“เมียฉันอยู่ที่ไหน”
“ฉันจะไปรู้เหรอจ๊ะ”
ผกายังคงตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่เห็นกับคำถามของคีรี
“ดินบอกกับฉันว่าเธอพาเดินไปหลบที่กอไผ่”
“นายจะเชื่ออะไรกับไอ้เด็กไม่เต็มบาทนั่น”
“เธอสิไม่เต็มบาท...ปิ่นงามอยู่ที่ไหน”
คีรีเริ่มโมโหหนักจากที่อารมณ์คุกรุ่นมาตั้งแต่คราแรกอยู่แล้ว
“นายดุฉันเหรอจ๊ะ”
“ฉันถามว่าปิ่นงามอยู่ที่ไหนไม่ได้ยินหรือไงวะ”
ผกามองหน้าคีรีด้วยความเคืองใจปกติไม่มีเลยสักครั้งที่คีรีจะขึ้นเสียงกับเธอแต่ครั้งนี้ดูเขาจะเป็นห่วงปิ่นงามมากจนกล้าตะคอกใส่เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหอยู่ในใจแต่แค่โวยวายอะไรออกมาไม่ได้เท่านั้น
“คุณปิ่นไปที่น้ำตก...ไม่รู้เข้าป่าไปหรือเปล่า..ฉันก็ไม่เห็น”
และแล้วผกาก็ต้องยอมกัดฟันพูดจนได้
“ถ้าเมียฉันเป็นอะไรไปฉันไม่เอาเธอไว้แน่”
คีรีชี้หน้าผกาเขารีบขับรถกลับออกไปอย่างรวดเร็วตอนนี้หัวใจดวงโตหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มเพราะนี่ก็มืดแล้วมีทางเดียวที่จะตามหาปิ่นงามให้ได้ไวที่สุดคืดเขาต้องไปตามพรานในหมู่บ้านมาให้ช่วยแกะรอยตามหาหากเขาไปงมหาคนเดียวมีหวังปิ่นงามอาจจะมีอันตรายก่อนที่เขาจะหาเจอได้
“นายหลงมันเข้าแล้ว..หึ้ยย..อีปิ่นอีมารหัวใจ”
ผกากลับเข้ามาในบ้านได้เธอก็ไม่มีอารมณ์กินข้าวแม้นแต่น้อยหญิงสาวนั่งชันเข่ามือเรียวกำผ้าถุงแน่นตอนนี้เธอรู้สึกหมั่นไส้ปิ่นงามจนแทบอยากจะฉีกเนื้อเป็นชิ้นๆ
ทางด้านปิ่นงามตอนนี้ยังคงตามหาเด็กชายอยู่ตลอดเวลาเธอวิ่งเข้ามาในป่าลึกมากโดยที่ไม่รู้ตัวเพราะใจห่วงพะวงอยู่กับเด็กชายยิ่งมืดเท่าไรเธอก็ไม่อยากจะนึกเลยว่าดินนั้นจะเกิดอาการกลัวแค่ไหนดีที่วันนี้เป็นคืนเดือนหงายเธอจึงยังพอคลำทางไปได้บ้าง
“ดิน..ได้ยินฉันไหม..”
จี้ดๆๆๆ.......
“ป่าเงียบ...”
หลังจากที่เธอเรียกหาดินเป็นครั้งสุดท้ายก็มารู้ตัวว่าตอนนี้เสียงหรีดหริ่งเรไรกำลังเงียบเธอเคยได้ยินมาว่าหากป่าเงียบเท่ากับว่ากำลังมีสัตว์นักล่าเข้ามาตอนนี้หญิงสาวจึงรีบสงบปากสงบคำหัวใจตอนนี้เต้นแรงแทบจะกระเด็นออกมาด้านนอก
“ดิน...อย่าเป็นอะไรนะ”
หญิงสาวภาวนาเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นเครือน้ำตาเม็ดเล็กค่อยๆไหลออกมาจากดวงตากลมโตเพราะรู้สึกผิดที่ดูแลเด็กชายได้ไม่ดีเท่าที่ควร
โฮกกกกก
“ส.. เสือ... “
สาวเจ้าอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์นักล่าเธอรีบหาที่หลบมองเห็นปากถ้ำอยู่ตรงหน้าไม่ไกลจึงรีบวิ่งเข้าไปหลบที่หน้าปากถ้ำ
“เสียง... นี้”
ทางด้านคีรีที่เข้าป่ามากับพรานสองคนพร้อมอาวุธป้องกันตัวครบเมื่อเข้าป่ามาได้ไม่เท่าไรก็ต้องชะงักกันทั้งคู่เพราะได้ยินเสียงคำรามของเสือ
“เออ.. ข้ารู้เร่งฝีเท้ากันหน่อย”
พรานบุญรีบบอกให้คีรีเร่งฝีเท้าตามเขามาอย่างรวดเร็วหากเจอปิ่นงามช้ากว่านี้ไม่รู้ว่าจะยังเจอในสภาพที่ยังดีๆอยู่หรือเปล่า
“พ่อจ๋า...ปกป้องคุ้มครองดินกับลูกด้วยนะจ๊ะ”
ปิ่นงามนั่งภาวนาอยู่ในถ้ำเธอนึกถึงพ่อเธอที่เสียไปแล้วให้ปกป้องคุ้มครองเธอและคนที่เธอกำลังตามหาหญิงสาวนั่งตัวสั่นเป็นลูกนกทั้งความกลัวและความเย็นยะเยือกจากในถ้ำทำให้เธอนั่งกอดเข่าสั่นไม่มีทีท่าว่าจะหายจะหาไม้มาก่อฟืนไฟหรือก็ไม่กล้าออกไปเสียแล้วในตอนนี้
พรานบุญเดินมาถึงแถวหน้าปากถ้ำได้ก็หยุดเดินครู่หนึ่งก่อนจะก้มลงส่องคบเพลิงที่ถือมาที่พื้น
“เมียเอ็งท่าจะวิ่งไวเหมือนกันนะ...ท่าจะห่วงคนอื่นมากกว่าตัวเองน่าดูรู้ว่าจะมืดแล้วยังรีบเข้าป่าลึกขนาดนี้...อืม..รอยมาหยุดวนตรงนี้..ตรงข้างหน้ามีถ้ำเดินตามข้ามา”
ว่าจบก็เดินตรงดิ่งนำหน้าคีรีไปที่ถ้ำใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลทันที
“ปิ่น.. เธออยู่ที่นี่หรือเปล่า”
คีรีส่งเสียงเรียกหาปิ่นงามครู่หนึ่งแล้วรอสัญญาณตอบกลับเขาไม่ใช้เสียงพร่ำเพรื่อเพราะรู้ว่ามันไม่ใช่ผลดี
“คุณคี.. คุณคี”
ปิ่นงามค่อยๆเดินออกมาจากถ้ำเห็นแสงไฟรำไรที่หน้าถ้ำดวงตากลมโตเมื่อเห็นหน้าคนเป็นสามีก็น้ำตารื้นรีบวิ่งเข้าไปสวมกอดแน่น
“ปิ่น.. “
“ปิ่นกลัว...ฮือๆๆๆ..”
สาวเจ้าปล่อยโฮซบอกคีรีโดยที่ไม่อายสายตาของผู้ใหญ่อีกคนที่ยืนอยู่ข้างคีรี
“ไม่ต้องกลัวฉันอยู่นี่แล้ว”
“เจอกันก็ดีแล้วรีบออกจากป่าก่อนที่จะดึกกว่านี้เถอะ”
พรานบุญเห็นทีจะต้องให้ทั้งสองรีบออกจากป่าก่อนที่เวลาจะล่วงเลยมากกว่านี้เพราะสัตว์นักล่าในตอนดึกบริเวณถ้ำแถบนี้ค่อนข้างชุกชุมพอสมควร
“ดิน...ปิ่นยังหาดินไม่เจอ”
ปิ่นงามยังคงไม่ไปไหนมือเรียวรั้งแขนสามีของเธอเอาไว้เพราะเธอยังต้องตามหาดินไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
“ดินอยู่ที่บ้านแล้วไม่ต้องห่วง..กลับไปฉันจะเล่าให้เธอฟังเอง”
คีรีรวบกอดร่างบางเอาไว้แน่นบอกให้เธอนั้นคลายกังวลเรื่องดินเขายอมรับหัวใจที่ดีงามของปิ่นงามขนาดเธอกลัวจนตัวสั่นยังจะมีกะจิตกะใจห่วงเด็กชายยิ่งคิดเขาก็ยิ่งโกรธผกาที่กล้าทำกับภรรยาเขาได้
หลังจากที่พากันกลับมาได้ปิ่นงามก็ตัวติดกับคีรีอยู่ไม่ห่างเพราะเธอยังทำใจให้หายกลัวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าไม่ได้แต่ก็ดีใจที่ดินนั้นไม่ได้หลงเข้าป่าไปจริงๆทุกอย่างเป็นแผนการของผกาทั้งหมด
“ยังกลัวอยู่อีกหรือเปล่า”
“ค่ะ...ปิ่นโง่เองไม่น่าเชื่อผกาเลยน่าจะตามหาดินระแวกใกล้ๆก่อนคุณกับคนอื่นต้องเดือดร้อนตามหาปิ่นอีก”
“ขนาดกลัวขนาดนี้ยังห่วงคนอื่นอีกเหรอ..เธอโกรธผกาหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะปิ่นเข้าใจ...เธอคงจะหวงคุณ”
หญิงสาวส่ายหัวเธอเข้าใจว่าที่ผกาทำไปคงเป็นเพราะหวงคีรีเธอมาทีหลังเธอรู้ตัวดี
“ฉันจะไม่ให้ผกามาเหยียบที่ไร่อีกแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก”คีรีในตอนนี้โกรธผกามากจนแทบไม่อยากจะเห็นหน้าไม่คิดว่าคนที่เขาชมชอบนั้นจะเป็นคนที่นิสัยเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้“อย่านะคะที่ผกาทำก็เพราะรักคุณ...”ปิ่นงามเห็นว่าการทำแบบนั้นมันจะไม่ใช่ผลดีเท่าไรนักเพราะมันจะยิ่งทำให้ผกาเกลียดเธอเข้าไปอีก“หึ่... ให้ได้อย่างนี้สิ”คีรีสบถในลำคอคนจะดีก็ดีเสียจนใจหายคนจะร้ายก็ร้ายเสียจนคิดว่าชีวิตคนหนึ่งชีวิตไม่มีค่าช่วงเที่ยงของวันต่อมาหลังจากที่ผกาส่งขนมเรียบร้อยแล้วคีรีก็เรียกผกาเข้ามาคุยในสำนักงานไร่เพราะเขาต้องการจะตักเตือนเธอว่าอย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกไม่อย่างนั้นเขาจะเอาผิดผกาโดยที่ไม่สนคำทัดทานของใครทั้งนั้น“ครั้งนี้ฉันจะละโทษเพราะปิ่นขอถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกฉันเอาเรื่องแน่...แล้วจะไม่ให้เธอไปเหยียบที่ไร่นี้อีก”“ผกาไม่มาที่นี่ก็ได้...เชิญไปสั่งขนมร้านอื่นเลย”ผกามองหน้าคีรีด้วยความไม่พอใจจากคำที่ว่าจะละโทษเธอเพราะปิ่นงามขอเท่ากับว่าอะไรๆตอนนี้คีรีก็ต้องรับฟังคำปิ่นงามทั้งนั้นหากจะละโทษเพราะปิ่นงามดังนั้นก็ถือว่าคีรีไม่เห็นหัวเธอแล้วจึงยื่นคำขาดกับเขาว่าจะไม่มาที่นี่อีกดูสิเขา
“เหงาหรือเปล่าไม่มีเจ้าดินมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”คีรีนอนกอดก่ายร่างบางขณะที่มากางมุ้งนอนดูดาวยามค่ำคืนกันที่ชานเรือน“นิดหน่อยแต่ปิ่นดีใจมากกว่าค่ะที่ดินได้อยู่กับพ่อและก็แม่อีกอย่างจะได้ไม่ลำบากอีกต่อไปแล้ว”“อืม.. เธออยากมีเด็กเล็กๆมาอยู่ด้วยตลอดหรือเปล่า”“มีก็ดีค่ะ...ว่าแต่เด็กที่ไร่เหรอคะ?”ดวงตาปิ่นงามเบิกโพรงอย่างสนอกสนใจคำพูดของคีรีหากเธอได้เด็กเล็กลูกของคนงานที่ไร่มาเลี้ยงช่วงกลางวันก็คงไม่เหงา“ฉันจะทำให้เธอไง”“เอ่อ...คุณอยากมีลูกกับปิ่นอย่างนั้นเหรอคะ”ปิ่นงามหลบสายตาคีรีเล็กน้อยพวงแก้มนวลตอนนี้เริ่มแดงระเรื่องเพราะเคอะเขินกับคำพูดของเขา“อืม...”ฟอดดคนตัวโตรวบกระชับกอดร่างบางแน่นกดหอมภรรยาตนฟอดใหญ่เขาไม่ได้พูดเล่นเขาคิดจะมีลูกกับเธอจริงๆเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะเป็นแม่ของลูกที่ดีได้เพราะมีนิสัยเป็นคนอ่อนโยนรักเด็ก“แล้วกับผู้หญิงคนอื่นล่ะคะคุณอยากมีลูกกับพวกเธอหรือเปล่า”ปิ่นงามถามคีรีให้มั่นใจหากเขาอยากมีลูกกับเธอแล้วผู้หญิงคนอื่นเขาอยากมีด้วยหรือไม่เพราะเธอไม่อยากให้ลูกเกิดมาแล้วได้ชื่อว่าเป็นลูกเมียหลวงเมียน้อย“ไม่ฉันไม่เคยคิดจะมีลูกกับใครจนมาเจอเธอ”เสียงแหบพร่าเอ่ยกระ
“อืม..”ปิ่นงามฟุบใบหน้าลงกับบ่าแกร่งขณะที่คนเป็นสามีกำลังดึงสะโพกเธอให้เข้าออกเป็นจังหวะและไม่นานนักเธอก็เริ่มขยับเองได้แต่เป็นจังหวะที่ค่อนข้างนุ่มนวล“อย่างนั้นแหละ...อืม..น่ารักที่สุดเลย”คีรีกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอขณะที่ภรรยาตัวน้อยเริ่มควบคุมเกมส์เองเป็นใบหน้าหวานที่ตาปรือเม้มปากแน่นครางเสียงอ่อนของเธอยิ่งเร้าอารมณ์ให้เขาได้เป็นอย่างดี“อืม..อื้ออ..อะ..อ๊ายยย”“อึก..อ่าส..”จากที่นั่งคุมเกมส์อยู่พักใหญ่ปิ่นงามก็เริ่มบิดเร่ากอดคนเป็นสามีตัวเกร็งด้วยแตะขอบสวรรค์ไปเรียบร้อยเสียงหวานร้องโหยหวนพร้อมกับเสียงคำรามในลำคอของคีรีเพราะชายหนุ่มก็เสียวจนแทบปริแตกเมื่อร่องสวาทของหญิงสาวตอดรัดตัวตนของเขาถี่ยิบ“อืม..”คีรีวางร่างบางให้นอนลงแล้วเริ่มขย่มบนตัวเธออีกครั้งเนิ่นนานเท่าไรนับเวลาไม่ได้กว่าจะได้ปล่อยให้ภรรยาตัวเล็กได้เป็นอิสระก็ได้ยินเสียงไก่ขันเสียแล้วหลายวันต่อมาคีรีทำได้อย่างที่สัญญากับปิ่นงามจริงๆเขาตัดขาดความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เขาเคยเกี้ยวพาราสีโดยเด็ดขาดชายหนุ่มพยายามทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีและรอคอยวันที่ปิ่นงามจะตั้งท้องคีรีเปลี่ยนเป็นคนละคนจากคนที่เคยเจ้าชู้ชอบสังสรรค์กล
“คุณคี..เป็นอะไรคะ”กลางดึกปิ่นงามตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าคีรีนั้นนอนไม่อยู่สุขเท่าไรแถมเขายังเอาแต่นอนหันหลังให้เธอไม่กอดเธอเหมือนกับทุกคืนที่เคยทำอีกด้วย“เปล่านอนเถอะ..”คีรีหันมามองหน้าปิ่นงามครู่หนึ่งก่อนจะรีบหันไปความรู้สึกของเขาตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองและจิตใจนั้นไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรนัก“....”ปิ่นงามนอนลืมตาอยู่พักใหญ่กว่าจะข่มตาหลบลงได้เพราะเป็นห่วงคีรีอยู่พอสมควรด้วยไม่เคยเห็นชายหนุ่มมีอาการแบบนี้มาก่อนอีกอย่างตอนเย็นก็ยังดีๆอยู่เลยอาการวันต่อมา“ไม่กินข้าวเช้าก่อนเหรอคะ”“ปิ่นงามเห็นคีรีเตรียมตัวออกไปทำงานตั้งแต่ที่เธอยังจัดสำรับกับข้าวไม่เสร็จจึงรีบเรียกสามีเธอเอาไว้ก่อนเพราะเธอต้องการที่จะคุยกับเขาเรื่องความลับที่อยู่ในใจให้มันจบๆไปก่อนที่แสนคำจะมาที่นี่“ไม่”“คือปิ่นมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”“ฉันไม่มีเวลา...”คีรีหันมาตอบปิ่นงามเสียงแข็งทั้งสายตาของเขาก็ยังมองเธอไม่อ่อนโยนเหมือนเดิมก่อนจะรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้ปิ่นงามสลดอยู่พอสมควรหญิงสาวไม่รู้ว่าคีรีเป็นอะไรจริงๆแต่อาการของเขามันก็ทำให้เธอไม่สบายใจอยู่ไม่น้อยตั้งแต่เช้ายันเย็นปิ่นงามไม
ช่วงเช้าของวันต่อมาแสนคำและคำปันกับตองนวลก็เดินทางมาถึงไร่คีรีรักษ์พอดีตอนนี้ปิ่นงามรับหน้าที่ดูแลคนจากไร่แสนคำส่วนพ่อเลี้ยงอินก็รีบลากตัวลูกชายตัวดีออกมาต้อนรับแขกที่พึ่งมาเยือน“ต้อนรับกันเองไม่ได้หรือยังไง”“สงบปากของเอ็งไว้บ้างเห็นแก่หน้าข้าหน่อย”พ่อเลี้ยงอินเริ่มเสียงแข็งมองหน้าลูกชายตนไม่พอใจเรื่องเมื่อวานยังไม่ได้สะสางกันตัวต่อตัววันนี้หากคีรีทำให้เขาเสียหน้าอีกคงได้ตัดพ่อตัดลูกกันจริงๆแน่“แม่ปรางค์ไปไหนซะล่ะทำไมเราอยู่คนเดียวล่ะแม่ปิ่น”เมื่อเห็นทุกคนมานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วแต่แสนคำชายวัยชราเจ้าของไร่แสนคำก็รีบถามหาหลานสาวอย่างปรางค์ทิพย์ทันทีคำพูดของแสนคำทำเอานภาและคีรีต่างก็มีสีหน้าสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนส่วนพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงของไร่ไม่ได้แปลกใจนักด้วยรู้เรื่องราวว่าปิ่นงามเป็นลูกของตองนวลตั้งแต่วันแต่งงานแล้ววันนั้นปิ่นงามสารภาพกับผู้ใหญ่ทั้งสองจนหมดเพราะไม่อยากปิดบัง...ส่วนอินและดอกแก้วเข้าใจทุกอย่างและยินดีที่จะรับลูกของตองนวลเป็นสะใภ้เพราะตองนวลก็เป็นเพื่อนรักของพวกเขา“คือ...ปิ่นอยู่ที่นี่คนเดียวค่ะคุณปู่”ปิ่นงามนั่งก้มหน้างุดและแล้วเธอก็ไม่ได้บอก
สามวันต่อมา“ทำไมวันนี้ไม่อยู่กับคีรีล่ะลูก..ไม่ใช่ทะเลาะกันหรอกนะลูก”ตองนวลเห็นลูกสาวเธอขลุกอยู่กับเธอที่เรือนใหญ่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่เห็นจะกลับไปหาคีรีที่ท้ายไร่เสียทีคงไม่ใช่ทะเลาะกันอีกหรือเปล่า“ไม่หรอกค่ะ..ปิ่นอยากอยู่กับแม่นี่คะ..อยากนอนกอดแม่กินข้าวฝีมือแม่พรุ่งนี้แม่ก็จะกลับแล้ว”“อ้อนเป็นเด็กๆไปได้นะเรา”ปิ่นงามกอดแม่จนกลมเธออยากกอดแม่เธอนานที่สุดเท่าที่จะนานได้เพราะหลังจากนี้คงอีกนานกว่าจะเจอกันอีกอย่างการที่ได้อยู่ใกล้กับแม่ตนตอนนี้ก็เป็นสิ่งเดียวที่เรียกว่าความสุขเพราะรับรู้อยู่ทุกขณะว่าหากแม่เธอกลับไปแล้วเธอจะต้องพบกับความทุกข์ใจแสนสาหัสเช้าวันต่อมาเมื่ออาทิตย์ยังไม่โผล่เต็มดวงดีแสนคำกับทุกคนที่มาพร้อมกันก็เตรียมตัวกลับหลังจากนั้นก็เป็นเวลาของปิ่นงามที่จะต้องเผชิญความจริงเธอรีบกลับไปที่เรือนเล็กทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคีรีว่าเธอจะปล่อยเขาไปหลังจากที่ปิ่นงามกลับมาถึงเรือนเล็กเธอเอ่ยลาคีรีเขาไม่เคยมีทีท่าที่จะคิดจะรั้งเธอไว้แม้แต่น้อยกลับบอกให้เธอรีบไปแล้วเขานั้นก็รีบไปหาผกาที่บ้านเพราะรู้สึกคิดถึงหญิงสาวร่างอวบอึ๋มใจจะขาด“.ฮึก..ฮือๆๆ..”สาวเจ้านั่งเก็บเสื้อผ้าไปร้องให
เดือนต่อมาเป็นเดือนกว่าแล้วที่ปิ่นงามไม่ได้อยู่ที่ไร่และไม่มีข่าวคราวว่าจะเจอเธอแม้แต่น้อยส่วนคีรีก็เอาแต่ขลุกอยู่กับผกาไม่ยอมห่างจนพ่อเลี้ยงอินและแม่เลี้ยงดอกแก้วต่างก็ท้อใจไม่คิดว่าลูกจะคิดตัดขาดกับพวกตนเพราะผู้หญิงจริงๆ“เฮ้อ...”นภาที่กำลังเหม่อที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในช่วงบ่ายของวันหญิงสาวนั่งเครียดกับเรื่องครอบครัวตอนนี้เธอสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องมาเครียดเพราะเรื่องพี่ชายเธอไหนจะตามหาปิ่นงามไม่เจออีกไม่รู้เลยว่าครอบครัวเธอไปทำเวรทำกรรมเอาไว้ถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้“คุณภาจ๊ะ”“มีอะไรเหรอป้าแดง”นภาหลุดออกจากภวังค์หายนั่งเหม่อเมื่อแดงแม่ครัวประจำไร่วัยเกือบห้าสิบก็เข้ามาเรียก“วันนั้นฉันเห็น... “เรื่องที่แดงบอกกับนภาทำให้หญิงสาวได้ข้อกระจ่างแล้วว่าทำไมพี่ชายเธอถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนกะทันหันเช่นนั้น...ที่แดงต้องมาบอกเพราะคนเขารู้กันทั้งไร่ว่าคีรีตอนนี้หลงผกายังกับอะไรดีประจวบเหมาะกับเธอจำได้ว่าก่อนหน้านั้นผกาก็ไปหาหมอมั่นที่ตำหนักอยู่บ่อยๆเลยกลัวว่าที่คีรีเป็นแบบนี้ก็เพราะผกาจะทำของใส่หญิงสาวคุยกับแดงเรียบร้อยแล้วจึงรีบกลับที่เรือนใหญ่รีบมาบอกกับพ่อและแม่ตนอย่างที่แดงได้เล่าให้ฟัง“แม่ภ
“อ.. อ่ะ.. พี่ศักดิ์”ศักดิ์สิทธิ์โน้มตัวคร่อมร่างอวบอิ่มเขาล้วงมือหนามาที่กลีบกุหลาบงามค่อยๆสอดสองนิ้วแกร่งเข้าร่องสวาทจนสาวเจ้าร้องครางเสียงกระเส่า“คิดถึงข้าเหมือนกันล่ะสิ”ศักดิ์สิทธิ์เห็นว่าผกาไม่มีทีท่าขัดขืนก็ชอบใจและคิดเข้าข้างตัวเองในใจว่าเธอนั้นไม่มีทางลืมลีลารักของเขาได้“อื้มมม...”ชายหนุ่มถลกเสื้อสายเดี่ยวของผกาขึ้นไปกองบนเหนืออกเมื่อสองเต้างามโผล่ประจันหน้าได้เขาก็รีบตะกุมตะกามดูดดึงด้วยความกระหาย“..พี่ศักดิ์..อื้ม..”สองมือเรียวกดไรผมศักดิ์สิทธิ์เล่นก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งผลักศักดิ์สิมธิ์ให้นอนลงเพราะเธอไม่ไหวจะรอให้เขานั้นเล้าโลมแล้วผกาผลักชายหนุ่มจนเขานอนลงได้เธอก็รีบดึงกางเกงของชายหนุ่มจนเจ้าแท่งร้อนใหญ่ยักษ์ปูดเปล่งเด้งผึงมาอยู่ตรงหน้าของเธอ“อ้าสส.. ผกา”ผกาใช้มือเรียวชักรูดสามสี่ทีก่อนจะก้มดูดดึงเสมือนกำลังกินไอติมแสนอร่อยจนศักดิ์สิทธิ์เสียวจนกัดฟันกรอดสบถครางกระเส่าอยู่ในลำคอเมื่อดูดดึงแท่งไอติมรสโปรดจนพอใจแล้วสาวเจ้าก็รีบนั่งคร่อมคนตัวโตจับแท่งร้อนผงาดแข็งสอดเข้าร่องสวาทที่กำลังฉ่ำเยิ้มกดลงจนมิด“อ..อ๊า..”“อื้ม...ผกา..”ศักดิ์สิทธิ์ถึงกับรีบชันแขนนั่งเงยหน้าขึ้