“นางปีศาจร้าย!!”
“คืนลูกชายข้ามา!!”
ยามนั้นเองงูตัวหนึ่งอาศัยความวุ่นวายกลบกลิ่นอายของตนเองแล้วฉกเข้าที่ขาของนาง ฟางเหนียงตกใจอีกทั้งความเจ็บปวดด้านข้างจากขาไปทั่วทั้งร่าง คล้ายกับร่างของนางกำลังจะเป็นอัมพาต อิทธิฤทธิ์ทั้งหมดของนางเสื่อมคลายลง มนุษย์กรูกันเข้ามาทำร้ายนางจนท้ายที่สุดก็ปางตาย…
ร่างบอบบางนอนรวยรินหายใจหอบหมดสภาพของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ผู้ครอบครองลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล แต่กลับไม่ใช้ป้องกันตนเอง เอาแต่เห็นอกเห็นใจมนุษย์ที่ทำร้ายตนเองจนท้ายที่สุดก็มีสภาพเช่นนี้
…ช่างน่าขันเสียจริง แม่นางจิ้งจอก…
บุรุษผู้หนึ่งในหมู่ชาวบ้านได้ห้ามทุกคน ในตอนแรกก็ไม่มีใครยอม พยายามทำร้ายนางเอาให้ถึงตาย ทว่าบุรุษผู้นั้นก็ได้เอ่ยว่าควรให้นางรับโทษกับทางการ เสียบหัวประจานที่กำแพงเมือง ด้วยเหตุนั้นพวกมนุษย์จึงยินยอมและพานางกลับไปยังหมู่บ้าน
สติของฟางเหนียงเลือนลางเหลือเกิน ภายในหัวใจของนางเจ็บปวดเหลือเกิน นางมิอาจทำร้ายมนุษย์ได้แม้ว่าพวกเขาจะทำร้ายนาง อีกทั้งในตอนนี้เกิดความคิดเลวร้ายขึ้นมา… มีเพียงคนผู้เดียวเท่านั้นที่รู้ทางเข้าไปยังดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ คนเพียงผู้เดียว…
เนิ่นนานกว่าสติของฟางเหนียงจะกลับมาอีกครั้ง นางฟื้นตื่นขึ้นมาพลางกวาดสายตามองไปรอบด้าน ร่างกายของนางได้รับการฟื้นฟูจากลูกแก้วจิ้งจอกจนหายดีแล้ว หากแต่รอยแผลจากงูยังไม่หาย คาดว่าคงเป็นปีศาจงูที่เล่นงานนาง พิษของมันกระจายไปทั่วร่างกายของนางทำให้ร้อนรุ่มไปทั่วทั้งตัว
ยามนั้นเองประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างของบุรุษผู้หนึ่ง คล้ายกับว่าบุรุษผู้นั้นไม่คิดที่จะปิดบังตัวตนอีกแล้ว ฟางเหนียงรับรู้ได้ในทันทีว่าบุรุษผู้นี้คือปีศาจงู!!
นางรับรู้ได้ถึงแผนการร้าย อีกทั้งยังรู้สึกโล่งใจที่ความเชื่อมั่นในตัวบุรุษของนางไม่สั่นคลอน นางมั่นใจว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่มีทางเกี่ยวข้องกับไห่ไท่หยาง ทว่าก็ยังแปลกใจว่าเหตุใดพวกมนุษย์จึงรู้จักทางเข้า จะว่าบังเอิญหรือ…?
“เจ้า…”
ฝ่ามือหยาบจับร่างบอบบางให้ลุกขึ้นนั่งพิงกับกำแพงห้อง ก่อนจะเชยปลายคางนางขึ้น สบสายตากับดวงตาหวานหยด หากแต่ในยามนี้กลับหม่นหมองเสียจริง กระนั้นบุรุษผู้นี้ก็ยังคงจ้องมองมันอย่างหลงใหล
“เหตุใดจึงไม่ทำร้ายพวกมนุษย์ไปเสียเลยล่ะ หากเจ้าทำป่านนี้ก็คงไม่ต้องมาหมดสภาพเช่นนี้”
“และหลังจากนั้นพวกชาวบ้านก็จะยกโขยงกันไปทำลายดินแดนของข้าน่ะหรือ ฝันไปเสียเถิด ข้าไม่มีวันยอมให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น!”
“หึ ช่างน่าเสียดาย… เอาเถิด ข้ามีทางเลือกมาให้เจ้า มาเป็นคู่ครองของข้า ลูกของเราจะเป็นลูกครึ่งจิ้งจอกและงู จะแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ใด แล้วข้าจะช่วยเจ้าออกไปจากที่นี่ รวมถึงปกป้องดินแดนของเจ้าด้วย”
แม้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงแล้วงูยักษ์ตนนี้อยากครอบครองลูกแก้วจิ้งจอกในตัวของนาง ทว่าเมื่อได้ยลโฉมนางเข้าก็เกิดตกหลุมรักอยากครอบครอง จึงได้ยื่นข้อเสนอเช่นนี้
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะประเมินทายาทของข้าต่ำไป ลูกของข้าปกป้องดินแดนได้อย่างสมบูรณ์ พวกเจ้าไม่มีทางบุกรุกเข้าไปได้!”
“เช่นนั้นหรือ… หมายความว่าเจ้าปฏิเสธข้อเสนอของข้าสินะ เอาเถิด ข้าก็คิดเอาไว้อยู่แล้ว เช่นนั้นเจ้าก็คงต้องรอความตายอย่างเดียว ไม่ตายด้วยพิษงู ก็ต้องตายด้วยการทรมานจากพวกมนุษย์แล้วเสียบหัวเจ้าประจานหน้ากำแพงเมือง”
“…” ฟางเหนียงไม่เอ่ยสิ่งใด นางไม่หวาดกลัวความตาย หากความตายของนางนั้น แลกมาซึ่งความสงบสุขของดินแดนและผู้คนที่นางรักใคร่
เสียใจก็แต่ไม่มีโอกาสได้ร่ำลาลูกชายที่รักของตนเองเป็นครั้งสุดท้าย
“เจ้าไม่อยากรู้หรือ เพราะเหตุใดพวกมนุษย์จึงรู้จักทางเข้า…” งูยักษ์ในคราบมนุษย์ยื่นใบหน้าเข้าไป กระซิบที่ข้างหูของนางเสียงแผ่วเบา หากแต่ด้วยระยะแค่นี้นางจึงได้ยินชัดเจน “มนุษย์ที่เจ้ารักนักรักหนาผู้นั้น เป็นคนบอกทางเข้าดินแดนของเจ้านะ”
…ไม่มีทาง! ถึงอย่างไรข้าก็เชื่อมั่นในตัวเขา เพราะเขา…คือท่านพี่ของข้า!...
ช่างน่าเจ็บใจเหลือเกิน ที่งูยักษ์มิอาจทำให้ฟางเหนียงหวั่นใจได้เลย ฝ่ามือหยาบตวัดจับบีบที่ลำคอเล็กแนบแน่น
“อึก!!”
“เจ้านี่มันน่าอึดอัดใจยิ่งนัก!! เป็นข้าเองที่บอกทางพวกมัน! ข้าเห็นมนุษย์ผู้นั้นออกมาจากดินแดนของเจ้า! เป็นข้าเอง เป็นข้าเอง!!”
“หึ ในที่สุด… ข้าก็คิดถูก ไห่… ไท่หยาง ไม่ทรยศ ต่อข้า!” ดวงตาคู่งามฉายชัดต่อความรักอันเปี่ยมล้นเมื่อเอ่ยถึงไห่ไท่หยาง ทว่าเมื่อสบตากับงูยักษ์ในคราบงูผู้นี้ มันกลับเต็มไปด้วยความโกรธและเคียดแค้น!! “อุ๊บ!!”
พลันริมฝีปากของนางก็ถูกครอบครองอย่างจาบจ้วง นางพยายามปิดปากแต่ก็ถูกมือหยาบกระด้างบีบคางเล็กบังคับให้มันอ้าออก พร้อมทั้งสอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปด้านใน ฟางเหนียงไม่ยินยอมจึงออกแรงฝืน กัดลิ้นและปากของอีกฝ่ายจนเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก
งูยักษ์ตนนี้พยายามที่จะแย่งลูกแก้วจิ้งจอกไปจากนาง!!
ทว่ายามนั้นเองประตูก็ถูกเปิดออกมาพร้อมกับร่างของงูยักษ์ตนนั้นถูกกระชากออกไป!
…ไห่ไท่หยาง…
ใช่แล้ว ผู้ที่อยู่ตรงหน้าของนางคือไห่ไท่หยาง เหตุใดบุรุษจึงมาอยู่ที่นี่!?
“ข้าได้รับคำสั่งมาจากไท่จื่อ ให้มาพาตัวปีศาจตนนี้ไปสำเร็จโทษ”
“เจ้า! เป็นไปมิได้ ในเมื่อเจ้า…!”
“ข้าทำไมหรือ?”
…มิใช่ว่าถูกจับตัวไว้หรอกหรือ!?...
“เจ้ามากับข้า” ไห่ไท่หยางเอ่ยเสียงเข้มขณะกระชากร่างบอบบางให้ลุกขึ้น
“หะ เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่เจ้าคะ?”
นางเดินอย่างไร้เรี่ยวแรงตามไห่ไท่หยางออกไป ส่วนงูยักษ์ที่นางไม่รู้แม้แต่ชื่อเสียงเรียงนามก็ได้แต่ปล่อยนาง เนื่องจากการเปิดเผยตัวตนแก่มนุษย์นั้นมิใช่เรื่องดี มิวายโดนสำเร็จโทษตามจิ้งจอกเก้าหางไปด้วย ทว่าไม่มีทางที่งูยักษ์จะยอมลามือจากมีแค่จิ้งจอกเป็นแน่ ต้องหาทางเอามันมาครอบครองให้ได้!!
“ท่านไท่หยาง ท่านยังไม่ตอบคำถามของข้าเลย”
“…”
“เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่เจ้าคะ”
“มาพาตัวเจ้าไปสำเร็จโทษ”
“…”
ฟางเหนียงได้แต่เผยรอยยิ้มเงียบๆ ไห่ไท่หยางยังคงตรงไปตรงมา
“ข้าดีใจที่ได้เจอท่านเป็นครั้งสุดท้าย”
บุรุษหยุดฝีเท้าลง ก่อนจะหันกลับไปหาฟางเหนียง ใบหน้าคมคายนิ่งเฉย หากแต่แววตาที่มองนางนั้นเจ็บปวดเหลือเกิน เมื่อพยายามที่จะเก็บซ่อนมันแต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน
นับวันความรู้สึกที่มีให้แก่ปีศาจจิ้งจอกเก้าหางตอนนี้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ยิ่งเห็นนางเจ็บปวด เห็นนางได้รับบาดเจ็บ ร้ายที่สุดคือเห็นโกรธผู้อื่นพยายามที่จะข่มเหงนาง เขาแทบหน้ามืดเข้าไปทำร้ายคนผู้นั้นแต่โชคดีที่ยังคงสติได้!!
“เจ้าไม่โกรธข้าหรือ ข้าเป็นคนบอกทางเข้าดินแดนของเจ้า!!”
“ท่านโกหกไม่เก่งเอาเสียเลยนะเจ้าคะ เผื่อว่าท่านจะไม่รู้ ข้าจะบอกให้ว่าในยามที่ท่านโกหก ท่านจะไม่ยอมหลบสายตา แต่แววตาของท่านจะสั่นไหวเล็กน้อย เฉกเช่นยามนี้… ท่านโกหกข้าไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ”
…เพราะข้าเฝ้ามองท่านมาตั้งแต่ท่านเกิดมาเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เฝ้ามองตลอดกระทั่งเติบใหญ่เป็นบุรุษเช่นนี้…
“เจ้า…”
“ข้ารักท่านเจ้าค่ะ”
ถ้อยคำนั้นดังก้องกังวานอยู่ในหัวของบุรุษ ราวกับเวลาหยุดอยู่ที่เดิม ดวงหน้าหวานในยามนี้นั้นโทรมเหลือเกิน หากแต่ในสายตาของไห่ไท่หยางนางกลับดูงดงาม…
“…!?”
“ข้าอยากบอกก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้บอก”
รอยยิ้มหวานของนางนั้นเผยความจริงใจออกมาทุกส่วน งดงาม เจิดจ้าเสียยิ่งกว่าแสงสุริยัน งดงามเสียยิ่งกว่ามวลบุปผา เสียงของนางราวกับเคลือบไปด้วยความหวานล้ำยิ่งกว่ามธุรสที่ผู้คนพากันกล่าวขาน
“…”
“ไปเถิดเจ้าค่ะ หากชักช้าไท่จื่อจะสงสัยในตัวท่านได้ อ้อ ระหว่างสำเร็จโทษโปรดเก็บสายตาอาวรณ์ของท่านด้วยนะเจ้าคะ ข้าไม่อยากให้ผู้คนสงสัยว่าท่านมีใจให้ปีศาจเช่นข้า”
…ข้ามีใจให้ปีศาจแล้วอย่างไร ปีศาจไม่มีหัวใจหรือ!? เจ้าแตกต่างจากพวกข้าเพียงแค่กายหยาบบางส่วน ภายในไม่ต่างกันเลยสักนิด!...
“เจ้าช่าง… เลือดเย็นยิ่งนัก!” บุรุษเอ่ยด้วยความอึดอัดใจ…
“ข้าเป็นปีศาจนี้เจ้าคะ”
“ข้ามิได้เป็นคนบอกทางพวกเขา ข้า… มิได้ผิดต่อเจ้า”
“ข้ารู้เจ้าค่ะ”
“ข้า…” ไห่ไท่หยางไม่ทันได้เอ่ยถ้อยคำที่สลักอยู่ในใจออกไป ฟางเหนียงกลับส่ายหน้าเบาๆ พร้อมทั้งเผยรอยยิ้มบางเบา
“เรื่องนั้นข้าก็รู้เจ้าค่ะ”
“…!”
“แต่ได้โปรดอย่าได้เอ่ยออกมาเลย… มิเช่นนั้นข้าคงมิอาจจากไปได้”
หากไห่ไท่หยางบอกรักนาง เกรงว่านางจะทำลายทุกสิ่งแล้วพาตัวเขาไปครองรักในดินแดนของตนเอง ทว่าที่ไม่ทำเช่นนั้นด้วยเกรงว่าพวกมนุษย์จะคิดจองล้างจองผลาญไปหลายชั่วโคตร ขอเพียงเสียสละแค่นางพวกมนุษย์ก็คงพึงพอใจ
ฟางเหนียงพยายามยับยั้งชั่งใจ นางรู้ดีถึงผลที่ตามมา ตอนนี้บนบ่าของนางไม่มีเพียงความรักต่อบุรุษเท่านั้น แต่ยังมีหลายร้อยชีวิตในดินแดน และดินแดนที่ต้องรักษา จริงอยู่ว่ามนุษย์มิอาจทำลานดินแดนของนางในยามนี้ได้ แต่แล้วต่อไปเล่า… หากถึงวันที่พลังของนางหรือจินหมิงอันอ่อนแอ หากถึงวันนั้นคงเกิดการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่เป็นแน่
นางคิดแล้วคิดอีก ทางเดียวที่จะหยุดสงครามระหว่างปีศาจจิ้งจอกและมนุษย์ในอนาคตได้ก็คือการเสียสละตนเอง และใช้ลูกแก้วจิ้งจอกรักษาดินแดนเอาไว้ ปิดตายทางเข้าดินแดน หากผู้ใดมิได้รับอนุญาตก็จะไม่สามารถเข้าหรือออกได้ มันจำเป็นต้องใช้พลังมหาศาลซึ่งนางก็มีอยู่พอดี
บทที่ 1เครื่องบรรณาการแด่จิ้งจอกเก้าหางร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเดินเก็บสมุนไพรในป่าลึกชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างของเจ้าขนปุกปุยนอนฟุบอยู่ไม่ไกลจากที่นางอยู่มากนัก เด็กน้อยพาตนเองไปใกล้ๆ กับมันก็พบว่าเจ้าก้อนปุกปุยนั้นคือจิ้งจอกตัวน้อย‘หมาน้อย!’แม้ว่านางจะเชื่อว่ามันเป็นหมาน้อยก็ตาม...นางอุ้มจิ้งจอกตัวน้อยหรือหมาน้อยของนางขึ้นมา เห็นว่ามันได้รับบาดเจ็บก็ใช้สมุนไพรที่ตนเองเพิ่งเก็บมา ก่อนจะใช้หินทุบๆ แล้วนำมันไปวางโปะไว้ที่บาดแผลของจิ้งจอกตัวน้อย พร้อมทั้งฉีกแขนเสื้อตนเองแล้วใช้พันที่ท้องของมันเอาไว้ดวงตาใสๆ ของนางมองเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ด้วยความเวทนา อยากจะนำมันไปดูแลเหลือเกิน หากแต่แค่ตัวนางเองก็ลำบากมากพอแล้ว ไม่อยากนำเจ้าสัตว์ตัวน้อยไปทุกข์ยากด้วย อีกอย่างขืนนำจิ้งจอกตัวนี้กลับบ้านไปด้วย มีหวังจากที่จิ้งจอกตัวนี้จะรอดตาย คงถูกตีจนตายต่อหน้าต่อตานางแน่ๆแม้นางจะยังเด็กนัก แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้เด็กน้อยเข้าใจโลกที่นางอยู่อย่างถ่องแท้‘เรียบร้อย ข้าต้องไปแล้วนะ’ ด้วยความไร้เดียงสา นางคิดว่าทำแค่นี้จิ้งจอกตัวนั้นคงรอดตายแล้ว ก่อนจะเดินลงจากเขาไป...ดวงตาของ
บทที่ 2จิ้งจอกเก้าหางฟางเหนียงรู้ว่าหากไม่รับถ้วยเหล้านี้ ก็คงถูกป้อนทางปากเหมือนเมื่อครู่อีกเป็นแน่ จึงยื่นมือเล็กๆ สองมือออกไปรับมันมาอย่างไม่เต็มใจ“ข้าคิดว่า... ท่านเป็นคนช่วยเจ้าค่ะ”“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่”“หมายความเช่นไรเจ้าคะ?”“ข้าส่งคนไปจับเจ้า และคนที่ช่วยเจ้าก็คือคนของข้า เช่นนั้นแล้วก็ไม่ต่างจากข้าช่วยเจ้า เพียงแต่ข้ามิได้ไปช่วยด้วยตนเอง”“อ่า... อย่างไรก็ต้องขอบคุณนะเจ้าคะ” สตรีตัวน้อยกระโดดลงจากเตียง จากนั้นก็ประสานมือแล้วยอบกายคำนับ เท่านั้นยังไม่พอ นางยังก้มหัวลงจรดพื้นด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วย “เหนียงเอ๋อร์เป็นหนี้บุญคุณชีวิตท่านเสียแล้ว หากมีสิ่งใดที่เหนียงเอ๋อร์ตอบแทนท่านได้ โปรดบอกมาเถิดเจ้าค่ะ”“ลุกขึ้น”ฟางเหนียงทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะจ้องมองบุรุษตาปริบๆ ในขณะเดียวกันจินหมิงเยว่หย่อนกายนั่งลงบนเตียงท่าทีสบายๆ“ข้าช่วยเจ้า เพราะเจ้าเป็นคนในปกครองของข้า คนที่ข้าส่งไปรับเจ้าย่อมรู้ดีว่าหากผู้ใดคิดแตะต้องเจ้า โทษคือตายสถานเดียว”“เจ้าคะ? คะ คนของท่าน?”“ใช่... ชุดนี่” กวาดสายตามองสตรีตัวน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า อาภรณ์พวกนี้มีกลิ่นเครื่องหอม ซึ่งต่างจากกลิ่นกายของฟางเ
บทที่ 3เจ้าสาวจิ้งจอกร่างกายของนางถูกพันธนาการอย่างร้ายกาจ แม้ท่าทีจะนุ่มนวลหากแต่เมื่อนางขยับ กลับมิอาจขยับร่างกายได้ตามใจ ร่างกายของบุรุษไม่ต่างจากหินผา ราวกับนางติดอยู่ในซอกหินไร้หนทางออก“ฮ้า!!” จวบจนเกือบหมดลมหายใจ จิ้งจอกตัวร้ายจึงถอนริมฝีปากออกเพื่อเปิดโอกาสให้นางสูดลมหายใจเสียงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์ระคนเอ็นดูดังขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนที่อาภรณ์จะถูกปลดออกเผยเรือนร่างขาวผ่องใต้แสงจันทร์เต็มดวง ทว่า… ผิวขาวๆ ราวกับหยกมันแพะกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยแผลจากการถูกทุบตีดวงตาเรียวคมจ้องมองมันอย่างโหดเหี้ยม เผลอออกแรงที่ข้อมือเล็กจนสตรีตัวน้อยสะดุ้งกับความเจ็บปวดนั่น“อ๊ะ!”และนั่นก็เรียกสติของจินหมิงเยว่กลับมา… คลายแรงที่มือออก เผยให้เห็นข้อมือเล็กๆ แดงก่ำจากการถูกบีบเมื่อครู่…เจ้าก็ตัวเล็กถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงถูกทำร้ายไปทั้งตัว?...“ข้าบอกท่านแล้ว ว่าร่างกายของข้ามิได้งดงาม” เสียงหวานเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยร่างกายของสตรีนั้นล้ำค่าไม่ต่างจากพรหมจรรย์ของพวกนาง หากแม้ร่างกายมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยจนเกิดเป็นแผลเป็น เป็นข้ออ้างของการหย่าร้างได้ ในสตรีพรหมจรรย์ก็ทำให้พวกนางมิได้ออกเรือนกับบุรุษ
บทที่ 4เมียของข้า ช่างขี้โวยวายยิ่งนัก“ทะ ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ”“เจ้าไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ หืม?” บุรุษไม่เอ่ยเพียงอย่างเดียว ยังแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนเองอย่างจงใจ“ขะ ข้าไม่แน่ใจ...”“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”“ข้า ข้าคิดว่าท่านจะทำให้ข้าเป็นภรรยาของท่าน”“เจ้าเข้าใจถูก”“แล้วเหตุใดจึงต้องให้ข้าอ้าขาเช่นนี้เจ้าคะ”“หึหึ เรื่องนี้เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”บุรุษหยั่งเชิงสตรีตัวน้อย แม้นางจะเพิ่งอายุสิบหกปีในวันนี้ หากแต่สงสัยเสียจริงว่าในเรื่องธรรมชาติของการสืบพันธ์ นางไม่รู้จริงๆ หรือ?“ไม่รู้เจ้าค่ะ” ทว่าคำตอบกลับเป็นเสียงหวานสั่นเครือเล็กน้อย และนัยน์ตากลมแสนใสซื่อ“อ่า เจ้านี่ช่าง... ไร้เดียงสาเสียจริง เช่นนั้นคืนนี้ข้าคงต้อง ‘ทำให้เจ้ารู้’ หลายอย่างเลยล่ะ”“ข้ายินดีรับก
บทที่ 28ตัวตนที่แท้จริงของนางจินหมิงอันนางไม่เป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะรู้จากไห่ไท่หยางว่าบุตรชายของตนนั้นอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ศูนย์รวมพลังของดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ อีกทั้งภายในตัวของบุตรชายนั้นมีลูกแก้วจิ้งจอกอันสมบูรณ์ ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้แต่กับตนเองนั้นแม้จะมีลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล หากแต่มิใช่ลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดของนาง ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณที่อาศัยร่างของนาง การมีลูกแก้วจิ้งจอกทำให้นางทนความเจ็บปวดได้ ขนาดนางมีลูกแก้วจิ้งจอกยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าถ้าหากนางไม่มีมันจะเจ็บปวดเจียนตายที่ขนาดไหนหากเป็นบาดแผลธรรมดาลูกแก้วจิ้งจอกก็สามารถรักษาให้นางหายได้ในชั่วพริบตา หากแต่มันเป็นแผลที่เกิดจากปีศาจ อีกทั้งร่างกายของนางแต่เดิมทีแล้วนั้นเป็นเพียงมนุษย์ มันจึงค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูฟางเหนียงบอกทางบุรุษมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตลอดมานางเคยหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำยากลืมเลือน นางเคยแช่อยู่ที่นี่พร้อมกับร่
บทที่ 5ริมฝีปากงดงามค่ำคืนวสันต์อันเร่าร้อนผ่านพ้นไป เสียงนกขับขานเป็นบทเพลงแรกในยามเช้า ปลุกให้บุรุษและสตรีในห้องหอนอนตื่นจากห้วงแห่งนิทรา ทว่ามีเพียงจินหมิงเยว่ที่ลืมตาตื่นขึ้นอย่างสดชื่น เอียงใบหน้าพินิจสตรีในอ้อมแขนที่สลบระหว่างบทรักเมื่อคืนนี้ ก้มหน้าลงจุมพิตหน้าผากเนียนแนบแน่นทว่าร่างกายร้อนผ่าวทำเอาจินหมิงเยว่สะดุ้งเล็กน้อย…เหตุใดร่างกายของนางจึงร้อนเป็นไฟเช่นนี้?...“เหนียงเอ๋อร์?” มือหนาตบลงบนหัวไหล่เล็กเบาๆ เพื่อปลุกให้นางตื่น หากแต่สตรีตัวน้อยยังคงหลับตาพริ้มเมื่อคืนนางก็สลบคาเตียง เช้าวันนี้นางตัวร้อนผ่าว มันคืออาการอะไรกันแน่? เหตุใดมนุษย์จึงมีร่างกายที่ซับซ้อนเช่นนี้?จินหมิงเยว่คือปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ซึ่งบำเพ็ญเพียรมานานถึงพันปี ตลอดพันปีไม่เคยป่วยไข้เฉกเช่นมนุษย์ ถึงแม้ว่าในเผ่าพันธุ์เดียวกันจะมีอาการเจ็บป่วย หากแต่บุรุษซึ่งปลีกวิเวกฝึกฝนตนหลงลืมมันไปนานเหลือเกิน จึงมิอาจรับรู้เลยว่าอาการนี้คืออาการป่วยไข้ร
บทที่ 6ตำหนักพันปี…ละ เลือดของข้าหรือ? จะ จากตรงนั้น!?...“เฮือก!!”“เป็นอะไรหรือเจ้าคะ?”“ละ เลือดข้า!”…ระ รอบเดือนหรือ!? ช่างน่าอายยิ่งนัก!...สตรีตัวน้อยรีบวิ่งเข้าไปดึงผ้าปูออกมาด้วยความอับอาย“ตายจริง ให้ข้าน้อยทำเอาเถิดเจ้าค่ะ”“มิได้ๆ นี่เป็นเลือดของข้า”“มิได้เจ้าค่ะ นี่เป็นงานของข้าน้อย”“ตะ แต่นี่ ระ รอบเดือนของข้านะ”“หืม?” ฮวาอินเอียงคอมองฟางเหนียงซึ่งหน้าแดงก่ำราวกับผลอิงเถา “ข้าน้อยคิดว่าอาจจะเป็นเลือดอย่างอื่นนะเจ้าคะ”“…”“เช่น… เลือดพรหมจรรย์ของท่าน”“…!?”“มาเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะเอาไปซัก ระหว่างนั้นฮูหยินประมุขก็ลองตรวจสอบดูนะเจ้าคะ หากเป็นเลือดรอบเดือนจ
บทที่ 7จิ้งจอกใจร้ายหากแต่ก่อนหน้านั้นก็ถูกมือของฮวาอินทะลวงกลางอกจนทะลุไปอีกด้านเสียก่อน“เฮือก!!” ฟางเหนียงเห็นช่วงเวลานั้นพอดิบพอดี ราวกับทรวงสวรรค์กลั่นแกล้งให้นางหวาดกลัวสถานที่แห่งนี้มากกว่าเดิม!!สองขาอ่อนเรี่ยวแรง มองภาพฮวาอินจัดการกับศพของพวกเดียวกันไม่วางตา นางมิได้อยากมองหากแต่มิอาจบังคับสายตาได้พรึ่บ!ผ้าคลุมผืนหนึ่งถูกตวัดโอบคลุมรอบกายตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนที่ร่างบอบบางจะถูกโอบอุ้มขึ้นมาจากพื้น ฮวาอินคำนับประมุขสูงสุดของเผ่าจิ้งจอก บุรุษปรายตามองร่างไร้วิญญาณของปีศาจจิ้งจอกซึ่งมีไอดำลอยออกมาจากกาย เขาใช้ปลายนิ้วชี้ไปที่ร่างนั้นก่อนที่ไอดำจะสลายหายไป ส่งสายตาโหดเหี้ยมแทนคำสั่งแล้วพานางกลับไปยังตำหนักพันปีเมื่อเข้ามาในห้อง บุรุษก็ดึงผ้าคลุมออกสบสายตากับสตรีตัวน้อยซึ่งนั่งตัวสั่นระริกอยู่บนเตียง“ท่าน… ประมุข” เสียงที่เคยหวานกลับถูกเอ่ยออกมาอย่างแหบแห้ง“ท่านประมุขหรือ? ค่ำคืนวสันต์ไม่อยู่ใน
บทที่ 30ข้ารักท่านเจ้าค่ะ“นางปีศาจร้าย!!”“คืนลูกชายข้ามา!!”ยามนั้นเองงูตัวหนึ่งอาศัยความวุ่นวายกลบกลิ่นอายของตนเองแล้วฉกเข้าที่ขาของนาง ฟางเหนียงตกใจอีกทั้งความเจ็บปวดด้านข้างจากขาไปทั่วทั้งร่าง คล้ายกับร่างของนางกำลังจะเป็นอัมพาต อิทธิฤทธิ์ทั้งหมดของนางเสื่อมคลายลง มนุษย์กรูกันเข้ามาทำร้ายนางจนท้ายที่สุดก็ปางตาย…ร่างบอบบางนอนรวยรินหายใจหอบหมดสภาพของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ผู้ครอบครองลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล แต่กลับไม่ใช้ป้องกันตนเอง เอาแต่เห็นอกเห็นใจมนุษย์ที่ทำร้ายตนเองจนท้ายที่สุดก็มีสภาพเช่นนี้…ช่างน่าขันเสียจริง แม่นางจิ้งจอก…บุรุษผู้หนึ่งในหมู่ชาวบ้านได้ห้ามทุกคน ในตอนแรกก็ไม่มีใครยอม พยายามทำร้ายนางเอาให้ถึงตาย ทว่าบุรุษผู้นั้นก็ได้เอ่ยว่าควรให้นางรับโทษกับทางการ เสียบหัวประจานที่กำแพงเมือง ด้วยเหตุนั้นพวกมนุษย์จึงยินยอมและพานางกลับไปยังหมู่บ้านสติของฟางเหนียงเลือ
บทที่ 29ปีศาจร้ายของมนุษย์“ท่านแม่ เหตุใดจึงตัวร้อนเช่นนี้?” จินหมิงอันร้อนรนใจยิ่งนัก ไม่เคยเลยที่จะเห็นมารดาในสภาพเช่นนี้ โดยส่วนใหญ่นางจะเข้มแข็งทว่าอ่อนโยนและใจดีเสมอ แม้บ้างครั้งจะน่ากลัวเวลาดุตนก็ตามฝ่ามือใหญ่ของบุตรสัมผัสผิวกายของมารดาด้วยความร้อนรนใจ ครั้นก่อนหน้ามีฮวาอิน ทว่านางลาคลอดไปหลายเดือนแล้ว เขาควรทำอย่างไรดี?“ตัวร้อนหรือ? ข้าขอเสียมารยาท” ไห่ไท่หยางขยับเข้ามาใกล้และถือวิสาสะสัมผัสหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา “นางไม่สบาย”“ไม่สบายหรือ เป็นอย่างไร ถึงแก่ชีวิตหรือไม่?”จินหมิงอันไม่รู้เลย แม้ในวัยเยาว์จะเคยไม่สบายอยู่บ้างแต่ก็นานมากแล้ว ส่วนมารดาก็ไม่เคยเจ็บปวดให้ได้เห็น มีทั้งลูกแก้วจิ้งจอกช่วยฟื้นฟู และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์“หากได้รับการรักษาก็ไม่ถึงชีวิต”ในสมัยนี้นั้นผู้คนล้มตายด้วยไข้หวัดธรรมดานั้นมีอยู่มาก เนื่องจากยาที่มิได้ดีหากมิใช่ยาดีจริงๆ ซึ่งมีราคาแพง อีกทั้งสมุนไพรยังเป็
บทที่ 28ตัวตนที่แท้จริงของนางจินหมิงอันนางไม่เป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะรู้จากไห่ไท่หยางว่าบุตรชายของตนนั้นอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ศูนย์รวมพลังของดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ อีกทั้งภายในตัวของบุตรชายนั้นมีลูกแก้วจิ้งจอกอันสมบูรณ์ ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้แต่กับตนเองนั้นแม้จะมีลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล หากแต่มิใช่ลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดของนาง ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณที่อาศัยร่างของนาง การมีลูกแก้วจิ้งจอกทำให้นางทนความเจ็บปวดได้ ขนาดนางมีลูกแก้วจิ้งจอกยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าถ้าหากนางไม่มีมันจะเจ็บปวดเจียนตายที่ขนาดไหนหากเป็นบาดแผลธรรมดาลูกแก้วจิ้งจอกก็สามารถรักษาให้นางหายได้ในชั่วพริบตา หากแต่มันเป็นแผลที่เกิดจากปีศาจ อีกทั้งร่างกายของนางแต่เดิมทีแล้วนั้นเป็นเพียงมนุษย์ มันจึงค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูฟางเหนียงบอกทางบุรุษมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตลอดมานางเคยหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำยากลืมเลือน นางเคยแช่อยู่ที่นี่พร้อมกับร่
บทที่ 27มารยาสตรีแสงนั่นมันคือพลัง และพลังนั่นมันกำลังช่วยรักษา!!ช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจเหลือเกิน ไห่ไท่หยางไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาได้เห็นสิ่งเหนือธรรมชาติกับตาตัวเอง เมื่อเห็นว่าจิ้งจอกตัวนี้ปลอดภัยแล้ว อีกทั้งยังได้รับการรักษา ไห่ไท่หยางจึงหันกลับไปเพื่อไปช่วยฟางเหนียง แม้ว่าตัวเขาจะเป็นมนุษย์ไร้อิทธิฤทธิ์ หากแต่มิอาจนิ่งดูดายปล่อยให้นางต่อสู้เพียงลำพังได้ทันทีที่มาถึงหัวใจของชายหนุ่มคล้ายกับถูกทุ่มแทง เมื่อเห็นว่าฟางเหนียงกำลังจะถูกปลิดชีพ!!ร่างของฟางเหนียงถูกรัดไปทั้งตัว หัวของงูกำลังพุ่งเข้าหา!!ฉัวะ!!เร็วกว่าความคิดใด นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ไห่ไท่หยางทำก่อนคิดมิได้คิดก่อนทำ ร่างกายขยับไปตามสัญชาตญาณการปกป้อง! ตวัดดาบฟันที่คอของงูยักษ์จนเป็นบาดแผลฉกรรจ์!!เสียงของงูยักษ์ร้องกังวานดังไปทั่วบริเวณ ร่างของฟางเหนียงร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำ ไห่ไท่หยางกระโดดลงไปอย่างไม่รีรอ กวาดสายตามองหาร่างบอบบางก่อนจะแหวกว่ายเข้าไปหานาง
บทที่ 26ห้วงคำนึงถึงนางหลายฤดูผ่านไปจินหมิงอันเติบใหญ่เป็นจิ้งจอกหนุ่ม มีอิทธิฤทธิ์มากล้นเดินตามรอยของผู้เป็นบิดา ฟางเหนียงภาคภูมิใจเหลือคณานับที่บุตรชายสง่างามเช่นนี้ อีกทั้งยังรวบรวมพลังสร้างลูกแก้วจิ้งจอกของตนเองได้แล้ว แม้ว่าลูกแก้วจิ้งจอกนั้นจะยังแข็งแกร่งไม่เท่าลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ในตัวของนางก็ตามยามนั้นเองสายลมพัดผ่านพาเอาความเย็นสบายโอบรอบร่าง ทว่ามีบางสิ่งลอยมากับสายลมด้วย กลิ่นที่คุ้นเคยพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาฟางเหนียงหยัดกายขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไปตามกลิ่นนั่น แหวกผ่านพงไพร เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางเดินตามหาไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านเจ้าตระกูลได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”เสียงเด็กร้องไห้โยเยดังลอดออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้กับบิดาและมารดา นางยืนฟังเสียงร้องไห้นั้นอยู่นาน กระทั่งมีคนผู้หนึ่งทักนางเข้า“มาหาผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
บทที่ 25สูญเสียไปตลอดกาลดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นท่ามกลางพงไพรอันคุ้นเคย ด้านข้างของนางคือร่างของจิ้งจอกหนุ่ม คนรักของนาง… ร่างของบุรุษที่รักนอนแน่นิ่งจนน่าหวาดหวั่นความอบอุ่นที่อยู่กลางอกบ่งบอกให้นางรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาล รวมถึงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอก มันคือลูกแก้วจิ้งจอกไม่ผิดแน่ใช่แล้ว ลูกแก้วจิ้งจอกอยู่กับนางมาตลอด ลูกแก้วจิ้งจอกที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของจินหมิงเยว่ บุรุษเคยบอกกับนางเช่นนั้น นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่จินหมิงเยว่จะตาย เขาก็แค่หมดเรี่ยวแรงจึงหลับไปเท่านั้นนางเอ่ยปลอบตนเองแล้วหันไปหาบุรุษ หากทว่าเมื่อมือเล็กๆ แตะที่ร่างของบุรุษ ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านเข้ามาในร่างของนาง สตรีตัวน้อยตัวแข็งทื่อ พลันน้ำตาก็ไหลอาบสู่สองข้างแก้ม“ไม่จริง ท่านพี่บอกว่า หากมีข้า มีลูกแก้วจิ้งจอก อย่างไรก็ไม่มีทางตายนี่”ฝ่ามือเล็กคว้าท่อนแขนของบุรุษแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ เพื่อหวังให้บุรุษฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าบุรุษจะเจ็บ หากฟื้นขึ้นมานางจะยินยอมน
บทที่ 24เดิมทีนางควรจะตายไปตั้งนานแล้วยามนั้นเองบางสิ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เส้นแสงสีขาวหลายสายล้อมรอบพวกเขาเอาไว้“...!”จินหมิงเยว่และหลี่ตงหยางตวัดแขนขึ้นไปด้านหน้า ล้อมฟางเหนียงเอาไว้เพื่อปกป้องนางสตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ โอบกอดจินหมิงเยว่เอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...คนพวกนี้เป็นใครกัน?...“ส่งตัวนางมา หากต่อต้านจะถือว่าปรปักษ์ต่อสรวงสวรรค์”...สรวงสวรรค์หรือ!?...ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางสับสนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!?“หากอยากได้ตัวนางนัก ก็เข้ามา!!” เป็นจินหมิงเยว่ที่เอ่ยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะเป็นผู้ใดหากมาพรากฟางเหนียงไปจากเขา บุรุษไม่ยินยอม!!เกิดการต่อสู้กันระหว่างปีศาจจิ้งจอก เทพหนุ่มตกสวรรค์และองครักษ์สวรรค์ โดยที่ฟางเหนียงอยู่ในการปกป้องของจินหมิงเยว่ตลอดการต่อสู้“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ เหตุใ
บทที่ 23เช่นนั้นข้าปรนนิบัติเจ้าแทนฟางเหนียงลงมือทำอาหารหลายอย่าง รวมถึงของหวานด้วย นางคีบทั้งผักทั้งปลาใส่ในถ้วยของบุรุษ ส่วนจินหมิงเยว่ก็คีบแต่พวกเนื้อสัตว์ใส่ถ้วยให้นางเช่นเดิม“เมื่อใดเจ้าจะอ้วนเสียที หืม?”“ข้าไม่อยากอ้วนเจ้าค่ะ”“เหตุใดจึงไม่อยากอ้วน?”“ข้าเป็นสตรี ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หากอ้วนเมื่อสวมใส่อาภรณ์ใดๆ ก็ไร้ความมั่นใจนี่เจ้าค่ะ”“เจ้าเคยอ้วนหรือ?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหากอ้วนแล้วจะไม่งดงาม”“เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเคยมาก่อนที่เจ้าค่ะ! อีกอย่างข้าไม่เคยบอกว่าไม่อ้วนแล้วจะไม่งดงาม ข้าก็แค่คิดว่าคงไม่มีความมั่นใจ”“อ้วนให้ข้าหน่อยเถิด”“เอ๊ะ! ท่านพี่นี่อย่างไร หากอยากได้สตรีอ้วนๆ ก็ไปหาที่อื่น ไม่ต้องมาหาที่ข้า!”&l
บทที่ 22สัญชาตญาณที่ต้องปลดปล่อยฟางเหนียงขยับกายไปนั่งลงบนตักของบุรุษ จากนั้นก็ใช้สะโพกกดลงบนความแข็งแกร่ง ครอบครองแก่นกายบุรุษเพศเข้าไปในตัวของตนเอง“อ่า...” ทั้งฟางเหนียงและจินหมิงเยว่ครางด้วยความสุขสมสตรีตัวน้อยโอบกอดบุรุษแนบอกแล้วเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะจะเริ่มขยับสะโพกของตนเองด้วยท่าทางที่ดูเก้ๆ กังๆ ในช่วงแรก ทว่าไม่นานความวาบหวาม รัญจวนใจ ร่างกายก็ได้นำพาให้นางสามารถขับเคลื่อนร่างกาย มอบความเสียวซ่านให้กับบุรุษได้เป็นอย่างดีนางเอนกายไปข้างหลัง ใช้มือเกาะบ่าของบุรุษเอาไว้ก่อนจะเด้งสะโพกระรัว รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของแก่นกายได้อย่างชัดเจน“อ๊า ท่านพี่ อื้ม!” ทรวงอกของนางถูกดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย แม้มันจะเจ็บเล็กน้อยเพราะมีรอยแผลจากการกระทำของบุรุษเมื่อครั้นก่อนหน้า หากแต่ความวาบหวามนั้นมีมากกว่า นางจึงยิ่งแอ่นอกให้ปากหยักดูดดื่มและกลืนกินตามต้องการฟางเหนียงเชิดหน้าขึ้นแล้วร้องครางเสียงหวานอย่างลืมอาย สูญสิ้นสติในการยับยั้งชั่งใจ กลีบกา