Share

ตอนที่5

“พี่คีนะพี่คี..ตื่นสายทุกวันเลยนะเดี๋ยวนี้”

ช่วงสายนภาเข้ามาปลุกพี่ชายเธอในห้องนอนเพราะเดี่ญวนี้เห็นจะทำตัวเกเรเมามาทุกวันแถมยังตื่นไปทำงานสายทุกวันอีก

“อืม..”

“พี่ปิ่นมาถึงแล้วว่าที่เมียพี่น่ะไปทำความรู้จักกับเธอหน่อย”

“ไม่..ไม่ได้อยากรู้จัก”

เสียงเอะอะโวยวายภายในห้องทำให้ปิ่นงามที่นั่งอยู่ที่ชานเรือนด้านบนถึงกับทำใจไว้เลยว่าคีรีน่าจะไม่ใช่คนที่เป็นมิตรกับเธอแน่นอนก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะใครก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแต่ต้องแต่งเพราะเป็นข้อผูกมัดที่ผู้ใหญ่ทำขึ้นเอาไว้

หลังจากนภาว่างงานจากสำนักงานของไร่แล้วบ่ายๆเกือบเย็นแดดร่มลมตกเธอก็เดินพาปิ่นงามปั่นจักรยานดูรอบๆไร่คร่าวๆว่าตรงไหนมีอะไรบ้างเพื่อสร้างความคุ้นเคย

“ไร่นี้สวยเหมือนไร่แสนคำเลยภา”

“พ่อบอกว่าทุกอย่างที่ไร่นี้เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะความช่วยเหลือของปู่แสนคำการทำไร่ก็ทำทุกอย่างแทบจะเหมือนกับที่ไร่โน้นแต่แค่ปลูกพืชเมืองหนาวไม่ค่อยได้เท่านั้นเองจะ”

“เพื่อนคุณภาเหรอจ๊ะ...งามเหลือเกิน”

ระหว่างที่สองสาวหยุดคุยกันก็มีคนงานผู้หญิงในไร่ที่กำลังนั่งถางหญ้ากลางร่องผักใกล้ๆเอ่ยชมหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนแถมผิวพรรณยังขาวนวลผุดผ่องต่างจากคนที่นี่อีกด้วย

“ว่าที่พี่สะใภ้ภาจะ”

นภารีบแนะนำตัวว่าที่พี่สะใภ้เธอให้ทุกคนที่นี่ตอนนี้ได้รู้จักเสียเลยเพราะเดี๋ยวทุกคนก็ต้องรู้จักอยู่แล้ว

“อ๋อ...แบบนี้คุณคีรีไปไหนไม่ได้แล้วล่ะมั้ง”

“นั่นน่ะสิ”

เหล่าคนที่กำลังทำงานก็มองมายังปิ่นงามด้วยความชื่นชมเห็นว่าที่ภรรยาเจ้านายตนสวยขนาดนี้ก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้านายตนคงเลิกเจ้าชู้แน่นอน

“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละจ้า”

นภาเห็นด้วยกับเหล่าคนงานในไร่เพราะเธอก็พอจะดูออกว่าอย่างไรพี่ชายเธอก็ต้องหวั่นไหวกับปิ่นงามบ้างด้วยว่าที่พี่สะใภ้เธอสวยจริงๆอย่างที่ใครเขาว่า

สำนักงานไร่

“นาย..ฉันเห็นว่าที่เมียนายสวยยังกับนางฟ้าแน่ะ”

ตั้งแต่เช้ายันเย็นที่คีรีเข้ามาถึงที่ไร่เหล่าคนที่ทำงานอยู่ใกล้ตัวก็เอ่ยปากพูดถึงควมสวยของปิ่นงามไม่หยุดตอนนี้เขายังไม่ได้เห็นหน้าค่าตาว่าที่เมียของเขาเลยนึกไม่ออกว่าจะสวยอย่างที่ทุกคนว่าจริงหรือไม่หรือที่พูดกันไปก็เพราะต้องการจะเอาใจเขาเท่านั้น

“จริงๆ..ผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใยเลย”

“ข้ากลับบ้านก่อน”

คีรีเห็นทีเขาจะต้องกลับไปดูให้เห็นกับตาเสียแล้วจากคราแรกที่ไม่คิดอยากจะมองหน้าตอนนี้กลับอยากจะรู้ว่าเธอนั้นสวยอย่างที่ทุกคนว่าจริงหรือเปล่า

“นายเป็นอะไรของเค้าวะ”

คมเห็นคีรีเดินขึ้นรถขับออกไปอย่างไม่พูดไม่จาก็หันมาถามสรวงสงสัยว่านายตนเป็นอะไรปกติแล้วพูดถึงเรื่องผู้หญิงจะต้องคุยกันยาวทุกที

“คงไม่ชอบให้ใครพูดถึงว่าที่เมียอย่างนั้นล่ะมั้ง”

“เห็นนายบอกไม่สนใจเมียคนนี้ไง”

“ผู้หญิงของใคร.ใครก็หวงทั้งนั้นแหละวะ”

สรวงคิดว่าสิ่งที่ตนคิดน่าจะถูกแต่ก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดหรือเปล่าเพราะเขาก็ไม่ได้รู้ใจนายตนไปเสียทุกอย่าง

17.30 น.

“กับข้าวน่ากินอีกแล้ว”

พ่อเลี้ยงอินเห็นกับข้าวตอนเย็นก็เห็นทีจะเจริญอาหาร

“ถ้าหนูปิ่นลงมือทำครัวทุกวันแบบนี้มีหวังคนในบ้านอ้วนท้วนสมบูรณ์กันแน่”

กลิ่นกับข้าวแม้นจะยังไม่ยกมาที่โต๊ะกินข้าวครบดีแต่กลิ่นหอมก็มาแต่ไกลหากปิ่นงามลงมือทำครัวทุกวันพวกเธอคงเจริญอาหารกันกว่านี้แน่

“อ้าวพี่คี..มากินข้าวเย็นด้วยกันสิ”

นภาที่กำลังยกหม้อข้าวมาวางที่โต๊ะเห็นพี่ชายเธอเดินเข้ามาในครัวพอดีจึงเรียกไว้ก่อนวันนี้จะได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันและจะได้ทำความรู้จักกับปิ่นงามเสียที

“สวัสดีค่ะคุณคีรี”

ปิ่นงามรีบยกมือไหว้ชายหน้าคมผิวสีแทนร่างสูงใหญ่ดูภูมิฐานในชุดเสื้อยืดสีขาวคลุมด้วยแขนยาวลายสก็อตสีน้ำเงินและกางเกงยีนส์ขายาวรูปร่างหน้าตาของเขาดูดีไม่น้อยจนหญิงสาวเองมองเขาครู่หนึ่งก็หลุบสายตาลงต่ำไม่กล้าที่จะมองนานเท่าไรเพราะเกิดอาการเคอะเขินเขาอยู่บ้างเหมือนกัน

ดวงตาคมมองหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มร่างเล็กหุ่นสมส่วนที่อยู่ในชุดเสื้อผ้าฝ้ายแขนสั้นสีงาช้างนุ่งซิ่นสีเทาผิวพรรณของเธอผุดผ่องขาวอมชมพูอย่างที่ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน

เขายืนนิ่งมองเธออยู่ครู่หนึ่งเพราะไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหนสวยเท่าเธอมาก่อนแต่ก็ยังข่มใจเอาไว้ไม่ให้สนใจเธอไปมากกว่าคนรู้จักอยู่ดีเพราะเขาอคติกับเธอเรื่องการคลุมถุงชนไปแล้วและเคยลั่นวาจาเอาไว้แล้วว่าจะทำให้เธออยู่ที่นี่ไม่ได้ดังนั้นตอนนี้เขาจึงไม่คิดที่จะผูกมิตรกับเธอแม้แต่น้อยแม้นจะสวยเลิศเลอเพียงใดก็เถอะ

“พี่ไม่กิน...”

คีรีเอ่ยเสียงแข็งก่อนจะเดินออกจากครัวไปทั้งที่ตอนนี้หอมกลิ่นกับข้าวทั้งยังหิวไส้แทบกริ่มแต่ด้วยทิฐิที่มีมากในใจจึงทำให้เขาเลือกที่จะหยิ่งแล้วเดินหันหลังกลับไปโดยที่ไม่สนใจใคร

“อ้าว”

นภาขมวดคิ้วหน้าบึ้งตึงที่เห็นพี่ชายเธอทำเสียมารยาทจะรับไหว้ปิ่นงามเสียหน่อยก็ไม่ได้

“ช่างหัวมัน”

พ่อเลี้ยงอินส่งเสียงดังประชดคีรีที่ทำตัวเสียมารยาท

“หึ่..”

เสียงของคนเป็นพ่อที่พูดกระทบดังออกมาจากในครัวยิ่งทำให้คีรีหงุดหงิดเข้าไปใหญ่

“อย่าไปถือสาพี่เค้าเลยนะหนูปิ่น”

ดอกแก้วยื่นมือแตะแขนของปิ่นงามเบาๆ

“ค่ะ”

หญิงสาวยิ้มอ่อนให้ดอกแก้วแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ได้ใส่ใจอะไรกับพฤติกรรมของคีรีเพราะรู้แก่ใจตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วว่าเขาไม่ได้คิดจะเป็นมิตรกับเธอ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status