“โถ...แล้วก็ไม่บอก..ที่แท้ก็ติดกับข้าวเมีย”
สรวงรู้อย่างนั้นก็ยิ้มร่าไม่ได้คิดจะแย่งอะไรของนายตนต่อที่แท้ก็หวงของเมียหากพูดออกมาตรงๆเขาก็ไม่ยุ่งแต่แรกแล้ว
“ปากพวกเอ็งนี่นะ...เดี๋ยวจะไม่ได้กินเหล้าฟรี”
คีรีชี้หน้าเทิดศักดิ์ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะไม่อยากให้ใครมาขอแบ่งกับข้าวตน
“โทษๆจะนาย”
เมื่อถูกขู่ว่าต่อไปจะไม่ได้กินเหล้าฟรีทุกคนต่างก็รีบสงบปากสงบคำไม่พูดอะไรต่อเพราะไม่อยากจะพลาดของฟรี
ทางด้านบุญตาตอนนี้ที่นั่งอยู่ในโรงครัวพร้อมคนงานเธอก็ได้ยินอะไรไม่ต่างกับทุกคนเธอรีบเดินมาหาผกาที่อยู่กำลังจัดวางขนมที่พึ่งเอามาส่งก่อนจะพูดยุแยงให้หญิงสาวทำอะไรบางอย่าง
“นี่ผกา..ฉันว่านายท่าจะหลงเมียเค้าแล้วล่ะแกไม่คิดจะจัดการอะไรบ้างเหรอ...ฉันว่าเธอควรจะทำให้ปิ่นงามออกไปจากชีวิตนายน่าจะดีนะ”
“คิดอยู่แล้วฉันไม่มีทางปล่อยนายหลุดมือไปง่ายๆหรอกไม่ว่าใคร..ไม่ต้องมาสะเออะสอน”
ผกาเบะปากทั้งพูดจีบปากจีบคอว่าเธอคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไรให้นายกลับมาสนใจตนเหมือนเดิมก่อนจะสะบัดหนีบุญตาออกไป
“นังโง่..”
บุญตายืนอมยิ้มกริ่มตอนนี้เธอมีเงินใช้ไม่คล่องมือเท่าไรเพราะคีรีไม่ค่อยได้เรียกหาจึงใช้ความอารมณ์ร้อนของผกาจัดการทุกอย่างหากผกาทำได้สำเร็จก็เป็นข้อดีเพราะเผื่อว่าคีรีจะกลับมาสนใจเธอเหมือนเดิมบ้างหากไม่สำเร็จเธอก็ลอยตัวเพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกำจัดปิ่นงาม
ช่วงเย็นปิ่นงามชวนดินมาสอนการปลูกผักดูแลผักโตขึ้นกว่านี้อีกหน่อยดินจะได้ทำเป็นแม้นไม่ได้ทำเป็นอาชีพแต่ปลูกผักเพื่อเอาไว้กินเป็นก็ยังดี
“ดินรอฉันตรงนี้นะฉันจะไปเอาน้ำมารดผัก”
“ครับ”
ปิ่นงามบอกเด็กชายที่ตัวมอมแมมไปด้วยดินก่อนจะรีบยกถังน้ำไปตักน้ำที่ธารน้ำตกหลังเรือนเล็ก
ผกาที่มาซุ่มดูรอจังหวะให้ปิ่นงามออกไปอยู่นานหลังจากปิ่นงามไปแล้วเธอจึงรีบเข้ามาเรียกเด็กชายเสียงเบาใกล้ๆ
“ดิน.. “
“อือ.. “
เด็กชายรีบถอยหลังกรูขณะที่ผกากำลังเดินเข้ามาใกล้ๆดินไม่ไว้ใจผกาเทาไรเพราะเธอชอบทำเขาเจ็บตัวทุกทีที่เจอก็ว่าได้
“ไม่ต้องกลัวฉัน...ตามฉันมานี่”
“ไม่..จะรอพี่ปิ่น”
“คุณปิ่นบอกให้ฉันมาตามแกไปหา”
ผกาพยายามปั้นหน้ายิ้มแย้มให้เด็กชายไม่รู้สึกกลัว
“.....”
ดินยังคงมีสีหน้าไม่เชื่อใจผกาเท่าไร
“มาสิ..ตามมาจะไปหาพี่ปิ่นของแกไหม”
เมื่อถูกคะยั้นคะยอเข้าดินจึงยอมเดินตามผกามาด้วยดีหญิงสาวร่างอวบอั๋นที่มีแผนการร้ายในตอนนี้ยิ้มกริ่มเพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนของเธอที่คิดเอาไว้วันนี้เธอจะกำจัดปิ่นงามให้ได้
“รออยู่นี่นะเดี๋ยวคุณปิ่นมา”
“ครับ”
เมื่อมาถึงเวิ้งกอไผ่ทึบที่เป็นที่ลับตาไม่ไกลจากเรือนเล็กนักผกาก็ให้เด็กชายนั้นรอปิ่นงามอยู่ที่นี่หลังจากนั้นจึงทำทีเดินกลับไปที่เรือนเล็กอีกครั้ง
“อ้าวดินไปไหนแล้วล่ะ”
ปิ่นงามเดินถือถังน้ำกลับมาเห็นผกายินอยู่ก็รีบมองหาดินแต่กลับไม่เจอเสียอย่างนั้น
“ฉันเห็นดินบอกว่าจะเดินตามพี่ปิ่นของมันไป...ไม่เจอมันเหรอ”
ผกาพูดน้ำเสียงเรียบทั้งยังตีหน้าทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างแนบเนียน
“ไม่นี่..ดินไปทางไหน”
ปิ่นงามเริ่มร้อนใจเสียแล้วเพราะตอนนี้ก็เริ่มเย็นมากแล้วด้วย
“ตายแล้วเกิดไปทางน้ำตกแล้วตกน้ำตกท่าขึ้นมาจะทำไง...ถ้าเข้าไปป่าลึกน่าจะมีเสืออยู่ด้วยนะ”
ผกาแสดงท่าทีตกใจทั้งยังเริ่มพูดให้ปิ่นงามนั่นตื่นตระหนกมากขึ้นกว่าเดิม
“ฉันถามว่าดินไปทางไหนเธอก็ตอบมาสิผกา”
“เห็นไปทางน้ำตก”
ผกาว่าจบปิ่นงามก็รีบวิ่งกลับไปทางธารน้ำตกทันทีเธอพยายามวิ่งตามหาดินทั้งนังเรียกชื่อเด็กชายอยู่ไม่เว้นว่างหัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำเพราะรู้สึกห่วงเด็กชายที่ไม่ประสาอะไรเลยหากหลงเข้าไปในป่าจะเป็นอย่างไร
“ดิน.. ได้ยินพี่หรือเปล่า...อยู่ไหนนะเย็นมากแล้วด้วย”
ปิ่นงามวิ่งลุยธารน้ำตื้นๆข้ามมาในป่าเรียกหาเด็กชายไม่ยอมหยุดยิ่งคำที่ผกาบอกว่าในป่ามีสัตว์อันตรายเธอก็ยิ่งกลัวว่าดินจะไม่ปลอดภัย
“อ้าวพี่ละไมทำไมยังไม่กลับ”
คีรีคิดว่าตัวเองกลับมาเรือนเล็กเย็นมากจนเกือบมืดแล้วแต่ยังเห็นละไมยืนอยู่หน้าบ้านคิดว่าเธอรับดินกลับไปแล้วเสียอีก
“ยังหาดินไม่เจอเลยนายไม่เห็นทั้งดินทั้งคุณปิ่นไม่รู้ไปไหนกัน”
ละไม่ยังไม่ทันพูดกับคีรีจบประโยคเธอก็ได้ยินเสียงลูกชายตัวเองร้องอยู่ไกลๆ
“แง่... ๆๆๆ”
“ดิน.. “
ทั้งสองรีบวิ่งไปที่เวิ้งกอไฝ่ไม่ไกลจากเรือนเล็กอย่างรวดเร็ว
“ดิน..ทำไมเอ็งมาอยู่ตรงนี้ดิน..บอกแม่มา”
ละไมวิ่งมาเห็นลูกชายยืนร้องให้อยู่คนเดียวจึงรีบวิ่งมากอดปลอบทั้งถามหาคำตอบว่าทำไมลูกชายตนถึงมาอยู่ตรงนี้ได้เพราะที่นี่ทั้งมืดทั้งน่ากลัวหากดินเดินมาคนเดียวคงไม่ใช่วิสัยของลูกเธอแน่นอน
“พี่ผกาพามาบอกให้รอพี่ปิ่น...แต่ไม่มีใครมามืดแล้วดินกลัว”
เด็กชายพูดไปสะอื้นไปคีรีเริ่มขมวดคิ้วกับคำพูดของดินเพราะเห็นว่ามันผิดปกติ
“ไม่ต้องกลัวแม่อยู่นี่แล้ว...เอ็งรู้หรือเปล่าคุณปิ่นอยู่ไหน”
“ไม่เห็นมา”
“พี่ละไมพาดินกลับบ้านไปก่อนเดี๋ยวฉันจะตามหาปิ่นเอง”
“จะนาย”
เรื่องนี้คีรีเห็นจะต้องไปเค้นความจริงกับผกาแล้วเพราะเขาเชื่อที่ดินพูดทุกคำด้วยเด็กอย่างดินไม่เคยโกหกหลังจากที่ขับรถออกมาจากไร่ได้คีรีก็ตรงไปที่บ้านของผกาเพื่อไปถามหาความจริงให้รู้เรื่องเพราะทางเดียวที่จะรู้ว่าปิ่นงามอยู่ที่ไหนคงมีแค่ผกาที่รู้
“ผกา”
คีรีขับรถมาจอดที่หน้าบ้านผกาได้เขาก็รีบตะโกนเสียงฝาดเพื่อให้เธอออกมาจากบ้าน
“นายมาหาผกาแล้ว...นายมากินข้าวก่อนสิจ๊ะ”
ผกาที่รู้ว่าคีรีมาหาก็รีบวิ่งหน้าระรื่นออกมาต้อนรับทั้งรีบควงแขนคีรีหมายจะพาเขาเข้าบ้านแต่คีรีไม่คิดจะเข้าไปแม้แต่ก้าวเดียวเพราะที่เขามาที่นี่เพื่อต้องการคำตอบว่าภรรยาของเขาอยู่ที่ไหนเท่านั้น
“เมียฉันอยู่ที่ไหน”“ฉันจะไปรู้เหรอจ๊ะ”ผกายังคงตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่เห็นกับคำถามของคีรี“ดินบอกกับฉันว่าเธอพาเดินไปหลบที่กอไผ่”“นายจะเชื่ออะไรกับไอ้เด็กไม่เต็มบาทนั่น”“เธอสิไม่เต็มบาท...ปิ่นงามอยู่ที่ไหน”คีรีเริ่มโมโหหนักจากที่อารมณ์คุกรุ่นมาตั้งแต่คราแรกอยู่แล้ว“นายดุฉันเหรอจ๊ะ”“ฉันถามว่าปิ่นงามอยู่ที่ไหนไม่ได้ยินหรือไงวะ”ผกามองหน้าคีรีด้วยความเคืองใจปกติไม่มีเลยสักครั้งที่คีรีจะขึ้นเสียงกับเธอแต่ครั้งนี้ดูเขาจะเป็นห่วงปิ่นงามมากจนกล้าตะคอกใส่เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหอยู่ในใจแต่แค่โวยวายอะไรออกมาไม่ได้เท่านั้น“คุณปิ่นไปที่น้ำตก...ไม่รู้เข้าป่าไปหรือเปล่า..ฉันก็ไม่เห็น”และแล้วผกาก็ต้องยอมกัดฟันพูดจนได้“ถ้าเมียฉันเป็นอะไรไปฉันไม่เอาเธอไว้แน่”คีรีชี้หน้าผกาเขารีบขับรถกลับออกไปอย่างรวดเร็วตอนนี้หัวใจดวงโตหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มเพราะนี่ก็มืดแล้วมีทางเดียวที่จะตามหาปิ่นงามให้ได้ไวที่สุดคืดเขาต้องไปตามพรานในหมู่บ้านมาให้ช่วยแกะรอยตามหาหากเขาไปงมหาคนเดียวมีหวังปิ่นงามอาจจะมีอันตรายก่อนที่เขาจะหาเจอได้“นายหลงมันเข้าแล้ว..หึ้ยย..อีปิ่นอีมารหัวใจ”ผกากลับเข้ามาในบ้านได้เธอก็ไม่มีอารมณ์กินข้าวแ
“ฉันจะไม่ให้ผกามาเหยียบที่ไร่อีกแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก”คีรีในตอนนี้โกรธผกามากจนแทบไม่อยากจะเห็นหน้าไม่คิดว่าคนที่เขาชมชอบนั้นจะเป็นคนที่นิสัยเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้“อย่านะคะที่ผกาทำก็เพราะรักคุณ...”ปิ่นงามเห็นว่าการทำแบบนั้นมันจะไม่ใช่ผลดีเท่าไรนักเพราะมันจะยิ่งทำให้ผกาเกลียดเธอเข้าไปอีก“หึ่... ให้ได้อย่างนี้สิ”คีรีสบถในลำคอคนจะดีก็ดีเสียจนใจหายคนจะร้ายก็ร้ายเสียจนคิดว่าชีวิตคนหนึ่งชีวิตไม่มีค่าช่วงเที่ยงของวันต่อมาหลังจากที่ผกาส่งขนมเรียบร้อยแล้วคีรีก็เรียกผกาเข้ามาคุยในสำนักงานไร่เพราะเขาต้องการจะตักเตือนเธอว่าอย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกไม่อย่างนั้นเขาจะเอาผิดผกาโดยที่ไม่สนคำทัดทานของใครทั้งนั้น“ครั้งนี้ฉันจะละโทษเพราะปิ่นขอถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกฉันเอาเรื่องแน่...แล้วจะไม่ให้เธอไปเหยียบที่ไร่นี้อีก”“ผกาไม่มาที่นี่ก็ได้...เชิญไปสั่งขนมร้านอื่นเลย”ผกามองหน้าคีรีด้วยความไม่พอใจจากคำที่ว่าจะละโทษเธอเพราะปิ่นงามขอเท่ากับว่าอะไรๆตอนนี้คีรีก็ต้องรับฟังคำปิ่นงามทั้งนั้นหากจะละโทษเพราะปิ่นงามดังนั้นก็ถือว่าคีรีไม่เห็นหัวเธอแล้วจึงยื่นคำขาดกับเขาว่าจะไม่มาที่นี่อีกดูสิเขา
“เหงาหรือเปล่าไม่มีเจ้าดินมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”คีรีนอนกอดก่ายร่างบางขณะที่มากางมุ้งนอนดูดาวยามค่ำคืนกันที่ชานเรือน“นิดหน่อยแต่ปิ่นดีใจมากกว่าค่ะที่ดินได้อยู่กับพ่อและก็แม่อีกอย่างจะได้ไม่ลำบากอีกต่อไปแล้ว”“อืม.. เธออยากมีเด็กเล็กๆมาอยู่ด้วยตลอดหรือเปล่า”“มีก็ดีค่ะ...ว่าแต่เด็กที่ไร่เหรอคะ?”ดวงตาปิ่นงามเบิกโพรงอย่างสนอกสนใจคำพูดของคีรีหากเธอได้เด็กเล็กลูกของคนงานที่ไร่มาเลี้ยงช่วงกลางวันก็คงไม่เหงา“ฉันจะทำให้เธอไง”“เอ่อ...คุณอยากมีลูกกับปิ่นอย่างนั้นเหรอคะ”ปิ่นงามหลบสายตาคีรีเล็กน้อยพวงแก้มนวลตอนนี้เริ่มแดงระเรื่องเพราะเคอะเขินกับคำพูดของเขา“อืม...”ฟอดดคนตัวโตรวบกระชับกอดร่างบางแน่นกดหอมภรรยาตนฟอดใหญ่เขาไม่ได้พูดเล่นเขาคิดจะมีลูกกับเธอจริงๆเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะเป็นแม่ของลูกที่ดีได้เพราะมีนิสัยเป็นคนอ่อนโยนรักเด็ก“แล้วกับผู้หญิงคนอื่นล่ะคะคุณอยากมีลูกกับพวกเธอหรือเปล่า”ปิ่นงามถามคีรีให้มั่นใจหากเขาอยากมีลูกกับเธอแล้วผู้หญิงคนอื่นเขาอยากมีด้วยหรือไม่เพราะเธอไม่อยากให้ลูกเกิดมาแล้วได้ชื่อว่าเป็นลูกเมียหลวงเมียน้อย“ไม่ฉันไม่เคยคิดจะมีลูกกับใครจนมาเจอเธอ”เสียงแหบพร่าเอ่ยกระ
“อืม..”ปิ่นงามฟุบใบหน้าลงกับบ่าแกร่งขณะที่คนเป็นสามีกำลังดึงสะโพกเธอให้เข้าออกเป็นจังหวะและไม่นานนักเธอก็เริ่มขยับเองได้แต่เป็นจังหวะที่ค่อนข้างนุ่มนวล“อย่างนั้นแหละ...อืม..น่ารักที่สุดเลย”คีรีกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอขณะที่ภรรยาตัวน้อยเริ่มควบคุมเกมส์เองเป็นใบหน้าหวานที่ตาปรือเม้มปากแน่นครางเสียงอ่อนของเธอยิ่งเร้าอารมณ์ให้เขาได้เป็นอย่างดี“อืม..อื้ออ..อะ..อ๊ายยย”“อึก..อ่าส..”จากที่นั่งคุมเกมส์อยู่พักใหญ่ปิ่นงามก็เริ่มบิดเร่ากอดคนเป็นสามีตัวเกร็งด้วยแตะขอบสวรรค์ไปเรียบร้อยเสียงหวานร้องโหยหวนพร้อมกับเสียงคำรามในลำคอของคีรีเพราะชายหนุ่มก็เสียวจนแทบปริแตกเมื่อร่องสวาทของหญิงสาวตอดรัดตัวตนของเขาถี่ยิบ“อืม..”คีรีวางร่างบางให้นอนลงแล้วเริ่มขย่มบนตัวเธออีกครั้งเนิ่นนานเท่าไรนับเวลาไม่ได้กว่าจะได้ปล่อยให้ภรรยาตัวเล็กได้เป็นอิสระก็ได้ยินเสียงไก่ขันเสียแล้วหลายวันต่อมาคีรีทำได้อย่างที่สัญญากับปิ่นงามจริงๆเขาตัดขาดความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เขาเคยเกี้ยวพาราสีโดยเด็ดขาดชายหนุ่มพยายามทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีและรอคอยวันที่ปิ่นงามจะตั้งท้องคีรีเปลี่ยนเป็นคนละคนจากคนที่เคยเจ้าชู้ชอบสังสรรค์กล
“คุณคี..เป็นอะไรคะ”กลางดึกปิ่นงามตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าคีรีนั้นนอนไม่อยู่สุขเท่าไรแถมเขายังเอาแต่นอนหันหลังให้เธอไม่กอดเธอเหมือนกับทุกคืนที่เคยทำอีกด้วย“เปล่านอนเถอะ..”คีรีหันมามองหน้าปิ่นงามครู่หนึ่งก่อนจะรีบหันไปความรู้สึกของเขาตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองและจิตใจนั้นไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรนัก“....”ปิ่นงามนอนลืมตาอยู่พักใหญ่กว่าจะข่มตาหลบลงได้เพราะเป็นห่วงคีรีอยู่พอสมควรด้วยไม่เคยเห็นชายหนุ่มมีอาการแบบนี้มาก่อนอีกอย่างตอนเย็นก็ยังดีๆอยู่เลยอาการวันต่อมา“ไม่กินข้าวเช้าก่อนเหรอคะ”“ปิ่นงามเห็นคีรีเตรียมตัวออกไปทำงานตั้งแต่ที่เธอยังจัดสำรับกับข้าวไม่เสร็จจึงรีบเรียกสามีเธอเอาไว้ก่อนเพราะเธอต้องการที่จะคุยกับเขาเรื่องความลับที่อยู่ในใจให้มันจบๆไปก่อนที่แสนคำจะมาที่นี่“ไม่”“คือปิ่นมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”“ฉันไม่มีเวลา...”คีรีหันมาตอบปิ่นงามเสียงแข็งทั้งสายตาของเขาก็ยังมองเธอไม่อ่อนโยนเหมือนเดิมก่อนจะรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้ปิ่นงามสลดอยู่พอสมควรหญิงสาวไม่รู้ว่าคีรีเป็นอะไรจริงๆแต่อาการของเขามันก็ทำให้เธอไม่สบายใจอยู่ไม่น้อยตั้งแต่เช้ายันเย็นปิ่นงามไม
ช่วงเช้าของวันต่อมาแสนคำและคำปันกับตองนวลก็เดินทางมาถึงไร่คีรีรักษ์พอดีตอนนี้ปิ่นงามรับหน้าที่ดูแลคนจากไร่แสนคำส่วนพ่อเลี้ยงอินก็รีบลากตัวลูกชายตัวดีออกมาต้อนรับแขกที่พึ่งมาเยือน“ต้อนรับกันเองไม่ได้หรือยังไง”“สงบปากของเอ็งไว้บ้างเห็นแก่หน้าข้าหน่อย”พ่อเลี้ยงอินเริ่มเสียงแข็งมองหน้าลูกชายตนไม่พอใจเรื่องเมื่อวานยังไม่ได้สะสางกันตัวต่อตัววันนี้หากคีรีทำให้เขาเสียหน้าอีกคงได้ตัดพ่อตัดลูกกันจริงๆแน่“แม่ปรางค์ไปไหนซะล่ะทำไมเราอยู่คนเดียวล่ะแม่ปิ่น”เมื่อเห็นทุกคนมานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วแต่แสนคำชายวัยชราเจ้าของไร่แสนคำก็รีบถามหาหลานสาวอย่างปรางค์ทิพย์ทันทีคำพูดของแสนคำทำเอานภาและคีรีต่างก็มีสีหน้าสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนส่วนพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงของไร่ไม่ได้แปลกใจนักด้วยรู้เรื่องราวว่าปิ่นงามเป็นลูกของตองนวลตั้งแต่วันแต่งงานแล้ววันนั้นปิ่นงามสารภาพกับผู้ใหญ่ทั้งสองจนหมดเพราะไม่อยากปิดบัง...ส่วนอินและดอกแก้วเข้าใจทุกอย่างและยินดีที่จะรับลูกของตองนวลเป็นสะใภ้เพราะตองนวลก็เป็นเพื่อนรักของพวกเขา“คือ...ปิ่นอยู่ที่นี่คนเดียวค่ะคุณปู่”ปิ่นงามนั่งก้มหน้างุดและแล้วเธอก็ไม่ได้บอก
สามวันต่อมา“ทำไมวันนี้ไม่อยู่กับคีรีล่ะลูก..ไม่ใช่ทะเลาะกันหรอกนะลูก”ตองนวลเห็นลูกสาวเธอขลุกอยู่กับเธอที่เรือนใหญ่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่เห็นจะกลับไปหาคีรีที่ท้ายไร่เสียทีคงไม่ใช่ทะเลาะกันอีกหรือเปล่า“ไม่หรอกค่ะ..ปิ่นอยากอยู่กับแม่นี่คะ..อยากนอนกอดแม่กินข้าวฝีมือแม่พรุ่งนี้แม่ก็จะกลับแล้ว”“อ้อนเป็นเด็กๆไปได้นะเรา”ปิ่นงามกอดแม่จนกลมเธออยากกอดแม่เธอนานที่สุดเท่าที่จะนานได้เพราะหลังจากนี้คงอีกนานกว่าจะเจอกันอีกอย่างการที่ได้อยู่ใกล้กับแม่ตนตอนนี้ก็เป็นสิ่งเดียวที่เรียกว่าความสุขเพราะรับรู้อยู่ทุกขณะว่าหากแม่เธอกลับไปแล้วเธอจะต้องพบกับความทุกข์ใจแสนสาหัสเช้าวันต่อมาเมื่ออาทิตย์ยังไม่โผล่เต็มดวงดีแสนคำกับทุกคนที่มาพร้อมกันก็เตรียมตัวกลับหลังจากนั้นก็เป็นเวลาของปิ่นงามที่จะต้องเผชิญความจริงเธอรีบกลับไปที่เรือนเล็กทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคีรีว่าเธอจะปล่อยเขาไปหลังจากที่ปิ่นงามกลับมาถึงเรือนเล็กเธอเอ่ยลาคีรีเขาไม่เคยมีทีท่าที่จะคิดจะรั้งเธอไว้แม้แต่น้อยกลับบอกให้เธอรีบไปแล้วเขานั้นก็รีบไปหาผกาที่บ้านเพราะรู้สึกคิดถึงหญิงสาวร่างอวบอึ๋มใจจะขาด“.ฮึก..ฮือๆๆ..”สาวเจ้านั่งเก็บเสื้อผ้าไปร้องให
เดือนต่อมาเป็นเดือนกว่าแล้วที่ปิ่นงามไม่ได้อยู่ที่ไร่และไม่มีข่าวคราวว่าจะเจอเธอแม้แต่น้อยส่วนคีรีก็เอาแต่ขลุกอยู่กับผกาไม่ยอมห่างจนพ่อเลี้ยงอินและแม่เลี้ยงดอกแก้วต่างก็ท้อใจไม่คิดว่าลูกจะคิดตัดขาดกับพวกตนเพราะผู้หญิงจริงๆ“เฮ้อ...”นภาที่กำลังเหม่อที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในช่วงบ่ายของวันหญิงสาวนั่งเครียดกับเรื่องครอบครัวตอนนี้เธอสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องมาเครียดเพราะเรื่องพี่ชายเธอไหนจะตามหาปิ่นงามไม่เจออีกไม่รู้เลยว่าครอบครัวเธอไปทำเวรทำกรรมเอาไว้ถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้“คุณภาจ๊ะ”“มีอะไรเหรอป้าแดง”นภาหลุดออกจากภวังค์หายนั่งเหม่อเมื่อแดงแม่ครัวประจำไร่วัยเกือบห้าสิบก็เข้ามาเรียก“วันนั้นฉันเห็น... “เรื่องที่แดงบอกกับนภาทำให้หญิงสาวได้ข้อกระจ่างแล้วว่าทำไมพี่ชายเธอถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนกะทันหันเช่นนั้น...ที่แดงต้องมาบอกเพราะคนเขารู้กันทั้งไร่ว่าคีรีตอนนี้หลงผกายังกับอะไรดีประจวบเหมาะกับเธอจำได้ว่าก่อนหน้านั้นผกาก็ไปหาหมอมั่นที่ตำหนักอยู่บ่อยๆเลยกลัวว่าที่คีรีเป็นแบบนี้ก็เพราะผกาจะทำของใส่หญิงสาวคุยกับแดงเรียบร้อยแล้วจึงรีบกลับที่เรือนใหญ่รีบมาบอกกับพ่อและแม่ตนอย่างที่แดงได้เล่าให้ฟัง“แม่ภ