"กลับไปเถอะค่ะหนึ่งอยู่กับลูกกับน้าอัญก็สบายดีแล้วพี่สิงห์กลับไปใช้ชีวิตของพี่เถอะเรื่องที่ผ่านมาหนึ่งอภัยให้ค่ะพี่สิงห์ไม่ต้องรู้สึกผิดนะคะ..."
นาราพูดจบก็หมายจะอุ้มลูกเดินออกไป
"ไม่ได้หนึ่งยังไงลูกก็ต้องได้อยู่กับพี่"
"จะพรากลูกไปจากหนึ่งเหรอคะ"
แต่มีหรือสิงหนาทจะยอมเขารั้งร่างบางเอาไว้และอุ้มมานพมาไว้ในอ้อมอก
"พี่ไม่ได้คิดจะพรากลูกไปจากหนึ่งแต่เราจะอยู่กันเป็นครอบครัวถ้าหนึ่งไม่อยากทิ้งน้าอัญของหนึ่งพี่ก็จะพาเธอไปอยู่ด้วยจะได้ไม่ต้องมาลำบากแบบนี้"
"ก็หนึ่งบอกแล้วไงคะว่าหนึ่งไม่ได้ลำบาก"
นาราพยายามจะแย่งลูกคืนแต่ก็ทำอะไรได้ยากเพราะสิงหนาทโอบกอดลูกชายตนเอาไว้แน่น
"อย่าดื้อกับพี่นะหนึ่ง"
สิงหนาทจ้องนาราอย่างจริงจัง
"อย่ามาสั่งหนึ่งค่ะ"
นาราเองก็จ้องกลับสิงหนาทอย่างเขม็งเช่นกัน
"แม่ๆ.."
"พี่สิงห์จะพาลูกไปไหนคะ...พี่สิงห์หยุดนะ"
"......"
สิงหนาทเห็นท่าทีดื้อดึงของนาราแล้วก็ต้องใช้ลูกบังคับกันเช่นเดิมในเมื่อคุยกันไม่เข้าใจเขาก็ต้องอุ้มลูกวิ่งหนีไปเสียก่อน
"อ้าวพี่สิงห์"
นรีนาถเห็นสิงหนาทอุ้มมานพวิ่งออกไปจากบ้านเธอก็ตกใจเล็กน้อย
"น้าอัญคะเค้าจะขโมยลูกหนึ่งไปค่ะ"
"เป็นผัวเมียกันก็ค่อยๆคุยกันนะลูก"
"เค้าไม่ใช่ค่ะน้าอัญ"
นาราคร้านจะอธิบายตอนนี้หากไม่มีใครช่วยได้เธอก็ขอช่วยตัวเองก่อนโดยวิ่งตามสิงหนาทด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้แต่ก็ไม่เคยทันคนขายาวอย่างเขาอยู่ดี
"...."
"คนงอนกันก็แบบนี้แหละค่ะน้าอัญ...เดี๋ยวขนมนี่หญิงเหมาหมดเลยนะคะแล้วก็น้าอัญรบกวนเก็บของทั้งหมดของน้าของหนึ่งแล้วก็ของตานพด้วยค่ะหนึ่งจะให้ทุกคนย้ายไปที่สบายกว่านี้ค่ะ"
นรีนาถรีบให้อัญชัญเก็บของทุกคนให้เร็วที่สุดเพราะยังไงเธอก็จะพาเพื่อนกับหลานเธอไปอยู่ในที่ๆสบายกว่านี้ให้ได้
"ได้จะหนู...น้าเองไม่ได้รักสบายหรอกแต่ก็อยากให้หนูหนึ่งกับตานพสบายกว่านี้"
อัญชัญเห็นด้วยกับนรีนาถเธอเองไม่ได้หวังจะสบายแต่เธอนั้นอยากให้นารากับมานพได้มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้เพราะตั้งแต่นารามาขออาศัยอยู่กับเธอหญิงสาวก็ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำเพื่อที่จะทำขนมได้หลายอย่างเพื่อขายให้ได้เงินเยอะๆมาโดยตลอดเมื่อเธอได้รู้ว่าสามีนารามีกำลังมากพอที่จะทำให้นารากับลูกสบายได้เธอก็จะยอมแม้ทั้งสองจะยังไม่เข้าใจกันในวันนึงคนเป็นผัวเมียก็ต้องดีกันเองเพราะเธอแม้จะไม่มีคู่แต่ก็เห็นว่าจบแบบนี้มาหลายๆคู่แล้วยิ่งมีลูกด้วยกันลูกเองนั่นแหละที่จะเป็นโซ่ทองคล้องใจทั้งสองเอง
"เอาลูกหนึ่งคืนมานะพี่สิงห์"
ทางด้านนาราก็ยังคงวิ่งตามสิงหนาทอย่างไม่หยุดไม่หย่อน
"ตานพวิ่งเล่นสนุกไหมครับ"
"หนุก"
สิงหนาทยิ้มกริ่มที่ดูท่าลูกชายเขาจะเข้าขากับเขาได้ดีเสียด้วยแม้พึ่งเจอกัน
"นี่ใจคอพี่ชายหญิงจะให้คุณหนึ่งเธอวิ่งตามถึงไร่เลยหรือไง"
เมืองรามเดินกลับพร้อมนรีนาถมองตามหลังสองคนที่วิ่งไล่กันเป็นเด็กๆก็อดส่ายหัวเบาๆไม่ได้
"คงเป็นอย่างนั้นแหละค่ะ"
"พี่ว่าวิธีนี้มันจะทำให้ฝ่ายหญิงโกรธไปกันใหญ่นะ"
"หนึ่งเป็นคนค่อนข้างง้อยากค่ะคงต้องใช้วิธีบังคับกันไปก่อนหญิงว่าพี่สิงห์รู้จักหนึ่งดีค่ะ"
นรีนาถรู้ว่าสิงหนาทคงหมดหนทางพูดกับคนหัวแข็งใจแข็งให้รู้เรื่องตอนนี้เขาจึงต้องใช้วิธีบังคับกันไปก่อน
ไร่ศังกร
"พี่สิงห์เปิดประตูให้หนึ่งเดี๋ยวนี้นะคะ"
ปั้งๆๆๆๆ
นาราตามมาในเรือนศังกรเห็นสิงหนาทอุ้มลูกเธอเข้าไปหลบในห้องจึงรีบเคาะประตูเสียงดังด้วยท่าทีร้อนรนเพราะคนข้างในล็อกไม่ให้เธอเข้า
"แม่ๆ.."
"ชู่ว...เรากำลังเล่นซ่อนแอบกับแม่หนึ่งนะครับห้ามส่งเสียง"
สิงหนาทยกนิ้วชี้แตะปากพร้อมส่ายหัวให้ลูกของเขาได้ดูเด็กชายก็เข้าใจได้ในทันทีว่าต้องเก็บเสียงเงียบจึงยกมือน้อยทั้งสองมาปิดปากและพยักหน้าเบาๆ
"แอบ.."
"ใช่ครับ...แอบต้องห้ามส่งเสียง.."
สิงหนาทเห็นท่าทีน่าเอ็นดูของลูกชายเขาก็อดที่จะกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเป็นไม่ได้ชื่นชมนาราในใจที่เลี้ยงลูกได้น่ารักเสียเหลือเกิน
"......."
ทางด้านนาราก็คร้านจะเอ่ยขอร้องให้ชายหนุ่มพาลูกเธออกมาแล้วจึงได้แต่ฟุบนั่งร้องให้ที่หน้าประตูอย่างเหนื่อยใจที่ต้องมาเจอเรื่องที่ไม่อยากเจอ
"หนึ่งใจเย็นๆมาคุยกับเราทางนี้ก่อนเถอะ"
"พี่สิงห์ทำแบบนี้กับเราได้ยังไง..ขโมยลูกเราไปต่อหน้าต่อตา"
นาราปาดน้ำตาลวกๆเมื่อนรีนาถพามาคุยที่หน้าเรือน
"...เอางี้หนึ่งโกรธพี่สิงห์อยู่เราจะไม่ห้ามให้หนึ่งเลิกโกรธเลยแต่เราขออย่างเดียวให้หลานกับน้าอัญได้ไปอยู่ในที่ๆสบายๆนะเราขอร้อง"
"..แต่.."
"เราคุยกับน้าอัญทุกอย่างแล้วน้าอัญดีใจมากเลยนะที่จะได้ไปอยู่ในที่ดีๆ"
"......”
นารายังคงเงียบเพราะกำลังคิดไม่ตกอยู่ภายในใจ
"เอางี้เดี๋ยวหนึ่งจะว่าเราเข้าข้างพี่สิงห์...เราจะให้หนึ่งอยู่บ้านของเราอีกหลัง...แล้วจะไม่ให้พี่สิงห์มายุ่งกับหนึ่งกับลูกจนกว่าหนึ่งจะสบายใจดีไหม"
ด้วยความที่นรีนาถอยากให้เพื่อนและหลานเธอได้อยู่อย่างสบายจึงเอ่ยปากจะกันสิงหนาทให้ไม่มายุ่งกับนาราเธอเห็นว่าคำพูดและสัจจะของเธอจะทำให้เพื่อนเธอเชื่อใจและยอมทำตามที่เธอบอก
"......"
"นึกถึงลูกให้มากๆนะหนึ่ง"
"เฮ้อ...ก็ได้เรายอม"
นาราคิดไปคิดมาแล้วเธอจึงยอมตกลงเพราะเมื่อนึกถึงอัญชัญมาได้เธอก็อยากให้คนมีพระคุณกับเธอสบายเช่นกันความรู้สึกที่อยู่ในใจตอนนี้ทำให้เธอลืมนึกถึงคนรอบข้างไปเสียสนิท
"ดีมากจะ"
"พี่สิงห์จะไม่มายุ่งกับเราจริงๆใช่ไหม"
"เราให้สัญญา"
นาราโล่งใจเปราะใหญ่ที่รู้ว่าสิงหนาทจะไม่มายุ่งกับเธอ
สามวันต่อมา
"พรุ่งนี้ก็จะได้กลับกรุงเทพแล้วนะหนึ่ง"
"เราอยากกลับไปดูบ้านเหมือนกันพูดแล้วก็อดคิดถึงแม่ไม่ได้"
"เราเข้าใจ"
สองสาวนอยู่ที่หน้าเรือนศังกรดูลูกชายสองคนที่กำลังเล่นกันไปด้วยคุยสัพเพเหระกันไปด้วยนาราเองเมื่อรู้ว่าตนจะได้กลับกรุงเทพก็อดนึกนึกบ้านไม่ได้เธอไม่รู้ว่าป่านนี้บ้านเธอจะทรุดโทรมไปขนาดไหนแล้ว
"ขอหน่อย"
"อื้อ.."
มานพส่งรถไม้ที่เป็นของเล่นโปรดตนเองส่งให้อนุชิตเล่นอย่างไม่หวงเป็นภาพที่น่าชื่นใจของคนเป็นแม่ยิ่งนัก
"ตานพกับตาชิตเข้ากันดีจังเลยเนอะ"
นรีนาถมองทั้งลูกและหลานของเธอเล่นกันไปยิ้มไปชื่นใจที่ทั้งสองเข้ากันได้ดี
"นั่นสินะดูท่าลูกเราจะเป็นเพื่อนรักกันเหมือนเรานี่แหละ"
"ใช่แล้ว..เพื่อนไม่จำเป็นต้องมีเยอะแค่รู้ใจกันเข้าใจกันก็พอแล้ว"
"แต่จากนี้ทั้งคู่ก็ต้องแยกกันแล้วล่ะสินะ"
นาราจับมือนรีนาถด้วยสีหน้าแอบหดหู่เล็กน้อยเพราะเธอต้องไปอยู่ที่กรุงเทพส่วนนรีนาถก็ต้องอยู่ที่ไร่กับลูกและสามีของเธอ
"ไม่นานหรอกหนึ่งเดี๋ยวเรากับพี่รามก็ต้องย้ายไปที่นั่นเหมือนกัน"
นรีนาถส่ายหัวเบาๆยิ้มกว้างให้เพื่อนเธอสบายใจได้ไม่นานเธอก็ต้องย้ายไปอยู่ที่กรุงเทพเหมือนกันเพราะเมืองรามต้องเข้าไปเป็นประธานใหญ่ที่ธนาคารของพ่อเธอ
"จริงเหรอ"นาราเบิกตาโพรงด้วยความดีใจ"ใช่...เพราะเรากับพี่รามต้องช่วยกันบริหารงานที่ธนาคาร"นรีนาถพนักหน้าเบาๆ"จริงใช่ไหม..เราดีใจที่สุดเลยนึกว่าจะต้องอยู่ห่างกันเสียอีก"นาราสวมกอดนรีนาถด้วยความดีใจ"ไม่เข้าไปล่ะ"เมืองรามเห็นสิงหนาทแอบมองสองสาวและเด็กๆอยู่ไกลๆจึงเข้ามาหา"นายก็รู้ว่าฉันถูกห้ามเรื่องอะไร"สิงหนาทก้มหน้าเล็กน้อยเพราะนาราเชื่อใจว่าเขาจะไม่เข้าใกล้จึงยอมไปอยู่กรุงเทพได้หากแลกกับความสบายของลูกเขาและนาราเขาจำต้องยอมไปก่อนแต่ก็จะหาวิธีเข้าหาเธอใหม่ไม่ปล่อยเธออยู่อย่างนี้ตลอดไปแน่นอน"เฮ้อ...แบบนี้ก็ต้องอดทนหน่อยนะ"เมืองรามตบบ่าสิงหนาทเบาๆสองวันต่อมา"บ้านนี้น่าอยู่เหมือนกันนะหนูหนึ่ง"อัญชัญเดินตามนาราที่กำลังอุ้มมานพซบหลับในอ้อมอกเข้ามาที่บ้านหลังเล็กอยู่ไม่ห่างเรือนธิติลักษณ์เท่าไรโดยมีสิงหนาทเป็นคนมาส่ง"น้าอัญชอบหรือเปล่าจ้ะ""ชอบสิน้าเคยอยู่ที่สบายแบบนี้เสียที่ไหนที่เป็นบุญของน้าเลยล่ะ""หนึ่งดีใจนะจ้ะที่เห็นน้ามีความสุขแบบนี้"นาราดีใจที่เห็นท่าทางอัญชัญมีความสุขหากเธอตัดสินใจผิดเธอคงไม่เห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของอัญชัญแบบนี้เป็นแน่"เดี๋ยวน้าเดินดูรอบๆบ้านก่อนนะ"
"ไม่ต้องมีใครบอกพี่ก็รู้หมอกำลังมาแล้วพี่ตามมาเอง""หนึ่งต้องรีบไปซักผ้าลูกค่ะค้างไว้นานมันจะไม่ดี""ไม่ต้องผ้าพวกนั้นถ้ามันจะเป็นอะไรซื้อใหม่เอาก็ได้""พี่สิงห์"สิงหนาทโอบร่างบางให้นอนลงในขณะที่เธอกำลังจะฝืนลุกขึ้น"อย่าดื้อได้ไหมปล่อยให้ตัวเองเป็นไข้นานแล้วเมื่อไรลูกจะเข้าใกล้ได้""หนึ่งกินยาต้มเดี๋ยวก็หายแล้วค่ะจะตามหมอมาทำไมให้เปลืองค่ารักษา""พี่มีเงินพี่ออกค่ารักษาเมียพี่ได้""อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ...ตอนนี้เราเป็นแค่พ่อและแม่ของตานพเท่านั้น...นี่ไม่ไปทำงานทำการหรือไงคะถึงได้มานั่งเฝ้าหนึ่งอยู่ได้""ไม่...ช่วงนี้พี่ว่าง"สิงหนาทไม่สนใจแล้วว่าหญิงสาวจะต่อต้านเขายังไงเขาพูดกับตัวเองไว้แล้วว่ายังไงเขาก็จะต้องอยู่เป็นครอบครัวเดียวกับหญิงสาวให้ได้เพราะเขาให้เวลาเธออยู่กับลูกมาพักใหญ่แล้ว"ร่างกายคุณหนึ่งอ่อยเพลียมากนะครับเดี๋ยวหมอจะฉีดยาแก้ไข้แล้วก็จะให้ยาแก้ไข้กับยาบำรุงไว้ให้แล้วก็ทานตามที่หมอเขียนให้นะครับ"หมอหนุ่มตรวจอาการนาราพักใหญ่ก็ได้ข้อสรุปมาว่าร่างกายหญิงสาวนั้นอ่อนเพลียและค่อนข้างจะขาดสารอาหาร"ค่ะคุณหมอ""ช่วงนี้นอนพักเยอะๆนะครับทานอาหารให้ตรงเวลาช่วงเป็นไข้รับประทานแต่อ
เมื่อความแค้นที่ต้องถูกเหยียบย่ำหัวใจจนเสียเมียรักไปทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มต้องเอาคืนพวกคนที่ทำกับเขาและเหยื่อที่ต้องถูกพ่อเลี้ยงหนุ่มกระทำก็คือเธอลูกสาวของชู้ที่พรากเมียเขาไป...วันที่พาหญิงสาวมากักขังที่ไร่เพราะความแค้นเขาจึงกดขี่ขมเหงเธอสารพัดยิ่งเห็นแววตาใสซื่อไร้เดียงสาทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าพ่อของตนทำเรื่องเอาไว้และท่าทางหยิ่งทระนงตนทั้งที่รู้ว่าไม่ชนะเขาได้ในบางครั้งของเธอทำให้เขานั้นรู้สึกไม่ค่อยพอใจเพิ่มเป็นทวีคูณแต่ในบางครั้งก็แอบสนใจในตัวจำเลยเล็กน้อยและนานวันเข้าก็กลับกลายเป็นสนใจทุกๆเรื่องที่เป็นเรื่องของเธออย่างไม่รู้ตัวการที่พ่อเลี้ยงหนุ่มขโมยลูกสาวนายธนาคารใหญ่มาอย่างคนเอาแต่ใจแบบนี้ย่อมมีปัญหาตามมาภายหลังแน่นอนแต่ปัญหาและเรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นอย่างไรอุปสรรคที่ทั้งสองจะต้องเจอมีอะไรบ้างติดตามได้ในเรื่องแค้นสวาทรามสูรเลยค่าา..พระเอกเมืองราม ศิริศังกร [ราม]อายุ40ปีพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่สูง185ผิวพรรณสะอาดผุดผ่องถึงแม้จะอยู่กับไร่กับสวนใบหน้าคมเข้มแววตาประดุจเหยี่ยวจมูกโด่งเป็นสันปากหนาเป็นกระจับร่างกายกำยำบึกบึนได้รูปแม้จะอายุเจ้าเลขสี่แล้วแต่เขาก็ยังดูสง่าเรีย
ช่วงประมาณปี พ.ศ 2500เชียงใหม่ไร่ศังกรปั้งๆๆๆๆไร่ศังกรเชียงใหม่ตั้งอยู่ที่ราบสูงตอนนี้อยู่ช่วงหน้าฝนมองสุดลูกหูลูกตาก็มีแต่สีเขียวขจีไปทั่วทุกมุมไร่..อาณาเขตของไร่นี้มีนับพันไร่เป็นพื้นที่ส่วนตัวอย่างมากที่ยากต่อการเข้าถึงหากมิใช่คนในจะไม่รู้ทางและอาจจะหลงเข้าป่าไปได้..ที่ไร่นี้ทำการเกษตรหลายอย่างรวมกันปกครองโดยพ่อเลี้ยงเมืองรามวัยสี่สิบปีชายหนุ่มที่ยิ่งทีอายุยิ่งดูดีสาวๆในราเมื่อมีโอกาสก็มิวายจะโปรยเสน่ห์หรือถวายตัวให้โดยไม่มีข้อแม้เพราะรู้ตัวว่าหากเป็นคนของเมืองรามนั้นจะไม่ต้องทำงานไปตลอดชาติเลยก็ยังได้คล้อยบ่ายแดดเปรี้ยงพ่อเลี้ยงหนุ่มที่อยู่ในชุดคาวบอยสวมหมวกสีน้ำตาลรับกับใบหน้าคมเข้มชายหนุ่มยืนหน้านิ่งคิ้วขมวดเพราะโทสะที่อยู่ในใจมือขวาและซ้ายต่างก็มีปืนสั้นอยู่ในมือทั้งรัวปล่อยกระสุนปืนอยู่ที่กระท่อมเถียงนาใส่หุ่นไล่กาสิบกว่าตัวที่สั่งให้คนสนิทสร้างขึ้นมาให้เพื่อระบายอารมณ์เหงื่อตามเนื้อตัวไหลซิกออกมาไม่หยุดเพราะความร้อนจากแดดบวกกับความร้อนในใจมันแผดเผาพ่อเลี้ยงหนุ่มอยู่นั่นเองที่มันเป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าเมียสุดที่รักของเขาที่เฝ้าประคบประหงมอย่างดีนั้นหนีไปกับหนุ่มเมืองกรุงห
ท้ายไร่ชา“มึงเป็นอะไรของมึงนักหนาผู้หญิงไม่ดีมึงก็ปล่อยไปมึงจะไปตามจองล้างจองผลาญให้เสียเวลาทำไมคนในไร่สาวๆสวยๆอยากจะเป็นเมียมึงทั้งนั้นมึงไม่สนบ้างรึไง”พันแสงยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดเท้าเอวมองเพื่อนตนอย่างอ่อนใจพ่อเลี้ยงพันแสงพ่อเลี้ยงหนุ่มใหญ่อายุ40ปีเช่นเดียวกับเมืองรามและรูปร่างหน้าตาดีไม่แพ้กันเป็นคนขี้เล่นเล้กน้อยแต่เมื่อถึงเวลางานก็เอาจริงเอาจังมากพอตัวและเป็นคนที่ค่อนข้างถือทิฐิอยู่มากแล้วแต่กับบางคนเขาเป็นเพื่อนของพ่อเลี้ยงเมืองรามตั้งแต่เล็กๆตอนนี้ก็เป็นพ่อเลี้ยงปกครองไร่วัฒนพรรณเป็นหนุ่มโสดในตอนนี้เช่นกันเพราะภรรยาของเขาได้เสียไปสามปีแล้วด้วยโรคไข้ป่าทำให้เขาครองความโสดมาจนถึงทุกวันนี้“กูจะทำให้มันรู้ว่าคนที่หักหลังกูไม่มีวันอยู่เป็นสุขชู้มันก็เหมือนกันกูรู้ว่ามันรู้ว่าเดือนมีผัวอยู่แล้วมันก็ยังมายุ่งไอ้นี่กูก็จะเล่นงานมันเหมือนกัน”เมืองรามกำหมัดแน่นสายตาของเขาที่แน่นิ่งเด็ดเดี่ยวมันทำให้พันแสงมองออกว่าเพื่อนของเขากำลังมีแผนการอะไรอยู่ในใจเป็นแน่“นี่อย่าบอกนะว่าเรียกกูมามึงมีแผนอะไร”“เออ..”เมืองรามพยักหน้าเบาๆ“กูว่าแล้วคนอย่างมึงถ้ามีเรื่องดีๆไม่เคยเรียกกูมาเข้าเฝ้าหรอก
“นั่นอะไรเหรอ”ในระหว่างที่ขับรถสิงหนาทหันไปเห็นตระกร้าหวายที่มีผ้าขาวบางปิดอยู่ในมือของนรีนาถจึงแปลกใจว่าหญิงสาวถืออะไรกลับมาด้วย“ขนมตาลน่ะค่ะแม่ของหนึ่งให้เอามาฝาก”นรีนาถค่อยๆเปิดผ้าขาวบางที่คลุมขนมตาลฟูเหลืองอร่ามในกระทงใบตองเล็กๆให้สิงหนาทได้ดู“ดีสิพี่กำลังอยากทานอยู่พอดีเลยไม่รู้ว่าน้องหญิงจะแบ่งให้พี่ได้ไหมนะ”สิงหนาทรู้ดีว่าขนมไทยที่แม่ของนาราเป็นคนทำอร่อยแค่ไหนจึงต้องเอ่ยปากของนรีนาถอย่างไม่เกรงใจ“ได้สิคะหนึ่งเอามาฝากเยอะเลย”นรีนาถไม่ได้หวงสิงหนาทแม้แต่น้อยเพราะขนมนี่มันก็เยอะพอที่จะแบ่งได้หลายคน“วันหน้าพี่คงต้องไปอุดหนุนถึงที่ร้านหนึ่งเสียแล้วล่ะให้ขนมเราทานฟรีบ่อยเกินจนพี่เริ่มเกรงใจแล้ว”สิงหนาทเห็นทีจะต้องไปอุดหนุนนาราถึงที่บ้านเสียแล้วเพราะเขาได้ทานขนมฟรีจากบ้านนานราบ่อยเสียเหลือเกินจนเริ่มเกรงใจ“ดีเลยค่ะไว้วันที่พี่สิงห์ว่างเราไปร้านหนึ่งกันนะคะ”นรีนาถเห็นด้วยเช่นนั้นเหมือนกันเพราะเธอก็กะจะชวนสิงหนาทในวันที่เขาว่างไปที่บ้านนาราเช่นกันแต่ติดตรงที่น้อยครั้งนักที่สิงหนาทจะว่าง“ครับ”สิงหนาทชายหนุ่มอายุ30ปีรูปร่างหล่อเหลาใบหน้าคมเข้มผิวขาวสะอาดสะอ้านส่วนสูง185เป็นชา
“เออ..ไปล้างหน้าล้างตาก่อน”“แล้วมึงรู้เหรอว่าบ้านชู้เมียมึงอยู่ที่ไหน”พันแสงเปิดกระจกหยิบขวดน้ำในรถมาเทใส่มือลูบหน้าลูบตาเมื่อเสร็จแล้วจึงหันมาถามเมืองรามด้วยสีหน้าสงสัยว่าเพื่อนของเขารู้แล้วเหรอว่าบ้านโจทย์ที่ตามหาอยู่ที่ไหน“ตรงหน้ามึงนี่ไง”เมืองรามสะบัดหัวเล็กน้อยไปทางเรือนธิติลักษณ์ที่เป็นเรือนใหญ่ทรงปั้นหยาให้คนเป็นเพื่อนดูนอกรั้ว“หา..นี่มึงไม่คิดจะหลงบ้างไงวะ”“กูจะหลงได้ไงก็กูรู้ที่อยู่ผู้ใหญ่ให้กูมา”พันแสงมองไปยังรั้วบ้านที่เป็นทรงปั้นหยาร่วมสมัยหลังใหญ่ตรงหน้าด้วยสีหน้าที่งงงวยเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าเมืองรามจะมาถูกโดยที่ไม่หลงแม้แต่นิดเดียว“แล้วมึงเอาไงต่ออะมึงจะเผาบ้านเค้าจริงเหรอวะ”พันแสงเลิกคิ้วสงสัย“กูเปลี่ยนใจแล้วกูจะให้มันตายทั้งเป็นแทน”เมืองรามพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่มียกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเพราะเขานั้นได้ไปรู้อะไรดีๆมาว่าภิภพนั้นมีของรักของหวงอยู่ในบ้านหลังนี้และเขาจะใช้จุดอ่อนนี้เล่นงานภิภพ“ยังไงวะ”พันแสงเกาหัวแกรกๆทั้งสีหน้ายังขมวดครุ่นคิดไม่เจ้าใจสิ่งที่เมืองรามพูดสักเท่าไร“กูจะพาลูกสาวมันกลับไปที่ไร่แล้วให้มันไปตามเอาเองดูซิว่าถ้ามันรู้ว่าลูกมันถูกทำอะไรบ
"อะไรนะ...แล้วตอนน้องหญิงออกไปไม่มีใครไปด้วยหรืออย่างไร"สิงหนาทขมวดคิ้วถามทุกคนในบ้านที่ยืนก้มหน้างุดกันเสียงแข็ง"คุณหญิงไม่ให้ใครตามไปเธอให้เหตุผลว่าบ้านหนูหนึ่งอยู่ใกลๆเธออยากเดินไปเองค่ะ"นมสรวงต้องรีบอธิบายก่อนที่คนอื่นจะโดนคาดโทษไปด้วยหากมีคนผิดก็ขอให้เป็นที่เธอเองที่ตามใจคุณหนูของตนเองจนเกินไป"เฮ้อ...เดี๋ยวผมจะไปตามหาน้องหนึ่งอีกครั้งเอง"พูดจบสิงหนาทก็ออกรถหมายขับไปให้ถึงที่บ้านของนาราอย่างรวดเร็ว"โถ่..คุณหญิงของนมอยู่ไหนกันคะ"นมสรวงเข่าทรุดเล็กน้อยเพราะตอนนี้เธอเป็นห่วงคุณหนูของเธอเหลือเกินหากย้อนเวลาไปได้เธอจะไม่ให้คุณหนูของเธอไปไหนตามลำพังอีกเลยบ้านนารา"แม่คะยาค่ะ"ในเพลิงไม้เก่าๆริมแม่น้ำเป็นบ้านของนารีและนาราและเป็นหน้าร้านขายขนมไทยที่อยู่ที่เดียวกันหลังจากที่สองแม่ลูกช่วยกันจัดแจงวัตถุดิบเพื่อทำขนมในเช้าวันถัดไปเสร็จก็มานั่งกินข้าวหลังจากทั้งสองกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วนาราก็ไม่ลืมที่จะจัดยาให้กับคนเป็นแม่กินเพราะหากรอคนเป็นแม่กินเองก็คงลืมอีกเช่นเคย"ขอบใจลูก"นารีเป็นโรคเบาหวานและหัวใจมานานแล้วและตอนนี้ก็พ่วงด้วยไตเสื่อมมาอีกทำให้ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง"ต่อไปนี้หน