Share

ตอนที่10 ป่าเถื่อน

แคว้กกก

"อร้ายยย...ปล่อยฉันนะ...ปล่อยยยยย..อื้มมม.."

ชายหนุ่มนั่งคร่อมตัวหญิงสาวทั้งใช้ฉีกเสื้อตัวเก่าของเธอมาพันปิดปากของหญิงสาวเอาไว้คนที่คิดจะทำร้ายเขามันต้องเจอบทลงโทษที่สาสม

"อืม...อื้ออออ..ฮือๆๆๆ.."

เมืองรามมัดปิดปากหญิงสาวจนสำเร็จมือหนาถลกผ้าพันตัวของเธอออกจนเผยให้เห็นผิวขาวนวลผ่องเรือนร่างเล็กแต่มีทรวดทรงองเอวที่ซ่อนรูปอยู่พอสมควร

"อืมม..."

ชายหนุ่มไม่รอช้าไม่รู้ว่าตอนนี้อารมณ์โกรธของเขาเปลี่ยนเป็นอารมณ์สวาทคนใต้ร่างตอนไหนแต่เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็อดใจที่จะไม่ซุกไปที่อกอวบอิ่มตั้งชูชันตรงหน้าไม่ได้

"อื้อ..ฮืออออ..อื้ออออออ"

หญิงสาวพยายามดิ้นหนีมือไม้ปัดป่ายจิกข่วนจนหลังพ่อเลี้ยงหนุ่มแดงเถือกไปด้วยรอยข่วนเธอเกลียดการกระทำของเขาเป็นที่สุดและรู้สึกขยะแขยงไปทั้งตัวจนน้ำตาเอ่อล้นแทบจะเปียกชุ่มไปทั้งใบหน้า

"อื้มมม..อา.."

เมืองรามเหมือนคนไม่ได้สติเมื่อได้สูดดมเนื้อหอมนุ่มของกายสาวคราแรกเขากะจะสั่งสอนเธอเล่นๆแต่ตอนนี้รู้สึกว่าอารมณ์สวาทที่พลุ่งพล่านทวีคุณในตัวมันทำให้เขาหยุดการกระทำนี้ไม่ได้เสียแล้ว

"อื้ออ...ฮือๆๆๆ"

นรีนาถกรีดร้องอยู่ได้แต่ในลำคอเธอส่ายหัวพัลวันในขณะที่เมืองรามกำลังจะแทรกตัวเข้ามาที่ระหว่างกลางเรียวขาเล็กของเธอ

"ไอ้ราม..."

"ฮึก..ฮือๆๆๆๆ...."

การกระทำของเมืองรามหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงของพันแสงนั้นเรียกหญิงสาวเองก็เบาใจไปเปราะหนึ่งเหมือนกันที่เหมือนสวรรค์ทรงโปรดให้คนมาเรียกคนที่กระทำป่าเถื่อนกับเธอให้หยุดลงในตอนนี้

"อะไรวะ"

เมืองรามรีบพันผ้าขาวม้าให้เรียบร้อยก่อนเดินออกไปด้านนอกทั้งถามเพื่อนของเขาด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ที่เข้ามาขัดจังหวะ

"กูเอาข้าวกับเสื้อผ้ามาให้..."

พันแสงวางปิ่นโตกับถุงเสื้อผ้าตรงหน้าเมืองรามทั้งไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายจะหงุดหงิดอะไรนักหนา

"มาทำไมตอนนี้วะ"

เมืองรามสบถเบาๆพร้อมถอนหายใจ

"อ้าว..แล้วมึงจะกินไหมข้าวน่ะ..ทำไมตัวมีแต่รอยวะ"

พันแสงเกาหัวแกรกๆทั้งสังเกตุรอยแดงที่ตัวของเพื่อนเขาอย่างครุ่นคิด

"เรื่องของกู"

เมืองรามตอบอย่างไม่ใส่ใจ

"อย่าบอกนะว่ามึง..สอยนางฟ้าไปแล้ว"

พันแสงพอจะเดาออกแล้วว่ารอยแบบนี้มันเกิดจากอะไรเพราะเขาเองก็คนเคยมีเมียมาก่อนรู้ดีว่ารอยข่วนที่หลังจากเล็บผู้หญิงมันเป็นรอยแบบไหน

"ก็เรื่องของกูอีกนั่นแหละ"

เมืองรามถลึงตาใส่พันแสงหากเพื่อนรักของเขาคนนี้ไม่มาขัดจังหวะเขาคงได้ปลดปล่อยอารมณ์กับเครื่องระบายอารมณ์ที่อยู่ด้านในไปแล้ว

"เออ..งั้นกูไปแล้ว..อ่อ..อีกเรื่องสายที่มึงจ้างไปส่งจดหมายมาบอกว่าชู้เมียมึงกับเมียมึงยังไม่มีกำหนดกลับ"

ตอนนี้พันแสงพอจะรู้ตัวแล้วว่าทำไมเพื่อนของเขาถึงอารมณ์เสียใส่เขาแบบนี้เขาคงมาผิดเวลาจริงๆทั้งรีบบอกเรื่องสายที่ส่งข่าวมาแล้วให้กับเมืองรามได้รู้

"ท่าจะเริงรื่นกันหนำใจเลยล่ะสิ"

เมืองรามเหลือบตาอย่างหมั่นไส้ในใจ

"มึงหึงมากเหรอวะ"

พันแสงแกล้งถามเมืองรามอย่างอยากรู้

"กูแค้นโว้ยย..."

เมืองรามไม่ขอใช้คำว่าหึงเพราะนั่นมันใช้กับคนที่เขายังรักอยู่แต่นี่เขาเกลียดจึงแค้นใจเสียมากกว่า

"ฮือๆๆๆๆ.. อึก.. ฮืออออ"

หลังจากที่พันแสงกลับไปแล้วเมืองรามก็หยิบปิ่นโตและถุงเสื้อผ้าเข้ามาด้านในเช่นเดิมทั้งมองหน้าคนที่เนื้อตัวสั่นเทานั่งหลบมุมมองเขาอย่างหวาดระแวงด้วยใบหน้าที่มีแต่น้ำตาด้วยสายตาเยือกเย็นอย่างที่คนกลัวเดาอารมณ์ไม่ถูก

"ร้องให้ตายไปเลย.. เอ้าเสื้อผ้าใส่ซะ"

ชายหนุ่มอดที่จะกัดหญิงสาวไม่ได้เมื่อยิ่งมองก็ยิ่งนึกถึงหน้าชู้รักของเมียเก่าและล้วงเสื้อคอกระเช้ากับผ้าซิ่นปาไปที่หน้าของหญิงสาวและเดินออกไปสงบสติด้านนอกครู่หนึ่งเพราะรู้ว่าหากเขาอยู่ด้านในแม่คุณหนูเมืองกรุงก็คงจะอิดออดเอียงอายใส่เสื้อผ้าไม่ได้กันพอดี

"...อึก..ฮือออ...."

เมื่อเห็นชายหนุ่มออกไปแล้วนรีนาถจึงรีบหยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ทั้งน้ำตาอย่างเร่งรีบกลัวว่าชายหนุ่มจะเข้ามาเสียก่อนที่เธอจะใส่เสร็จ

"...."

เมืองรามให้เวลาหญิงสาวอยู่พักใหญ่จึงเดินเข้ามาด้านในและใส่เสื้อผ้าต่อหน้าหญิงสาวทำให้เธอต้องนั่งหลับตาเพราะไม่อยากมองคนหน้าไม่อายเช่นเขา

"เงียบ...แล้วกินข้าว"

เมืองรามใส่เสื้อผ้าเสร็จจึงแกะผ้าปิดปากที่มัดเอาไว้แน่นออกด้วยในเวลาไม่กี่วินาทีแล้วจึงเปิดปิ่นโตวางตรงหน้าหญิงสาวเรียกเธอกินข้าวเขาเองก็จะกินด้วยเพราะเวลานี้เขาก็หิวเหมือนกัน

"......"

นรีนาถยังคงมองชายหนุ่มอย่างระแวงกลัวว่าเขาจะกระทำกับเธออย่างเมื่อก่อนหน้าทำให้เธอไม่กล้าขยับตัวอะไรทั้งนั้นเพราะกลัวว่าจะไม่ถูกใจและจะถูกทำโทษแบบที่เธอไม่อยากให้เกิดอย่างเมื่อครู่อีกหากเขาใช้การกระทำแบบนี้ทำโทษเธอให้เขาเอาปืนยิงเธอให้ตายเสียยังดีกว่า

"ไม่ต้องมามองฉันแบบนั้น...ไม่มีอารมณ์แล้ว"

เมืองรามเหลือบมองหน้าหญิงสาวเล็กน้อยและหันมาใส่ใจกับอาหารตรงหน้าเพราะอารมณ์ของเขาหมดไปตั้งแต่ถูกขัดจังหวะจากพันแสงแล้ว

สองวันต่อมา

บางกอก

"อะไรคนหายทั้งคนยังตามไม่เจอกันอีกหรือไง"

สิงหนาทนั่งคุยกับนายตำรวจหนุ่มในเรือนธิติลักษณ์หลังจากกลับมาจากทำงานผลการรายงานทำให้เขาต้องกุมขมับและหัวเสียเป็นอย่างมาก

"ผมต้องขอโทษจริงๆครับคุณสิงห์ตอนนี้ทางเราก็พยายามทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้วครับ"

นายตำรวจหนุ่มเองก็มีสีหน้าอ่อนใจเพราะหลักฐานและพยานรู้เห็นไม่มีเลย

"เฮ้อ... เอาเป็นว่าถ้าได้เรื่องเมื่อไรติดต่อผมด่วนนะครับ"

สิงหนาทรีบควบคุมอารมณ์ตนเองและถอนหายใจเฮือกใหญ่เขาคงจะพึ่งตำรวจอย่างเดียวไม่ได้แล้วในครานี้

22.00 น.

บ้านนารา

"ฮึก..ฮือๆๆ..แม่จ๋าแล้วหนึ่งจะอยู่กับใครล่ะจ้ะ..ฮือๆๆๆ"

หลังจากกลับมาจากงานศพคนเป็นแม่นาราก็กลับมานั่งกอดเข่าร้องให้ในมุมที่เธอชอบนอนตักแม่เป็นประจำเธอคิดถึงแม่เธอแทบใจจะขาดเหมือนชีวิตของเธอตอนนี้ไม่มีเสาหลักอะไรทั้งนั้น

แกร๊ก

"พี่สิงห์"

"ทำไมมาอยู่ที่นี่ฉันบอกให้เธออยู่ที่บ้านฉันไง"

สิงหนาทคิดเอาไว้แล้วว่านาราจะต้องอยู่ที่นี่เขาจึงรีบดึงมือเธอให้กลับบ้านไปกับเขา

"หนึ่ง​อยากอยู่ที่นี่ค่ะ"

นาราถูกสิงหนาทขอร้องให้ไปอยู่บ้านหลังเล็กของสิงหนาทเพราะเขาต้องการรับผิดชอบกับหารกระทำที่ทำให้แม่เธอนั้นเสียแต่นาราไม่ได้ติดใจอะไรและรู้ว่าแม่เธอมีโรคประจำตัวอยู่แล้วเธอจึงไม่อยากพึ่งพาอะไรสิงหนาทและอีกอย่างเธอก็อยากอยู่บ้านเล็กแห่งนี้ที่เธอรักด้วยเพราะมันมีความทรงจำดีๆมากมายตอนที่เธอได้อยู่กับแม่

"เป็นผู้หญิงอยู่ที่นี่คนเดียวมันอันตราย"

สิงหนาทยังคงลากราราขึ้นมานั่งบนรถของเขาจนได้และดึงมือเธอเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

"หนึ่งไม่กลัวค่ะ"

"ไปกับฉัน"

"หนึ่งไม่ไปค่ะ"

"เธออย่าหาเรื่องปวดหัวให้ฉันเพิ่มได้ไหมแค่เรื่องน้องหญิงกับเรื่องงานฉันก็ปวดหัวจะตายอยู่แล้ว"

สิงหนาทถึงขั้นต้องบอกสิ่งที่อยู่ในใจว่าตอนนี้ไม่อยากห่วงและรู้สึกผิดอะไรไปมากกว่านี้อีกแล้วแค่เรื่องงานกับเรื่องน้องเขาก็หัวจะระเบิดอยู่แล้วหากจะต้องนั่งห่วงหญิงสาวเรื่องความเป็นอยู่ความปลอดภัยเขาก็ประสาทกินพอดี

"ฮึก..อือ"

นาราได้ยินเช่นนั้นเธอจึงยอมไปกับสิงหนาทแต่โดยดีถึงเธอจะรักบ้านเธอมากแต่หากต้องทำให้ใครมาลำบากใจเพราะเธอตัวเธอเองก็ไม่สบายใจอยู่ดี

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status