Share

ตอนที่37

“พี่ขอเวลาอีกนิดแล้วจะกลับไปกราบขอโทษพวกท่าน”

“พ่อกับแม่คงดีใจนะจ๊ะที่รู้ว่ามีหลานแล้ว”

หลังจากที่สองสาวคุยกันจนนภาเห็นว่าปิ่นงามเข้าใจทุกอย่างดีแล้วเธอก็อยู่เล่นทำความรู้จักกับอคิณพักใหญ่และอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับทุกคนแล้วจึงกลับมาบอกข่าวดีกับคีรีว่าปิ่นงามนั้นเข้าใจทุกอย่างดีเพียงแค่ตอนนี้ขอเวลาทำใจที่จะเจอกับคีรีอีกสักหน่อยเท่านั้น

“แล้วพี่ต้องรอจนถึงเมื่อไรล่ะภา”

คีรีคิดว่านภากลับมาเขาจะได้เจอกับปิ่นงามเลยเสียอีกกลับต้องรอเวลาจึงหัวเสียไม่น้อย

“ให้เวลาพี่ปิ่นหน่อยสิพี่คี...ตอนนั้นพี่ก็ทำพี่ปิ่นเสียใจมากแถมพี่กับพี่ปิ่นก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้ว”

“เฮ้อ..”

23.00 น.

คีรีรู้ที่อยู่ของปิ่นงามจากที่คุยกับนภาเมื่อช่วงเย็นและตอนนี้เขาก็จอดรถอยู่ที่หน้าบ้านที่ภรรยารักของเขาแล้วชายหนุ่มทนไม่ไหวที่จะรอให้ปิ่นงามพร้อมที่จะคุยกับเขาเพราะไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าไรถึงจะได้เจอหน้ากันเสียที

“ฉันคิดถึงเธอแทบบ้า..ใครจะทนรอไหว”

คีรีปีนรั้วเดินดุ่มๆพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอกมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน

แกร๊กกก

เขาเดินมาข้างบ้านก่อนจะเริ่มงัดหน้าต่างจนเข้ามาด้านในได้คืนนี้ค่อนข้างเงียบเชียบแม้แต่เสียงลมก็ยังไม่มีทำให้คนที่นอนอยู่ในบ้านอย่างปิ่นงามสะดุ้งตื่นกับเสียงที่ดังขึ้น

“หืม.. เสียงอะไร”

เธอรีบเดินออกมาจากห้องนอนก่อนจะวิ่งเปิดไฟรอบบ้านเมื่อแสงสว่างขึ้นทำให้ปิ่นงามได้เห็นอะไรๆชัดเจนและคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเธอคือคีรีเท่าที่เห็นตอนนี้เขาดูซูบผอมลงไปกว่าแต่ก่อนมาก

“ค..คุณคี”

หญิงสาวเห็นเช่นนั้นจึงรีบหันหลังกลับหมายจะหนีกลับเข้าห้องเพราะไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกับเขาแต่ถูกคีรีนั้นรั้งกอดร่างเธอเอาไว้เสียก่อน

“ปิ่น...อย่าหนีฉัน”

ปิ่นงามยังคงยืนแน่นิ่งเพราะยังเดาความรู้สึกตัวเองไม่ออกว่าตอนนี้เธอนั้นรู้สึกอย่างไรกับคีรีกันแน่เคยคิดว่าเธอไม่ได้มีความรักความโกรธต่อเขาแล้วแต่ทำไมเมื่อเห็นหน้ากลับอยากจะร้องให้เสียอย่างนั้น

“..กลับไปก่อนนะคะปิ่นยังไม่พร้อมจะคุยกับคุณตอนนี้..”

“ไม่ปิ่น...ฉันรอไม่ไหวแล้วฉันคิดถึงเธอใจจะขาดขอโทษที่ตอนนั้นฉันทำร้ายเธอ..ขอโทษจริงๆ... ฉันไม่เคยโกรธที่เธอโกหกฉันรู้ว่าเธอทำเพราะจำเป็น..ส่วนที่ฉันพูดไม่ดีและทำกับเธอก็เพราะตอนนั้นมันไม่ใช่ตัวฉันพอฉันรู้ว่าเธอหนีไป...ฉันเฝ้าตามหาเธอไปทั่วไปตามที่หมู่บ้านใกล้เคียงแทบทุกที่และที่ไร่แสนคำรอจ้างคนโน้นคนนี้ให้ช่วยออกตามหาแทบพลิกแผ่นดิน..จนยัยภามาเจอเธอ...เหมือนฉันได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งแล้วก็ดีใจมากๆที่รู้ว่าเรามีลูกด้วยกัน..เรื่องทุกอย่างที่ผ่านมาฉันขอโทษ..ขอโทษจริงๆ...ฉันเสียเธอไปไม่ได้กลับบ้านเราเถอะนะ...ฉันรักเธอมากปิ่นงามกลับไปเป็นดวงใจของฉัน..ขอร้องล่ะ”

คีรีดีใจที่ได้กอดร่างบางอันเป็นที่รักนี้อีกครั้งเธอยังสวยน่ารักเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเขาพรั่งพรูความรู้สึกในใจออกมาพร้อมน้ำตาลูกผู้ชายหวังว่าเธอจะเห็นใจและยอมกลับไปอยู่กับเขาแต่โดยดี

“..ปิ่นไม่รู้...ว่าตอนนี้ปิ่นยังรักคุณอยู่หรือเปล่า..”

เสียงแผ่วเบาของหญิงสาวที่ออกมาจากปากเธอในตอนนี้ทำคีรีเข่าทรุดน้ำตาที่ไหลอยู่แล้วก็ยิ่งไหลพรากดั่งธารน้ำไหล

“ปิ่น...ห...ให้โอกาสฉันได้ดูแลเธอกับลูกก่อนได้หรือเปล่าแล้วค่อยดูให้แน่ใจอีกทีก็ได้..นะ..ฉันขอล่ะให้ฉันกราบเธอฉันก็ยอมกลับบ้านกับฉันเถอะนะฉันขาดเธอไม่ได้จริงๆ”

ตอนนี้คีรีไม่สนใจศักดิ์ศรีอะไรอีกต่อไปแล้วเขานั่งกอดขาร่างบางแน่นหากเธอยังไม่แน่ใจในความรู้สึกตัวเองตอนนี้เขาไม่คิดจะว่าแค่ขอให้เขาได้ดูแลเธอกับลูกและไม่แยกจากกันอีกเท่านั้นเขาขอแค่นี้

“คุณคีรี..อย่าค่ะ...”

ปิ่นงามรีบนั่งลงจับมือของคีรีที่กำลังจะก้มลงกราบเธอ

“กลับไร่กับฉันนะปิ่น..พาลูกกลับบ้านเรากันนะ”

คีรีรีบโผกอดปิ่นงามแน่น

“ค่ะ...ปิ่นจะกลับ”

ปิ่นงามคิดเอาไว้แล้วว่ายังไงเธอก็ต้องกลับเพราะนภารู้ว่าเธออยู่ที่นี่หากเธอไม่ไปทุกคนก็จะต้องมาหาจะวุ่นวายกันไปใหญ่อีกอย่างเธอตั้งใจไว้ว่ายังไงก็ต้องไปกราบขอโทษผู้ใหญ่ที่เธอทำให้ทุกคนเป็นห่วง

“จริงนะ..”

“ค่ะ”

“ไป...เรากลับกันคืนนี้เลย”

“ไม่ได้ค่ะปิ่นต้องบอกคุณหมอก่อนอีกอย่างข้าวของก็ไม่ใช่น้อยๆ”

“ไม่ต้องเอาอะไรไปฉันจะซื้อให้เธอกับลูกใหม่หมดเลย”

“ยังไงปิ่นก็ต้องรอบอกคุณหมออยู่ดีค่ะ”

“ก็ได้..”

และแล้วคีรีก็ต้องยอมให้ปิ่นงามอยู่ที่นี่ก่อนส่วนเขาก็อยู่เฝ้าเธอไม่ยอมไปไหนเพราะไม่อยากห่างกายจากปิ่นงามแม้แต่วินาทีเดียว

และแล้วคีรีก็พาปิ่นงามกลับมาที่ไร่จนได้ตอนนี้หมอหนุ่มอย่างชาวีก็กลับมาด้วยเพราะอยากมาส่งหญิงสาวให้ถึงที่หมายอยากดูให้แน่ใจว่าเธออยู่ที่นี่แล้วจะมีความสุขจริงๆ

“ปิ่นต้องกราบขอโทษพ่อกับแม่ด้วยนะคะที่ตัดสินใจจากไปโดยไม่ได้ลา”

ปิ่นงามมาถึงไร่ได้เธอก็รีบเข้ามากราบขอโทษพ่อแม่สามีของเธอที่ทำให้ทั้งสองนั้นเป็นห่วง

“พ่อกับแม่เข้าใจไม่ได้โกรธอะไรเลยลูกแค่เป็นห่วงเท่านั้นรู้ว่าหนูสบายดีแม่กับพ่อก็ดีใจ”

“ใช่แล้ว..พ่อดีใจที่รู้ว่ามีหลานกะเค้าแล้ว”

ดอกแก้วและอินไม่เคยคิดโกรธเคืองอะไรปิ่นงามแม้นแต่น้อยซ้ำตอนนี้ยังดีใจที่ได้เป็นปู่เป็นย่ากับเค้าแล้ว

“อยู่ที่นี่ไม่ต้องไปไหนแล้วนะลูก”

“ค่ะแม่”

ปิ่นงามรับปากดอกแก้วเพราะรู้ดีว่าหากเธอจะไปคีรีก็คงไม่ยอมปล่อยเธอกับลูกไปอยู่ดี

“แม่ค้าบ..ผมหิว”

เด็กชายวิ่งตั้งป้อมมาหาคนเป็นแม่เพราะเริ่มหิวแล้ว

“มาไหว้ปู่กับย่าสิครับอคิณ”

ปิ่นงามรีบเรียกอคิณเข้ามาสวัสดีทำความรู้จักกับปู่และย่า

“สวัสดีครับ”

ดอกแก้วและอินนั่งยิ้มหน้าบานเมื่อเห็นหลานชายตัวกลมวิ่งเข้ามาไหว้หน้าตาของอคิณละม้ายคล้ายคีรีพอสมควรแต่ตาจะหวานไปทางแม่เสียมากกว่า

“ชอบกินอะไรล่ะเรา”

พ่อเลี้ยงอินเห็นว่าเมื่อครู่หลานบ่นหิวจึงรีบถามเรื่องของกินที่ชอบเพื่อสร้างสร้างสัมพันธ์

“ช็อกโกแลตครับ”

“ช็อกโกแลตงั้นเรอะ...ที่บ้านปู่ไม่มีด้วยสิ..ไปๆเดี๋ยวปู่พาไปซื้อในหมู่บ้านไปกับปู่หรือเปล่า”

“ผมไปได้หรือเปล่าครับแม่”

เด็กชายหันมาถามคนเป็นแม่เพราะตอนนี้ยังเห็นปู่กับย่าตนเป็นคนแปลกหน้าอยู่

“ไปสิลูกแม่อนุญาต”

“ไปครับปู่..ไปซื้อช็อกโกแลตกัน”

เมื่อคนเป็นแม่เอ่ยปากอนุญาตได้อคิณก็รีบวิ่งไปจูงมือคนเป็นปู่หมายจะให้พาไปซื้อขนมของโปรดแต่ก็ถูกดอกแก้วรวบดึงมากอดเสียก่อน

“มาให้ปู่กับย่าหอมให้ชื่นใจหน่อยสิลูก”

ฟอดดด

“อื้มม...ย่าชื่นใจจังเลย”

“มาปู่หอมมั่ง”

ฟอดดด

“อคิณหอมคืนบ้างครับ”

ฟอดด...ฟอดดด

“จะไม่ให้หลงได้ยังไงล่ะเนี่ย..ไปซื้อขนมกัน”

ทั้งสามกอดหอมกันอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งจนพอใจแล้วพ่อเลี้ยงอินจึงจูงหลานออกจากเรือนไปขึ้นรถเพื่อที่จะไปซื้อขนมได้

“ดูท่าอคิณจะกินเก่งนะหนูปิ่นจ้ำม่ำเชียว”

“ค่ะแม่...กินข้าวเก่งเป็นคนโตเลยค่ะ”

“ดีแล้วล่ะจะได้โตไวๆ”

หลังจากพ่อเลี้ยงอินพาหลานชายออกไปแล้วดอกแก้วก็นั่งคุยไถ่ถามสารทุกข์กันพักใหญ่จวบจนได้เวลาเย็นจึงช่วยกันไปทำอาหารในครัว

ตอนนี้ทุกคนร่วมโต๊ะอาหารเย็นกันเป็นวงใหญ่ส่วนอคิณก็นั่งอยู่บนตักของปู่กินข้าวขยำปลาหมอย่างตุ้ยๆจนพ่อเลี้ยงอินนั้นแกะเนื้อปลาให้แทบไม่ทัน

“ดูท่าหลานปู่จะชอบปลาย่างเหมือนพ่อละมั้งเนี่ย”

“นั่นสิเคี้ยวไม่หยุดปากเลย”

นภาเอ่ยเสริมก่อนจะยื่นมือหยิบปลาหมอย่างช่วยพ่อเธอแกะอีกแรง

คีรีที่เห็นว่าลูกชายตนมีส่วนที่เหมือนกันกับตัวเองก็นั่งอมยิ้มอ่อนเอ็นดูเจ้าตัวกลมที่กำลังเคี้ยวข้าวไม่หยุดปาก

“อาหารถูกปากหรือเปล่าล่ะหมอ”

ดอกแก้วหันไปถามหมอหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ครับ..ฝีมือแม่แก้วอร่อยไม่แพ้ฝีมือคุณปิ่นเลยครับ”

“ช่างเอาใจคนแก่นะหมอ”

“ผัดเผ็ดไก่บ้านคุณหมอลองสิคะ”

นภาตักผัดเผ็ดไก่ใส่จานหมอหนุ่มเห็นว่าเขาเป็นคนกรุงเทพคงจะไม่ค่อยได้กินอาหารบ้านๆแบบนี้เท่าไรนัก

“ขอบคุณครับ..เอ่อ..อืม”

อาหารในช้อนเข้าปากได้ไม่ถึงสามวินาทีหมอหนุ่มก็เริ่มหันมองหาแก้วน้ำเสียแล้วเพราะรสสัมผัสแรกที่เนื้อไก่เข้ามาในปากเขารับรู้แค่ว่ามันเผ็ดมากจนอยากจะคายออกแต่ก็เกรงใจผู้ใหญ่จึงทำใจกลืนมันลงไปเร็วๆ

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status