"ร้านอยู่ที่ไหนจ้ะแม่จันทร์"
"ตลาดในหมู่บ้านนี่เองจะ"
"มีอะไรกันรึเปล่า"
เมืองรามเห็นนรีนาถและสิงหนาทดูรีบร้อนเป็นพิเศษจึงเกิดอยากจะถามให้หายสงสัยก่อนที่จะเดินออกไปจากเรือน
นรีนาถจำต้องเดินไปด้วยเล่าไปด้วนว่าสิ่งที่สิงหนาทและเธอร้อนใจอยู่นั้นคือเรื่องอะไร
ตลาดในหมู่บ้าน
"ร้านไหนจ้ะแม่จันทร์"
"ใกล้จะถึงแล้วจะ"
นรีนาถมีท่าทางร้อนใจจนฟองจันทร์ต้องรีบเดินให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้
"อ้าวแม่จันทร์มาซื้อขนมเพิ่มเหรอจ้ะ"
เมื่ออัญชัญเห็นฟองจันทร์ก็รีบยิ้มทักทายเพราะตั้งแต่มาตั้งร้านขายที่หมู่บ้านนี้ไม่กี่วันมานี่ก็มีฟองจันทร์เป็นลูกค้าประจำคอยมาซื้ออยู่ทุกวัน
อัญชัญเป็นแม่ค้าขายขนมวัยเกือบจะสี่สิบเป็นโสดไม่เคยคิดจะมีสามีและเมื่อนารามาขออาศัยอยู่ด้วยจึงย้ายถิ่นมาขายของที่บ้านเก่าของเธอที่นี่
"พอดีมีคนอยากจะซื้อเพิ่มน่ะจะ"
ฟองจันทร์หันกลับไปหาทั้งสามที่ยืนมองอยู่หน้าร้าน
"เหลือเท่านี้แหละจะจะเอาอะไรก็เลือกเลยนะจ้ะ"
"ยาย.."
"ตานพกินเลอะเทอะอีกแล้วมายายเช็ดปากให้"
ไม่นานเด็กชายวัยเก้าเดือนนิดๆที่พึ่งจะหัดเดินกึ่งเดินกึ่งคลานเข้ามาหาอัญชัญ
ด้วยหน้าตาที่ละม้ายคล้านสิงหนาทอย่างมากจึงทำให้ทั้งสามที่ยืนอยู่หลังฟองจันทร์มองหน้ากันด้วยสีหน้าสงสัย
"หลานชายเหรอแม่อัญเมื่อเช้าไม่ยักเห็น"
ฟองจันทร์หันไปยิ้มให้เด็กน้อยที่ดูผิวพรรณเกลี้ยงเกลาน่ารักน่าชังทั้งแปลกใจที่ไม่เคยได้เห็น
"จะว่าหลานก็ใช่เพราะหนูหนึ่งมาขออาศัยกับฉันตั้งแต่ท้องอ่อนๆแล้วก่อนจะย้ายมาขายของที่นี่...นี่ตานพลูกหนูหนึ่งที่ยืนขายขนมกับฉันเมื่อเช้านี้แหละ"
"น..หนึ่ง"
สิงหนาทถึงกับตะลึงนิ่งงันที่รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของนาราดูจากหน้าแล้วปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่ใช่ลูกของเขา
"แล้วคนที่ขายด้วยไปไหนแล้วล่ะจ้ะ"
นรีนาถรู้ดังนั้นจึงเอ่ยปากถามอัญชัญด้วยความตื่นเต้นเพราะคิดว่าหนึ่งที่อัญชัญพูดถึงเป็นเพื่อนเธอแน่นอนและเด็กคนนี้ที่ถอดแบบสิงหนาทมาไม่ต้องเดาก็คือลูกของสิงหนาท
"อ๋อ...ไปซื้อของในร้านตาสายเอามาทำขนมน่ะจะเดี๋ยวคงจะกลับแล้ว..นั่นไงมาพอดี"
อัญชัญหันไปชี้หญิงสาวที่เดินหิ้วของพะลุงพะลังตัวผอมแห้งเข้ามาที่ร้าน
"น้าอัญจ้ะ...ลูกค้าเยอะเลยนะจ้ะ"
นารายิ้มกริ่มที่เห็นลูกค้ามารุมหน้าร้านแต่เธอก็ไม่ได้มันมองว่าใครเป็นใครเพราะรีบเดินถือของหนักมาวางก่อน
"หนึ่ง"
นรีนาถเรียกเพื่อนสาวของเธอด้วยความดีใจที่สิ่งที่เธอคิดนั้นมันไม่ผิด
"พี่สิงห์..หญิง.."
นาราเห็นทั้งสองคนอยู่ตรงหน้าเธอก็ถึงกับรนรานรีบอุ้มลูกเข้าไปเก็บตัวในบ้านทันที
"อ้าวหนึ่ง.."
อัญชัญมองนาราอย่างไม่ค่อยเข้าใจการกระทำของเธอเท่าไร
"พี่สิงห์อยู่นี่ก่อนค่ะเดี๋ยวหญิงไปคุยกับหนึ่งเอง"
"อ้าวหนูจะไปไหน"
นรีนาถรีบห้ามสิงหนาทที่กำลังมีสีหน้าร้อนใจจะวิ่งไปตามนาราแต่นรีนาถขอให้เขาอยู่ตรงนี้ก่อนแล้วเธอจึงวิ่งตามเพื่อนเธอไปเองและนั่นก็ยิ่งทำให้อัญชัญสงสัยหนักเข้าไปอีกว่าคนที่มารู้จักกับนาราด้วยหรือ
แต่ไม่นานอัญชัญก็เข้าใจเพราะฟองจันทร์ค่อยๆอธิบายให้ฟังว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเกิดจากอะไร
"หนึ่ง.."
"หญิง..เราคิดถึงเธอจัง"
นาราตั้งสติได้ก็รีบเข้าไปโผกอดนรีนาถทันทีแอบน้ำตาคลอเล็กน้อยที่ตกใจเพราะเห็นสิงหนาทเมื่อครู่
"เราก็เหมือนกันแล้ววันนี้เราก็ได้เจอกันเสียทีนะ...พี่สิงห์เล่าเรื่องทุกอย่างให้เราฟังหมดแล้ว"
นรีนาถผละกอดมาจับไหล่นาราเบาๆในขณะที่เด็กชายมานพนั้นมองทั้งคู่ตาแป๋วอยู่
"ร..เรื่องอะไร"
นาราแอบหลบสายตานรีนาถเล็กน้อย
"คืนนั้นที่พี่สิงห์เมา...เค้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายเธอ"
"เรารู้"
นารารู้เรื่องนี้ดีว่าวันนั้นสิงหนาทคงไม่ตั้งใจแต่เธอก็รับมันไม่ได้อยู่ดีในใจตอนนี้ไม่ได้มีความโกรธเขาแม้แต่น้อยแต่เธอเพียงแค่ไม่อยากเห็นหน้าเขาเพราะมันจะทำให้ใจของเธอหดหู่เพิ่มไปอีก
"และพี่สิงห์ก็อยากรับผิดชอบ.."
นรีนาถจ้องหน้านาราด้วยสีหน้ากังวลเพราะเมื่อมองร่างกายเพื่อนเธอที่ซูบผอมไปมากก็อดสงสารไม่ได้
"เหตุเกิดจากความไม่ได้ตั้งใจไม่จำเป็นต้องให้พี่สิงห์รับผิดชอบหรอก"
นาราส่ายหัวเบาๆ
"ไม่ได้ตั้งใจจนลูกออกมาเรียกแม่ได้แล้วยังไงก็ต้องรับผิดชอบ"
นรีนาถไม่ยอมให้นาราปฏิเสธความรับผิดชอบจากสิงหนาทเพราะเพื่อนและหลานเธอต้องอยู่ดีกินดีกว่านี้พูดแล้วก็หันไปลูบหัวมานพเบาๆด้วยความเอ็นดู
"คือ..ม.."
"ไม่ต้องปฏิเสธเลยว่าไม่ใช่ลูกพี่สิงห์...หน้าถอดแบบกันมาเสียขนาดนั้น"
ยังไม่ทันที่นาราตะเอ่ยคำที่ออกมาจากปากจบนรีนาถก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อนเพราะรู้ว่าทำนองนี้เพื่อนเธอคงเอ่ยปฏิเสธว่าไม่ใช่แน่นอนแต่มีหรือเธอจะเชื่อเธอเชื่อสัญชาติญาณตัวเองมากกว่า
"อีกอย่างเราก็ไม่ปล่อยให้หลานเราอยู่อย่างลำบากแบบนี้ด้วย"
"แต่เราอยู่กับลูกกับน้าอัญแบบนี้ก็สบายดี"
นารายังคงยืนยันว่าเธอไม่ได้ลำบากอะไร
"มันควรจะสบายกว่านี้หนึ่งไม่อยากให้ลูกสบายกว่านี้เหรอ"
"แต่เราไม่อยาก...เห็นหน้า..พี่สิงห์อีก"
นารากลัวว่าเธอจะทำใจให้ปกติไม่ได้เมื่อต้องอยู่ใกล้สิงหนาทและหากเขาไม่ได้รักเธอแบบนี้วันนึงเขาอยากจะขอปกครองลูกเพียงคนเดียวเธอจะทำอย่างไร
"พี่ขอคุยกับหนึ่งได้ไหม"
สิงหนาทตัดสินใจเดินเข้ามาหลังจากที่รอหน้าบ้านด้วยท่าทีอึดอัดมาครู่หนึ่งแล้ว
"เราขอตัวก่อนนะหนึ่ง...เราขอร้องอย่าหนีความจริงเลยนะตานพต้องมีพ่อนะหนึ่ง"
นรีนาถเอ่ยปากขอร้องนาราก่อนจะออกไปเธอไม่ได้เห็นแก่ตัวอยากให้นารายกโทษให้สิงหนาทตอนนี้แต่เธอเพียงต้องการอยากที่จะให้เพื่อนและหลานเธอมีความเป็นอยู่ที่สุขสบายอย่างที่มันควรจะเป็น
"....."
นาราก้มหน้างุดเธอไม่อยากมองหน้าสิงหนาทแม้แต่นิดเดียวด้วยความรู้สึกบางอย่างที่คาอยู่ในใจยิ่งเห็นเขาเธอก็ยากจะกำจัดความรู้สึกนี้ออกไป
"หนึ่งจะไม่มองหน้าพี่ก็ได้...แต่พี่อยากให้หนึ่งรู้ว่าพี่รู้สึกผิดและอยากขอโทษและรับผิดชอบทุกอย่างหนึ่งกับลูกกลับไปอยู่กับพี่เถอะนะ"
"......."
สิงหนาทนั่งลงข้างๆนาราแม้เธอจะไม่มองหน้าเขาไม่โต้ตอบอะไรแต่เขาก็ขอพูดในสิ่งที่อยากจะพูดมานานแต่พึ่งมีโอกาสที่จะได้พูด
"มาหาคุณพ่อนะครับ"
"พ่อ..."
เด็กชายทำตาแป๋วเมื่อได้ยินผู้ชายตรงหน้าให้เรียกคำที่ไม่เคยเรียก
"ใช่ครับ..คุณพ่อ"
สิงหนาทลูบหัวทั้งอุ้มลูกน้อยที่เชื่อว่าเป็นลูกของเขาอย่างเอ็นดูและรู้สึกใจชื้นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนเมื่อพึ่งรู้วันนี้ว่าตนได้เป็นพ่อคนแล้ว
"ตานพ.."
"หนึ่ง.."
สิงหนาทตกใจจนหน้าเสียที่แม้ลูกของเจานรีนาถก็ไม่อยากให้อุ้มรีบดึงกลับไปด้วยท่าทีเหมือนจงอางหวงไข่
"กลับไปเถอะค่ะหนึ่งอยู่กับลูกกับน้าอัญก็สบายดีแล้วพี่สิงห์กลับไปใช้ชีวิตของพี่เถอะเรื่องที่ผ่านมาหนึ่งอภัยให้ค่ะพี่สิงห์ไม่ต้องรู้สึกผิดนะคะ..."นาราพูดจบก็หมายจะอุ้มลูกเดินออกไป"ไม่ได้หนึ่งยังไงลูกก็ต้องได้อยู่กับพี่""จะพรากลูกไปจากหนึ่งเหรอคะ"แต่มีหรือสิงหนาทจะยอมเขารั้งร่างบางเอาไว้และอุ้มมานพมาไว้ในอ้อมอก"พี่ไม่ได้คิดจะพรากลูกไปจากหนึ่งแต่เราจะอยู่กันเป็นครอบครัวถ้าหนึ่งไม่อยากทิ้งน้าอัญของหนึ่งพี่ก็จะพาเธอไปอยู่ด้วยจะได้ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้""ก็หนึ่งบอกแล้วไงคะว่าหนึ่งไม่ได้ลำบาก"นาราพยายามจะแย่งลูกคืนแต่ก็ทำอะไรได้ยากเพราะสิงหนาทโอบกอดลูกชายตนเอาไว้แน่น"อย่าดื้อกับพี่นะหนึ่ง"สิงหนาทจ้องนาราอย่างจริงจัง"อย่ามาสั่งหนึ่งค่ะ"นาราเองก็จ้องกลับสิงหนาทอย่างเขม็งเช่นกัน"แม่ๆ..""พี่สิงห์จะพาลูกไปไหนคะ...พี่สิงห์หยุดนะ""......"สิงหนาทเห็นท่าทีดื้อดึงของนาราแล้วก็ต้องใช้ลูกบังคับกันเช่นเดิมในเมื่อคุยกันไม่เข้าใจเขาก็ต้องอุ้มลูกวิ่งหนีไปเสียก่อน"อ้าวพี่สิงห์"นรีนาถเห็นสิงหนาทอุ้มมานพวิ่งออกไปจากบ้านเธอก็ตกใจเล็กน้อย"น้าอัญคะเค้าจะขโมยลูกหนึ่งไปค่ะ""เป็นผัวเมียกันก็ค่อยๆคุ
"จริงเหรอ"นาราเบิกตาโพรงด้วยความดีใจ"ใช่...เพราะเรากับพี่รามต้องช่วยกันบริหารงานที่ธนาคาร"นรีนาถพนักหน้าเบาๆ"จริงใช่ไหม..เราดีใจที่สุดเลยนึกว่าจะต้องอยู่ห่างกันเสียอีก"นาราสวมกอดนรีนาถด้วยความดีใจ"ไม่เข้าไปล่ะ"เมืองรามเห็นสิงหนาทแอบมองสองสาวและเด็กๆอยู่ไกลๆจึงเข้ามาหา"นายก็รู้ว่าฉันถูกห้ามเรื่องอะไร"สิงหนาทก้มหน้าเล็กน้อยเพราะนาราเชื่อใจว่าเขาจะไม่เข้าใกล้จึงยอมไปอยู่กรุงเทพได้หากแลกกับความสบายของลูกเขาและนาราเขาจำต้องยอมไปก่อนแต่ก็จะหาวิธีเข้าหาเธอใหม่ไม่ปล่อยเธออยู่อย่างนี้ตลอดไปแน่นอน"เฮ้อ...แบบนี้ก็ต้องอดทนหน่อยนะ"เมืองรามตบบ่าสิงหนาทเบาๆสองวันต่อมา"บ้านนี้น่าอยู่เหมือนกันนะหนูหนึ่ง"อัญชัญเดินตามนาราที่กำลังอุ้มมานพซบหลับในอ้อมอกเข้ามาที่บ้านหลังเล็กอยู่ไม่ห่างเรือนธิติลักษณ์เท่าไรโดยมีสิงหนาทเป็นคนมาส่ง"น้าอัญชอบหรือเปล่าจ้ะ""ชอบสิน้าเคยอยู่ที่สบายแบบนี้เสียที่ไหนที่เป็นบุญของน้าเลยล่ะ""หนึ่งดีใจนะจ้ะที่เห็นน้ามีความสุขแบบนี้"นาราดีใจที่เห็นท่าทางอัญชัญมีความสุขหากเธอตัดสินใจผิดเธอคงไม่เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของอัญชัญแบบนี้เป็นแน่"เดี๋ยวน้าเดินดูรอบๆบ้านก่อนนะ"
"ไม่ต้องมีใครบอกพี่ก็รู้หมอกำลังมาแล้วพี่ตามมาเอง""หนึ่งต้องรีบไปซักผ้าลูกค่ะค้างไว้นานมันจะไม่ดี""ไม่ต้องผ้าพวกนั้นถ้ามันจะเป็นอะไรซื้อใหม่เอาก็ได้""พี่สิงห์"สิงหนาทโอบร่างบางให้นอนลงในขณะที่เธอกำลังจะฝืนลุกขึ้น"อย่าดื้อได้ไหมปล่อยให้ตัวเองเป็นไข้นานแล้วเมื่อไรลูกจะเข้าใกล้ได้""หนึ่งกินยาต้มเดี๋ยวก็หายแล้วค่ะจะตามหมอมาทำไมให้เปลืองค่ารักษา""พี่มีเงินพี่ออกค่ารักษาเมียพี่ได้""อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ...ตอนนี้เราเป็นแค่พ่อและแม่ของตานพเท่านั้น...นี่ไม่ไปทำงานทำการหรือไงคะถึงได้มานั่งเฝ้าหนึ่งอยู่ได้""ไม่...ช่วงนี้พี่ว่าง"สิงหนาทไม่สนใจแล้วว่าหญิงสาวจะต่อต้านเขายังไงเขาพูดกับตัวเองไว้แล้วว่ายังไงเขาก็จะต้องอยู่เป็นครอบครัวเดียวกับหญิงสาวให้ได้เพราะเขาให้เวลาเธออยู่กับลูกมาพักใหญ่แล้ว"ร่างกายคุณหนึ่งอ่อยเพลียมากนะครับเดี๋ยวหมอจะฉีดยาแก้ไข้แล้วก็จะให้ยาแก้ไข้กับยาบำรุงไว้ให้แล้วก็ทานตามที่หมอเขียนให้นะครับ"หมอหนุ่มตรวจอาการนาราพักใหญ่ก็ได้ข้อสรุปมาว่าร่างกายหญิงสาวนั้นอ่อนเพลียและค่อนข้างจะขาดสารอาหาร"ค่ะคุณหมอ""ช่วงนี้นอนพักเยอะๆนะครับทานอาหารให้ตรงเวลาช่วงเป็นไข้รับประทานแต่อ
เมื่อความแค้นที่ต้องถูกเหยียบย่ำหัวใจจนเสียเมียรักไปทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มต้องเอาคืนพวกคนที่ทำกับเขาและเหยื่อที่ต้องถูกพ่อเลี้ยงหนุ่มกระทำก็คือเธอลูกสาวของชู้ที่พรากเมียเขาไป...วันที่พาหญิงสาวมากักขังที่ไร่เพราะความแค้นเขาจึงกดขี่ขมเหงเธอสารพัดยิ่งเห็นแววตาใสซื่อไร้เดียงสาทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าพ่อของตนทำเรื่องเอาไว้และท่าทางหยิ่งทระนงตนทั้งที่รู้ว่าไม่ชนะเขาได้ในบางครั้งของเธอทำให้เขานั้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจเพิ่มเป็นทวีคูณแต่ในบางครั้งก็แอบสนใจในตัวจำเลยเล็กน้อยและนานวันเข้าก็กลับกลายเป็นสนใจทุกๆเรื่องที่เป็นเรื่องของเธออย่างไม่รู้ตัวการที่พ่อเลี้ยงหนุ่มขโมยลูกสาวนายธนาคารใหญ่มาอย่างคนเอาแต่ใจแบบนี้ย่อมมีปัญหาตามมาภายหลังแน่นอนแต่ปัญหาและเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไรอุปสรรคที่ทั้งสองจะต้องเจอมีอะไรบ้างติดตามได้ในเรื่องแค้นสวาทรามสูรเลยค่าา..พระเอกเมืองราม ศิริศังกร [ราม]อายุ40ปีพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่สูง185ผิวพรรณสะอาดผุดผ่องถึงแม้จะอยู่กับไร่กับสวนใบหน้าคมเข้มแววตาประดุจเหยี่ยวจมูกโด่งเป็นสันปากหนาเป็นกระจับร่างกายกำยำบึกบึนได้รูปแม้จะอายุเจ้าเลขสี่แล้วแต่เขาก็ยังดูสง่าเรีย
ช่วงประมาณปี พ.ศ 2500เชียงใหม่ไร่ศังกรปั้งๆๆๆๆไร่ศังกรเชียงใหม่ตั้งอยู่ที่ราบสูงตอนนี้อยู่ช่วงหน้าฝนมองสุดลูกหูลูกตาก็มีแต่สีเขียวขจีไปทั่วทุกมุมไร่..อาณาเขตของไร่นี้มีนับพันไร่เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างมากที่ยากต่อการเข้าถึงหากมิใช่คนในจะไม่รู้ทางและอาจจะหลงเข้าป่าไปได้..ที่ไร่นี้ทำการเกษตรหลายอย่างรวมกันปกครองโดยพ่อเลี้ยงเมืองรามวัยสี่สิบปีชายหนุ่มที่ยิ่งทีอายุยิ่งดูดีสาวๆในราเมื่อมีโอกาสก็มิวายจะโปรยเสน่ห์หรือถวายตัวให้โดยไม่มีข้อแม้เพราะรู้ตัวว่าหากเป็นคนของเมืองรามนั้นจะไม่ต้องทำงานไปตลอดชาติเลยก็ยังได้คล้อยบ่ายแดดเปรี้ยงพ่อเลี้ยงหนุ่มที่อยู่ในชุดคาวบอยสวมหมวกสีน้ำตาลรับกับใบหน้าคมเข้มชายหนุ่มยืนหน้านิ่งคิ้วขมวดเพราะโทสะที่อยู่ในใจมือขวาและซ้ายต่างก็มีปืนสั้นอยู่ในมือทั้งรัวปล่อยกระสุนปืนอยู่ที่กระท่อมเถียงนาใส่หุ่นไล่กาสิบกว่าตัวที่สั่งให้คนสนิทสร้างขึ้นมาให้เพื่อระบายอารมณ์เหงื่อตามเนื้อตัวไหลซิกออกมาไม่หยุดเพราะความร้อนจากแดดบวกกับความร้อนในใจมันแผดเผาพ่อเลี้ยงหนุ่มอยู่นั่นเองที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเมียสุดที่รักของเขาที่เฝ้าประคบประหงมอย่างดีนั้นหนีไปกับหนุ่มเมืองกรุงห
ท้ายไร่ชา“มึงเป็นอะไรของมึงนักหนาผู้หญิงไม่ดีมึงก็ปล่อยไปมึงจะไปตามจองล้างจองผลาญให้เสียเวลาทำไมคนในไร่สาวๆสวยๆอยากจะเป็นเมียมึงทั้งนั้นมึงไม่สนบ้างรึไง”พันแสงยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดเท้าเอวมองเพื่อนตนอย่างอ่อนใจพ่อเลี้ยงพันแสงพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่อายุ40ปีเช่นเดียวกับเมืองรามและรูปร่างหน้าตาดีไม่แพ้กันเป็นคนขี้เล่นเล้กน้อยแต่เมื่อถึงเวลางานก็เอาจริงเอาจังมากพอตัวและเป็นคนที่ค่อนข้างถือทิฐิอยู่มากแล้วแต่กับบางคนเขาเป็นเพื่อนของพ่อเลี้ยงเมืองรามตั้งแต่เล็กๆตอนนี้ก็เป็นพ่อเลี้ยงปกครองไร่วัฒนพรรณเป็นหนุ่มโสดในตอนนี้เช่นกันเพราะภรรยาของเขาได้เสียไปสามปีแล้วด้วยโรคไข้ป่าทำให้เขาครองความโสดมาจนถึงทุกวันนี้“กูจะทำให้มันรู้ว่าคนที่หักหลังกูไม่มีวันอยู่เป็นสุขชู้มันก็เหมือนกันกูรู้ว่ามันรู้ว่าเดือนมีผัวอยู่แล้วมันก็ยังมายุ่งไอ้นี่กูก็จะเล่นงานมันเหมือนกัน”เมืองรามกำหมัดแน่นสายตาของเขาที่แน่นิ่งเด็ดเดี่ยวมันทำให้พันแสงมองออกว่าเพื่อนของเขากำลังมีแผนการอะไรอยู่ในใจเป็นแน่“นี่อย่าบอกนะว่าเรียกกูมามึงมีแผนอะไร”“เออ..”เมืองรามพยักหน้าเบาๆ“กูว่าแล้วคนอย่างมึงถ้ามีเรื่องดีๆไม่เคยเรียกกูมาเข้าเฝ้าหรอก
“นั่นอะไรเหรอ”ในระหว่างที่ขับรถสิงหนาทหันไปเห็นตระกร้าหวายที่มีผ้าขาวบางปิดอยู่ในมือของนรีนาถจึงแปลกใจว่าหญิงสาวถืออะไรกลับมาด้วย“ขนมตาลน่ะค่ะแม่ของหนึ่งให้เอามาฝาก”นรีนาถค่อยๆเปิดผ้าขาวบางที่คลุมขนมตาลฟูเหลืองอร่ามในกระทงใบตองเล็กๆให้สิงหนาทได้ดู“ดีสิพี่กำลังอยากทานอยู่พอดีเลยไม่รู้ว่าน้องหญิงจะแบ่งให้พี่ได้ไหมนะ”สิงหนาทรู้ดีว่าขนมไทยที่แม่ของนาราเป็นคนทำอร่อยแค่ไหนจึงต้องเอ่ยปากของนรีนาถอย่างไม่เกรงใจ“ได้สิคะหนึ่งเอามาฝากเยอะเลย”นรีนาถไม่ได้หวงสิงหนาทแม้แต่น้อยเพราะขนมนี่มันก็เยอะพอที่จะแบ่งได้หลายคน“วันหน้าพี่คงต้องไปอุดหนุนถึงที่ร้านหนึ่งเสียแล้วล่ะให้ขนมเราทานฟรีบ่อยเกินจนพี่เริ่มเกรงใจแล้ว”สิงหนาทเห็นทีจะต้องไปอุดหนุนนาราถึงที่บ้านเสียแล้วเพราะเขาได้ทานขนมฟรีจากบ้านนานราบ่อยเสียเหลือเกินจนเริ่มเกรงใจ“ดีเลยค่ะไว้วันที่พี่สิงห์ว่างเราไปร้านหนึ่งกันนะคะ”นรีนาถเห็นด้วยเช่นนั้นเหมือนกันเพราะเธอก็กะจะชวนสิงหนาทในวันที่เขาว่างไปที่บ้านนาราเช่นกันแต่ติดตรงที่น้อยครั้งนักที่สิงหนาทจะว่าง“ครับ”สิงหนาทชายหนุ่มอายุ30ปีรูปร่างหล่อเหลาใบหน้าคมเข้มผิวขาวสะอาดสะอ้านส่วนสูง185เป็นชา
“เออ..ไปล้างหน้าล้างตาก่อน”“แล้วมึงรู้เหรอว่าบ้านชู้เมียมึงอยู่ที่ไหน”พันแสงเปิดกระจกหยิบขวดน้ำในรถมาเทใส่มือลูบหน้าลูบตาเมื่อเสร็จแล้วจึงหันมาถามเมืองรามด้วยสีหน้าสงสัยว่าเพื่อนของเขารู้แล้วเหรอว่าบ้านโจทย์ที่ตามหาอยู่ที่ไหน“ตรงหน้ามึงนี่ไง”เมืองรามสะบัดหัวเล็กน้อยไปทางเรือนธิติลักษณ์ที่เป็นเรือนใหญ่ทรงปั้นหยาให้คนเป็นเพื่อนดูนอกรั้ว“หา..นี่มึงไม่คิดจะหลงบ้างไงวะ”“กูจะหลงได้ไงก็กูรู้ที่อยู่ผู้ใหญ่ให้กูมา”พันแสงมองไปยังรั้วบ้านที่เป็นทรงปั้นหยาร่วมสมัยหลังใหญ่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่งงงวยเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเมืองรามจะมาถูกโดยที่ไม่หลงแม้แต่นิดเดียว“แล้วมึงเอาไงต่ออะมึงจะเผาบ้านเค้าจริงเหรอวะ”พันแสงเลิกคิ้วสงสัย“กูเปลี่ยนใจแล้วกูจะให้มันตายทั้งเป็นแทน”เมืองรามพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่มียกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพราะเขานั้นได้ไปรู้อะไรดีๆมาว่าภิภพนั้นมีของรักของหวงอยู่ในบ้านหลังนี้และเขาจะใช้จุดอ่อนนี้เล่นงานภิภพ“ยังไงวะ”พันแสงเกาหัวแกรกๆทั้งสีหน้ายังขมวดครุ่นคิดไม่เจ้าใจสิ่งที่เมืองรามพูดสักเท่าไร“กูจะพาลูกสาวมันกลับไปที่ไร่แล้วให้มันไปตามเอาเองดูซิว่าถ้ามันรู้ว่าลูกมันถูกทำอะไรบ