“เสียเวลา...ดินการตอบสนองช้ากว่าเด็กทั่วไปแม่ของดินเคยหัดแล้วเจ้านี่ร้องโวยวายก็เลยต้องป้อนกันอยู่อย่างนี้”
คีรีเคยตั้งคำถามกับละไมแม่ของดินอย่างที่ปิ่นงามถามก็ได้ความว่าเจ้าหนูนี่โวยวายไม่ยอมกินเลยต้องป้อนกันจะได้ไม่เสียเวลางาน
“นาย...ขอโทษทีจะที่ฉันมาช้า...เดี๋ยวฉันป้อนเองจะ”
ละไมรีบจ้ำอ้าวมาหาลูกชายเมื่อเห็นคีรีนั่งป้อนข้าวลูกเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว
“อืม...คราวหลังเร็วหน่อยนะพี่ละไม”
“จะนาย”
คีรียื่นจานข้าวให้ละไมก่อนจะเดินออกไป
“ปกติพาดินมาที่นี่ทุกวันเหรอคะ”
ปิ่นงามยังคงนั่งอยู่เพราะอยากจะคุยอะไรบางอย่างกับแม่ของดิน
“จะคุณปิ่น...ฉันเลี้ยงลูกคนเดียวทำงานในไร่ก็ต้องพามันมาทุกวันอย่างนี้แหละวันนี้ฉันต่อคิวตักข้าวช้าก็เลยมาช้าจะ”
“เอาอย่างนี้..ถ้าเอาดินมาเอามาฝากปิ่นก็ได้..ปิ่นจะดูเค้าให้เอง”
ปิ่นงามรู้แบบนี้คงปล่อยให้ดินอยู่ตรงนี้คนเดียวต่อไปไม่ได้วันๆเธอก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรนอกจากดูแลงานบ้านงานเรือนกับแปลงผักเล็กๆหน้าเรือนเธอจึงอาสาขอดูแลดินเอง
“จะดีเหรอจ๊ะคุณปิ่นเจ้าดินไม่ใช่เด็กปกตินะจ๊ะอารมณ์มันไม่ค่อยคงที่”
ละไมไม่เห็นด้วยเท่าไรเพราะที่เธอต้องให้ดินเล่นอยู่คนเดียวตรงนี้เพราะดินไม่เหมือนเด็กคนอื่น
“ปิ่นดูให้ได้ค่ะ...ปิ่นจะได้ไม่เหงาด้วย”
“ขอบคุณนะจ๊ะ”
ละไมเหมือนจะดูกังวลแต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธปิ่นงามหากหญิงสาวอยากให้ลูกเธออยู่ด้วยเพราะจะได้คลายเหงาเธอก็ไม่ขัด
“นายจ๊ะ”
ผกากลับเข้ามาที่ไร่อีกครั้งในช่วงเย็นเธอมาดักรอคีรีที่ทางผ่านก่อนกลับถึงท้ายไร่เมื่อเห็นคีรีขับรถจี๊ปมาแล้วจึงงรีบเรียกเขาเอาไว้ก่อน
“ผกา..”
คีรีรีบดับรถลงมาหาหญิงสาวไม่คิดว่าเธอจะมาหาเขาที่นี่เพราะปกติแล้วเขาจะเป็นฝ่ายไปหาเธอหรือเจอกันตอนที่เธอมาส่งขนมที่ไร่ช่วงกลางวันมากกว่า
“เดี๋ยวนี้นายไม่ไปหาผกาเลยนะจ๊ะ”
“ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยว่างเท่าไร”
“ไม่ว่างไปหาผกาแต่ว่างดูแลเมียงั้นเหรอจ๊ะ”
“ผกาอย่างี่เง่ากับฉันขืนฉันไม่ดูแลปิ่นแม่ฉันก็บ่นหูชากันพอดี”
“ผกาแค่จะเตือนว่านายอย่าลืมว่านายเป็นคนพูดเองว่าจะไม่สนใจเมียแต่งคนนี้...ผกาขอให้นายรักษาคำพูดด้วยนะจ๊ะทำให้ปิ่นงามไปจากที่นี่เร็วๆนายจะได้เป็นอิสระ”
“อืม...จะกลับหรือยังฉันจะไปส่ง”
“จริงเหรอจ๊ะนาย”
“ไปขึ้นรถ”
ผการีบวิ่งขึ้นรถหน้าระรื่นหลังจากคีรีเอ่ยปากจะไปส่ง
“ นั่นผกานี่”
“ นั่นสิ...ไอ้เราก็นึกว่านายจะเลิกยุ่งแล้วเสียอีก”
“คุณปิ่นรู้จะว่ายังไงล่ะเนี่ย”
คนงานในไร่ที่กำลังเดินกลับกันเป็นกลุ่มในช่วงเย็นล้วนเห็นกันทุกคนว่าผกานั่งอยู่หน้ารถคีรีต่างคนต่างก็พากันซุบซิบกันเพราะคิดว่าคีรีจะสนใจแค่เมียแต่งคนเดียวแล้ว
สายตาของทุกคนที่มองมายังผกาทำให้เธอรู้ว่าคนพวกนั้นกำลังพูดถึงเธอแต่ก็ไม่ได้รู้สึกไม่ดีกลับชอบใจเสียด้วยซ้ำ
เป็นบุญตาที่ยังเดินสงบเสงี่ยมไม่พูดอะไรเพราะเธอมีวิธีที่จะทำให้ตัวเองนั้นเป็นคนของคีรีเพียงคนเดียวยิ่งเห็นผกาออกตัวมากเท่าไรเรื่องที่เธอต้องการก็จะง่ายขึ้น
“กลับมาซะเกือบมืดเลยไปไหนมาเหรอคะ?”
ปิ่นงามที่กำลังนั่งรอคีรีกินข้าวเย็นเมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าเรือนจึงรีบออกมาต้อนรับ
“ไปส่งผกา”
คีรีตอบเสียงห้วนคำตอบของเขาดูจะทำให้ปิ่นงามยิ้มไม่ค่อยออกสักเท่าไรแต่ก็เป็นเรื่องดีที่ทำให้เธอได้ย้ำกับตัวเองว่าเขาไม่ได้คิดว่าเธอสำคัญที่ดูแลเหมือนห่วงใยก่อนหน้าคงเป็นเพราะหน้าที่
“อ่อ..ค่ะมากินข้าวก่อนสิคะกับข้าวจะเย็นหมดแล้ว”
“ไหนบอกจะไม่ทำเผื่อฉัน”
“ก็...ฉันทำแล้วมันเยอะกินคนเดียวไม่หมด”
คีรีไม่ได้ปฏิเสธที่จะกินอาหารฝีมือหญิงสาวเพราะตอนนี้ก็หิวโซอยู่พอสมควรเขารีบเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารก่อนจะนั่งกินอย่างเงียบๆไม่คิดจะพูดจาอะไรกับคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามแม้แต่น้อยเพราะกำลังคิดหาวิธีจัดการบีบหญิงสาวให้ไปจากที่นี่
“ต่อไปนี้ฉันอาจจะกลับบ้านดึกบ้างหรือไม่ก็ไม่กลับเลยเธอคงไม่ว่าอะไรนะอีกอย่างเรื่องนี้อย่าให้ถึงหูพ่อกับแม่ฉันด้วย”
หลังจากกินข้าวกันเสร็จคีรีก็เริ่มคุยเรื่องที่เขาจะมอบหมายหน้าที่ให้เธอหลังจากที่ได้รับคำเตือนสติจากผกาถึงเป้าหมายของเขาตอนนี้ก็เป็นเวลาที่จะต้องรีบทำให้เป้าหมายนั้นสำเร็จโดยเร็ว
“ที่ไร่งานเยอะเหรอคะ”
ปิ่นงามเริ่มมีสีหน้าสงสัยว่าที่ไร่งานเยอะขนาดนั้นเลยหรือ
“ฉันอาจจะไปนอนค้างที่อื่นบ้าง...เธอน่าจะเข้าใจนะหรือถ้าทนไม่ได้ก็กลับบ้านเธอไป”
“ค่ะ...จะไปวันไหนก็บอกล่วงหน้าด้วยนะคะ”
คำว่าทนไม่ได้ก็กลับบ้านไปคำนี้ของคีรีทำให้ปิ่นงามพอจะรู้แล้วว่านี่คือสิ่งที่เขาคิดจะบีบเธอแต่มีหรือเธอจะสนใจ
“.......”
คีรีจ้องมองสีหน้าปิ่นงามให้แน่ใจว่าเธอไม่ใส่ใจจริงหรือที่สามีตัวเองจะไปค้างอ้างแรมที่อื่นพอเห็นเธอไม่สนใจจริงๆก็นึกหงุดหงิดขึ้นมากะทันหันและลุกเดินหนีปิ่นงามออกไปคืนนี้ทั้งคืนปิ่นงามจึงนอนอยู่ที่เรือนเล็กคนเดียว
วันต่อมา
“ขอบคุณนะจ๊ะคุณปิ่น”
ละไมพาดินมาหาปิ่นงามในช่วงก่อนจะเข้างานทั้งยังขอบอกขอบใจปิ่นงามอีกครั้งที่ใจดีกับเธอและลูก
“ไม่เป็นไรจะบอกแล้วไงว่ามีดินอยู่ปิ่นจะได้ไม่เหงา”
“เป็นเด็กดีกับคุณปิ่นรู้ไหมดิน”
“ครับแม่”
หลังจากที่ละไมออกไปแล้วปิ่นงามก็พาดินเดินเข้ามาในบ้านเพราะเธอต้องการจะสอนให้ดินนั้นรู้จักเขียนหนังสือและช่วยเหลือตัวเองให้เป็นมากกว่านี้เพราะรู้ดีว่าละไมคงไม่ค่อยได้มีเวลาสอนเท่าไรเนื่องจากต้องทำงานตั้งแต่เช้ายันเย็นเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง
ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเที่ยงวันนี้คีรีก็ยังรู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องที่ปิ่นงามไม่สนใจเขาไม่หายจนถึงตอนนี้เมื่อละจากงานทีไรเป็นต้องนึกถึงทุกที
“นายจ๊ะ...ฉันทำกล้วยบวชชีมาฝากนายด้วย”
บุญตาเอาขนมมาส่งเสร็จเธอเห็นคีรีนั่งอยู่คนเดียวที่ท้ายโรงครัวจึงรีบเดินถือถ้วยขนมหวานเข้ามาหา
“ขอบใจ”“ฉันทำฟักทองเชื่อมรสจัดแบบที่นายชอบมาให้เหมือนกันจะ..”บุญตาเองก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบเข้ามานั่งข้างคีรีพร้อมฟักทองเชื่อมในปิ่นโต“นายจะกินของฉัน”ผกาตวัดมองค้อนบุญตาจนตาแทบถลน“ให้นายเลือกเองดีกว่านะ”บุญตายังคงยิ้มหน้าระรื่นไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวสายตาของผกาแม้แต่น้อย“เอ่อ..ฉันขอบใจพวกเธอสองคนมากนะแต่ฉันอิ่มมากแล้วไม่อยากกินอะไรเพิ่ม..ขอตัวก่อน”คีรีรู้สึกรำคาญสองสาวขึ้นมากะทันหันตอนนี้เขาไม่ได้อยากมีคนมาคอยเอาอกเอาใจอยากอยู่เงียบๆมากกว่าว่าจบก็รีบเดินหนีสองสาวออกไปอย่างไม่ใยดี“นาย.. เพราะแกเลยนังบุญตานายจะกินของฉันแล้วเชียว”ผกาแทบจะเฉือนเนื้อบุญตาเป็นชิ้นๆที่เข้ามาสาระแนเวลาที่เธอจะอยู่สองต่อสองกับคีรี“หนุ่มๆในไร่โสดๆตั้งมากมายชอบจริงๆคนมีเมียแล้ว”สรวงไม่ได้อยากปากมากกับผู้หญิงนักแต่เห็นแม่สองสาวนี่เกาะแกะเจ้านายตนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคีรีมีเมียตบเมียแต่งแล้วก็ยังไม่วายคิดที่จะเลิกยุ่ง“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนายเองต่างหากที่สนใจพวกฉัน”บุญตาตอกหน้าสรวงกลับ“ใช่”ผกาเองก็เอ่ยเสริมผสมโรงเป็นมิตรกันไปโดยปริยายก่อนจะแยกย้ายกันเดินกลับออกไป“เฮ้อ..”สรวงเท้าเอวส่ายหัวก่อนจะถอนหา
“ก็ได้... ก็ได้... พี่ปิ่นไม่ให้ดินเขียนก็ได้ไม่ต้องร้องนะ.. เดี๋ยวเราไปทำขนมกันดีหรือเปล่า”“..ทำขนม”ดินและปิ่นงามง่วนอยู่ในครัวร่วมสองชั่วโมงตอนนี้ก็เย็นพอดีขนมกล้วยปิ้งตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยทั้งยังหมดไปเกือบครึ่งเพราะปิ้งกันไปกินกันไป“ทำอะไรกันเหรอ”คีรีได้กลิ่นหอมจากในครัวตั้งแต่มาถึงจึงรีบเข้ามาดู“คุณคี”ปิ่นงามคิดว่าวันนี้คีรีจะไม่กลับมานอนที่นี่แล้วเสียอีก“ทำขนมกล้วยปิ้งค่ะ”“ดินเขียนสวยพี่ปิ่นทำขนมให้”ดินรีบวิ่งไปเอาสมุดที่ตัวเองลากเส้นรีบมาให้คีรีดูอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะอวดให้คีรีได้ดู“เขียนสวย”เมื่อมาถึงก็พูดอวดคีรียกใหญ่ว่าตนนั้นเขียนได้สวยถึงได้รางวัลเป็นจนมที่กำลังนั่งกินกันอยู่ตอนนี้“ปิ่นสอนดินหัดลากเส้นค่ะ”“ลากเส้น”คีรีมีสีหน้าที่ค่อนข้างอึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าอย่างดินจะมีสมาธิทำอะไรแบบนี้ได้“ค่ะ...ถ้าค่อยๆสอนดินเขียนได้ทำได้เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละค่ะ”“อ่อ..อืม”คีรีไม่ได้คิดจะเอ่ยชมอะไรปิ่นงามทั้งที่ก็ทึ่งในความสามารถของหญิงสาวอยู่เหมือนกันที่สอนดินได้ตกดึกปิ่นงามเดินเข้าห้องมาพร้อมตะเกียงเจ้าพายุเธอเข้ามาก็เห็นคีรีนอนหลับอยู่ก่อนแล้วแปลกใจพอสมควรที่เห็นเข
“เมียฉันอยู่ได้..อยู่แล้ว..ฉันมันไม่ได้เป็นส่วนสำคัญอะไรกับเธอขนาดนั้น..พวกเอ็งรู้ไหมวันนั้นฉันมานอนที่สำนักงานยังไม่เคยปริปากบ่นหรือตามให้ฉันกลับเลยสักคำ..เหมือนไม่สนใจผัว”คีรีฉุนขึ้นมากะทันหันเพราะรู้สึกว่าปิ่นงามไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้วว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ด้วยที่เรือน“พูดเหมือนน้อยใจเลยนาย”สรวงแอบอมยิ้มน้อยครั้งนักที่นายของเขาจะเอ่ยในเชิงนี้“ข้าแค่เล่าให้พวกเอ็งฟังเฉยๆไม่ได้น้อยใจโว้ย”สิ้นเสียงคีรีเหล่าคนในวงสังสรรค์ทุกคนต่างก็มองตากันแม้นจะไม่ได้พูดแต่ก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้นายตนนั้นปากไม่ตรงกับใจเสียแล้ว“จะกลับมาตอนไหนของเค้านะ”วันนี้ปิ่นงามดูจะกระวนกระวายใจเป็นพิเศษเพราะคีรีไม่ได้บอกเธอว่าจะกลับดึกหรือไม่กลับเธอจึงนั่งรอกินข้าวกับเขาตั้งแต่เย็นจนตอนนี้กับข้าวที่เธอทำเย็นชืดไปหมดแล้วแอบรำคาญตัวเองในใจเหมือนกันที่ปกติแล้วชอบเสียอีกที่อีกฝ่ายไม่อยู่แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมถึงกังวลใจเพราะเขาแปลกๆ“เสียงรถนี่..”เมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าเรือนเล็กปิ่นงามก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตูต้องรับคีรี“อ.อ๊ายย”กึกกกกร่างบางลืมไปว่าหน้าเรือนเป็นพื้นต่างระดับแถมยังไม่ได้ถือเจ้าตะเกียงมาเพื่อเ
“ฉันแค่จะเดินสายไฟเธอกินข้าวต่อเถอะ”พอปิ่นงามหันมามองได้คนที่มาดเยอะก็รีบหุบยิ้มก่อนจะเดินไปทางอื่น“ค่ะ”ปิ่นงามยิ้มกว้างหลังจากที่คีรีออกไปแล้วแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่ใช่ว่าเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนจึงทำให้คีรีอยากจะติดไฟที่นี่เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้เธอแม้นจะไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่แต่เธอก็ดีใจที่ที่นี่จะได้มีแสงสว่างยามค่ำคืนเสียที“จะรีบไปไหนไอ้สรวง”เทิดศักดิ์คนขับรถคีบอ้อยของไร่เขาเป็นเพื่อนรักของสรวงเห็นสรวงเดินจ้ำอ้าวถือสายไฟแบกลำไม้ไผ่ยาวไปกับคนงานสองสามคนก็รีบตะโกนถาม“เอาสายไฟไปให้นายน่ะสิเผื่อไม่พอ...ปากก็บอกไม่สนใจเมียได้เข้าหอมาไม่เท่าไรรีบอำนวยความสะดวกให้เมียใหญ่”“ฮ่าๆๆ...สวยหยาดเยิ้มขนาดนั้นก็ต้องประเคนความสุขให้หน่อยล่ะโว้ย...”สองหนุ่มเอ่ยถึงนายจอมปากแข็งของตนกันเสียงดังทำเอาคนที่ได้ยินต่างก็อมยิ้มตามกันไปด้วยเพราะก็คิดอย่างคนทั้งสองว่าเหมือนกันค่ำนี้ดูปิ่นงามจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะที่เรือนเล็กมีแสงสว่างจากไฟฟ้าแล้วตอ่ไปนี้เธอก็จะทำอะไรได้สะดวกยิ่งขึ้น“เธอก็เก่งเหมือนกันนี่ที่สอนดินจนกินข้าวเองเป็น”เป็นครั้งแรกที่คีรีเอ่ยชมหญิงสาวขณะที่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเย็น“แค่เ
“หนวดคุณ”“อื้มม..”คีรีค่อยๆไล่หอมจากพวงแก้มหญิงสาวเบากว่าเมื่อครู่เพราะกลัวเธอเจ็บก่อนจะเริ่มบดจูบที่ริมฝีปากบางอวบอิ่มอยู่ใกล้ร่างบางนี้ทีไรเป็นอันอดใจไม่ไหวเสียทุกทีคืนนี้กะว่าจะให้เธอพักแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเจ้าตัวตนใต้กางเกงของเขามันผงาดเด้งผึงตั้งแต่กดหอมแก้มนวลไปฟอดแรกมือของทั้งสองประสานกันแน่นขณะที่คีรีทำการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยอย่างนุ่มนวลเขาค่อยๆพรมจูบไล่จากริมฝีปากมาที่ลำคอค่อยๆใช้มือหนาแกะเชือกผูกเสื้อของหญิงสาวออกรู้สึกขัดใจชะมัดทั้งที่เขาสั่งเธอแล้วว่าเวลานอนตอนกลางคืนไม่ต้องใส่ซับในเพราะมันจะเสียเวลาถอด“บอกแล้วไงว่าอย่าใส่”“ก็มันไม่ชินนี่คะ”สาวเจ้าหันหน้าหนีด้วยบอาการเคอะเขินหากเธอไม่ใส่ซับในมีหวังเดินไปเดินมาคงรู้สึกโหวงเหวงไม่น้อย“อ..อื้อ..”ยังไม่ทันพูดขาดคำคีรีก็ใช้สองมือถกซับในตัวบางขึ้นและกดจูบดูดดึงยอดดอกบัวงามที่ตั้งชูชันประจันหน้าเขาก้มฟัดมันอยู่นานเรียกเสียงครางจากร่างบางได้พอสมควรแล้วจึงรีบเปลื้องผ้าผ่อนตัวเองออกจนเหลือตัวล่อนจ้อนแล้วคลุมบั้นท้ายด้วยผ้าห่มเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่เสร็จแล้วจึงดึงร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อเธอออกอย่างรวดเร็วเขากอดเธอเอ
“โถ...แล้วก็ไม่บอก..ที่แท้ก็ติดกับข้าวเมีย”สรวงรู้อย่างนั้นก็ยิ้มร่าไม่ได้คิดจะแย่งอะไรของนายตนต่อที่แท้ก็หวงของเมียหากพูดออกมาตรงๆเขาก็ไม่ยุ่งแต่แรกแล้ว“ปากพวกเอ็งนี่นะ...เดี๋ยวจะไม่ได้กินเหล้าฟรี”คีรีชี้หน้าเทิดศักดิ์ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะไม่อยากให้ใครมาขอแบ่งกับข้าวตน“โทษๆจะนาย”เมื่อถูกขู่ว่าต่อไปจะไม่ได้กินเหล้าฟรีทุกคนต่างก็รีบสงบปากสงบคำไม่พูดอะไรต่อเพราะไม่อยากจะพลาดของฟรีทางด้านบุญตาตอนนี้ที่นั่งอยู่ในโรงครัวพร้อมคนงานเธอก็ได้ยินอะไรไม่ต่างกับทุกคนเธอรีบเดินมาหาผกาที่อยู่กำลังจัดวางขนมที่พึ่งเอามาส่งก่อนจะพูดยุแยงให้หญิงสาวทำอะไรบางอย่าง“นี่ผกา..ฉันว่านายท่าจะหลงเมียเค้าแล้วล่ะแกไม่คิดจะจัดการอะไรบ้างเหรอ...ฉันว่าเธอควรจะทำให้ปิ่นงามออกไปจากชีวิตนายน่าจะดีนะ”“คิดอยู่แล้วฉันไม่มีทางปล่อยนายหลุดมือไปง่ายๆหรอกไม่ว่าใคร..ไม่ต้องมาสะเออะสอน”ผกาเบะปากทั้งพูดจีบปากจีบคอว่าเธอคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไรให้นายกลับมาสนใจตนเหมือนเดิมก่อนจะสะบัดหนีบุญตาออกไป“นังโง่..”บุญตายืนอมยิ้มกริ่มตอนนี้เธอมีเงินใช้ไม่คล่องมือเท่าไรเพราะคีรีไม่ค่อยได้เรียกหาจึงใช้ความอารมณ
“เมียฉันอยู่ที่ไหน”“ฉันจะไปรู้เหรอจ๊ะ”ผกายังคงตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่เห็นกับคำถามของคีรี“ดินบอกกับฉันว่าเธอพาเดินไปหลบที่กอไผ่”“นายจะเชื่ออะไรกับไอ้เด็กไม่เต็มบาทนั่น”“เธอสิไม่เต็มบาท...ปิ่นงามอยู่ที่ไหน”คีรีเริ่มโมโหหนักจากที่อารมณ์คุกรุ่นมาตั้งแต่คราแรกอยู่แล้ว“นายดุฉันเหรอจ๊ะ”“ฉันถามว่าปิ่นงามอยู่ที่ไหนไม่ได้ยินหรือไงวะ”ผกามองหน้าคีรีด้วยความเคืองใจปกติไม่มีเลยสักครั้งที่คีรีจะขึ้นเสียงกับเธอแต่ครั้งนี้ดูเขาจะเป็นห่วงปิ่นงามมากจนกล้าตะคอกใส่เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหอยู่ในใจแต่แค่โวยวายอะไรออกมาไม่ได้เท่านั้น“คุณปิ่นไปที่น้ำตก...ไม่รู้เข้าป่าไปหรือเปล่า..ฉันก็ไม่เห็น”และแล้วผกาก็ต้องยอมกัดฟันพูดจนได้“ถ้าเมียฉันเป็นอะไรไปฉันไม่เอาเธอไว้แน่”คีรีชี้หน้าผกาเขารีบขับรถกลับออกไปอย่างรวดเร็วตอนนี้หัวใจดวงโตหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มเพราะนี่ก็มืดแล้วมีทางเดียวที่จะตามหาปิ่นงามให้ได้ไวที่สุดคืดเขาต้องไปตามพรานในหมู่บ้านมาให้ช่วยแกะรอยตามหาหากเขาไปงมหาคนเดียวมีหวังปิ่นงามอาจจะมีอันตรายก่อนที่เขาจะหาเจอได้“นายหลงมันเข้าแล้ว..หึ้ยย..อีปิ่นอีมารหัวใจ”ผกากลับเข้ามาในบ้านได้เธอก็ไม่มีอารมณ์กินข้าวแ
“ฉันจะไม่ให้ผกามาเหยียบที่ไร่อีกแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก”คีรีในตอนนี้โกรธผกามากจนแทบไม่อยากจะเห็นหน้าไม่คิดว่าคนที่เขาชมชอบนั้นจะเป็นคนที่นิสัยเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้“อย่านะคะที่ผกาทำก็เพราะรักคุณ...”ปิ่นงามเห็นว่าการทำแบบนั้นมันจะไม่ใช่ผลดีเท่าไรนักเพราะมันจะยิ่งทำให้ผกาเกลียดเธอเข้าไปอีก“หึ่... ให้ได้อย่างนี้สิ”คีรีสบถในลำคอคนจะดีก็ดีเสียจนใจหายคนจะร้ายก็ร้ายเสียจนคิดว่าชีวิตคนหนึ่งชีวิตไม่มีค่าช่วงเที่ยงของวันต่อมาหลังจากที่ผกาส่งขนมเรียบร้อยแล้วคีรีก็เรียกผกาเข้ามาคุยในสำนักงานไร่เพราะเขาต้องการจะตักเตือนเธอว่าอย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกไม่อย่างนั้นเขาจะเอาผิดผกาโดยที่ไม่สนคำทัดทานของใครทั้งนั้น“ครั้งนี้ฉันจะละโทษเพราะปิ่นขอถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกฉันเอาเรื่องแน่...แล้วจะไม่ให้เธอไปเหยียบที่ไร่นี้อีก”“ผกาไม่มาที่นี่ก็ได้...เชิญไปสั่งขนมร้านอื่นเลย”ผกามองหน้าคีรีด้วยความไม่พอใจจากคำที่ว่าจะละโทษเธอเพราะปิ่นงามขอเท่ากับว่าอะไรๆตอนนี้คีรีก็ต้องรับฟังคำปิ่นงามทั้งนั้นหากจะละโทษเพราะปิ่นงามดังนั้นก็ถือว่าคีรีไม่เห็นหัวเธอแล้วจึงยื่นคำขาดกับเขาว่าจะไม่มาที่นี่อีกดูสิเขา