“ฉันสั่งอะไรก็ทำๆไปเถอะน่า...อีกอย่างต่อไปนี้เรียกฉันว่าพี่เสือแล้วก็แทนตัวเองว่าทรายเวลาพูดกับฉัน...อีกครึ่งชั่วโมงแม่ฉันจะมาถึงที่นี่ไปเตรียมตัว”
ชาติเสือว่าจบก็ลุกขึ้นเดินหนีหญิงสาวออกไปนอกห้องทั้งที่วันนี้เขาว่าจะไม่ดุเธออยู่แล้วเชียวแต่ความช่างถามของเธอก็ทำให้เขาหงุดหงิดจนได้
“ค่ะ..”
ดวงตากลมโตจ้องมองไล่หลังร่างสูงก่อนจะก้มหน้างุดบุ้ยปากถอนหายใจไม่ชอบเอาเสียเลยที่จะต้องถูกสั่งให้ทำโน่นทำนี่ทั้งที่ตัวเองไม่เต็มใจแต่ก็ขัดอะไรไม่ได้
ชาติเสือเดินจูงมือร่างบางในชุดเดรสแขนกุดยาวสีครีมเดินออกมาต้อนรับคนเป็นแม่ที่หน้าบ้านขณะที่รถตู้คันหรูแล่นเข้ามาถึง
“สวัสดีครับคุณแม่”
มือหนายกไหว้คนเป็นแม่หน้าระรื่นเมื่อเห็นว่าพึ่งจะลงมาจากรถผิดกับสุรีพรหญิงวัยกลางคนที่ยังดูสาวไม่สร่างเธอลงจากรถตู้สีดำคันหรูที่เด็ดเดี่ยวพึ่งจะขับไปรับที่สนามบินได้ก็ยืนหน้าบึ้งตึงจดจ้องแต่ร่างบางที่กำลังยืนหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่ข้างลูกชายเธอไม่วาง
ยอมรับว่ารูปร่างหน้าตาหญิงสาวน่ารักน่าเอ็นดูแต่เธอก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดีกลัวว่าเธอจะมาปอกลอกลูกชายดั่งคนที่เคยได้พบได้เจอมาก่อนหน้าผู้หญิงที่เข้ามาในชีวิตลูกชายที่ไม่ผ่านสายตาของเธอสุรีพรไม่เคยไว้ใจสักคนเพราะมีประสบการณ์จากกรณีของอินทุอรมาแล้ว
“สวัสดีค่ะ”
ทรายแก้วรีบยกมือไหว้ผู้หญิงร่างเล็กที่สวมใส่เสื้อผ้าและเครื่องประดับราคาแพงทั้งเปรยรอยยิ้มอ่อนอย่างเป็นมิตรให้กับผู้ใหญ่ตรงหน้าแต่ดูท่าแม่ของชายหนุ่มจะไม่ยอมเป็นมิตรกับเธอเอาเสียเลยดูจากที่เธอใช้วิธีมองกลับมาด้วยหางตาแถมยังไม่ยอมรับไหว้แค่นี้ทรายแก้วก็รู้แล้วว่าท่าทีไม่ค่อยเป็นมิตรของชาติเสือนั้นได้มาจากใคร
“ไปคุยกับแม่ข้างใน”
สุรีพรเดินผ่านสองหนุ่มสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายและลูกสะใภ้ด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เข้าไปในบ้านเพื่อต้องการคุยธุระสำคัญ
“คิดจะแต่งงานจดทะเบียนสมรสกับใครก็ได้หรือยังไง...ทุกวันนี้เห็นแม่เป็นหัวหลักหัวตอแล้วใช่ไหม”
เมื่อเห็นสองสามีภรรยาหมาดๆเข้ามานั่งที่โซฟาตรงหน้าได้สุรีพรก็เริ่มร่ายยาวเสียงแข็งด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่แสดงถึงความโกรธจัดและนี่คือสิ่งที่ชาติเสือต้องการเขาอยากจะหัวเราะให้ลั่นเสียตอนนี้แต่ก็ยังต้องเก็บอาการวางเฉยเอาไว้
“ผมก็ไม่ได้ให้คุณแม่เป็นหัวหลักหัวตอนี่ครับ...ส่งทะเบียนสมรสไปให้ดูแล้วไง”
ชาติเสือรวบเอวบางแนบชิดก่อนจะเอ่ยเสียงห้วนตอบกลับคนเป็นแม่หน้าตาเฉยอย่างไม่รู้สึกผิด
คำตอบของชายหนุ่มที่เอ่ยพูดกับคนเป็นแม่ทำทรายแก้วนั่งนิ่งหันจ้องมองใบหน้าคมด้วยแววตาที่มีแต่ความทึ่งคราแรกคิดว่าเขาจะหยาบคายกวนประสาทแต่คนอื่นไม่คิดว่าแม้กับแม่ของเขาก็ยังไม่เว้น
“แม่ไม่รับใครเป็นสะใภ้ง่ายๆหรอกนะยิ่งไม่มีหัวนอนปลายเท้าแม่ยิ่งไม่รับ”
“แต่ทรายแก้วเป็นเมียผมแล้วเธออยู่ที่นี่.. ทั้งกิน.. ทั้งนอนกับผม.. คุณแม่จะรับเธอหรือไม่รับก็เรื่องของคุณแม่ครับ”
มือหนากระชับกอดร่างบางทั้งก้มพรมจูบหน้าผากมนของหญิงสาวต่อหน้าคนเป็นแม่หน้าระรื่น
“ตาเสือ!”
สุรีพรถลึงตามองลูกชายสลับกับลูกสะใภ้ที่ไม่คิดต้อนรับทั้งมือน้อยแห้งปูดไปด้วยรอยเส้นเลือดกำมือกันแน่นเธอไม่เจอลูกชายเสียนานไม่คิดว่าจะสามหาวก้าวร้าวกับคนเป็นแม่อย่างเธอเช่นนี้
ทรายแก้วก็เอาแต่นั่งหน้าเสียตัวชาในใจคิดว่านี่หรือคือบทสนทนาของสองแม่ลูกที่ไม่ค่อยได้เจอกันมันไม่ได้น่ายินดีเอาเสียเลยทั้งชายหนุ่มยังลากเธอเข้ามาอยู่ในวงเวียนที่น่าอึดอัดนี้อีก
“แม่ขอตัวคุยกับแม่นี่หน่อยหวังว่าแกจะไม่ว่าอะไรหากจะทักทายกับลูกสะใภ้บ้าง”
สุรีพรเอ่ยอุบายขอคุยกับทรายแก้วตามลำพังเพราะเธออยากจะรู้ว่าต้นตระกูลของเธอเป็นใครมาจากไหนเพราะชื่อเสียงสกุลของหญิงสาวในทะเบียนสมรสเธอไม่เคยจะได้ยินมาก่อน
“ผมคงจะปล่อยให้คุณแม่คุยตามลำพังกับเมียผมไม่ได้.. ผมไม่ไว้ใจ”
ชาติเสือส่ายหัวทั้งมีสีหน้าสายตาและน้ำเสียงยียวนยั่วโมโหคนเป็นแม่จนเพิ่มไฟโทสะให้คนเป็นแม่ได้เป็นอย่างดีเขาไม่ยอมให้ทรายแก้วอยู่กับแม่ของเขาตามลำพังอยู่แล้วขืนหญิงสาวนึกอยากจะพูดความจริงทุกอย่างออกมาทุกอย่างที่เขาวางแผนไว้คงจบเห่
“ได้..ถ้าอย่างนั้นยังไงฉันก็ไม่รับลูกสะใภ้คนนี้..จำเอาพูดแม่เอาไว้ให้ดี”
สุรีพรลุกขึ้นพรวดกำมือแน่นไม่ปล่อยชูคอเชิดแผดเสียงดังก่อนจะเดินสะบัดก้นออกไปหน้าบ้านโดยที่ไม่หันมามองหน้าใครอีกเลยแม้นทรายแก้วจะรีบยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ที่ได้ชื่อว่าแม่สามีเธอก็เดินดุ่มหนีไปก่อนเสียแล้ว
“ไม่พักผ่อนให้หายเหนื่อยก่อนล่ะครับคุณแม่”
ชาติเสือยังส่งเสียงยียวนกวนประสาทไม่วายนับว่าอาการกระฟัดกระเฟียดของคนเป็นแม่ถูกใจเขานัก
ทรายแก้วเห็นว่าเสร็จหน้าที่ของเธอแล้วจึงรีบลุกเดินหนีชาติเสือหญิงสาวรับไม่ได้กับนิสัยของชายหนุ่มที่ทำกับแม่ตนไม่รู้ว่าทั้งคู่มีเรื่องอะไรบาดหมางใจกันมาชายหนุ่มถึงได้กล้าก้าวร้าวแม่ตัวเองเช่นนี้หากเป็นเธอจะเลือกประณีประณอมกันโดยดีเสียมากกว่ามานั่งทะเลาะกันเพราะอย่างไรคนในครอบครัวก็ตัดกันไม่ขาดจะทะเลาะกันทุกครั้งที่เห็นหน้าคงไม่ทำให้ชีวิตมีความสุขนัก
ชาติเสือมองตามหลังร่างบางที่เดินดุ่มเข้าไปในครัวด้วยสีหน้าเรียบเฉยเขารู้ว่าเธอคงอึดอัดกับการสนทนาของเขากับแม่เมื่อครู่แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเขาได้เลือกเธอมาเป็นเครื่องมือแล้วเธอก็ต้องยอมรับชะตากรรมนี้ต่อไปโดยที่เลี่ยงไม่ได้และเขาก็จะไม่ยอมให้เธอเลี่ยงด้วย
”เฮ้อ..”
ร่างบางยืนอุ่นหม้อข้าวต้มที่จัดการเสร็จเมื่อหลังตื่นนอนด้วยอาการห่อเหี่ยวหัวใจหากชาติเสือยังให้สถานะภรรยากับเธออยู่เรื่องกระทบกระทั่งของสองแม่ลูกเธอคงได้เห็นมันอีกแน่ในหัวตอนนี้ไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไรดีเลย
หลังจากใช้เวลาอยู่ในครัวไม่นานทรายแก้วจัดการเสริฟอาหารที่โต๊ะทานข้าวเรียบร้อยแล้วจึงเดินออกมาตามชาติเสือเข้าไปทานอาหารเช้าในเวลาที่อาจจะสายหน่อยร่างบางเดินมาถึงโถงหน้าบ้านได้ก็ชะงักฝีเท้าเมื่อเห็นชาติเสือเอาแต่นั่งเหม่อตาลอยเดาไม่ออกเหมือนกันว่าเขานั้นกำลังคิดอะไรอยู่“ข้าวต้มเรียบร้อยแล้วค่ะขอโทษนะคะที่วันนี้สายหน่อย”“อืม..”ชาติเสือหลุดจากภวังค์ความคิดเรื่องเก่าได้เขาก็รีบลุกขึ้นพรวดสาวเท้าเดินตรงไปที่ห้องครัวทันทีโดยมีทรายแก้วเดินตามอยู่ด้านหลัง“ทำไม..ถึงพูดจากับคุณแม่คุณแบบนั้นล่ะคะ”ทั้งสองนั่งทานอาหารกันได้พักใหญ่ทรายแก้วที่นั่งใช้ช้อนเขี่ยข้าวต้มกับชิ้นกุ้งไปมาเธอก็ถือโอกาสนี้คุยเรื่องที่น่าอึดอัดใจกับชายหนุ่มเสียเลยเป๊ง...“จะพูดอะไรก็เรื่องของฉัน..อย่ามาคิดสอน”มือหนาวางช้อนกระทบกับถ้วยจนเกิดเสียงดังเงยหน้าจ้องมองใบหน้าหวานเขม็งไม่ชอบใจที่หญิงสาวทำตัวเป็นคุณครูสอนคนอื่นทั้งที่ยังไม่เคยรับรู้ว่าเขานั้นเจออะไรมาถึงได้มีปัญหากับตัวเองเช่นนี้“แต่นั่นแม่ของคุณนะคะ...มีเรื่องอะไรไม่เข้าใจกันน่าจะคุยกันให้จบจะได้ไม่ต้องมากระทบกระทั่งกันไปมาแบบนี้”“เสือก!”เสียงแข็งเอ่ยขึ้นกะทั
“เงินทั้งหมดที่เสธฐามันสร้างปัญหากูจะชดใช้ให้ทั้งหมดปล่อยทรายแก้วมาให้กู”ทรงพลที่ใบหน้าเนื้อตัวยังเหลือร่องรอยความฟกช้ำตะโกนกลับทั้งจ้องหน้าชาติเสืออย่างไม่เกรงกลัวเขาจะทำทุกอย่างเพื่อช่วยทรายแก้วให้พ้นออกไปจากนรกที่นี่“หึ่..กูไม่คืนของเล่นชิ้นนี้กูหวง...กลับไปแล้วอย่าเสนอหน้ามาที่นี่อีกถ้าไม่อยากเจ็บตัว”ชาติเสือแสยะยิ้มมุมปากของเล่นของหวงของเขามีหรือจะปล่อยให้ใครได้ไปง่ายๆยิ่งเกลียดขี้หน้าคนที่กำลังเอ่ยข้อต่อรองเขายิ่งไม่ยอมง่ายๆ“ของเล่น?..มึงเห็นทรายเป็นแค่ของเล่นอย่างงั้นเหรอ”พลั่กกทรงพลกระโจนประชิดตัวชาติเสือก่อนจะยกมือสาวหมัดใส่คนปากดีที่พูดจาไม่ให้เกียรติทรายแก้วเหล่าบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลรีบวิ่งกรูกันเข้ามาเพื่อที่จะปกป้องชาติเสือแต่ก็ถูกเขายกมือห้ามเอาไว้ก่อน“ไม่ต้อง...”ชายหนุ่มเห็นว่าทรงพลมาที่นี่คนเดียวถือว่าใจถึงพอสมควรเขาเองก็จะไม่ใช้วิธีหมาหมู่ให้เสียชื่อชาติเสือปัญหานี้เขาต้องการชำระความกับทรงพลตัวต่อตัวพลั่กกมือที่ยกห้ามบอดี้การ์ดวาดสาวหมัดกลับไปยังทรงพลแรงหมัดของชาติเสือทำร่างสูงบึกบึนของทรงพลล้มลงฟุบกองอยู่กับพื้นหลังจากนั้นทั้งคู่ก็ชุลมุนชกต่อยวา
รถหรูแล่นเลยปากทางเข้าบ้านไม่นานนักก็ขับเข้ามาจอดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าโรงเรียนแห่งหนึ่งเป็นโรงเรียนเล็กๆไม่ใหญ่มากตอนนี้เป็นช่วงเที่ยงเด็กๆเลยออกมาวิ่งเล่นกันประปรายถือว่าเด็กที่นี่ไม่ได้เยอะมากนัก“เธอรออยู่ที่นี่เดี๋ยวฉันรีบกลับมา”“ค่ะ”ชาติเสือปลดเข็มขัดนิรภัยหันมาสั่งหญิงสาวให้รออยู่ที่นี่ก่อนจะลงจากรถรีบเดินดุ่มฝ่าแสงแดดจ้าเข้าไปในอาคารเรียน“มาทำอะไรของเค้า”ดวงตากลมโตไล่มองตามหลังชาติเสือด้วยแววตาฉงนในใจไม่ยักรู้ว่าคนอย่างเขาจะมีธุระกับผู้คนหรือสถานที่แห่งนี้ด้วยหากเป็นผับบาร์เธอจะไม่สงสัยอะไรเลยครั้นคิดจะถามให้ได้ความกระจ่างจากชายหนุ่มคงไม่ได้คำตอบแถมอาจจะมีโอกาสถูกดุอีกด้วยความแครงใจนี้เห็นทีจะต้องถามคนในบ้านเห็นจะได้ความกว่าชาติเสือใช้เวลาทำธุระกับผู้อำนวยการที่โรงเรียนไม่นานนักก็เตรียมตัวกลับตลอดระยะเวลาที่ขับรถเขารับรู้ได้ว่าหญิงสาวมีเรื่องจะคุยแต่ไม่ยักจะเห็นว่าเธอจะเอ่ยออกมาเสียทีเอาแต่ลอบมองมายังเขาเป็นระยะเท่านั้น“มีอะไรหรือเปล่า”“หึ.. ไม่นี่คะ”คนตัวเล็กรีบส่ายหัวหงึกหงักหันมองไปยังริมทางรีบปฏิเสธเมื่อเห็นชายหนุ่มรู้ทันว่ากำลังมีอะไรอยู่ในใจ“แอบมองฉันอยู่นั่น..นึก
“มันจะไม่รุนแรง..เชื่อฉัน” ฟอดดชายหนุ่มก้มลงหอมแก้มนวลฟอดใหญ่จะให้เขาทนต่อไปคงไม่ไหวยิ่งรู้ว่าต้องห่างร่างนุ่มนิ่มนี้หลายวันเขายิ่งยอมปล่อยเธอไปไม่ได้สองมือหนาสอดประสานมือเรียวเริ่มไล่ริมฝีปากหนาบดจูบตั้งแต่พวงแก้มนวลนิ่มจนถึงริมฝีปากบางอวบอิ่มบดจูบด้วยความนุ่มนวลทรายแก้วได้แต่นอนนิ่งภาวนาให้เขาไม่รุนแรงตามที่พูดเพราะกลัวว่าร่างกายจะรับไม่ไหวไม่อยากที่จะให้หมอมาดูอาการเธอซ้ำๆเพราะรู้สึกอายเหมือนกันที่เจ็บป่วยเพราะเรื่องบนเตียง“อืม..”ร่างบางเริ่มเกร็งเล็กน้อยเมื่อคนตัวโตเริ่มส่งลิ้นร้ายสอดใส่เข้ามาในโพรงปากนุ่มทั้งมือทั้งสองยังล้วงเข้าด้านในชุดนอนตัวบางบีบเค้นขยำเต้างามทั้งสองไม่วางมือร่างกายของชายหนุ่มเริ่มร้อนระอุไปด้วยไฟสวาทเขากระชากเชือกผูกเอวถอดชุดคลุมโยนทิ้งข้างเตียงเผยแผงกล้ามเปลือยเปล่าต่อหน้าคนตัวเล็กใต้ร่างทรายแก้วรีบหันหน้าหนีถึงอย่างไรเธอก็ไม่ชินกับการมองร่างกายปราศจากเสื้อผ้าของชาติเสืออยู่ดีร่างบางของเธอถูกดึงให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะถูกถอดชุดนอนรวดเดียวโดยฝีมือคนตัวโตหัวทุยของทรายแก้วตอนนี้ถูกกอบกุมไปด้วยสองมือใหญ่ของชายหนุ่มเขาก้มลงจูบริมฝีปากบางอีกรอบโน้มตัวเธอนอนลง
หลังจากกลับขึ้นไปที่ห้องอาบน้ำแต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอกเรียบร้อยแล้วทรายแก้วจึงเดินเข้ามาหาเด็ดเดี่ยวเพื่อแจ้งให้เขาทราบว่าเธอนั้นจะออกไปข้างนอกภาวนาในใจว่าขอให้เขาอนุญาตเธอโดยดีไม่อย่างนั้นคงต้องหนักใจอีกแน่“คุณเดี่ยวคะ”ดวงตาคมของเด็ดเดี่ยวมองทรายแก้วด้วยความสงสัยเพราะเห็นเธอแต่งตัวทั้งยังมีกระเป๋าสะพายข้างไม่รู้ว่าเธอจะออกไปไหนกันขออนุญาตเจ้านายของเขาหรือยังเรื่องนี้เขาก็ยังไม่ทราบ“ครับ”“พอดีว่าเพื่อนทรายนัดให้ไปหาน่ะค่ะ...ขอออกไปแปปเดียวได้หรือเปล่าคะ”“อืม...ถ้าเรื่องออกไปจากที่นี่..คุณทรายขออนุญาตคุณเสือแล้วหรือยังครับ”“ไปแปปเดียวเองต้องโทรขอด้วยเหรอคะ...อีกอย่างทรายก็ไม่ร็จะติดต่อคุณเสือยังไง”“ไม่อย่างนั้นพวกผมอาจจะถูกคาดโทษได้”เด็ดเดี่ยวตอบตามตรงเขาไม่ได้อยากจะห้ามหญิงสาวแต่เพราะโทษที่เขาละเลยหน้าที่มันน่ากลัวจึงอนุญาตให้ทรายแก้วออกไปข้างนอกไม่ได้หากเธอยังไม่ได้แจ้งให้เจ้านายของเขาทราบ“ฉันเข้าใจค่ะ”ใบหน้าหวานห่อเหี่ยวขึ้นมาจนชายหนุ่มตรงหน้าจับสังเกตได้แต่เขาก็ช่วยอะไรเธอไม่ได้อยู่ดีนอกจากรีบต่อสายหาชาติเสือให้ได้คุยกับหญิงสาวเอาเอง“นายครับคุณทรายมีเรื่องจะคุยด้วยครั
“ครับคุณเสือ...เธอกำลังทำอาหารกับเพื่อนอยู่ครับ.. ครับ.. ผมจะคอยดูไม่ห่างครับ”เด็ดเดี่ยวยกหูรายงานชาติเสือเป็นระยะเพราะถูกสั่งเอาไว้“เดี่ยว..ท่าทางนายจะหวงคุณทรายมากกว่าผู้หญิงคนอื่นนายว่าหรือเปล่า”ชาตรีเห็นเด็ดเดี่ยววางสายได้ก็รีบพูดคุยเรื่องที่ตนเองคิด“อาจจะยังไม่ไว้ใจหรือเปล่า”“นายคิดงั้น?”“อืม..”แม้นในใจเด็ดเดี่ยวจะแอบคิดเช่นชาตรีแต่เขาก็มีอีกใจที่คิดว่าอาจจะเป็นไปได้ที่นายตนน่าจะยังไม่ไว้ใจหญิงสาวเพราะพึ่งอยู่ด้วยกันได้ไม่นานหลังจากน้ำรินกลับไปตั้งแต่ช่วงเย็นทรายแก้วก็นั่งเหงาเช่นเดิมจนตกดึกร่างบางในชุดนอนผ้าลินินสายเดี่ยวสีขาวยาวคลุมเข่าเดินออกมานอกระเบียงห้องนอนดูดาวยามค่ำคืนที่ฟ้าเปิดดวงตากลมโตมองทอดยาวไปไกลสองแขนเล็กกอดอกแน่นครุ่นคิดถึงวันข้างหน้าว่าชีวิตของเธอจะเป็นเช่นไรคำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวทุกครั้งเมื่อต้องอยู่เงียบๆคนเดียวแต่ก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้สักครั้ง“เฮ้อ..!”ริมฝีปากบางเผยอพ่นลมหายใจเบาๆก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องนอนแกร๊กมือน้อยยกยื่นปิดสวิตซ์ไฟให้ในห้องเหลือเพียงแค่แสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียงเท่านั้นก่อนจะหย่อนก้นลงเตียงเอนตัวลงนอนฟุบกับหมอนนุ่มร่าง
“ค่ะ”ทรายแก้วละมือจากช้อนส้อมในจานปลานึ่งเธอเริ่มตักข้าวใส่จานตัวเองตามที่สุรีพรสั่งแอบอมยิ้มเมื่อเห็นอีกมุมของสุรีพรและชาติเสือที่มีเหมือนกันเรื่องที่ไม่ชอบให้ใครมาอดอาหารในเวลาที่ต้องทานสุรีพรเลือกที่จะตักน้ำซุปถ้วยไก่ตุ๋นทานก่อนเพราะรู้สึกว่ากลิ่นช่างหอมยั่วยวนเตะจมูกเสียเหลือเกิน“อืม..”เธอพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อน้ำซุปรสกลมกล่อมสัมผัสลิ้นนับว่าฝีมือของลูกสะใภ้เธอดีไม่ใช่น้อยสุรีพรชื่นชมฝีมือหญิงสาวอยู่ในใจไม่ปริปากพูดอะไรออกมาแต่การที่หญิงวัยกลางคนยื่นมือตักอาหารทานไม่พูดไม่จาก็ทำให้ทรายแก้วรู้แล้วว่าแม่สามีนั้นถูกใจฝีมือเธอแค่ไหน“ของหวานค่ะคุณแม่”หลังจากทานขอคาวจนเรียบร้อยแล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาของของหวานวันนี้ทรายแก้วเลือกที่จะเสริฟมะยงชิดลอยแก้วให้กับสุรีพรเพราะเธอแช่มะยงชิดกับน้ำเชื่อมไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานหากสุรีพรได้ทานคงสดชื่นไม่น้อยคนเป็นแม่สามีอย่างสุรีพรนั่งทานของที่ลูกสะใภ้เสริฟเงียบๆเพราะเธอถูกใจฝีมือของทรายแก้วทั้งของคาวและของหวานเลยไม่มีข้อที่จะหาเรื่องตำหนิได้เลยแม้แต่ข้อเดียวช่วงหัวค่ำก่อนที่ทรายแก้วจะเตรียมตัวเข้าห้องนอนเธอก็ไม่ลืมที่จะเดินเลยไปถามไถ่แม่สามีเผื่อ
“คุณแม่จะทำอะไรคะเดี๋ยวทรายทำให้ค่ะ”“ไม่ต้องฉันทำเองได้”สุรีพรไม่ยอมปล่อยมือง่ายๆเพราะแค่ยกหม้อลงจากเตาแค่นี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอทำไม่ได้“ให้ทรายทำนะคะมันร้อนค่ะ”ฟึ่บ..” อ๊ายย.. “เมื่อยื้อแย่งกันไปมาน้ำต้มร้อนๆในหม้อก็กระฉอกลวกมือทรายแก้วจนเธอร้องลั่นสุรีพรจึงจำต้องวางหม้อลงบนเตาแล้วรีบดึงมือทรายแก้วมาล้างน้ำ“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมายุ่งยัยเด็กบ้าเอ้ย”หญิงวัยกลางคนบ่นอุกเมื่อเห็นว่ามือของทรายแก้วเห่อแดงจนเห็นได้ชัดเธอรีบใช้ทิชชู่ซับมือน้อยที่เปียกก่อนจะจูงหญิงสาวออกมาทายาด้านนอกทรายแก้วเห็นอาการเป็นห่วงของแม่สามีก็มีสีหน้าแปลกใจไม่น้อยก่อนจะอมยิ้มออกมาด้วยพฤติกรรมของสุรีพรที่ทีท่าทีห่วงใยเธอตอนนี้เหมือนกับแม่ของเธอไม่มีผิด“ไม่แสบร้อนหรือไงยิ้มอยู่ได้”“คุณแม่ดุทรายเหมือนที่แม่ทรายชอบพูดเปี๊ยบเลยค่ะ”“ใครจะไม่ดุอยู่ดีๆก็มาหาเรื่องเจ็บตัว...เดี๋ยวตาเสือก็ว่าฉันทำร้ายเมียตัวเองอีก”“ไม่หรอกค่ะคุณแม่...ทรายผิดเองที่ไม่ระวัง”ทรายแก้วยังไม่ยอมหุบยิ้มง่ายๆขณะที่แม่สามีกำลังทายาให้เธอรู้สึกอบอุ่นหัวใจจนลืมความเจ็บไปเลยก็ว่าได้ในเช้าของวันต่อมาเป็นอีกวันที่แม้ทรายแก้วจะยังไม่หายเจ็บมือ