ช่วงเย็นของวัน..ที่วัดในหมู่บ้านค่อนข้างวุ่นวายเพราะมีคนไปเจอศพของศักดิ์นอนขึ้นอืดอยู่ในป่าตอนนี้ทั้งสรวงและสมศรีเสียใจมากไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำกับศักดิ์สิทธิ์ได้โหดร้ายเช่นนี้
“พี่ศักดิ์ใครทำพี่แบบนี้”
สรวงนั่งกอดกัยกับคนเป็นแม่ร้องห่มร้องให้ระงมขณะที่คนอื่นๆที่มาช่วยจัดงานศพในศาลาวัดก็หดหู่ไม่แพ้กัน
“กูเอง...ฮ่าๆๆ...กูนี่แหละที่ฆ่ามัน...มันเสือกอยากจะบอกกับคนอื่นเองว่ามันเป็นผัวกู”
จู่ๆผกาก็เดินหัวฟูเข้ามาในศาลาอย่างคนที่สติไม่สมประดีเธอเปล่าประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอเป็นคนฆ่าศักสิทธิ์เอง
“ผกา..เอ็งทำแบบนี้ทำไมห้ะ”
สรวงโกรธมากที่ผกานั้นทำพี่ชายตนจนถึงตายและหมายจะเข้าไปทำร้ายหญิงสาวสักฉาดโดยที่ไม่สนใครจะว่าเขาทำร้ายผู้หญิงแต่ดีที่คนในศาลารีบห้ามเอ่าไว้ก่อน
“ฮ่าๆๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆๆๆ..”
ผกาหัวเราะลั่นทั่วศาลาจนคนในศาลายืนมองหญิงสาวเป็นตาเดียวด้วยต่างก็คิดว่าหญิงสาวสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปแล้ว
“ผกาเอ็งเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”
เทิดศักดิ์มองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจที่เธอไม่คิดสลดบ้างหรืออย่างไรฆ่าคนตายทั้งคนยังจะมาหัวเราะหน้าระรื่นอยู่อีก
“น่าจะบ้าจริงๆนั่นแหละของคงกลับเข้าตัวแล้วสิ”
นภาตะโกนให้ทุกคนได้รับรู้ทั่วกันเธอคิดว่าที่ผกาเป็นแบบนี้คงเพราะของที่หญิงสาวทำใส่พี่ชายเธอคงกลับเข้าตัวแล้วเป็นแน่
“ของอะไร”
“ก็ผกามันให้หมอมั่นทำของใส่พี่คีดีที่หลวงพ่อมาช่วยแต่ก็ทุรนทุรายปางตายเหมือนกันกว่าของจะออก”
ทุกคนแทบจะยกมือทาบอกไม่คิดว่าผกาจะร้ายได้ขนาดนี้
“เออกูทำ.. นายจะได้รักกู.. แล้วก็ก็จะได้เป็นแม่เลี้ยงของไร่.. ฮ่าๆๆๆๆๆ”
ผกาไม่ปฏิเสธตอนนี้เธอนึกอย่างไรคิดอย่างไรก็พูดออกมาเสียหมดหญิงสาวหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนจะเดินโซซัดโซเซไปที่อื่น
สรวงและสมศรีเห็นแบบนี้แล้วก็ไม่ได้อยากคิดจะเอาความผกาเพราะตอนนี้เธอก็น่าจะรับกรรมที่ได้ก่อเอาไว้แล้ว
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นที่ผกามาที่นี่ก็ไม่มีใครเห็นเธออีกเลยและไม่มีใครคิดใส่ใจที่จะตามหาด้วยวันเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนผ่านพ้นไปจนเกือบห้าปีตอนนี้ไร่คีรีรักษ์เจริญขึ้นมากและมีกำไรมากพอที่จะสร้างโรงงานแปรรูปผลผลิตเพื่อการส่งออกตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการดูแบบโครงสร้างของโรงงานและรายละเอียดการส่งออกอยู่ว่าเขาทำกันอย่างไร
ในส่วนของคีรีนั้นทุกลมหายใจของเขาก็ยังมีแต่ปิ่นงามเขาตามหาเธอทั่วทุกพื้นที่ในจังหวัดและจังหวัดใกล้เคียงกลับไม่พบทั้งเดินทางไปที่ไร่แสนคำเป็นประจำกลับไม่มีวี่แววว่าปิ่นงามจะกลับไปที่นั่น
จนปัจจุบันชายหนุ่มเป็นคนที่สนใจแต่งานเก็บตัวไม่สังสรรค์เหมือนเมื่อก่อนวันหยุดก็ยังคงตระเวณตามหาภรรยารักแต่ก็ไม่เห็นจะเป็นผลเขาทำแบบนี้มาห้าปีแล้วและคิดว่าจะทำต่อไปจนกว่าจะเจอปิ่นงามอีกครั้ง
“เตรียมตัวเร็วพี่คี”
นภาต้องมาคะยั้นคะยอให้คีรีเตรียมตัวไปดูรูปแบบโรงงานแปรรูปตัวอย่างที่กรุงเทพด้วยกันเพราะพี่ชายเธอนั้นเก้าไม่ไปสิบไม่ไปอย่างเดียวเลย
“เราไปคนเดียวไม่ได้หรือไงยัยภาพี่ไม่อยากไปไหน”
“ได้ยังไงน้องเป็นผู้หญิงจะให้เดินทางคนเดียวได้ยังไง”
ดอกแก้วเห็นทีจะต้องช่วยพูดให้คีรีนั้นไปดูงานเป็นเพื่อนนภาเธอจะไม่ยอมให้นภาเดินทางไกลและค้างคืนที่อื่นคนเดียวเด็ดขาด
“ก็ได้ครับ”
เมื่อคนเป็นแม่เค้นเข้าคีรีก็ต้องยอมเก็บเสื้อผ้าเพื่อที่จะเตรียมตัวเดินทางพรุ่งนี้แต่โดยดี
ณ.บ้านสีขาวหลังใหญ่ตอนนี้กำลังมีเด็กชายตัวอ้วนกลมวัยสี่ขวบกำลังวิ่งเล่นเสียงหัวเราะร่าทั่วบ้านกับคนเป็นแม่พอเห็นชาวีเดินเข้ามาในบ้านได้ก็รีบวิ่งโล่เข้ามาหาคุณอาหมอผู้แสนใจดีของตนทันที
“อาหมอสวัสดีครับ”
ฟอดดด
“ว่ายังไงคนเก่ง.. อาหมอมีช็อคโกแลตมาฝากด้วยนะครับ”
ชาวีอุ้มเด็กชายตัวกลมขึ้นมาหอมฟอดใหญ่พร้อมทั้งรีบชูกล่องช็อคโกแล็ตที่เขาซื้อมาฝากเด็กชายเป็นประจำ
“เย่.. ดีใจที่สุดเลย”
“ไม่เจอไม่กี่วันตัวโตขึ้นเยอะเลยนะเรา”
“แม่บอกว่าอคิณกินเก่งครับ”
“ฮ่าๆๆ.. ท่าจะจริงตัวแน่นมากเลย”
“น้ำค่ะคุณหมอ”
ปิ่นงามเดินถือแก้วน้ำมาวางที่โต๊ะหน้าโซฟาต้อนรับหมอหนุ่ม
“ขอบคุณครับ”
ชาวีวางเจ้าก้อนกลมลงพร้อมส่งกล่องช็อกโกแล็ตให้เด็กชายก็รีบเดินไปหาคนเป็นแม่ให้รีบแกะให้อย่างรวดเร็วเพราะอยากจะกินของโปรดใจจะขาด
“กินแค่ชิ้นเดียวนะครับ”
“ครับแม่”
เด็กชายว่าง่ายไม่เคยขอเพิ่มเพราะแม่ตนบอกเสมอว่าของหวานจะทำให้ฟันผุแล้วต้องไปให้หมอถอนฟัน
“ผมมีของมาให้คุณด้วยนะครับ”
หลังจากที่อคิณไปวิ่งเล่นที่อื่นแล้วชาวีก็ยกถุงกระดาษสองสามถุงออกมาจากรถเดินเอามาให้ปิ่นงาม
“ขอบคุณนะคะ...ปิ่นบอกแล้วไงคะว่าไม่ต้องซื้ออะไรมา”
หมอหนุ่มดีกับปิ่นงามมากจนหญิงสาวเกรงใจจนไม่รู้จะเกรงใจยังไงตั้งแต่เธอมาอยู่บ้านหลังนี้ชาวีก็หาสิ่งอำนวยความสะดวกให้เธอทุกอย่างเมื่อตอนคลอดอคิณเขาก็เป็นคนจัดการทุกอย่างเช่นกันไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้รวมถึงจ้างพยาบาลส่วนตัวมาช่วยเธอดูแลอคิณในช่วงเวลาที่เธอยังทำอะไรไม่ถนัด
“ผมอยากซื้อให้นี่ครับ”
ชาวีอยากดูแลปิ่นงามให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะว่าเขาไม่ได้คิดกับเธอแค่เพื่อนเท่านั้นเขาอยากจะดูแลเธอกับลูกตลอดเวลาแต่ติดตรงที่ว่าเขายังไม่กล้าที่จะพูดออกไปก็เท่านั้น
สองวันต่อมาคีรีและนภามาที่กรุงเทพตั้งแต่เมื่อวานพอถึงวันนี้พวกเขาก็เข้ามาดูโรงงานแปรรูปที่ชานเมืองกรุงเทพมหานครกันตังแต่เช้าเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะให้บริษัทของผจญไปสร้างโรงงานให้หรือไม่“รูปแบบเครื่องจักรทั้งหมดของที่นี่จะถูกสร้างที่ไร่คีรีรักษ์แบบเดียวกันทั้งหมดครับ...นี่สัญญาเอาไปอ่านรายละเอียดก่อนนะครับ”ผจญนักธุรกิจวัยหลางคนเข้ามาให้การต้อนรับคีรีและนภาด้วยตัวเองหลังจากดูโรงงานกันมาพักใหญ่แล้วผจญก็ยื่นสัญญาปึกใหญ่ให้กับนภาเอาไว้ศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการบริษัทของเขาสร้างโรงงานให้“ขอบคุณค่ะคุณผจญ...แล้วจะได้รูปแบบนี้แน่นอนใช่หรือเปล่าคะ...คือภาต้องถามให้แน่ใจค่ะเพราะเราจะได้จำกัดจำนวนการแบ่งขายให้เจ้าอื่นถูก”“แน่นอนครับ...หากไม่ใช่ทางคุณภาสามารถทำเรื่องฟ้องได้เลยครับ”“ได้ยินแบบนี้ภาก็มั่นใจค่ะ”ตอนนี้แม้นจะเดินด้วยกันสามคนแต่คนที่คุยกันมีเพียงแค่นภาและผจญเท่านั้นไม่จนผจญนั้นแอบคิดว่าคีรีไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า“คุณคีรีติดอะไรตรงไหนหรือเปล่าถามผมได้นะครับ”“อ๋อ..ไม่เลยครับทุกอย่างตามนภาหมดเลยครับ”“ครับ”นภาถึงกับยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ว่าพาพี่เธอมาด้วยยากแล้วให้พี่เธอช่วยกันออ
“พี่อยากเจอปิ่นใจจะขาดแล้วภา”“ภารู้...แต่ขอให้ใจเย็นๆเกิดพี่ปิ่นหนีไปอีกจะทำยังไง”นภาคิดถูกแล้วที่เธอไม่รีบบอกคีรีเรื่องที่เจอปิ่นงามตั้งแต่ในห้างไม่อย่างนั้นคงจะกระโตกกระตากจนปิ่นงามอาจจะเตลิดหนีไปอีกแน่ตอนนี้เธอให้พี่ชายเธอรออย่างใจเย็นและจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเองในช่วงเย็นของวันต่อมานภาคะยั้นคะยอให้คีรีรออย่างใจเย็นที่โรงแรมกว่าจะบังคับพี่ชายเธอให้เชื่อฟังได้ก็เหนื่อยที่จะพูดพอสมควรหลังจากที่จัดการกับคีรีได้เธอก็เดินทางมาที่คลินิคของหมาวีในช่วงเย็นเพื่อที่จะคุยอะไรบางอย่างกับหมอชาวีเสียก่อน“คุณนภาอาการที่มีแค่ปวดหัวไม่ได้รุนแรง..”ชาวีดูประวัติคนไข้รายสุดท้ายของวันที่พยาบาลผู้ช่วยยื่นประวัติให้ก่อนที่จะพาคนไข้เข้ามาเขาก็แอบสงสัยพอสมควรเรพาะปกติแล้วคนไข้ที่ปวดหัวส่วนมากแค่หายากินเองนอนพักแล้วก็น่าจะหายไม่ต้องมาหาหมอ“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“อ้าวคุณนั่นเองเชิญนั่งก่อนครับ..ปวดหัวอีกแล้วเหรอครับ”ชาวีเงยหน้ามางมองคนไข้หลังจากที่เธอเอ่ยทักทายเขาก็จำด้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่เขาเจอในห้างสรรพสินค้าเมื่อวาน“เอ่อ...พอดีฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหมอน่ะค่ะ”นภาไม่พูดอะไรมากความเธอมาถึงก็ขอคุยกั
“พี่ขอเวลาอีกนิดแล้วจะกลับไปกราบขอโทษพวกท่าน”“พ่อกับแม่คงดีใจนะจ๊ะที่รู้ว่ามีหลานแล้ว”หลังจากที่สองสาวคุยกันจนนภาเห็นว่าปิ่นงามเข้าใจทุกอย่างดีแล้วเธอก็อยู่เล่นทำความรู้จักกับอคิณพักใหญ่และอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับทุกคนแล้วจึงกลับมาบอกข่าวดีกับคีรีว่าปิ่นงามนั้นเข้าใจทุกอย่างดีเพียงแค่ตอนนี้ขอเวลาทำใจที่จะเจอกับคีรีอีกสักหน่อยเท่านั้น“แล้วพี่ต้องรอจนถึงเมื่อไรล่ะภา”คีรีคิดว่านภากลับมาเขาจะได้เจอกับปิ่นงามเลยเสียอีกกลับต้องรอเวลาจึงหัวเสียไม่น้อย“ให้เวลาพี่ปิ่นหน่อยสิพี่คี...ตอนนั้นพี่ก็ทำพี่ปิ่นเสียใจมากแถมพี่กับพี่ปิ่นก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้ว”“เฮ้อ..”23.00 น.คีรีรู้ที่อยู่ของปิ่นงามจากที่คุยกับนภาเมื่อช่วงเย็นและตอนนี้เขาก็จอดรถอยู่ที่หน้าบ้านที่ภรรยารักของเขาแล้วชายหนุ่มทนไม่ไหวที่จะรอให้ปิ่นงามพร้อมที่จะคุยกับเขาเพราะไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าไรถึงจะได้เจอหน้ากันเสียที“ฉันคิดถึงเธอแทบบ้า..ใครจะทนรอไหว”คีรีปีนรั้วเดินดุ่มๆพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอกมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านแกร๊กกกเขาเดินมาข้างบ้านก่อนจะเริ่มงัดหน้าต่างจนเข้ามาด้านในได้คืนนี้ค่อนข้างเงียบเชียบแม้แต่เสียงลมก็ยังไม
“น้ำค่ะคุณหมอ...ปิ่นถือรอไว้แล้ว”ปิ่นงามกลั้นหัวเราะเล็กน้อยทั้งรีบยื่นแก้วน้ำให้หมอหนุ่มได้ดื่ม“คุณปิ่นไม่บอกผมล่ะครับว่ามันเผ็ด”หน้าหมอหนุ่มตอนนี้แดงเป็นลูกตำลึงจนคนในวงกินข้าวต่างก็มองกันด้วยความตกใจเว้นคีรีที่มองแต่ปิ่นงามด้วยสายตาที่น้อยอกน้อยใจที่เห็นหญิงสาวดูใส่ใจชาวีมากกว่าตัวเองในตอนนี้“อีกแก้วค่ะ..คุณหมอกินเผ็ดไม่ได้เหรอคะ”นภารีบยื่นน้ำอีกแก้วให้ชาวีเพราะเห็นว่าในมือของเขากำลังจะหมด“ค่ะ..เผ็ดนิดหน่อยก็หน้าแดงทันทีเลยล่ะ”“อ่อ...ภาไม่รู้ว่าคุณหมอกินเผ็ดไม่ได้โทษทีค่ะ”นับว่าเป็นที่ตกอกตกใจกันไปกับสีหน้าของชาวีแต่ดีที่หายเผ็ดได้หน้าของเขาจึงหายแดงนภาตอนนี้จึงไม่กล้าตักอะไรให้หมอหนุ่มอีกจนสิ้นสุดมื้อเย็นวันนี้หลังจากทุกคนกินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้วคีรีก็พาลูกกับเมียกลับเรือนเล็กส่วนหมอหนุ่มก็พักอยู่ที่เรื่อนใหญ่“เดี๋ยวพ่ออาบน้ำให้นะครับอคิณ”พอคีรีพาทั้งสองมาถึงบ้านเขาก็รีบที่จะทำหน้าที่สามีโดยการจะช่วยภรรยาอาบน้ำให้ลูกชายแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่อาบน้ำให้ลูกในวันนี้เสียแล้วเพราะอคิณเดินหนีเขาหน้าตาเฉยขณะที่จะถอดเสื้อผ้าให้“ให้แม่อาบให้ครับ”อคิณแม้จะคุ้นเคยกั
ไร่คีรีรักษ์เป็นไร่ของพ่อเลี้ยงอินและดวงแก้วเป็นไร่ที่มีอาณาเขตกว้างขวางปลูกพืชไร่พืชสวนหลายชนิดมีคนงานในไร่มากมายทั้งสองช่วยกันบุกเบิกมาตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาวจนตอนนี้มีโซ่ทองคล้องใจถึงสองคนและอายุก็เข้าสู่ช่วงวัยหนุ่มสาวที่จะต้องมีครอบครัวแล้วด้วยพ่อเลี้ยงอินจึงให้ลูกชายคนโตอย่างคีรีหนุ่มรูปงามวัย26ที่เป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งในไร่และในระแวกหมู่บ้านนี้เป็นคนดูแลควบคุมทุกอย่างต่อส่วนลูกสาวคนเล็กอย่างนภาหญิงสาววัย22ก็เป็นคนทำบัญชีและดูแลเรื่องโรงครัวของทางไร่แม้นพวกเขาทั้งสองจะละมือจากการควบคุมดูแลไร่แล้วก็ยังออกช่วยคนงานทำไร่ทำสวนเป็นการออกกำลังไปในตัวยามเย็นโพล้เพล้พระอาทิตย์จะตกไม่ตกแหล่เหล่าคนงานในไร่คีรีรักษ์ต่างก็เก็บอุปกรณ์การเกษตรที่เอามาจากโรงนาเก็บเข้าที่ก่อนจะเตรียมตัวกลับที่พักกลุ่มผู้หญิงโสดก็เดินเป็นกลุ่มพูดคุยไถ่ถามเรื่องทั่วไปทั้งงานและเรื่องสารทุกข์สุขดิบในระหว่างเดินทางกลับส่วนผู้หญิงที่มีผัวแล้วก็เร่งรีบที่จะต้องกลับไปทำกับข้าวกับปลาไว้ให้ลูกผัวพวกผู้ชายที่มีเมียแล้วรักดีหน่อยก็กลับบ้านพร้อมเมียแต่บางคนก็รวมกลุ่มตั้งวงกินเหล้ากินยากันตามประสาผู้ชายที่ชอบสังสรรห
“ข้าไม่รู้ไม่เคยเห็นไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ...แต่ถึงจะแต่งข้าก็จะทำให้แม่ผู้ดีนั่นอยู่ไม่ได้เตลิดไปในไม่ช้า...เพราะข้าไม่ได้อยากมีครอบครัวแล้วก็ไม่ชอบการคลุมถุงชนแบบนี้ด้วย”คีรีไม่ใช่เพียงแค่พูดไปเรื่องเพราะฤทธิ์น้ำเมาแต่เขาคิดแผนการเอาไว้จริงๆ“ไม่แน่นะ...นายอาจจะรักผู้หญิงคนนี้จริงๆก็ได้”สรวงเอ่ยหยอกคนเป็นนายให้หายเครียด“จริงสินาย...ผู้หญิงคนนั้นอาจจะสวยหยาดเยิ้มจนนายหลงหัวปลักหัวปลำก็ได้..ฮ่าๆๆๆ”“ฮ่าๆๆ..”คนในวงสังสรรค์ตอนนี้ก็เช่นกันเพราะเห็นมานักต่อนักแล้วคนที่ไม่อยากแต่งงานพอได้แต่งแล้วแทบจะไม่อยากห่างเมียตนไปไหนกันเลย“ตลกอะไรนักหนาวะ..”คีรีเริ่มเสียงแข็งคนในวงตอนนี้เลยเริ่มหัวเราะไม่ออก“ข้าจะกลับแล้วไอ้สรวงพาข้าไปหาผกา”สิ้นเสียงไม่พอใจคีรีก็สั่งให้สรวงพาเขาไปหาผกาแม่ค้าขนมหวานที่ตลาดในหมู่บ้านเพราะรู้ตัวว่าตอนนี้ขับรถไปไม่ไหวแน่“นายจะไปทำไม”สรวงขมวดคิ้วจนผูกโบว์เขาไม่เคยเห็นนายของเขาไปหาใครตอนดึกดื่นเลยสักครั้งยิ่งครั้งนี้นายตนใกล้จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วด้วยเขายิ่งไม่อยากตามใจนายตนนักเพราะพ่อเลี้ยงอินอาจจะหมายหัวเขาเอาได้หากปล่อยให้คีรีเถลไถล“บอกให้พาไปก็พาไปสิวะรึจะให้ข้
“ผกา..”คีรีพยายามหักห้ามใจแต่ทั้งความเมาและเนื้อหนังเต่งตึงอกตูมของผกากำลังทำให้สติของเขาควบคุมไม่อยู่สิ้นเสียงเรียกชื่อหญิงสาวอย่างแหบพร่าคีรีก็กดเธอลงกับฟูกนอนรีบตะกุมตะกามดูดดึงยอกประทุมถันฟัดเล่นให้สาแก่ใจ“อ้ะ...”ชายหนุ่มใช้มือหนาถลกผ้าถุงสีหวานของหญิงสาวขึ้นมากองที่เอวก่อนจะใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงในตัวจิ๋วลูบไล้ร่องสวาทที่กำลังฉ่ำแฉะ“คีรี..”และแล้วกิจกรรมสวาทที่ได้สิ้นลงเมื่อคีรีได้ยินเสียงพ่อตนมาตะโกนที่หน้าบ้านของผกาสติของเขาจึงกลับคืนมาได้“พ่อ..”“ถ้าเอ็งไม่ออกมาเอ็งไม่ต้องกลับไปที่ไร่อีก”“ฉันไปก่อนนะผกา”คีรีรีบใส่กางเกงลุกหนีร่างอวบอึ๋มที่นอนโชว์ของสงวนอยู่บนฟูกออกไปอย่างรวดเร็วเขามีสติรู้ตัวเพราะเสียงของพ่อไม่อย่างนั้นเกือบมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผกาไปแล้ว“โถ่เอ้ย..”ผกานั่งกัดฟันกรอดกำมือแน่นอีกแค่นิดเดียวเธอก็จะทำให้สิ่งที่หวังได้สำเร็จแล้วแต่ดันมีคนมาขัดเสียก่อนยิ่งคิดเธอก็ยิ่งโมโหปึกก“ดึกดื่นไม่กลับบ้านกลับช่องเอ็งจะไปค้างอ้างแรมบ้านผกามันได้ยังไง”พ่อเลี้ยงอินลากลูกชายคนโตมาเหวี่ยงกองตรงกลางบ้านกลางดึกก่อนจะตวาดเสียงสั่นด้วยความโมโหดีที่สรวงมาบอกให้เขาไปตามคี
“ค่ะ...หนูชื่อปิ่นงาม..ส่วนนี่พี่คำปันจะ”“สวัสดีครับ”หลังจากที่ปิ่นงามแนะนำตัวคำปันชายหนุ่มก็รีบยกมือสวัสดี“คำปันเองเหรอลูกทิดปลั่งใช่ไหม”ดอกแก้วจำได้ดีว่าเคยเจอคำปันเมื่อยังเล็กๆตอนไปเยี่ยมแสนคำที่ทางเหนือครั้งพวกตนยังไม่มีลูกมีเต้า“ครับแม่เลี้ยง”“ตอนนั้นที่เห็นกันยังเล็กๆอยู่เลยนะจำไม่ได้ล่ะสิ..ไปๆขึ้นเรือนพักผ่อนกันก่อน”หลังจากทักทายกันเสร็จเจ้าบ้านก็ชวนแขกขึ้นเรือนเอาของไปเก็บแล้วจะได้พักผ่อนหลังจากเดินทางมาเหนื่อยๆวันนี้เลยได้แค่ทักทายไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเพราะนี่ก็มืดค่ำแล้ว“นึกว่าพ่อเลี้ยงจะมาพร้อมหนูปิ่นเสียอีก..ดันมาป่วยเอาเสียได้”สองสามีภรรยามาคุยกันที่ห้องหลังจากจัดแจงที่พักให้ปิ่นงามและคำปันเรียบร้อยแล้วทั้งสองแอบเสียดายที่คิดว่าแสนคำจะมาพร้อมกับหลานสาวแต่กลับมารู้ว่าป่วยกะทันหันจากปากปิ่นงาม“นั่นสิ..จะว่าไปหนูปิ่นกิริยาท่าทางเหมือนตองนวลไม่มีผิดเลย”พ่อเลี้ยงอินอดนึกถึงเพื่อนตนในวันวานที่อยู่ที่ไร่แสนคำไม่ได้ยิ่งเห็นปิ่นงามก็ยิ่งนึกถึงตองนวล“ก็คงจะเหมือนคนเลี้ยงนั่นแหละ”ดอกแก้วเองก็คิดเช่นเดียวกับสามีเธอรู้มาว่าตองนวลมีลูกรุ่นราวคราวเดียวกับหลานของแสนคำและตอง