมึงไม่สนบ้างรึไง”พันแสงยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดเท้าเอวมองเพื่อนตนอย่างอ่อนใจพ่อเลี้ยงพันแสงพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่อายุ40ปีเช่นเดียวกับเมืองรามและรูปร่างหน้าตาดีไม่แพ้กันเป็นคนขี้เล่นเล้กน้อยแต่เมื่อถึงเวลางานก็เอาจริงเอาจังมากพอตัวและเป็นคนที่ค่อนข้างถือทิฐิอยู่มากแล้วแต่กับบางคนเขาเป็นเพื่อนของพ่อเลี้ยงเมืองรามตั้งแต่เล็กๆตอนนี้ก็เป็นพ่อเลี้ยงปกครองไร่วัฒนพรรณเป็นหนุ่มโสดในตอนนี้เช่นกันเพราะภรรยาของเขาได้เสียไปสามปีแล้วด้วยโรคไข้ป่าทำให้เขาครองความโสดมาจนถึงทุกวันนี้“กูจะทำให้มันรู้ว่าคนที่หักหลังกูไม่มีวันอยู่เป็นสุขชู้มันก็เหมือนกันกูรู้ว่ามันรู้ว่าเดือนมีผัวอยู่แล้วมันก็ยังมายุ่งไอ้นี่กูก็จะเล่นงานมันเหมือนกัน”เมืองรามกำหมัดแน่นสายตาของเขาที่แน่นิ่งเด็ดเดี่ยวมันทำให้พันแสงมองออกว่าเพื่อนของเขากำลังมีแผนการอะไรอยู่ในใจเป็นแน่“นี่อย่าบอกนะว่าเรียกกูมามึงมีแผนอะไร”“เออ..”เมืองรามพยักหน้าเบาๆ“กูว่าแล้วคนอย่างมึงถ้ามีเรื่องดีๆไม่เคยเรียกกูมาเข้าเฝ้าหรอก
“นั่นอะไรเหรอ”ในระหว่างที่ขับรถสิงหนาทหันไปเห็นตระกร้าหวายที่มีผ้าขาวบางปิดอยู่ในมือของนรีนาถจึงแปลกใจว่าหญิงสาวถืออะไรกลับมาด้วย“ขนมตาลน่ะค่ะแม่ของหนึ่งให้เอามาฝาก”นรีนาถค่อยๆเปิดผ้าขาวบางที่คลุมขนมตาลฟูเหลืองอร่ามในกระทงใบตองเล็กๆให้สิงหนาทได้ดู“ดีสิพี่กำลังอยากทานอยู่พอดีเลยไม่รู้ว่าน้องหญิงจะแบ่งให้พี่ได้ไหมนะ”สิงหนาทรู้ดีว่าขนมไทยที่แม่ของนาราเป็นคนทำอร่อยแค่ไหนจึงต้องเอ่ยปากของนรีนาถอย่างไม่เกรงใจ“ได้สิคะหนึ่งเอามาฝากเยอะเลย”นรีนาถไม่ได้หวงสิงหนาทแม้แต่น้อยเพราะขนมนี่มันก็เยอะพอที่จะแบ่งได้หลายคน“วันหน้าพี่คงต้องไปอุดหนุนถึงที่ร้านหนึ่งเสียแล้วล่ะให้ขนมเราทานฟรีบ่อยเกินจนพี่เริ่มเกรงใจแล้ว”สิงหนาทเห็นทีจะต้องไปอุดหนุนนาราถึงที่บ้านเสียแล้วเพราะเขาได้ทานขนมฟรีจากบ้านนานราบ่อยเสียเหลือเกินจนเริ่มเกรงใจ“ดีเลยค่ะไว้วันที่พี่สิงห์ว่างเราไปร้านหนึ่งกันนะคะ”นรีนาถเห็นด้วยเช่นนั้นเหมือนกันเพราะเธอก็กะจะชวนสิงหนาทในวันที่เขาว่างไปที่บ้านนาราเช่นกันแต่ติดตรงที่น้อยครั้งนักที่สิงหนาทจะว่าง“ครับ”สิงหนาทชายหนุ่มอายุ30ปีรูปร่างหล่อเหลาใบหน้าคมเข้มผิวขาวสะอาดสะอ้านส่วนสูง185เป็นชา
“เออ..ไปล้างหน้าล้างตาก่อน”“แล้วมึงรู้เหรอว่าบ้านชู้เมียมึงอยู่ที่ไหน”พันแสงเปิดกระจกหยิบขวดน้ำในรถมาเทใส่มือลูบหน้าลูบตาเมื่อเสร็จแล้วจึงหันมาถามเมืองรามด้วยสีหน้าสงสัยว่าเพื่อนของเขารู้แล้วเหรอว่าบ้านโจทย์ที่ตามหาอยู่ที่ไหน“ตรงหน้ามึงนี่ไง”เมืองรามสะบัดหัวเล็กน้อยไปทางเรือนธิติลักษณ์ที่เป็นเรือนใหญ่ทรงปั้นหยาให้คนเป็นเพื่อนดูนอกรั้ว“หา..นี่มึงไม่คิดจะหลงบ้างไงวะ”“กูจะหลงได้ไงก็กูรู้ที่อยู่ผู้ใหญ่ให้กูมา”พันแสงมองไปยังรั้วบ้านที่เป็นทรงปั้นหยาร่วมสมัยหลังใหญ่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่งงงวยเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเมืองรามจะมาถูกโดยที่ไม่หลงแม้แต่นิดเดียว“แล้วมึงเอาไงต่ออะมึงจะเผาบ้านเค้าจริงเหรอวะ”พันแสงเลิกคิ้วสงสัย“กูเปลี่ยนใจแล้วกูจะให้มันตายทั้งเป็นแทน”เมืองรามพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่มียกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพราะเขานั้นได้ไปรู้อะไรดีๆมาว่าภิภพนั้นมีของรักของหวงอยู่ในบ้านหลังนี้และเขาจะใช้จุดอ่อนนี้เล่นงานภิภพ“ยังไงวะ”พันแสงเกาหัวแกรกๆทั้งสีหน้ายังขมวดครุ่นคิดไม่เจ้าใจสิ่งที่เมืองรามพูดสักเท่าไร“กูจะพาลูกสาวมันกลับไปที่ไร่แล้วให้มันไปตามเอาเองดูซิว่าถ้ามันรู้ว่าลูกมันถูกทำอะไรบ
"อะไรนะ...แล้วตอนน้องหญิงออกไปไม่มีใครไปด้วยหรืออย่างไร"สิงหนาทขมวดคิ้วถามทุกคนในบ้านที่ยืนก้มหน้างุดกันเสียงแข็ง"คุณหญิงไม่ให้ใครตามไปเธอให้เหตุผลว่าบ้านหนูหนึ่งอยู่ใกลๆเธออยากเดินไปเองค่ะ"นมสรวงต้องรีบอธิบายก่อนที่คนอื่นจะโดนคาดโทษไปด้วยหากมีคนผิดก็ขอให้เป็นที่เธอเองที่ตามใจคุณหนูของตนเองจนเกินไป"เฮ้อ...เดี๋ยวผมจะไปตามหาน้องหนึ่งอีกครั้งเอง"พูดจบสิงหนาทก็ออกรถหมายขับไปให้ถึงที่บ้านของนาราอย่างรวดเร็ว"โถ่..คุณหญิงของนมอยู่ไหนกันคะ"นมสรวงเข่าทรุดเล็กน้อยเพราะตอนนี้เธอเป็นห่วงคุณหนูของเธอเหลือเกินหากย้อนเวลาไปได้เธอจะไม่ให้คุณหนูของเธอไปไหนตามลำพังอีกเลยบ้านนารา"แม่คะยาค่ะ"ในเพลิงไม้เก่าๆริมแม่น้ำเป็นบ้านของนารีและนาราและเป็นหน้าร้านขายขนมไทยที่อยู่ที่เดียวกันหลังจากที่สองแม่ลูกช่วยกันจัดแจงวัตถุดิบเพื่อทำขนมในเช้าวันถัดไปเสร็จก็มานั่งกินข้าวหลังจากทั้งสองกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วนาราก็ไม่ลืมที่จะจัดยาให้กับคนเป็นแม่กินเพราะหากรอคนเป็นแม่กินเองก็คงลืมอีกเช่นเคย"ขอบใจลูก"นารีเป็นโรคเบาหวานและหัวใจมานานแล้วและตอนนี้ก็พ่วงด้วยไตเสื่อมมาอีกทำให้ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง"ต่อไปนี้หน
ชั่วโมงต่อมาโรงพยาบาล"หมอคะคุณแม่ดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ"นารารีบเข้าไปถามหมอหนุ่มด้วยสีหน้ากังวลกลัวว่าแม่ของเธอจะเป็นอะไรร้ายแรง"คือ...หมอต้องเสียใจด้วยนะครับแม่ของคุณเสียด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันครับ""อ..อะไรนะคะ"นาราเข่าทรุดยวบหมดสติกะทันหันอย่างไม่ทันตั้งตัวจากที่กลัวว่าแม่เธอจะเป็นอะไรร้ายแรงเรื่องกลับร้ายกว่าที่คิดเพราะแม่ของเธอมาจากไปโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว"หนึ่ง..."สิงหนาทรับร่างบางเอาไว้ได้ทันหน้าของเขาตอนนี้ซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัดปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่แม่ของหญิงสาวจากไปเร็วเพียงนี้มาจากการกระทำที่ขาดสติของเขาไร่ศังกร23.00 น.พลั้กกกกก"อร้ายย...นายเป็นใครจับฉันมาทำไม"นรีนาถตัวสั่นเป็นลูกนกเมิ่อถูกโยนเข้ามาในกระท่อมซึ่งไม้ไผ่น่าจะอยู่กลางป่ามีเพียงตะเกียงที่จุดให้มีแสงสว่สงเพียงแค่รำไรเท่านั้นทำ"เป็นใครก็เรื่องของฉันส่วนเธออย่าคิดหนีไม่อย่างนั้น..ตาย"เมืองรามไม่เพียงชักปืนมาวางขู่หญิงสาวเขารีบจับเธอมัดข้อมือของหญิงสาวกับข้อมือของเขาผูกมัดติดกันและลงตัวนอนข้างหญิงสาวทันทีเพราะเวลานี้เขาเหนื่อยและเพลียเกินกว่าที่จะมานั่งตอบคำถามหรือคุยอะไรกับหญิงสาวตอนนี้"หา...."นรี
"ไม่ต้องเสือกอยากรู้วันนั้นมาถึงเดี๋ยวก็ได้เห็นเอง..กินข้าวได้แล้ว"ชายหนุ่มสะบัดหน้าน้อยๆของเธอเต็มแรงจนหน้าหวานมีรอยแดงเป็นปื้นแต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้คนที่กำลังไฟลุกท่วมหัวใจสงสารผู้หญิงตัวเล็กๆแม้แต่นิดเดียว"........"นรีนาถน้ำตาเล็ดด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ถึงแม้ว่าร่างกายเธอจะส่งเสียงร้องว่าต้องการอาหารแค่ไหนก็ตามแต่จะให้เธอกินอะไรเข้าไปตอนนี้คงจะกลืนไม่ลงอยู่ดี"บอกให้กินไง..""อร้ายยย..."เพล้งงงง"โถ่เอ้ย..."เมืองรามตะคอกเสียงฝาดเพราะคนตรงหน้าไม่ยอมรับถาดข้าวดีๆเขาจับเธอมาไม่ได้ต้องการให้ตายไวเขาต้องเลี้ยงเธอไว้เป็นเครื่องมือแก้แค้นดังนั้นยังไงหญิงสาวก็ต้องได้กินด้วยความที่ตกใจในเสียงตวาดของชายหนุ่มทำให้นรีนาถเผลอปัดมือไปถูกถาดอาหารจนล่วงกระจายเต็มพื้นนั่นก็เป็น้หตุให้เมืองรามหัวเสียอีกรอบและผลักร่างบางเต็มแรงจนเธอร้องให้สะอื้นไม่ยอมหยุด"ฮึก...ฮือๆๆๆๆ..""จะร้องอีกนานไหมวะ...รำคาญ"เมืองรามนั่งมองคนตรงหน้าสะอื้นให้มาพักใหญ่อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนต้องเสียงแข็งใส่หญิงสาวอีกรอบเพราะรู้สึกรำคาญเสียงสะอื้นเต็มทน"พ่อเลี้ยง""มีอะไร.."เมืองรามได้ยินเสียงทศพ