จินหมิงอันนางไม่เป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะรู้จากไห่ไท่หยางว่าบุตรชายของตนนั้นอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ศูนย์รวมพลังของดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ อีกทั้งภายในตัวของบุตรชายนั้นมีลูกแก้วจิ้งจอกอันสมบูรณ์ ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้
แต่กับตนเองนั้นแม้จะมีลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล หากแต่มิใช่ลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดของนาง ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณที่อาศัยร่างของนาง การมีลูกแก้วจิ้งจอกทำให้นางทนความเจ็บปวดได้ ขนาดนางมีลูกแก้วจิ้งจอกยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าถ้าหากนางไม่มีมันจะเจ็บปวดเจียนตายที่ขนาดไหน
หากเป็นบาดแผลธรรมดาลูกแก้วจิ้งจอกก็สามารถรักษาให้นางหายได้ในชั่วพริบตา หากแต่มันเป็นแผลที่เกิดจากปีศาจ อีกทั้งร่างกายของนางแต่เดิมทีแล้วนั้นเป็นเพียงมนุษย์ มันจึงค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟู
ฟางเหนียงบอกทางบุรุษมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตลอดมานางเคยหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำยากลืมเลือน นางเคยแช่อยู่ที่นี่พร้อมกับร่างไร้วิญญาณของบุรุษอันเป็นที่รัก…
ทว่าบัดนี้นางมิอาจหลีกเลี่ยงได้ นางมิได้ตัวคนเดียว แต่ยังมีดินแดนที่จินหมิงเยว่สร้างขึ้นมาเพื่อนาง และ… ยังมีพยานรักที่เป็นหลักฐานอย่างดีว่าความรักระหว่างมนุษย์และจิ้งจอกเก้าหางเป็นความจริง หาได้เป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าขาน
“เจ้าจะทำอะไร?” ไห่ไท่หยางเอ่ยพลางยึดแขนของนางเอาไว้
“แช่น้ำ”
“มิได้ บาดแผลของเจ้าไม่ควรโดนน้ำ”
“นี่คือบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาได้ทุกบาดแผล แม้กระทั่งคนใกล้ตายก็สามารถฟื้นคืนขึ้นมาได้…”
ถึงแม้ว่าอย่างสุดท้ายนางจะไม่เคยเห็นมากับตาก็ตาม แต่เรื่องของบาดแผลนางเคยพิสูจน์มาด้วยตนเองแล้ว บาดแผลและรอยแผลเป็นที่เคยถูกเฆี่ยนตีจากสกุลเก่า มลายหายไปราวกับไม่เคยมีมาก่อน
แม้อยากจะห้าม และดูเหมือนกับเรื่องที่นางเอ่ยขึ้นมานั้นเป็นเรื่องไร้สาระเหลือเกิน บาดแผลใดหากโดนน้ำก็จะเน่าเปื่อยยากต่อการรักษา
ทว่าวันนี้ไห่ไท่หยางเจอเรื่องเหนือธรรมชาติมากมายเหลือเกิน จิ้งจอกเก้าหาง งูยักษ์ และตำหนักงดงามกลางป่าแห่งนี้ราวกับตัดขาดจากโรคภายนอก อีกทั้งยังความจริงที่ว่า…สตรีตรงหน้าของตนก็คงเป็นจิ้งจอกเก้าหาง และยังเคยเป็นมนุษย์มาก่อน
บุรุษยังจำได้ดีในยามที่ฟางเหนียงพูดคุยกับงูยักษ์ นางบอกว่านางเคยเป็นมนุษย์มาก่อน…
เช่นนั้นหมายความว่ายามนี้นางมิใช่มนุษย์ แล้วเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น มีคำถามพูดขึ้นมามากมายในระหว่างที่มองร่างบอบบางค่อยๆ เดินลงไปแช่ในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เขาอยากถามออกไปเหลือเกินหากแต่มิอาจเอื้อนเอ่ยออกไปได้ จะดูเป็นการเสียมารยาทไปหรือไม่ เขามีสิทธิ์อะไรไปถามนาง และ…กลัวว่าคำถามของตนนั้นอาจจะไปกระทบกระเทือนจิตใจของนาง
ช่างน่าขบขันเสียจริงที่มนุษย์ไร้ซึ่งอิทธิฤทธิ์อย่างไห่ไท่หยางนึกถึงจิตใจของจิ้งจอกเก้าหาง ปีศาจร้ายในตำนานเล่าขาน
“เหมือนท่านมีเรื่องอยากจะพูดกับข้า ข้าจะตอบคำถามของท่านเป็นการตอบแทนที่ช่วยข้ากับลูก ดีหรือไม่?” นางเอ่ยขณะนั่งหันหลังให้กับบุรุษ นางลงไปแช่น้ำโดยที่ยังคงสวมใส่อาภรณ์ชุดเดิม
“หากไม่เป็นการรบกวนท่าน”
“ข้ายินดี อย่างไรท่านก็เป็นผู้มีพระคุณแล้ว”
“เช่นนั้น…” แม้จะได้รับอนุญาตให้ถามคำถามออกไป แต่ไห่ไท่หยางก็ลังเลใจว่าควรถามคำถามนั้นออกไปหรือไม่
“ให้ข้าเดาท่านคงกำลังสงสัยเรื่องตัวตนของข้า และ… สงสัยว่าถ้าเขาหาท่านด้วยจุดประสงค์ใด…”
“…”
“ข้าคือสิ่งที่ท่านคิด… จิ้งจอกเก้าหาง ส่วนจุดประสงค์ที่ข้าเข้าหาท่าน… ข้าแค่พึงใจในตัวท่านก็เท่านั้น”
ฟางเหนียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไห่ไท่หยางมองไม่เห็นดวงหน้าของนางเนื่องจากนางนั่งแช่น้ำโดยหันหลังให้กับเขา ถึงไม่รู้ว่ายามนี้นางกำลังทำหน้าอย่างไร ทว่าบุรุษนั้นหน้าเห่อร้อน ใบหูแดงก่ำกับถ้อยคำสารภาพจากสตรีที่ตนพึงมีใจให้
“ตามตำนานเล่าว่าจิ้งจอกเก้าหางจะกัดกินพลังชีวิตของมนุษย์ เพื่อเปลี่ยนให้ตัวเองเป็นมนุษย์”
สตรีตัวน้อยรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก ในสายตาของบุรุษนางดูเลวร้ายเช่นนั้นหรือไม่?
“ข้ามิได้มีเจตนาเช่นนั้นกับท่าน! ข้าก็แค่… ชอบท่าน”
หลังจากถ้อยคำนั้น ไม่มีผู้ใดเอื้อนเอยสิ่งใดออกมา มีเพียงเสียงของสายลมกระทบกับใบไม้เกิดเป็นเสียงเสียดสีของใบไม้เล็กๆ
“ข้าได้ยินว่าเจ้าเคยเป็นมนุษย์”
“…เจ้าค่ะ ข้าเคยเป็น…”
“แล้วเหตุใดจึงมิใช่แล้ว”
“ในอดีตเกิดเหตุการณ์ที่สามีของข้าต้องสละชีวิตเพื่อข้า เขาได้ให้ลูกแก้วจิ้งจอกแก่ข้า เมื่อต้นกำเนิดพลังจิ้งจอกหายไป พลังทั้งหมดจึงมารวมอยู่ที่ลูกแก้วจิ้งจอก หรือก็คือมารวมอยู่ในตัวของข้า จากนั้นมาข้าก็ละทิ้งความเป็นมนุษย์และกลายเป็นจิ้งจอก”
“สามีของเจ้าคงรักเจ้ามาก”
“เจ้าค่ะ สามีรักข้ามาก จนละเลยตนเอง ข้าอยากตีเขานักที่ไม่รักตนเองบ้างเลย เอาแต่รักข้า ทว่า… ข้าเองก็ไม่ต่างกัน ข้าเองก็รักเขามากกว่าตนเองเช่นกัน”
หลังจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดออกมาเลย ราวกับกำลังจมอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง จนกระทั่งร่างของฟางเหนียงเริ่มจมลงเรื่อยๆ
“ฟางเหนียง!” ไห่ไท่หยางคว้าร่างของนางขึ้นจากน้ำ เห็นว่าดวงหน้าของนางซีดเซียว บุรุษจึงเอ่ยโทษตนเองที่ยอมให้นางแช่น้ำ ทั้งๆ ที่บาดแผลเช่นนี้ไม่ควรโดนน้ำ จึงพยายามจะดึงร่างของนางขึ้นมา
“อึก! ยะ อย่า… ข้าต้องแช่”
“เจ้าหน้าซีดเช่นนี้ยังจะแช่อีกหรือ!?”
“เพื่อรักษา… บาดแผล” เสียงของนางแหบพร่าราวกับจะหมดสติอยู่รอมร่อ
บุรุษไม่เอ่ยสิ่งใดและพยายามดึงร่างของนางขึ้น แต่ฟางเหนียงก็ขัดขืน สุดท้ายนางใช้กำลังของนางสุดแรงดึงร่างของบุรุษให้ลงมาแช่น้ำกับนางด้วย ก่อนจะซบลงบนแผงอกกว้างอย่างหมดแรง เรี่ยวแรงเมื่อครู่นี้คือเรี่ยวแรงทั้งหมดของนาง
“เจ้า…! เหตุใดจึงดื้อรั้นเช่นนี้!!”
“ท่าน… ดู บาดแผล ของข้า”
ได้ยินเช่นนั้นบุรุษก็ถือวิสาสะดูบาดแผลที่แขนของนาง ตรงแขนเสื้อมีรอยขาดจากเขี้ยวงูและรอยเลือดติดอยู่ชัดเจน อีกทั้งบุรุษยังจำได้ว่าเป็นบาดแผลค่อนข้างลึก ทว่ายามนี้คล้ายกับปากแผลมันเล็กลง
“…?”
บุรุษยื่นมือออกไปสัมผัสมันอย่างแผ่วเบา
“อึก!”
“ขะ ข้าขอโทษ…!”
“ไม่เป็นไร ข้าขออยู่เช่นนี้อีกสักครู่เถิด การรักษา… บาดแผล มันค่อนข้าง… กินพลังของข้า” นางเอ่ยเช่นนั้นแล้วทิ้งน้ำหนักพิงอกแกร่ง ไห่ไท่หยางเองก็โอบรับร่างนางเอาไว้
บุรุษรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดบริเวณที่มีบาดแผล ทว่าก็สังเกตเห็นว่าบริเวณที่มีบาดแผลเล็กๆ เมื่อถูกน้ำศักดิ์สิทธิ์ชำระล้างมันก็สมานตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนบาดแผลที่ใหญ่หน่อยก็ต้องใช้เวลา ซึ่งขั้นตอนในการรักษามันค่อนข้างเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน
ไห่ไท่หยางจึงรู้ว่าฟางเหนียงต้องทนเจ็บปวดมากเพียงใด เนื่องจากบาดแผลของนางสาหัสกว่าของตนเองมากนัก และที่นางหน้าซีดมิใช่ว่าแช่น้ำมากเกินไป แต่เป็นเพราะกำลังเจ็บปวดจากการอดทน
เนิ่นนานกว่าที่บาดแผลของฟางเหนียงจะสมานสนิท สตรีตัวน้อยก็หลับไปเสียแล้ว บุรุษอุ้มนางขึ้นจากน้ำและเดินกลับไปยังตำหนักซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่ เดินเข้าห้องนั้นออกห้องนี้กระทั่งเจอกับห้องที่คาดว่าน่าจะเป็นห้องของนาง เนื่องจากการตกแต่งและข้าวของเครื่องใช้เป็นของอิสตรี วางร่างของนางลงบนพื้นพิงกับกำแพง เพราะนางเปียกไปทั้งตัวจะให้วางลงบนเตียงก็เกรงว่าจะเปียกไปหมด
…เอาล่ะ ทีนี้ควรทำอย่างไรดี นางไม่มีนางกำนัลหรือ?..
ฟางเหนียงเปียกชุ่มไปทั้งตัว ครั้นจะให้อยู่เช่นนี้ก็กลัวว่าจะจับไข้ แต่จะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้นางก็กลัวว่าจะเสียมารยาทตาอนาง
…เอาเถิด ช่วยชีวิตคน มิได้คิดเป็นสิ่งอื่น อีกอย่างก็รู้กันอยู่แค่นี้…
คิดได้เช่นนั้นไห่ไท่หยางก็ค้นตู้เสื้อผ้าของนาง หยิบอาภรณ์สวมใส่ง่ายมาหนึ่งตัว ก่อนจะใช้ผ้าปิดตาแล้วเริ่มทำการผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้กับนาง
ทว่าไม่รู้คิดผิดหรือผิดถูกที่ใช้ผ้าปิดตาเอาไว้ เนื่องจากต้องใช้มือสัมผัสร่างกายของนาง ยิ่งดวงตามองไม่เห็นมันยิ่งทำให้สัมผัสนั้นชัดเจนยิ่งกว่าเธอ หัวใจบุรุษเต้นระรัวจนแทบจะหลุดออกมาจากอก มือหนาสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น กลัวว่าจะไปสัมผัสตรงส่วนที่ไม่ควรเข้า
กว่าจะเสร็จก็เล่นเอาไห่ไท่หยางหอบเหนื่อยด้วยความประหม่า บุรุษอุ้มร่างของนางขึ้นก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา แล้วนั่งลงข้างเตียง ดึงผ้าปิดตาออกพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ…”
…ตัวข้าน่าชิงชังยิ่งนัก อย่าได้คิดอกุศลกับคนมิได้สติ!...
บุรุษว่ากล่าวตักเตือนตนเอง ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นทอดสายตามองดูฟางเหนียงนอนหลับตาพริ้ม จากนั้นก็ตัดสินใจเดินออกไปข้างนอก ไปยังสวนบุปผาพันปีที่ซึ่งพาจิ้งจอกเก้าหางตัวหนึ่งทิ้งไว้ที่ใต้ต้นไม้
เมื่อมาถึงก็เห็นว่าจิ้งจอกเก้าหางตัวนั้นได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้สติเท่านั้น บุรุษจึงย่อกายลงแล้วมองดูจิ้งจอกตัวนั้นเนิ่นนาน ยามนั้นเองดวงตาที่ปิดสนิทก็ค่อยๆ เปิดออก เมื่อมันสบตากับไห่ไท่หยางก็หยัดกายขึ้น ก่อนจะกลายร่างเป็นมนุษย์ต่อหน้าต่อตาของไห่ไท่หยาง ซึ่งบุรุษก็มองดูด้วยความตกตะลึงเช่นกัน
จิ้งจอกเก้าหางว่าครู่นี้กลายเป็นบุรุษรูปงามอายุประมาณสิบหกหนาว ในสายตาของไห่ไท่หยางเป็นเช่นนั้น แต่แท้จริงแล้วจิ้งจอกเก้าหางตนนี้มีอายุถึงหนึ่งพันปี!
“ขอบพระคุณที่ท่านช่วยข้า หากมีสิ่งใดปรารถนา ข้าจะช่วยให้ท่านสมหวัง”
“เรื่องนั้นอย่าได้กังวล ข้ามิได้หวังสิ่งตอบแทนใดนอกเสียจากหวังให้คนที่ข้าช่วยนั้นอยู่รอดปลอดภัย”
“ท่านมีจิตใจงดงาม ทว่าบุณคุณย่อมทดแทน ท่านแม่ของข้าสอนเช่นนั้น โปรดบอกความปรารถนาของท่านมาเถิด”
“อืม เช่นนั้น… ข้าขอติดค้างความปรารถนาเอาไว้ก่อนได้หรือไม่?”
“ได้”
“ดี เช่นนั้นเจ้าจะไปดูท่านแม่ของเจ้าหน่อยหรือไม่ ข้าเพิ่งพาแม่ของเจ้าไปแช่บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มา แล้วก็เอ่อ… ถือวิสาสะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้นาง…”
“ผะ ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ นี่ท่าน…!” จิ้งจอกหนุ่มดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ แต่เดิมทีแล้วจินหมิงอันหวงแหนมารดามาก ยิ่งช่วงนี้รู้ว่านางออกไปยุ่งเกี่ยวกับบุรุษชาวมนุษย์ก็ยิ่งหวงแหน
แม้ว่ามนุษย์จะมีตำนานเกี่ยวกับจิ้งจอกที่ล่อลวงผู้คน หากแต่จินหมิงอันกลับหวาดกลัวว่ามารดาของตนจะถูกผู้คนหลอกมากกว่า!
“ข้าไม่มีทางเลือก นางเปลี่ยนไปทั้งตัวข้ากลัวว่านางจะจับไข้เอาได้ หากนางตื่นขึ้นมาแล้วต้องการเอาผิดข้า ข้าจะน้อมรับแต่โดยดี”
“…เอาเถิด ข้าเข้าใจท่าน เช่นนั้นเชิญพักผ่อนตามสบายจนกว่าท่านแม่ของข้าจะฟื้น” จินหมิงอันเอ่ยจบก็เดินนำบุรุษไปยังตำหนักพันปี
บทที่ 29ปีศาจร้ายของมนุษย์“ท่านแม่ เหตุใดจึงตัวร้อนเช่นนี้?” จินหมิงอันร้อนรนใจยิ่งนัก ไม่เคยเลยที่จะเห็นมารดาในสภาพเช่นนี้ โดยส่วนใหญ่นางจะเข้มแข็งทว่าอ่อนโยนและใจดีเสมอ แม้บ้างครั้งจะน่ากลัวเวลาดุตนก็ตามฝ่ามือใหญ่ของบุตรสัมผัสผิวกายของมารดาด้วยความร้อนรนใจ ครั้นก่อนหน้ามีฮวาอิน ทว่านางลาคลอดไปหลายเดือนแล้ว เขาควรทำอย่างไรดี?“ตัวร้อนหรือ? ข้าขอเสียมารยาท” ไห่ไท่หยางขยับเข้ามาใกล้และถือวิสาสะสัมผัสหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา “นางไม่สบาย”“ไม่สบายหรือ เป็นอย่างไร ถึงแก่ชีวิตหรือไม่?”จินหมิงอันไม่รู้เลย แม้ในวัยเยาว์จะเคยไม่สบายอยู่บ้างแต่ก็นานมากแล้ว ส่วนมารดาก็ไม่เคยเจ็บปวดให้ได้เห็น มีทั้งลูกแก้วจิ้งจอกช่วยฟื้นฟู และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์“หากได้รับการรักษาก็ไม่ถึงชีวิต”ในสมัยนี้นั้นผู้คนล้มตายด้วยไข้หวัดธรรมดานั้นมีอยู่มาก เนื่องจากยาที่มิได้ดีหากมิใช่ยาดีจริงๆ ซึ่งมีราคาแพง อีกทั้งสมุนไพรยังเป็
บทที่ 30ข้ารักท่านเจ้าค่ะ“นางปีศาจร้าย!!”“คืนลูกชายข้ามา!!”ยามนั้นเองงูตัวหนึ่งอาศัยความวุ่นวายกลบกลิ่นอายของตนเองแล้วฉกเข้าที่ขาของนาง ฟางเหนียงตกใจอีกทั้งความเจ็บปวดด้านข้างจากขาไปทั่วทั้งร่าง คล้ายกับร่างของนางกำลังจะเป็นอัมพาต อิทธิฤทธิ์ทั้งหมดของนางเสื่อมคลายลง มนุษย์กรูกันเข้ามาทำร้ายนางจนท้ายที่สุดก็ปางตาย…ร่างบอบบางนอนรวยรินหายใจหอบหมดสภาพของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ผู้ครอบครองลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล แต่กลับไม่ใช้ป้องกันตนเอง เอาแต่เห็นอกเห็นใจมนุษย์ที่ทำร้ายตนเองจนท้ายที่สุดก็มีสภาพเช่นนี้…ช่างน่าขันเสียจริง แม่นางจิ้งจอก…บุรุษผู้หนึ่งในหมู่ชาวบ้านได้ห้ามทุกคน ในตอนแรกก็ไม่มีใครยอม พยายามทำร้ายนางเอาให้ถึงตาย ทว่าบุรุษผู้นั้นก็ได้เอ่ยว่าควรให้นางรับโทษกับทางการ เสียบหัวประจานที่กำแพงเมือง ด้วยเหตุนั้นพวกมนุษย์จึงยินยอมและพานางกลับไปยังหมู่บ้านสติของฟางเหนียงเลือ
บทที่ 1เครื่องบรรณาการแด่จิ้งจอกเก้าหางร่างเล็กๆ ของเด็กหญิงตัวน้อยที่กำลังเดินเก็บสมุนไพรในป่าลึกชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นร่างของเจ้าขนปุกปุยนอนฟุบอยู่ไม่ไกลจากที่นางอยู่มากนัก เด็กน้อยพาตนเองไปใกล้ๆ กับมันก็พบว่าเจ้าก้อนปุกปุยนั้นคือจิ้งจอกตัวน้อย‘หมาน้อย!’แม้ว่านางจะเชื่อว่ามันเป็นหมาน้อยก็ตาม...นางอุ้มจิ้งจอกตัวน้อยหรือหมาน้อยของนางขึ้นมา เห็นว่ามันได้รับบาดเจ็บก็ใช้สมุนไพรที่ตนเองเพิ่งเก็บมา ก่อนจะใช้หินทุบๆ แล้วนำมันไปวางโปะไว้ที่บาดแผลของจิ้งจอกตัวน้อย พร้อมทั้งฉีกแขนเสื้อตนเองแล้วใช้พันที่ท้องของมันเอาไว้ดวงตาใสๆ ของนางมองเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวนี้ด้วยความเวทนา อยากจะนำมันไปดูแลเหลือเกิน หากแต่แค่ตัวนางเองก็ลำบากมากพอแล้ว ไม่อยากนำเจ้าสัตว์ตัวน้อยไปทุกข์ยากด้วย อีกอย่างขืนนำจิ้งจอกตัวนี้กลับบ้านไปด้วย มีหวังจากที่จิ้งจอกตัวนี้จะรอดตาย คงถูกตีจนตายต่อหน้าต่อตานางแน่ๆแม้นางจะยังเด็กนัก แต่ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้เด็กน้อยเข้าใจโลกที่นางอยู่อย่างถ่องแท้‘เรียบร้อย ข้าต้องไปแล้วนะ’ ด้วยความไร้เดียงสา นางคิดว่าทำแค่นี้จิ้งจอกตัวนั้นคงรอดตายแล้ว ก่อนจะเดินลงจากเขาไป...ดวงตาของ
บทที่ 2จิ้งจอกเก้าหางฟางเหนียงรู้ว่าหากไม่รับถ้วยเหล้านี้ ก็คงถูกป้อนทางปากเหมือนเมื่อครู่อีกเป็นแน่ จึงยื่นมือเล็กๆ สองมือออกไปรับมันมาอย่างไม่เต็มใจ“ข้าคิดว่า... ท่านเป็นคนช่วยเจ้าค่ะ”“ใช่ แต่ก็ไม่ใช่”“หมายความเช่นไรเจ้าคะ?”“ข้าส่งคนไปจับเจ้า และคนที่ช่วยเจ้าก็คือคนของข้า เช่นนั้นแล้วก็ไม่ต่างจากข้าช่วยเจ้า เพียงแต่ข้ามิได้ไปช่วยด้วยตนเอง”“อ่า... อย่างไรก็ต้องขอบคุณนะเจ้าคะ” สตรีตัวน้อยกระโดดลงจากเตียง จากนั้นก็ประสานมือแล้วยอบกายคำนับ เท่านั้นยังไม่พอ นางยังก้มหัวลงจรดพื้นด้วยท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วย “เหนียงเอ๋อร์เป็นหนี้บุญคุณชีวิตท่านเสียแล้ว หากมีสิ่งใดที่เหนียงเอ๋อร์ตอบแทนท่านได้ โปรดบอกมาเถิดเจ้าค่ะ”“ลุกขึ้น”ฟางเหนียงทำตามอย่างว่าง่าย ก่อนจะจ้องมองบุรุษตาปริบๆ ในขณะเดียวกันจินหมิงเยว่หย่อนกายนั่งลงบนเตียงท่าทีสบายๆ“ข้าช่วยเจ้า เพราะเจ้าเป็นคนในปกครองของข้า คนที่ข้าส่งไปรับเจ้าย่อมรู้ดีว่าหากผู้ใดคิดแตะต้องเจ้า โทษคือตายสถานเดียว”“เจ้าคะ? คะ คนของท่าน?”“ใช่... ชุดนี่” กวาดสายตามองสตรีตัวน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า อาภรณ์พวกนี้มีกลิ่นเครื่องหอม ซึ่งต่างจากกลิ่นกายของฟางเ
บทที่ 3เจ้าสาวจิ้งจอกร่างกายของนางถูกพันธนาการอย่างร้ายกาจ แม้ท่าทีจะนุ่มนวลหากแต่เมื่อนางขยับ กลับมิอาจขยับร่างกายได้ตามใจ ร่างกายของบุรุษไม่ต่างจากหินผา ราวกับนางติดอยู่ในซอกหินไร้หนทางออก“ฮ้า!!” จวบจนเกือบหมดลมหายใจ จิ้งจอกตัวร้ายจึงถอนริมฝีปากออกเพื่อเปิดโอกาสให้นางสูดลมหายใจเสียงหัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์ระคนเอ็นดูดังขึ้นอย่างพึงพอใจ ก่อนที่อาภรณ์จะถูกปลดออกเผยเรือนร่างขาวผ่องใต้แสงจันทร์เต็มดวง ทว่า… ผิวขาวๆ ราวกับหยกมันแพะกลับแต่งแต้มไปด้วยรอยแผลจากการถูกทุบตีดวงตาเรียวคมจ้องมองมันอย่างโหดเหี้ยม เผลอออกแรงที่ข้อมือเล็กจนสตรีตัวน้อยสะดุ้งกับความเจ็บปวดนั่น“อ๊ะ!”และนั่นก็เรียกสติของจินหมิงเยว่กลับมา… คลายแรงที่มือออก เผยให้เห็นข้อมือเล็กๆ แดงก่ำจากการถูกบีบเมื่อครู่…เจ้าก็ตัวเล็กถึงเพียงนี้ เหตุใดจึงถูกทำร้ายไปทั้งตัว?...“ข้าบอกท่านแล้ว ว่าร่างกายของข้ามิได้งดงาม” เสียงหวานเอ่ยอย่างเศร้าสร้อยร่างกายของสตรีนั้นล้ำค่าไม่ต่างจากพรหมจรรย์ของพวกนาง หากแม้ร่างกายมีบาดแผลเพียงเล็กน้อยจนเกิดเป็นแผลเป็น เป็นข้ออ้างของการหย่าร้างได้ ในสตรีพรหมจรรย์ก็ทำให้พวกนางมิได้ออกเรือนกับบุรุษ
บทที่ 4เมียของข้า ช่างขี้โวยวายยิ่งนัก“ทะ ท่านจะทำอะไรเจ้าคะ”“เจ้าไม่รู้ หรือแกล้งไม่รู้ หืม?” บุรุษไม่เอ่ยเพียงอย่างเดียว ยังแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนเองอย่างจงใจ“ขะ ข้าไม่แน่ใจ...”“เจ้าคิดว่าอย่างไร?”“ข้า ข้าคิดว่าท่านจะทำให้ข้าเป็นภรรยาของท่าน”“เจ้าเข้าใจถูก”“แล้วเหตุใดจึงต้องให้ข้าอ้าขาเช่นนี้เจ้าคะ”“หึหึ เรื่องนี้เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”บุรุษหยั่งเชิงสตรีตัวน้อย แม้นางจะเพิ่งอายุสิบหกปีในวันนี้ หากแต่สงสัยเสียจริงว่าในเรื่องธรรมชาติของการสืบพันธ์ นางไม่รู้จริงๆ หรือ?“ไม่รู้เจ้าค่ะ” ทว่าคำตอบกลับเป็นเสียงหวานสั่นเครือเล็กน้อย และนัยน์ตากลมแสนใสซื่อ“อ่า เจ้านี่ช่าง... ไร้เดียงสาเสียจริง เช่นนั้นคืนนี้ข้าคงต้อง ‘ทำให้เจ้ารู้’ หลายอย่างเลยล่ะ”“ข้ายินดีรับก
บทที่ 28ตัวตนที่แท้จริงของนางจินหมิงอันนางไม่เป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะรู้จากไห่ไท่หยางว่าบุตรชายของตนนั้นอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ศูนย์รวมพลังของดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ อีกทั้งภายในตัวของบุตรชายนั้นมีลูกแก้วจิ้งจอกอันสมบูรณ์ ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้แต่กับตนเองนั้นแม้จะมีลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล หากแต่มิใช่ลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดของนาง ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณที่อาศัยร่างของนาง การมีลูกแก้วจิ้งจอกทำให้นางทนความเจ็บปวดได้ ขนาดนางมีลูกแก้วจิ้งจอกยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าถ้าหากนางไม่มีมันจะเจ็บปวดเจียนตายที่ขนาดไหนหากเป็นบาดแผลธรรมดาลูกแก้วจิ้งจอกก็สามารถรักษาให้นางหายได้ในชั่วพริบตา หากแต่มันเป็นแผลที่เกิดจากปีศาจ อีกทั้งร่างกายของนางแต่เดิมทีแล้วนั้นเป็นเพียงมนุษย์ มันจึงค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูฟางเหนียงบอกทางบุรุษมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตลอดมานางเคยหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำยากลืมเลือน นางเคยแช่อยู่ที่นี่พร้อมกับร่
บทที่ 5ริมฝีปากงดงามค่ำคืนวสันต์อันเร่าร้อนผ่านพ้นไป เสียงนกขับขานเป็นบทเพลงแรกในยามเช้า ปลุกให้บุรุษและสตรีในห้องหอนอนตื่นจากห้วงแห่งนิทรา ทว่ามีเพียงจินหมิงเยว่ที่ลืมตาตื่นขึ้นอย่างสดชื่น เอียงใบหน้าพินิจสตรีในอ้อมแขนที่สลบระหว่างบทรักเมื่อคืนนี้ ก้มหน้าลงจุมพิตหน้าผากเนียนแนบแน่นทว่าร่างกายร้อนผ่าวทำเอาจินหมิงเยว่สะดุ้งเล็กน้อย…เหตุใดร่างกายของนางจึงร้อนเป็นไฟเช่นนี้?...“เหนียงเอ๋อร์?” มือหนาตบลงบนหัวไหล่เล็กเบาๆ เพื่อปลุกให้นางตื่น หากแต่สตรีตัวน้อยยังคงหลับตาพริ้มเมื่อคืนนางก็สลบคาเตียง เช้าวันนี้นางตัวร้อนผ่าว มันคืออาการอะไรกันแน่? เหตุใดมนุษย์จึงมีร่างกายที่ซับซ้อนเช่นนี้?จินหมิงเยว่คือปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ซึ่งบำเพ็ญเพียรมานานถึงพันปี ตลอดพันปีไม่เคยป่วยไข้เฉกเช่นมนุษย์ ถึงแม้ว่าในเผ่าพันธุ์เดียวกันจะมีอาการเจ็บป่วย หากแต่บุรุษซึ่งปลีกวิเวกฝึกฝนตนหลงลืมมันไปนานเหลือเกิน จึงมิอาจรับรู้เลยว่าอาการนี้คืออาการป่วยไข้ร
บทที่ 30ข้ารักท่านเจ้าค่ะ“นางปีศาจร้าย!!”“คืนลูกชายข้ามา!!”ยามนั้นเองงูตัวหนึ่งอาศัยความวุ่นวายกลบกลิ่นอายของตนเองแล้วฉกเข้าที่ขาของนาง ฟางเหนียงตกใจอีกทั้งความเจ็บปวดด้านข้างจากขาไปทั่วทั้งร่าง คล้ายกับร่างของนางกำลังจะเป็นอัมพาต อิทธิฤทธิ์ทั้งหมดของนางเสื่อมคลายลง มนุษย์กรูกันเข้ามาทำร้ายนางจนท้ายที่สุดก็ปางตาย…ร่างบอบบางนอนรวยรินหายใจหอบหมดสภาพของปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ผู้ครอบครองลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล แต่กลับไม่ใช้ป้องกันตนเอง เอาแต่เห็นอกเห็นใจมนุษย์ที่ทำร้ายตนเองจนท้ายที่สุดก็มีสภาพเช่นนี้…ช่างน่าขันเสียจริง แม่นางจิ้งจอก…บุรุษผู้หนึ่งในหมู่ชาวบ้านได้ห้ามทุกคน ในตอนแรกก็ไม่มีใครยอม พยายามทำร้ายนางเอาให้ถึงตาย ทว่าบุรุษผู้นั้นก็ได้เอ่ยว่าควรให้นางรับโทษกับทางการ เสียบหัวประจานที่กำแพงเมือง ด้วยเหตุนั้นพวกมนุษย์จึงยินยอมและพานางกลับไปยังหมู่บ้านสติของฟางเหนียงเลือ
บทที่ 29ปีศาจร้ายของมนุษย์“ท่านแม่ เหตุใดจึงตัวร้อนเช่นนี้?” จินหมิงอันร้อนรนใจยิ่งนัก ไม่เคยเลยที่จะเห็นมารดาในสภาพเช่นนี้ โดยส่วนใหญ่นางจะเข้มแข็งทว่าอ่อนโยนและใจดีเสมอ แม้บ้างครั้งจะน่ากลัวเวลาดุตนก็ตามฝ่ามือใหญ่ของบุตรสัมผัสผิวกายของมารดาด้วยความร้อนรนใจ ครั้นก่อนหน้ามีฮวาอิน ทว่านางลาคลอดไปหลายเดือนแล้ว เขาควรทำอย่างไรดี?“ตัวร้อนหรือ? ข้าขอเสียมารยาท” ไห่ไท่หยางขยับเข้ามาใกล้และถือวิสาสะสัมผัสหน้าผากของนางอย่างแผ่วเบา “นางไม่สบาย”“ไม่สบายหรือ เป็นอย่างไร ถึงแก่ชีวิตหรือไม่?”จินหมิงอันไม่รู้เลย แม้ในวัยเยาว์จะเคยไม่สบายอยู่บ้างแต่ก็นานมากแล้ว ส่วนมารดาก็ไม่เคยเจ็บปวดให้ได้เห็น มีทั้งลูกแก้วจิ้งจอกช่วยฟื้นฟู และบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์“หากได้รับการรักษาก็ไม่ถึงชีวิต”ในสมัยนี้นั้นผู้คนล้มตายด้วยไข้หวัดธรรมดานั้นมีอยู่มาก เนื่องจากยาที่มิได้ดีหากมิใช่ยาดีจริงๆ ซึ่งมีราคาแพง อีกทั้งสมุนไพรยังเป็
บทที่ 28ตัวตนที่แท้จริงของนางจินหมิงอันนางไม่เป็นห่วงเท่าใดนัก เพราะรู้จากไห่ไท่หยางว่าบุตรชายของตนนั้นอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ ศูนย์รวมพลังของดินแดนจิ้งจอกแห่งนี้ อีกทั้งภายในตัวของบุตรชายนั้นมีลูกแก้วจิ้งจอกอันสมบูรณ์ ไม่นานก็คงฟื้นตัวได้แต่กับตนเองนั้นแม้จะมีลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งมีพลังมากมายมหาศาล หากแต่มิใช่ลูกแก้วจิ้งจอกซึ่งเป็นพลังต้นกำเนิดของนาง ไม่ต่างไปจากจิตวิญญาณที่อาศัยร่างของนาง การมีลูกแก้วจิ้งจอกทำให้นางทนความเจ็บปวดได้ ขนาดนางมีลูกแก้วจิ้งจอกยังเจ็บปวดถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าถ้าหากนางไม่มีมันจะเจ็บปวดเจียนตายที่ขนาดไหนหากเป็นบาดแผลธรรมดาลูกแก้วจิ้งจอกก็สามารถรักษาให้นางหายได้ในชั่วพริบตา หากแต่มันเป็นแผลที่เกิดจากปีศาจ อีกทั้งร่างกายของนางแต่เดิมทีแล้วนั้นเป็นเพียงมนุษย์ มันจึงค่อนข้างใช้เวลาในการรักษาและฟื้นฟูฟางเหนียงบอกทางบุรุษมายังบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ตลอดมานางเคยหลีกเลี่ยงสถานที่แห่งนี้ มันเต็มไปด้วยความทรงจำยากลืมเลือน นางเคยแช่อยู่ที่นี่พร้อมกับร่
บทที่ 27มารยาสตรีแสงนั่นมันคือพลัง และพลังนั่นมันกำลังช่วยรักษา!!ช่างเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ใจเหลือเกิน ไห่ไท่หยางไม่คิดว่าจะมีวันที่เขาได้เห็นสิ่งเหนือธรรมชาติกับตาตัวเอง เมื่อเห็นว่าจิ้งจอกตัวนี้ปลอดภัยแล้ว อีกทั้งยังได้รับการรักษา ไห่ไท่หยางจึงหันกลับไปเพื่อไปช่วยฟางเหนียง แม้ว่าตัวเขาจะเป็นมนุษย์ไร้อิทธิฤทธิ์ หากแต่มิอาจนิ่งดูดายปล่อยให้นางต่อสู้เพียงลำพังได้ทันทีที่มาถึงหัวใจของชายหนุ่มคล้ายกับถูกทุ่มแทง เมื่อเห็นว่าฟางเหนียงกำลังจะถูกปลิดชีพ!!ร่างของฟางเหนียงถูกรัดไปทั้งตัว หัวของงูกำลังพุ่งเข้าหา!!ฉัวะ!!เร็วกว่าความคิดใด นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่ไห่ไท่หยางทำก่อนคิดมิได้คิดก่อนทำ ร่างกายขยับไปตามสัญชาตญาณการปกป้อง! ตวัดดาบฟันที่คอของงูยักษ์จนเป็นบาดแผลฉกรรจ์!!เสียงของงูยักษ์ร้องกังวานดังไปทั่วบริเวณ ร่างของฟางเหนียงร่วงหล่นลงสู่ผืนน้ำ ไห่ไท่หยางกระโดดลงไปอย่างไม่รีรอ กวาดสายตามองหาร่างบอบบางก่อนจะแหวกว่ายเข้าไปหานาง
บทที่ 26ห้วงคำนึงถึงนางหลายฤดูผ่านไปจินหมิงอันเติบใหญ่เป็นจิ้งจอกหนุ่ม มีอิทธิฤทธิ์มากล้นเดินตามรอยของผู้เป็นบิดา ฟางเหนียงภาคภูมิใจเหลือคณานับที่บุตรชายสง่างามเช่นนี้ อีกทั้งยังรวบรวมพลังสร้างลูกแก้วจิ้งจอกของตนเองได้แล้ว แม้ว่าลูกแก้วจิ้งจอกนั้นจะยังแข็งแกร่งไม่เท่าลูกแก้วจิ้งจอกที่อยู่ในตัวของนางก็ตามยามนั้นเองสายลมพัดผ่านพาเอาความเย็นสบายโอบรอบร่าง ทว่ามีบางสิ่งลอยมากับสายลมด้วย กลิ่นที่คุ้นเคยพาให้หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาฟางเหนียงหยัดกายขึ้นแล้วพุ่งตัวออกไปตามกลิ่นนั่น แหวกผ่านพงไพร เป็นหนึ่งเดียวกับสายลม กระทั่งมาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง นางเดินตามหาไม่นานก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง“ยินดีด้วยเจ้าค่ะ ท่านเจ้าตระกูลได้บุตรชายเจ้าค่ะ!”เสียงเด็กร้องไห้โยเยดังลอดออกมาให้ได้ยิน พร้อมกับเสียงแสดงความยินดีให้กับบิดาและมารดา นางยืนฟังเสียงร้องไห้นั้นอยู่นาน กระทั่งมีคนผู้หนึ่งทักนางเข้า“มาหาผู้ใดหรือเจ้าคะ?”
บทที่ 25สูญเสียไปตลอดกาลดวงตาคู่งามลืมตาขึ้นท่ามกลางพงไพรอันคุ้นเคย ด้านข้างของนางคือร่างของจิ้งจอกหนุ่ม คนรักของนาง… ร่างของบุรุษที่รักนอนแน่นิ่งจนน่าหวาดหวั่นความอบอุ่นที่อยู่กลางอกบ่งบอกให้นางรับรู้ได้ถึงพลังชีวิตอันมหาศาล รวมถึงอิทธิฤทธิ์ของปีศาจจิ้งจอก มันคือลูกแก้วจิ้งจอกไม่ผิดแน่ใช่แล้ว ลูกแก้วจิ้งจอกอยู่กับนางมาตลอด ลูกแก้วจิ้งจอกที่เปรียบเสมือนพลังชีวิตของจินหมิงเยว่ บุรุษเคยบอกกับนางเช่นนั้น นั่นหมายความว่าไม่มีทางที่จินหมิงเยว่จะตาย เขาก็แค่หมดเรี่ยวแรงจึงหลับไปเท่านั้นนางเอ่ยปลอบตนเองแล้วหันไปหาบุรุษ หากทว่าเมื่อมือเล็กๆ แตะที่ร่างของบุรุษ ความเย็นยะเยือกก็แล่นผ่านเข้ามาในร่างของนาง สตรีตัวน้อยตัวแข็งทื่อ พลันน้ำตาก็ไหลอาบสู่สองข้างแก้ม“ไม่จริง ท่านพี่บอกว่า หากมีข้า มีลูกแก้วจิ้งจอก อย่างไรก็ไม่มีทางตายนี่”ฝ่ามือเล็กคว้าท่อนแขนของบุรุษแล้วออกแรงเขย่าแรงๆ เพื่อหวังให้บุรุษฟื้นตื่นขึ้นมา แม้ว่าบุรุษจะเจ็บ หากฟื้นขึ้นมานางจะยินยอมน
บทที่ 24เดิมทีนางควรจะตายไปตั้งนานแล้วยามนั้นเองบางสิ่งร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า เส้นแสงสีขาวหลายสายล้อมรอบพวกเขาเอาไว้“...!”จินหมิงเยว่และหลี่ตงหยางตวัดแขนขึ้นไปด้านหน้า ล้อมฟางเหนียงเอาไว้เพื่อปกป้องนางสตรีตัวน้อยสะดุ้งตกใจ โอบกอดจินหมิงเยว่เอาไว้ด้วยความหวาดกลัว...คนพวกนี้เป็นใครกัน?...“ส่งตัวนางมา หากต่อต้านจะถือว่าปรปักษ์ต่อสรวงสวรรค์”...สรวงสวรรค์หรือ!?...ดวงตาคู่งามเบิกกว้างด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน นางสับสนว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่!?“หากอยากได้ตัวนางนัก ก็เข้ามา!!” เป็นจินหมิงเยว่ที่เอ่ยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะเป็นผู้ใดหากมาพรากฟางเหนียงไปจากเขา บุรุษไม่ยินยอม!!เกิดการต่อสู้กันระหว่างปีศาจจิ้งจอก เทพหนุ่มตกสวรรค์และองครักษ์สวรรค์ โดยที่ฟางเหนียงอยู่ในการปกป้องของจินหมิงเยว่ตลอดการต่อสู้“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เจ้าคะ เหตุใ
บทที่ 23เช่นนั้นข้าปรนนิบัติเจ้าแทนฟางเหนียงลงมือทำอาหารหลายอย่าง รวมถึงของหวานด้วย นางคีบทั้งผักทั้งปลาใส่ในถ้วยของบุรุษ ส่วนจินหมิงเยว่ก็คีบแต่พวกเนื้อสัตว์ใส่ถ้วยให้นางเช่นเดิม“เมื่อใดเจ้าจะอ้วนเสียที หืม?”“ข้าไม่อยากอ้วนเจ้าค่ะ”“เหตุใดจึงไม่อยากอ้วน?”“ข้าเป็นสตรี ก็ต้องรักสวยรักงามเป็นธรรมดา หากอ้วนเมื่อสวมใส่อาภรณ์ใดๆ ก็ไร้ความมั่นใจนี่เจ้าค่ะ”“เจ้าเคยอ้วนหรือ?”“ไม่เคยเจ้าค่ะ”“เช่นนั้นเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าหากอ้วนแล้วจะไม่งดงาม”“เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องเคยมาก่อนที่เจ้าค่ะ! อีกอย่างข้าไม่เคยบอกว่าไม่อ้วนแล้วจะไม่งดงาม ข้าก็แค่คิดว่าคงไม่มีความมั่นใจ”“อ้วนให้ข้าหน่อยเถิด”“เอ๊ะ! ท่านพี่นี่อย่างไร หากอยากได้สตรีอ้วนๆ ก็ไปหาที่อื่น ไม่ต้องมาหาที่ข้า!”&l
บทที่ 22สัญชาตญาณที่ต้องปลดปล่อยฟางเหนียงขยับกายไปนั่งลงบนตักของบุรุษ จากนั้นก็ใช้สะโพกกดลงบนความแข็งแกร่ง ครอบครองแก่นกายบุรุษเพศเข้าไปในตัวของตนเอง“อ่า...” ทั้งฟางเหนียงและจินหมิงเยว่ครางด้วยความสุขสมสตรีตัวน้อยโอบกอดบุรุษแนบอกแล้วเชิดหน้าขึ้น ก่อนจะจะเริ่มขยับสะโพกของตนเองด้วยท่าทางที่ดูเก้ๆ กังๆ ในช่วงแรก ทว่าไม่นานความวาบหวาม รัญจวนใจ ร่างกายก็ได้นำพาให้นางสามารถขับเคลื่อนร่างกาย มอบความเสียวซ่านให้กับบุรุษได้เป็นอย่างดีนางเอนกายไปข้างหลัง ใช้มือเกาะบ่าของบุรุษเอาไว้ก่อนจะเด้งสะโพกระรัว รับรู้ได้ถึงความแข็งแกร่งของแก่นกายได้อย่างชัดเจน“อ๊า ท่านพี่ อื้ม!” ทรวงอกของนางถูกดูดดื่มอย่างหื่นกระหาย แม้มันจะเจ็บเล็กน้อยเพราะมีรอยแผลจากการกระทำของบุรุษเมื่อครั้นก่อนหน้า หากแต่ความวาบหวามนั้นมีมากกว่า นางจึงยิ่งแอ่นอกให้ปากหยักดูดดื่มและกลืนกินตามต้องการฟางเหนียงเชิดหน้าขึ้นแล้วร้องครางเสียงหวานอย่างลืมอาย สูญสิ้นสติในการยับยั้งชั่งใจ กลีบกา