"จริงเหรอ"
นาราเบิกตาโพรงด้วยความดีใจ
"ใช่...เพราะเรากับพี่รามต้องช่วยกันบริหารงานที่ธนาคาร"
นรีนาถพนักหน้าเบาๆ
"จริงใช่ไหม..เราดีใจที่สุดเลยนึกว่าจะต้องอยู่ห่างกันเสียอีก"
นาราสวมกอดนรีนาถด้วยความดีใจ
"ไม่เข้าไปล่ะ"
เมืองรามเห็นสิงหนาทแอบมองสองสาวและเด็กๆอยู่ไกลๆจึงเข้ามาหา
"นายก็รู้ว่าฉันถูกห้ามเรื่องอะไร"
สิงหนาทก้มหน้าเล็กน้อยเพราะนาราเชื่อใจว่าเขาจะไม่เข้าใกล้จึงยอมไปอยู่กรุงเทพได้หากแลกกับความสบายของลูกเขาและนาราเขาจำต้องยอมไปก่อนแต่ก็จะหาวิธีเข้าหาเธอใหม่ไม่ปล่อยเธออยู่อย่างนี้ตลอดไปแน่นอน
"เฮ้อ...แบบนี้ก็ต้องอดทนหน่อยนะ"
เมืองรามตบบ่าสิงหนาทเบาๆ
สองวันต่อมา
"บ้านนี้น่าอยู่เหมือนกันนะหนูหนึ่ง"
อัญชัญเดินตามนาราที่กำลังอุ้มมานพซบหลับในอ้อมอกเข้ามาที่บ้านหลังเล็กอยู่ไม่ห่างเรือนธิติลักษณ์เท่าไรโดยมีสิงหนาทเป็นคนมาส่ง
"น้าอัญชอบหรือเปล่าจ้ะ"
"ชอบสิน้าเคยอยู่ที่สบายแบบนี้เสียที่ไหนที่เป็นบุญของน้าเลยล่ะ"
"หนึ่งดีใจนะจ้ะที่เห็นน้ามีความสุขแบบนี้"
นาราดีใจที่เห็นท่าทางอัญชัญมีความสุขหากเธอตัดสินใจผิดเธอคงไม่เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของอัญชัญแบบนี้เป็นแน่
"เดี๋ยวน้าเดินดูรอบๆบ้านก่อนนะ"
"เดี๋ยวพี่ช่วยเก็บของ"
ในขณะที่อัญชัญเดินสำรวจรอบๆบ้านสิงหนาทก็อาสาช่วยนาราเก็บของเพราะเธอยังอุ้มลูกอยู่
"ไม่ต้องค่ะ"
"หนึ่งอุ้มลูกอยู่จะเก็บของยังไง...พี่สัญญาเก็บของเสร็จจะรีบไป"
"ก็ได้ค่ะ"
นาราจำต้องยอมสิงหนาทเพราะถ้าขืนเธอไม่ยอมเขาก็คงไม่ไปจากที่นี่ง่ายๆแน่
"พ่อกลับแล้วนะครับตานพ"
"........"
ไม่นานของทุกอย่างก็เก็บเสร็จเพราะมีไม่มากสิงหนาทคิดว่ายังต้องซื้อของเข้ามาไว้ที่นี่เพื่ออำนวยความสะดวกอีกเยอะก่อนกลับเขาก้มจูบหน้าผากลูกชายก่อนจะเดินออกไปโดยที่นาราไม่มีแม้แต่จะหันมามอง
อาทิตย์ต่อมา
ไร่ศังกร
"มึงจะไปจริงเหรอวะ"
วันนี้เป็นวันที่เมืองรามต้องย้ายครอบครัวไปที่กรุงเทพพันแสงเลยมาร่ำราด้วยท่าทีที่แอบหดหู่อยู่มากจากคนเคยอยู่ใกล้กันกลับต้องไกลกันเป็นครั้งแรก
"ทำไมกูไม่อยู่หดหู่สิมึง"
ในใจเมืองรามก็หดหู่ไม่แพ้พันแสงเช่นกันแต่ก็เอ่ยติดตลกเพื่อไม่ให้ทุกคนไม่สบายใจไปมากกว่านี้
"เออ..ถ้ากูดูแลไร่ไม่ทั่วถึงอย่าว่ากูละกัน"
"กูเข้าใจแค่มึงยอมรับปากดูแลให้กูก็ดีแล้ว..."
"ว่างๆก็กลับมาล่ะ"
"เออ...ดูแลคำแก้วกับหลานกูดีๆด้วยล่ะ"
"เมียกับลูกกูดูแลดีอยู่แล้วไม่ต้องห่วง"
"เดินทางปลอดภัยนะจ้ะพ่อเลี้ยง...พี่หญิง"
"จะแก้ว"
นรีนาถโอบไหล่คำแก้วเบาๆ
"คำแก้วว่างๆเอ็งก็แวะมาดูแม่จันทร์บ่อยๆล่ะช่วงนี้แกเจ็บไข้อยู่บ่อยครั้ง"
"จะพ่อเลี้ยง"
ถึงไม่มีใครสั่งคำแก้วก็ต้องหมั่นมาดูฟองจันทร์อยู่แล้วเพราะรู้มาเหมือนกันว่าฟองจันทร์ป่วยอยู่บ่อยๆด้วยอายุที่มากแล้ว
สองวันต่อมา
"หนึ่ง.."
"หญิงมาตั้งแต่เมื่อไร"
"เมื่อวานนี้เอง"
"แล้วตาชิตล่ะ"
"เล่นอยู่กับคนที่เรือนน่ะ...กำลังสนุกเราเลยไม่อยากกวนลูกแล้วตานพล่ะ"
นรีนาถมาถึงกรุงเทพได้รุ่งขึ้นก็รีบมาหานาราทันทีเพื่อมาดูความเป็นอยู่
"หลับอยู่หลังบ้านน่ะ"
นารามองไปทางหลังบ้าน
"แล้วนี่กำลังจะทำอะไรเหรอ"
"เรากำลังจะทำขนมไปฝากคนที่เรือนพอดีเลยอยู่ว่างๆมันเบื่อ"
"เราเข้าใจ..มาเดี๋ยวเราช่วย"
"หญิงทำเป็นเหรอ.."
นาราทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยไม่ยักรู้ว่านรีนาถทำขนมเป็นด้วย
"เป็นสิตอนอยู่ที่ไร่แม่จันทร์สอนเราหลายอย่างเลย"
"งั้นมาช่วยกันเลย"
"อืม..แล้วของเล่นกับของใช้ทำไมเต็มบ้านเลยล่ะ"
ในขณะที่นรีนาถกำลังช่วยนาราทำฝอยทองอยู่นั้นก็หันไปเห็นพวกข้าวของเครื่องใช้ที่ยังสภาพใหม่กองอยู่เต็ม
"ก็พี่สิงห์น่ะสิเอามาฝากกับน้าอัญทุกเช้าเลยเราบอกให้น้าอัญปฏิเสธไปแล้วแต่ก็ยังมาทุกวัน"
นาราพูดพรางส่ายหัวเบาๆที่สิงหนาทเทียวซื้อของมาฝากอัญชัญอยู่ทุกวัน
"แต่เค้าก็ไม่ได้เข้ามายุ่งกับหนึ่งใช่ไหมล่ะ"
นรีนาถเหล่มองอย่างมีเลศนัย
"ก็ใช่"
"งั้นก็รับๆไว้เถอะของพวกนี้ก็เป็นของจำเป็นทั้งนั้น"
"....."
นารามองกองของใช้อย่างอ่อนใจ
เย็นของวัน
บ้านสิงหนาท
"พี่สิงห์คะ"
"น้องหญิงจะมาทำไมไม่บอกพี่ก่อน"
นรีนาถแวะเอาขนมที่ทำกับนารามาฝากสิงหนาทที่บ้านเพราะรู้ว่าพี่ชายตนน่าจะอยากกินขนมฝีมือนาราเป็นแน่
"หญิงพึ่งไปบ้านหนึ่งมาเอาขนมที่หนึ่งทำมาฝากค่ะ"
"หนึ่งฝากมาให้พี่เหรอ"
สิงหนาทถามด้วยสีหน้าที่มีความหวัง
"เปล่าค่ะ...หนึ่งบอกว่าให้เอาไปฝากคนที่เรือนมันเยอะหญิงก็เลยเอามาให้พี่สิงห์ด้วยค่ะ"
นรีนาถส่ายหัวเบาๆวางตระกร้าขนมไว้ที่ตรงหน้าสิงหนาท
"งั้นน้องหญิงเอาไปฝากคนที่เรือนเถอะ"
สิงหนาทก้มหน้างุดเพราะแอบผิดหวังในใจ
"ทำไมล่ะคะ"
"เจ้าของเค้าไม่ได้ตั้งใจให้พี่พี่ก็ไม่อยากรับ"
"เป็นคนขี้น้อยใจตั้งแต่เมื่อไรคะ...รับไปค่ะเดี๋ยวหญิงจะบอกข่าวดี"
นรีนาถเลิกคิ้วมองคนก้มหน้าด้วยรอยยิ้มน้อยครั้งนักที่เธอจะเห็นสิงหนาทมีอาการแบบนี้
"ก็ได้"
"พี่รามอนุมัติวันลาของพี่สิงห์แล้วนะคะจะลายาวเท่าไรก็ได้"
"จริงเหรอ"
เมื่อได้ยินข่าวนี้สิงหนาทยังพอยิ้มออกได้หน่อยเขารอวันนี้มาพักใหญ่แล้วเพราะเขาจะได้เริ่มแผนการที่คิดอยู่ในใจเสียที
"ค่ะ...ว่าแต่พี่สิงห์จะลาไปทำอะไรคะ"
นรีนาถถามอย่างสงสัยว่าสิงหนาทอยากจะลายาวๆไปเพื่ออะไร
"พี่ขอไม่บอกน้องหญิงแล้วกันนะ"
สิงหนาทบอกกับนรีนาถครั้งนี้ไม่ได้เพราะหากบอกน้องสาวของเขาไปเป็นอันเสียแผนเป็นแน่
"อ้าว...เดี๋ยวนี้มีความลับกับน้องนะคะ"
นรีนาถบุ้ยปากแต่ก็ไม่ได้คะยั้นคะยอถามอะไรที่สิงหนาทไม่อยากตอบ
หลายวันต่อมา
"อยู่ไหนกันนะ..."
วันนี้นาราอยู่บ้านคนเดียวเพราะลูกชายของเธอกับอัญชัญนั้นนรีนาถให้รับไปที่เรือนธิติลักษณ์ตั้งแต่เช้าเพราะเธอไม่ค่อยให้ลูกอยู่ใกล้เท่าไรด้วยความที่ตอนนี้ตนเองไม่สบายหนักตอนนี้เธอจึงกำลังหายาแก้ไข้แต่ยังหาไม่เจอเสียที
พลั้กก
"อ..โอ้ยย.."
"หนึ่ง.."
เดินหาของได้ครู่หนึ่งนาราก็ฟุบลงด้วยอาการหน้ามืดดีที่สิงหนาทเข้ามารับไว้ได้ทันไม่เช่นนั้นเธอคงหัวฟาดพื้นลงไปแล้ว
"ไม่สบายถึงขั้นอ่อนเพลียจะเป็นลมยังไม่ยอมไปหาหมออีกเหรอ"
สิงหนาทอุ้มนารามานอนพักที่ห้องนอนทั้งบ่นด้วยความเป็นห่วงเพราะเขาได้ยินจากอัญชัญว่านารานั้นไม่สบายแต่ไม่ยอมไปหาหมอ
"ใครบอกพี่สิงห์คะว่าหนึ่งไม่สบาย"
"ไม่ต้องมีใครบอกพี่ก็รู้หมอกำลังมาแล้วพี่ตามมาเอง""หนึ่งต้องรีบไปซักผ้าลูกค่ะค้างไว้นานมันจะไม่ดี""ไม่ต้องผ้าพวกนั้นถ้ามันจะเป็นอะไรซื้อใหม่เอาก็ได้""พี่สิงห์"สิงหนาทโอบร่างบางให้นอนลงในขณะที่เธอกำลังจะฝืนลุกขึ้น"อย่าดื้อได้ไหมปล่อยให้ตัวเองเป็นไข้นานแล้วเมื่อไรลูกจะเข้าใกล้ได้""หนึ่งกินยาต้มเดี๋ยวก็หายแล้วค่ะจะตามหมอมาทำไมให้เปลืองค่ารักษา""พี่มีเงินพี่ออกค่ารักษาเมียพี่ได้""อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ...ตอนนี้เราเป็นแค่พ่อและแม่ของตานพเท่านั้น...นี่ไม่ไปทำงานทำการหรือไงคะถึงได้มานั่งเฝ้าหนึ่งอยู่ได้""ไม่...ช่วงนี้พี่ว่าง"สิงหนาทไม่สนใจแล้วว่าหญิงสาวจะต่อต้านเขายังไงเขาพูดกับตัวเองไว้แล้วว่ายังไงเขาก็จะต้องอยู่เป็นครอบครัวเดียวกับหญิงสาวให้ได้เพราะเขาให้เวลาเธออยู่กับลูกมาพักใหญ่แล้ว"ร่างกายคุณหนึ่งอ่อยเพลียมากนะครับเดี๋ยวหมอจะฉีดยาแก้ไข้แล้วก็จะให้ยาแก้ไข้กับยาบำรุงไว้ให้แล้วก็ทานตามที่หมอเขียนให้นะครับ"หมอหนุ่มตรวจอาการนาราพักใหญ่ก็ได้ข้อสรุปมาว่าร่างกายหญิงสาวนั้นอ่อนเพลียและค่อนข้างจะขาดสารอาหาร"ค่ะคุณหมอ""ช่วงนี้นอนพักเยอะๆนะครับทานอาหารให้ตรงเวลาช่วงเป็นไข้รับประทานแต่อ
เมื่อความแค้นที่ต้องถูกเหยียบย่ำหัวใจจนเสียเมียรักไปทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มต้องเอาคืนพวกคนที่ทำกับเขาและเหยื่อที่ต้องถูกพ่อเลี้ยงหนุ่มกระทำก็คือเธอลูกสาวของชู้ที่พรากเมียเขาไป...วันที่พาหญิงสาวมากักขังที่ไร่เพราะความแค้นเขาจึงกดขี่ขมเหงเธอสารพัดยิ่งเห็นแววตาใสซื่อไร้เดียงสาทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าพ่อของตนทำเรื่องเอาไว้และท่าทางหยิ่งทระนงตนทั้งที่รู้ว่าไม่ชนะเขาได้ในบางครั้งของเธอทำให้เขานั้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจเพิ่มเป็นทวีคูณแต่ในบางครั้งก็แอบสนใจในตัวจำเลยเล็กน้อยและนานวันเข้าก็กลับกลายเป็นสนใจทุกๆเรื่องที่เป็นเรื่องของเธออย่างไม่รู้ตัวการที่พ่อเลี้ยงหนุ่มขโมยลูกสาวนายธนาคารใหญ่มาอย่างคนเอาแต่ใจแบบนี้ย่อมมีปัญหาตามมาภายหลังแน่นอนแต่ปัญหาและเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไรอุปสรรคที่ทั้งสองจะต้องเจอมีอะไรบ้างติดตามได้ในเรื่องแค้นสวาทรามสูรเลยค่าา..พระเอกเมืองราม ศิริศังกร [ราม]อายุ40ปีพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่สูง185ผิวพรรณสะอาดผุดผ่องถึงแม้จะอยู่กับไร่กับสวนใบหน้าคมเข้มแววตาประดุจเหยี่ยวจมูกโด่งเป็นสันปากหนาเป็นกระจับร่างกายกำยำบึกบึนได้รูปแม้จะอายุเจ้าเลขสี่แล้วแต่เขาก็ยังดูสง่าเรีย
ช่วงประมาณปี พ.ศ 2500เชียงใหม่ไร่ศังกรปั้งๆๆๆๆไร่ศังกรเชียงใหม่ตั้งอยู่ที่ราบสูงตอนนี้อยู่ช่วงหน้าฝนมองสุดลูกหูลูกตาก็มีแต่สีเขียวขจีไปทั่วทุกมุมไร่..อาณาเขตของไร่นี้มีนับพันไร่เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างมากที่ยากต่อการเข้าถึงหากมิใช่คนในจะไม่รู้ทางและอาจจะหลงเข้าป่าไปได้..ที่ไร่นี้ทำการเกษตรหลายอย่างรวมกันปกครองโดยพ่อเลี้ยงเมืองรามวัยสี่สิบปีชายหนุ่มที่ยิ่งทีอายุยิ่งดูดีสาวๆในราเมื่อมีโอกาสก็มิวายจะโปรยเสน่ห์หรือถวายตัวให้โดยไม่มีข้อแม้เพราะรู้ตัวว่าหากเป็นคนของเมืองรามนั้นจะไม่ต้องทำงานไปตลอดชาติเลยก็ยังได้คล้อยบ่ายแดดเปรี้ยงพ่อเลี้ยงหนุ่มที่อยู่ในชุดคาวบอยสวมหมวกสีน้ำตาลรับกับใบหน้าคมเข้มชายหนุ่มยืนหน้านิ่งคิ้วขมวดเพราะโทสะที่อยู่ในใจมือขวาและซ้ายต่างก็มีปืนสั้นอยู่ในมือทั้งรัวปล่อยกระสุนปืนอยู่ที่กระท่อมเถียงนาใส่หุ่นไล่กาสิบกว่าตัวที่สั่งให้คนสนิทสร้างขึ้นมาให้เพื่อระบายอารมณ์เหงื่อตามเนื้อตัวไหลซิกออกมาไม่หยุดเพราะความร้อนจากแดดบวกกับความร้อนในใจมันแผดเผาพ่อเลี้ยงหนุ่มอยู่นั่นเองที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเมียสุดที่รักของเขาที่เฝ้าประคบประหงมอย่างดีนั้นหนีไปกับหนุ่มเมืองกรุงห
ท้ายไร่ชา“มึงเป็นอะไรของมึงนักหนาผู้หญิงไม่ดีมึงก็ปล่อยไปมึงจะไปตามจองล้างจองผลาญให้เสียเวลาทำไมคนในไร่สาวๆสวยๆอยากจะเป็นเมียมึงทั้งนั้นมึงไม่สนบ้างรึไง”พันแสงยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดเท้าเอวมองเพื่อนตนอย่างอ่อนใจพ่อเลี้ยงพันแสงพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่อายุ40ปีเช่นเดียวกับเมืองรามและรูปร่างหน้าตาดีไม่แพ้กันเป็นคนขี้เล่นเล้กน้อยแต่เมื่อถึงเวลางานก็เอาจริงเอาจังมากพอตัวและเป็นคนที่ค่อนข้างถือทิฐิอยู่มากแล้วแต่กับบางคนเขาเป็นเพื่อนของพ่อเลี้ยงเมืองรามตั้งแต่เล็กๆตอนนี้ก็เป็นพ่อเลี้ยงปกครองไร่วัฒนพรรณเป็นหนุ่มโสดในตอนนี้เช่นกันเพราะภรรยาของเขาได้เสียไปสามปีแล้วด้วยโรคไข้ป่าทำให้เขาครองความโสดมาจนถึงทุกวันนี้“กูจะทำให้มันรู้ว่าคนที่หักหลังกูไม่มีวันอยู่เป็นสุขชู้มันก็เหมือนกันกูรู้ว่ามันรู้ว่าเดือนมีผัวอยู่แล้วมันก็ยังมายุ่งไอ้นี่กูก็จะเล่นงานมันเหมือนกัน”เมืองรามกำหมัดแน่นสายตาของเขาที่แน่นิ่งเด็ดเดี่ยวมันทำให้พันแสงมองออกว่าเพื่อนของเขากำลังมีแผนการอะไรอยู่ในใจเป็นแน่“นี่อย่าบอกนะว่าเรียกกูมามึงมีแผนอะไร”“เออ..”เมืองรามพยักหน้าเบาๆ“กูว่าแล้วคนอย่างมึงถ้ามีเรื่องดีๆไม่เคยเรียกกูมาเข้าเฝ้าหรอก
“นั่นอะไรเหรอ”ในระหว่างที่ขับรถสิงหนาทหันไปเห็นตระกร้าหวายที่มีผ้าขาวบางปิดอยู่ในมือของนรีนาถจึงแปลกใจว่าหญิงสาวถืออะไรกลับมาด้วย“ขนมตาลน่ะค่ะแม่ของหนึ่งให้เอามาฝาก”นรีนาถค่อยๆเปิดผ้าขาวบางที่คลุมขนมตาลฟูเหลืองอร่ามในกระทงใบตองเล็กๆให้สิงหนาทได้ดู“ดีสิพี่กำลังอยากทานอยู่พอดีเลยไม่รู้ว่าน้องหญิงจะแบ่งให้พี่ได้ไหมนะ”สิงหนาทรู้ดีว่าขนมไทยที่แม่ของนาราเป็นคนทำอร่อยแค่ไหนจึงต้องเอ่ยปากของนรีนาถอย่างไม่เกรงใจ“ได้สิคะหนึ่งเอามาฝากเยอะเลย”นรีนาถไม่ได้หวงสิงหนาทแม้แต่น้อยเพราะขนมนี่มันก็เยอะพอที่จะแบ่งได้หลายคน“วันหน้าพี่คงต้องไปอุดหนุนถึงที่ร้านหนึ่งเสียแล้วล่ะให้ขนมเราทานฟรีบ่อยเกินจนพี่เริ่มเกรงใจแล้ว”สิงหนาทเห็นทีจะต้องไปอุดหนุนนาราถึงที่บ้านเสียแล้วเพราะเขาได้ทานขนมฟรีจากบ้านนานราบ่อยเสียเหลือเกินจนเริ่มเกรงใจ“ดีเลยค่ะไว้วันที่พี่สิงห์ว่างเราไปร้านหนึ่งกันนะคะ”นรีนาถเห็นด้วยเช่นนั้นเหมือนกันเพราะเธอก็กะจะชวนสิงหนาทในวันที่เขาว่างไปที่บ้านนาราเช่นกันแต่ติดตรงที่น้อยครั้งนักที่สิงหนาทจะว่าง“ครับ”สิงหนาทชายหนุ่มอายุ30ปีรูปร่างหล่อเหลาใบหน้าคมเข้มผิวขาวสะอาดสะอ้านส่วนสูง185เป็นชา
“เออ..ไปล้างหน้าล้างตาก่อน”“แล้วมึงรู้เหรอว่าบ้านชู้เมียมึงอยู่ที่ไหน”พันแสงเปิดกระจกหยิบขวดน้ำในรถมาเทใส่มือลูบหน้าลูบตาเมื่อเสร็จแล้วจึงหันมาถามเมืองรามด้วยสีหน้าสงสัยว่าเพื่อนของเขารู้แล้วเหรอว่าบ้านโจทย์ที่ตามหาอยู่ที่ไหน“ตรงหน้ามึงนี่ไง”เมืองรามสะบัดหัวเล็กน้อยไปทางเรือนธิติลักษณ์ที่เป็นเรือนใหญ่ทรงปั้นหยาให้คนเป็นเพื่อนดูนอกรั้ว“หา..นี่มึงไม่คิดจะหลงบ้างไงวะ”“กูจะหลงได้ไงก็กูรู้ที่อยู่ผู้ใหญ่ให้กูมา”พันแสงมองไปยังรั้วบ้านที่เป็นทรงปั้นหยาร่วมสมัยหลังใหญ่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่งงงวยเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเมืองรามจะมาถูกโดยที่ไม่หลงแม้แต่นิดเดียว“แล้วมึงเอาไงต่ออะมึงจะเผาบ้านเค้าจริงเหรอวะ”พันแสงเลิกคิ้วสงสัย“กูเปลี่ยนใจแล้วกูจะให้มันตายทั้งเป็นแทน”เมืองรามพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่มียกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพราะเขานั้นได้ไปรู้อะไรดีๆมาว่าภิภพนั้นมีของรักของหวงอยู่ในบ้านหลังนี้และเขาจะใช้จุดอ่อนนี้เล่นงานภิภพ“ยังไงวะ”พันแสงเกาหัวแกรกๆทั้งสีหน้ายังขมวดครุ่นคิดไม่เจ้าใจสิ่งที่เมืองรามพูดสักเท่าไร“กูจะพาลูกสาวมันกลับไปที่ไร่แล้วให้มันไปตามเอาเองดูซิว่าถ้ามันรู้ว่าลูกมันถูกทำอะไรบ
"อะไรนะ...แล้วตอนน้องหญิงออกไปไม่มีใครไปด้วยหรืออย่างไร"สิงหนาทขมวดคิ้วถามทุกคนในบ้านที่ยืนก้มหน้างุดกันเสียงแข็ง"คุณหญิงไม่ให้ใครตามไปเธอให้เหตุผลว่าบ้านหนูหนึ่งอยู่ใกลๆเธออยากเดินไปเองค่ะ"นมสรวงต้องรีบอธิบายก่อนที่คนอื่นจะโดนคาดโทษไปด้วยหากมีคนผิดก็ขอให้เป็นที่เธอเองที่ตามใจคุณหนูของตนเองจนเกินไป"เฮ้อ...เดี๋ยวผมจะไปตามหาน้องหนึ่งอีกครั้งเอง"พูดจบสิงหนาทก็ออกรถหมายขับไปให้ถึงที่บ้านของนาราอย่างรวดเร็ว"โถ่..คุณหญิงของนมอยู่ไหนกันคะ"นมสรวงเข่าทรุดเล็กน้อยเพราะตอนนี้เธอเป็นห่วงคุณหนูของเธอเหลือเกินหากย้อนเวลาไปได้เธอจะไม่ให้คุณหนูของเธอไปไหนตามลำพังอีกเลยบ้านนารา"แม่คะยาค่ะ"ในเพลิงไม้เก่าๆริมแม่น้ำเป็นบ้านของนารีและนาราและเป็นหน้าร้านขายขนมไทยที่อยู่ที่เดียวกันหลังจากที่สองแม่ลูกช่วยกันจัดแจงวัตถุดิบเพื่อทำขนมในเช้าวันถัดไปเสร็จก็มานั่งกินข้าวหลังจากทั้งสองกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วนาราก็ไม่ลืมที่จะจัดยาให้กับคนเป็นแม่กินเพราะหากรอคนเป็นแม่กินเองก็คงลืมอีกเช่นเคย"ขอบใจลูก"นารีเป็นโรคเบาหวานและหัวใจมานานแล้วและตอนนี้ก็พ่วงด้วยไตเสื่อมมาอีกทำให้ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง"ต่อไปนี้หน
ชั่วโมงต่อมาโรงพยาบาล"หมอคะคุณแม่ดิฉันเป็นยังไงบ้างคะ"นารารีบเข้าไปถามหมอหนุ่มด้วยสีหน้ากังวลกลัวว่าแม่ของเธอจะเป็นอะไรร้ายแรง"คือ...หมอต้องเสียใจด้วยนะครับแม่ของคุณเสียด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลันครับ""อ..อะไรนะคะ"นาราเข่าทรุดยวบหมดสติกะทันหันอย่างไม่ทันตั้งตัวจากที่กลัวว่าแม่เธอจะเป็นอะไรร้ายแรงเรื่องกลับร้ายกว่าที่คิดเพราะแม่ของเธอมาจากไปโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว"หนึ่ง..."สิงหนาทรับร่างบางเอาไว้ได้ทันหน้าของเขาตอนนี้ซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัดปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่แม่ของหญิงสาวจากไปเร็วเพียงนี้มาจากการกระทำที่ขาดสติของเขาไร่ศังกร23.00 น.พลั้กกกกก"อร้ายย...นายเป็นใครจับฉันมาทำไม"นรีนาถตัวสั่นเป็นลูกนกเมิ่อถูกโยนเข้ามาในกระท่อมซึ่งไม้ไผ่น่าจะอยู่กลางป่ามีเพียงตะเกียงที่จุดให้มีแสงสว่สงเพียงแค่รำไรเท่านั้นทำ"เป็นใครก็เรื่องของฉันส่วนเธออย่าคิดหนีไม่อย่างนั้น..ตาย"เมืองรามไม่เพียงชักปืนมาวางขู่หญิงสาวเขารีบจับเธอมัดข้อมือของหญิงสาวกับข้อมือของเขาผูกมัดติดกันและลงตัวนอนข้างหญิงสาวทันทีเพราะเวลานี้เขาเหนื่อยและเพลียเกินกว่าที่จะมานั่งตอบคำถามหรือคุยอะไรกับหญิงสาวตอนนี้"หา...."นรี