"คู่นี้เข้าใจกันได้ก็น่าเอ็นดูดีนะคะ"
นรีนาถแอบขำการคุยกันของสองหนุ่มทั้งดีใจที่คำแก้วและพันแสงลงเอยกันด้วยดีเสียที
"ใช่..คนอย่างไอ้แสงลงได้รักใครมันก็รักและซื่อสัตย์กับคนนั้นคนเดียวพี่ถึงวางใจที่จะให้คำแก้วฝากชีวิตไว้กับมันไง"
"แล้วพี่รามคนนี้ล่ะคะ"
"พี่ก็รักเดียวใจเดียวไม่เปลี่ยนใจเหมือนกันจะ"
"ปากหวาน"
นรีนาถจับริมฝีปากหนาของชายหนุ่มเล่นเบาๆ
"อยากชิมปากหวานๆตอนนี้ไหมล่ะ"
"อื้อ..ไม่ค่ะ"
นรีนาถรีบเอี้ยวตัวหลบก่อนที่เมืองรามจะมาทำประเจิดประเจ้อกับเธอที่หน้าเรือน
ปีต่อมา
"แอ้ๆ.."
"ว่ายังไงตาชิต...อารมณ์ดีแต่เช้าเลยลูกพ่อ"
เมืองรามกำลังจับลูกชายวัยหกเดือนที่กำลังจ้ำม่ำอาบน้ำในตอนเช้านรีนาถมองแล้วดูท่าทางคนเป็นพ่อจะอารมณ์ดีกว่าลูกเสียอีกที่ไม่ยอมพาลูกขึ้นจากน้ำเสียที
"พี่รามคะ..พาลูกขึ้นจากน้ำได้แล้วค่ะ"
"ลูกกำลังอารมณ์ดีเลย"
เมืองรามมองหน้าคนเป็นเมียบุ้ยปากแอบเสียดายเล็กน้อยที่ลูกกำลังเล่นกับเขาอารมณ์ดีแต่ต้องเลิกเล่นเสียแล้วเพราะกลัวว่าลูกจะไม่สบาย
"เดี๋ยวจะป่วยเอานะคะ"
นรีนาถส่ายหัวเบาๆ
"ก็ได้...ไปเช็ดตัวกันนะลูก"
"พี่สิงห์...ไม่เห็นส่งข่าวมาบอกว่าจะมาเลยคะ"
ในขณะที่นรีนาถเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ลูกชายตัวเธอก็หันไปยิ้มให้สิงหนาทอย่างดีใจ
"พี่มากะทันหันน่ะ..ตาชิตโตไวจังเลยลูก"
สิงหนาทเอื้อมมือไปอุ้มหลานชายที่ตัวกำลังจ้ำม่ำน่าฟัดด้วยความคิดถึง
"กินเก่งน่ะค่ะเลยจ้ำม่ำ.."
"ทำไมมากะทันหันล่ะ"
เมืองรามเดินมาทักทายสิงหนาท
"ฉันก็อยากมาหาหลานฉันบ้างเท่านั้น"
สิงหนาทตอบเมืองรามแบบหลบสายตาเล็กน้อย
"แต่หน้านายดูกังวลเป็นพิเศษนะ"
"ใช่ค่ะพี่สิงห์น้องดูออกนะคะ"
สีหน้าของสิงหนาทที่ดูกังวลมันทำให้ทั้งสองดูออกโดยที่ไม่ต้องมองนานเลย
"คือ..ที่ธนาคารค่อนข้างมีปัญหาเกิดขึ้นเยอะ"
สิงหนาทขมวดคิ้วเขาคิดมากที่เหล่าบรรดาผู้ถือหุ้นเรียงตัวกันถอนหุ้นออก
"อะไรเหรอคะที่ทำให้พี่สิงห์กังวลได้ขนาดนี้"
"ผู้ใหญ่หลายท่านที่ถือหุ้นใหญ่ต่างก็ทยอยกันถอนหุ้นออกเพราะเมื่อไม่มีพี่ภพอยู่แล้วทุกคนก็หมดความเชื่อถือธนาคารของเรา"
"ตายจริง...แล้วจะถึงขั้นร้ายแรงไหมคะ"
นรีนาถตกใจกับข่าวที่ได้รับอย่างมาก
"ตอนนี้ก็วิกฤตเหมือนกัน..."
"มีอะไรถ้าฉันช่วยได้ฉันก็จะช่วย"
เมืองรามตบบ่าสิงหนาทเบาๆเขาว่าเรื่องนี้เขาพอจะช่วยได้
"อย่างนายจะช่วยอะไรได้"
สิงหนาทมองหน้าเมืองรามทั้งส่ายหัวเบาๆเพราะคิดว่าเขาพูดเล่นเพราะการช่วยมันจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาล
"อ้าว...พูดแบบนี้ดูถูกคนอย่างฉันเกินไปหน่อยนะ"
เมืองรามหลี่ตามองสิงหนาทเล็กน้อย
"พี่รามจะช่วยยังไงคะ"
นรีนาถมองหน้าเมืองรามอย่างสงสัยเช่นกันรู้สึกว่าสามีของเธอจะมีเรื่องทำให้เธอทึ่งในตัวของเขาตลอดเลย
"บอกปัญหามาให้ละเอียดแล้วฉันจะดูว่าฉันจะช่วยตรงไหนได้บ้าง"
เมืองรามมองสิงหนาทอย่างจริงจัง
เดือนต่อมา
หลังจากที่สิงหนาทบอกปัญหามาทั้งหมดส่วนใหญ่คงเป็นเรื่องเงินซึ่งเงินของเมืองรามก็ช่วยพยุงธนาคารเอาไว้ได้แถมยังวางแผนการบริหารจนสามารถกู้วิกฤตได้ภายในเดือนเดียวจนสิงหนาทยอมรับและนับถือเมืองรามอย่างเต็มหัวใจไปแล้วในตอนนี้จากก่อนหน้าที่ยังไม่เต็มร้อย
เรือนธิติลักษณ์
"นายเรียกพวกฉันมามีอะไร"
สิงหนาทเรียงเมืองรามและนรีนาถมาประชุมกันที่ห้องโถงและยื่นซองเอกสารให้กับทั้งสองได้ดู
"อันที่จริงฉันต้องให้พินัยกรรมนี้กับน้องหญิงตั้งแต่งานศพคุณพ่อเสร็จแล้ว...แต่เพราะฉันยังไม่แน่ใจเรื่องนายฉันเลยยังไม่ได้ให้วันนี้ฉันว่าทุกอย่างมันทำให้ฉันแน่ใจแล้ว...เปิดดูสิ"
"ให้ฉันเป็นคนดูแลธนาคารทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ"
เมืองรามอ่านพินัยกรรมทั้งหมดเขาถึงกับเสียอาการเพราะหากจะให้เขาดูแลงานที่นี่ก็ต้องทิ้งไร่ไปเรื่องนี้เขาต้องคิดหนักอยู่พอสมควร
"ใช่...ในพินัยกรรมเขียนว่าพี่ภพเชื่อว่าคนที่นรีนาถเลือกเป็นสามีจะต้องมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะดูแลเธอและธนาคารได้...และฉันก็คิดว่าเป็นแบบนั้นจริงๆขอบใจที่นายช่วยเหลืองานธนาคารจนพ้นวิกฤตมาได้ฉันดูถูกนายเกินไป"
สิงหนาทยอมรับว่าเขามองเมืองรามผิดไปจริงๆ
"คุณพ่อเชื่อว่าหญิงจะเลือกคนที่ดี..คุณพ่อเชื่อใจหญิง"
นรีนาถยิ้มออกอย่างปลื้มใจที่คนเป็นพ่อนั้นมีกะใจเคยคิดถึงตนถึงขนาดทำพินัยกรรมเอาไว้
"ใช่แล้วล่ะ..ถึงพี่ภพจะไม่ค่อยได้พูดคุยกับหญิงเหมือนพ่อคนอื่นแต่ท่านก็รักหญิงมากกว่าที่หญิงคิดนะ"
สิงหนาทลูบผมนรีนาถเบาๆ
"ฉันคิดว่าฉันไม่เหมาะกับงานนี้"
เมืองรามวางกระดาษลงทั้งยืนขึ้นพร้อมเท้าเอวสีหน้าของเขาดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
"ยังไงอนาคตนายก็ต้องทำอยู่ดี"
สิงหนาทหยิบปากกายื่นให้เมืองรามเซ็นรับทราบ
"ฉันขอเวลาคิดดูก่อนแล้วจะให้คำตอบ..."
"ฉันหวังว่าจะได้คำตอบที่ตรงใจในอีกไม่นานเพราะฉันมีธุระที่จะต้องทำ"
ช่วงนี้สิงหนาทจะขอรักษาการประธานและดูแลงานแทนเมืองรามไปก่อนเช่นเดียวที่เคยทำในช่วงภิภพอยู่และหากเมืองรามตัดสินใจได้เมื่อไรเขาก็จะขอพักงานยาวเหมือนกันเพื่อที่จะแก้ไขในสิ่งที่เขาเคยทำพลาดไป
"ธุระของพี่สิงห์คือเรื่องหนึ่งใช่ไหมคะ"
หลังจากที่เมืองรามเดินออกไปคิดอะไรเพลินๆที่หน้าเรือนนรีนาถก็หันมาคุยเรื่องภายในใจของสิงหนาท
"น้องหญิงเดาถูก"
สิงหนาทพยักหน้าเบาๆ
"แล้วหญิงจะช่วยพูดกับพี่รามให้นะคะ"
นรีนาถรับปากว่าเธอจะช่วยพูดกับเมืองรามให้เพราะถึงเวลาที่สิงหนาทจะทำอะไรเพื่อตัวเองบ้างแล้ว
สามเดือนต่อมา
จากวันที่เมืองรามกู้วิกฤตธนาคารได้เขาก็หอบลูกหอบเมียกลับมาใช้ชีวิตที่ไร่ตามปกติเพราะคิดถึงที่นี่เต็มทน
ไร่ศังกร
"มาที่นี่มีธุระอะไร"
เมืองรามกำลังเดินดูไร่ชาในช่วงเช้าพลันสายตาหันไปเห็นสิงหนาทเดินเข้ามาหาจึงมองอย่างไม่ใส่ใจ
"ฉันมาเอาคำตอบ"
"ก็น่าจะรู้คำตอบก่อนจะมาอยู่แล้วนี่"
เมืองรามแสยะยิ้มทั้งคิดว่าสิงหนาทน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้วถึงมาที่นี่มิวายเมียเขาเองที่เป็นคนส่งข่าวที่เขายอมก็เพราะลูกอ้อนของนรีนาถที่มีมาอ้อนเขาทุกวันจนอดใจอ่อนไม่ได้
"ของว่างค่ะ"
ฟองจันทร์เห็นทั้งสามคุยกันอยู่ที่หน้าเรือนจึงรีบยกของว่ามาให้เป็นขนมหวานที่ซื้อมาจากในตลาดที่หมู่บ้านเมื่อช่วงเช้านี้
"แม่จันทร์ทำเองเหรอคะ"
ทั้งนรีนาถและสิงหนาทเมื่อหยิบขนมกัดเข้าปากได้ก็มองหน้ากันอย่างสงสัยและอยากจะรู้นักว่าคนทำขนมเป็นใครเพราะรสชาติฝอยทองที่หอมหวานพอดีแบบนี้หาคนทำได้ยากและรสชาตินี่ก็เป็นรสชาติที่พวกเขาคุ้นลิ้นกันอย่างมาก
"เปล่าจะคุณหญิงเมื่อเช้าฉันไปตลาดเจอร้านขนมหวานเจ้าใหม่ที่พึ่งมาขายได้สามสี่วันแล้วก็เลยซื้อมาจะ"
"น้องหญิง"
สิงหนาทมองตานรีนาถทั้งตื่นเต้นและสายตาของเขาก็บ่งบอกว่าอยากจะไปดูหน้าคนขายใจจะขาดแล้วเผื่อว่าอาจจะเป็นคนที่เขาตามหาและรอคอยให้กลับมาก็ได้
"ร้านอยู่ที่ไหนจ้ะแม่จันทร์""ตลาดในหมู่บ้านนี่เองจะ""มีอะไรกันรึเปล่า"เมืองรามเห็นนรีนาถและสิงหนาทดูรีบร้อนเป็นพิเศษจึงเกิดอยากจะถามให้หายสงสัยก่อนที่จะเดินออกไปจากเรือนนรีนาถจำต้องเดินไปด้วยเล่าไปด้วนว่าสิ่งที่สิงหนาทและเธอร้อนใจอยู่นั้นคือเรื่องอะไรตลาดในหมู่บ้าน"ร้านไหนจ้ะแม่จันทร์""ใกล้จะถึงแล้วจะ"นรีนาถมีท่าทางร้อนใจจนฟองจันทร์ต้องรีบเดินให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้"อ้าวแม่จันทร์มาซื้อขนมเพิ่มเหรอจ้ะ"เมื่ออัญชัญเห็นฟองจันทร์ก็รีบยิ้มทักทายเพราะตั้งแต่มาตั้งร้านขายที่หมู่บ้านนี้ไม่กี่วันมานี่ก็มีฟองจันทร์เป็นลูกค้าประจำคอยมาซื้ออยู่ทุกวันอัญชัญเป็นแม่ค้าขายขนมวัยเกือบจะสี่สิบเป็นโสดไม่เคยคิดจะมีสามีและเมื่อนารามาขออาศัยอยู่ด้วยจึงย้ายถิ่นมาขายของที่บ้านเก่าของเธอที่นี่"พอดีมีคนอยากจะซื้อเพิ่มน่ะจะ"ฟองจันทร์หันกลับไปหาทั้งสามที่ยืนมองอยู่หน้าร้าน"เหลือเท่านี้แหละจะจะเอาอะไรก็เลือกเลยนะจ้ะ""ยาย..""ตานพกินเลอะเทอะอีกแล้วมายายเช็ดปากให้"ไม่นานเด็กชายวัยเก้าเดือนนิดๆที่พึ่งจะหัดเดินกึ่งเดินกึ่งคลานเข้ามาหาอัญชัญด้วยหน้าตาที่ละม้ายคล้านสิงหนาทอย่างมากจึงทำให้ทั้งสามที่ยืน
"กลับไปเถอะค่ะหนึ่งอยู่กับลูกกับน้าอัญก็สบายดีแล้วพี่สิงห์กลับไปใช้ชีวิตของพี่เถอะเรื่องที่ผ่านมาหนึ่งอภัยให้ค่ะพี่สิงห์ไม่ต้องรู้สึกผิดนะคะ..."นาราพูดจบก็หมายจะอุ้มลูกเดินออกไป"ไม่ได้หนึ่งยังไงลูกก็ต้องได้อยู่กับพี่""จะพรากลูกไปจากหนึ่งเหรอคะ"แต่มีหรือสิงหนาทจะยอมเขารั้งร่างบางเอาไว้และอุ้มมานพมาไว้ในอ้อมอก"พี่ไม่ได้คิดจะพรากลูกไปจากหนึ่งแต่เราจะอยู่กันเป็นครอบครัวถ้าหนึ่งไม่อยากทิ้งน้าอัญของหนึ่งพี่ก็จะพาเธอไปอยู่ด้วยจะได้ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้""ก็หนึ่งบอกแล้วไงคะว่าหนึ่งไม่ได้ลำบาก"นาราพยายามจะแย่งลูกคืนแต่ก็ทำอะไรได้ยากเพราะสิงหนาทโอบกอดลูกชายตนเอาไว้แน่น"อย่าดื้อกับพี่นะหนึ่ง"สิงหนาทจ้องนาราอย่างจริงจัง"อย่ามาสั่งหนึ่งค่ะ"นาราเองก็จ้องกลับสิงหนาทอย่างเขม็งเช่นกัน"แม่ๆ..""พี่สิงห์จะพาลูกไปไหนคะ...พี่สิงห์หยุดนะ""......"สิงหนาทเห็นท่าทีดื้อดึงของนาราแล้วก็ต้องใช้ลูกบังคับกันเช่นเดิมในเมื่อคุยกันไม่เข้าใจเขาก็ต้องอุ้มลูกวิ่งหนีไปเสียก่อน"อ้าวพี่สิงห์"นรีนาถเห็นสิงหนาทอุ้มมานพวิ่งออกไปจากบ้านเธอก็ตกใจเล็กน้อย"น้าอัญคะเค้าจะขโมยลูกหนึ่งไปค่ะ""เป็นผัวเมียกันก็ค่อยๆคุ
"จริงเหรอ"นาราเบิกตาโพรงด้วยความดีใจ"ใช่...เพราะเรากับพี่รามต้องช่วยกันบริหารงานที่ธนาคาร"นรีนาถพนักหน้าเบาๆ"จริงใช่ไหม..เราดีใจที่สุดเลยนึกว่าจะต้องอยู่ห่างกันเสียอีก"นาราสวมกอดนรีนาถด้วยความดีใจ"ไม่เข้าไปล่ะ"เมืองรามเห็นสิงหนาทแอบมองสองสาวและเด็กๆอยู่ไกลๆจึงเข้ามาหา"นายก็รู้ว่าฉันถูกห้ามเรื่องอะไร"สิงหนาทก้มหน้าเล็กน้อยเพราะนาราเชื่อใจว่าเขาจะไม่เข้าใกล้จึงยอมไปอยู่กรุงเทพได้หากแลกกับความสบายของลูกเขาและนาราเขาจำต้องยอมไปก่อนแต่ก็จะหาวิธีเข้าหาเธอใหม่ไม่ปล่อยเธออยู่อย่างนี้ตลอดไปแน่นอน"เฮ้อ...แบบนี้ก็ต้องอดทนหน่อยนะ"เมืองรามตบบ่าสิงหนาทเบาๆสองวันต่อมา"บ้านนี้น่าอยู่เหมือนกันนะหนูหนึ่ง"อัญชัญเดินตามนาราที่กำลังอุ้มมานพซบหลับในอ้อมอกเข้ามาที่บ้านหลังเล็กอยู่ไม่ห่างเรือนธิติลักษณ์เท่าไรโดยมีสิงหนาทเป็นคนมาส่ง"น้าอัญชอบหรือเปล่าจ้ะ""ชอบสิน้าเคยอยู่ที่สบายแบบนี้เสียที่ไหนที่เป็นบุญของน้าเลยล่ะ""หนึ่งดีใจนะจ้ะที่เห็นน้ามีความสุขแบบนี้"นาราดีใจที่เห็นท่าทางอัญชัญมีความสุขหากเธอตัดสินใจผิดเธอคงไม่เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของอัญชัญแบบนี้เป็นแน่"เดี๋ยวน้าเดินดูรอบๆบ้านก่อนนะ"
"ไม่ต้องมีใครบอกพี่ก็รู้หมอกำลังมาแล้วพี่ตามมาเอง""หนึ่งต้องรีบไปซักผ้าลูกค่ะค้างไว้นานมันจะไม่ดี""ไม่ต้องผ้าพวกนั้นถ้ามันจะเป็นอะไรซื้อใหม่เอาก็ได้""พี่สิงห์"สิงหนาทโอบร่างบางให้นอนลงในขณะที่เธอกำลังจะฝืนลุกขึ้น"อย่าดื้อได้ไหมปล่อยให้ตัวเองเป็นไข้นานแล้วเมื่อไรลูกจะเข้าใกล้ได้""หนึ่งกินยาต้มเดี๋ยวก็หายแล้วค่ะจะตามหมอมาทำไมให้เปลืองค่ารักษา""พี่มีเงินพี่ออกค่ารักษาเมียพี่ได้""อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ...ตอนนี้เราเป็นแค่พ่อและแม่ของตานพเท่านั้น...นี่ไม่ไปทำงานทำการหรือไงคะถึงได้มานั่งเฝ้าหนึ่งอยู่ได้""ไม่...ช่วงนี้พี่ว่าง"สิงหนาทไม่สนใจแล้วว่าหญิงสาวจะต่อต้านเขายังไงเขาพูดกับตัวเองไว้แล้วว่ายังไงเขาก็จะต้องอยู่เป็นครอบครัวเดียวกับหญิงสาวให้ได้เพราะเขาให้เวลาเธออยู่กับลูกมาพักใหญ่แล้ว"ร่างกายคุณหนึ่งอ่อยเพลียมากนะครับเดี๋ยวหมอจะฉีดยาแก้ไข้แล้วก็จะให้ยาแก้ไข้กับยาบำรุงไว้ให้แล้วก็ทานตามที่หมอเขียนให้นะครับ"หมอหนุ่มตรวจอาการนาราพักใหญ่ก็ได้ข้อสรุปมาว่าร่างกายหญิงสาวนั้นอ่อนเพลียและค่อนข้างจะขาดสารอาหาร"ค่ะคุณหมอ""ช่วงนี้นอนพักเยอะๆนะครับทานอาหารให้ตรงเวลาช่วงเป็นไข้รับประทานแต่อ
เมื่อความแค้นที่ต้องถูกเหยียบย่ำหัวใจจนเสียเมียรักไปทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มต้องเอาคืนพวกคนที่ทำกับเขาและเหยื่อที่ต้องถูกพ่อเลี้ยงหนุ่มกระทำก็คือเธอลูกสาวของชู้ที่พรากเมียเขาไป...วันที่พาหญิงสาวมากักขังที่ไร่เพราะความแค้นเขาจึงกดขี่ขมเหงเธอสารพัดยิ่งเห็นแววตาใสซื่อไร้เดียงสาทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าพ่อของตนทำเรื่องเอาไว้และท่าทางหยิ่งทระนงตนทั้งที่รู้ว่าไม่ชนะเขาได้ในบางครั้งของเธอทำให้เขานั้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจเพิ่มเป็นทวีคูณแต่ในบางครั้งก็แอบสนใจในตัวจำเลยเล็กน้อยและนานวันเข้าก็กลับกลายเป็นสนใจทุกๆเรื่องที่เป็นเรื่องของเธออย่างไม่รู้ตัวการที่พ่อเลี้ยงหนุ่มขโมยลูกสาวนายธนาคารใหญ่มาอย่างคนเอาแต่ใจแบบนี้ย่อมมีปัญหาตามมาภายหลังแน่นอนแต่ปัญหาและเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไรอุปสรรคที่ทั้งสองจะต้องเจอมีอะไรบ้างติดตามได้ในเรื่องแค้นสวาทรามสูรเลยค่าา..พระเอกเมืองราม ศิริศังกร [ราม]อายุ40ปีพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่สูง185ผิวพรรณสะอาดผุดผ่องถึงแม้จะอยู่กับไร่กับสวนใบหน้าคมเข้มแววตาประดุจเหยี่ยวจมูกโด่งเป็นสันปากหนาเป็นกระจับร่างกายกำยำบึกบึนได้รูปแม้จะอายุเจ้าเลขสี่แล้วแต่เขาก็ยังดูสง่าเรีย
ช่วงประมาณปี พ.ศ 2500เชียงใหม่ไร่ศังกรปั้งๆๆๆๆไร่ศังกรเชียงใหม่ตั้งอยู่ที่ราบสูงตอนนี้อยู่ช่วงหน้าฝนมองสุดลูกหูลูกตาก็มีแต่สีเขียวขจีไปทั่วทุกมุมไร่..อาณาเขตของไร่นี้มีนับพันไร่เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างมากที่ยากต่อการเข้าถึงหากมิใช่คนในจะไม่รู้ทางและอาจจะหลงเข้าป่าไปได้..ที่ไร่นี้ทำการเกษตรหลายอย่างรวมกันปกครองโดยพ่อเลี้ยงเมืองรามวัยสี่สิบปีชายหนุ่มที่ยิ่งทีอายุยิ่งดูดีสาวๆในราเมื่อมีโอกาสก็มิวายจะโปรยเสน่ห์หรือถวายตัวให้โดยไม่มีข้อแม้เพราะรู้ตัวว่าหากเป็นคนของเมืองรามนั้นจะไม่ต้องทำงานไปตลอดชาติเลยก็ยังได้คล้อยบ่ายแดดเปรี้ยงพ่อเลี้ยงหนุ่มที่อยู่ในชุดคาวบอยสวมหมวกสีน้ำตาลรับกับใบหน้าคมเข้มชายหนุ่มยืนหน้านิ่งคิ้วขมวดเพราะโทสะที่อยู่ในใจมือขวาและซ้ายต่างก็มีปืนสั้นอยู่ในมือทั้งรัวปล่อยกระสุนปืนอยู่ที่กระท่อมเถียงนาใส่หุ่นไล่กาสิบกว่าตัวที่สั่งให้คนสนิทสร้างขึ้นมาให้เพื่อระบายอารมณ์เหงื่อตามเนื้อตัวไหลซิกออกมาไม่หยุดเพราะความร้อนจากแดดบวกกับความร้อนในใจมันแผดเผาพ่อเลี้ยงหนุ่มอยู่นั่นเองที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเมียสุดที่รักของเขาที่เฝ้าประคบประหงมอย่างดีนั้นหนีไปกับหนุ่มเมืองกรุงห
ท้ายไร่ชา“มึงเป็นอะไรของมึงนักหนาผู้หญิงไม่ดีมึงก็ปล่อยไปมึงจะไปตามจองล้างจองผลาญให้เสียเวลาทำไมคนในไร่สาวๆสวยๆอยากจะเป็นเมียมึงทั้งนั้นมึงไม่สนบ้างรึไง”พันแสงยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดเท้าเอวมองเพื่อนตนอย่างอ่อนใจพ่อเลี้ยงพันแสงพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่อายุ40ปีเช่นเดียวกับเมืองรามและรูปร่างหน้าตาดีไม่แพ้กันเป็นคนขี้เล่นเล้กน้อยแต่เมื่อถึงเวลางานก็เอาจริงเอาจังมากพอตัวและเป็นคนที่ค่อนข้างถือทิฐิอยู่มากแล้วแต่กับบางคนเขาเป็นเพื่อนของพ่อเลี้ยงเมืองรามตั้งแต่เล็กๆตอนนี้ก็เป็นพ่อเลี้ยงปกครองไร่วัฒนพรรณเป็นหนุ่มโสดในตอนนี้เช่นกันเพราะภรรยาของเขาได้เสียไปสามปีแล้วด้วยโรคไข้ป่าทำให้เขาครองความโสดมาจนถึงทุกวันนี้“กูจะทำให้มันรู้ว่าคนที่หักหลังกูไม่มีวันอยู่เป็นสุขชู้มันก็เหมือนกันกูรู้ว่ามันรู้ว่าเดือนมีผัวอยู่แล้วมันก็ยังมายุ่งไอ้นี่กูก็จะเล่นงานมันเหมือนกัน”เมืองรามกำหมัดแน่นสายตาของเขาที่แน่นิ่งเด็ดเดี่ยวมันทำให้พันแสงมองออกว่าเพื่อนของเขากำลังมีแผนการอะไรอยู่ในใจเป็นแน่“นี่อย่าบอกนะว่าเรียกกูมามึงมีแผนอะไร”“เออ..”เมืองรามพยักหน้าเบาๆ“กูว่าแล้วคนอย่างมึงถ้ามีเรื่องดีๆไม่เคยเรียกกูมาเข้าเฝ้าหรอก
“นั่นอะไรเหรอ”ในระหว่างที่ขับรถสิงหนาทหันไปเห็นตระกร้าหวายที่มีผ้าขาวบางปิดอยู่ในมือของนรีนาถจึงแปลกใจว่าหญิงสาวถืออะไรกลับมาด้วย“ขนมตาลน่ะค่ะแม่ของหนึ่งให้เอามาฝาก”นรีนาถค่อยๆเปิดผ้าขาวบางที่คลุมขนมตาลฟูเหลืองอร่ามในกระทงใบตองเล็กๆให้สิงหนาทได้ดู“ดีสิพี่กำลังอยากทานอยู่พอดีเลยไม่รู้ว่าน้องหญิงจะแบ่งให้พี่ได้ไหมนะ”สิงหนาทรู้ดีว่าขนมไทยที่แม่ของนาราเป็นคนทำอร่อยแค่ไหนจึงต้องเอ่ยปากของนรีนาถอย่างไม่เกรงใจ“ได้สิคะหนึ่งเอามาฝากเยอะเลย”นรีนาถไม่ได้หวงสิงหนาทแม้แต่น้อยเพราะขนมนี่มันก็เยอะพอที่จะแบ่งได้หลายคน“วันหน้าพี่คงต้องไปอุดหนุนถึงที่ร้านหนึ่งเสียแล้วล่ะให้ขนมเราทานฟรีบ่อยเกินจนพี่เริ่มเกรงใจแล้ว”สิงหนาทเห็นทีจะต้องไปอุดหนุนนาราถึงที่บ้านเสียแล้วเพราะเขาได้ทานขนมฟรีจากบ้านนานราบ่อยเสียเหลือเกินจนเริ่มเกรงใจ“ดีเลยค่ะไว้วันที่พี่สิงห์ว่างเราไปร้านหนึ่งกันนะคะ”นรีนาถเห็นด้วยเช่นนั้นเหมือนกันเพราะเธอก็กะจะชวนสิงหนาทในวันที่เขาว่างไปที่บ้านนาราเช่นกันแต่ติดตรงที่น้อยครั้งนักที่สิงหนาทจะว่าง“ครับ”สิงหนาทชายหนุ่มอายุ30ปีรูปร่างหล่อเหลาใบหน้าคมเข้มผิวขาวสะอาดสะอ้านส่วนสูง185เป็นชา