“โถ่.. โว้ยย..”
คีรีตวาดใส่หญิงสาวก่อนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้หญิงสาวนอนหายใจหอบถี่ด้วยอาการตกใจเพียงคนเดียว
“เฮ้อ...”
ปิ่นงามรีบวิ่งไปล็อคประตูเอาไว้เพราะกลัวว่าคีรีจะกลับมากระทำสิ่งที่เธอไม่ต้องการอีก
22.00 น.
“ไม่เห็นเอ็งไปงานแต่งไอ้คีรี...เมียมันสวยเหมือนกันนี่หว่า”
ศักดิ์สิทธิํทาหาผกาช่วงกลางดึกตั้งแต่คืนนั้นทั้งสองก็นัดกันเล่นบทสวาทเรื่อยมาโดยที่ไม่มีใครรู้
“อย่ามาพูดให้ฉันได้ยินฉันไม่อยากฟัง”
คำพูดของศักดิ์สิทธิ์ทำสาวร่างอวบอิ่มที่นุ่งผ้าถุงกระโจมอกอยู่บนตักชายหนุ่มหงุดหงิดขึ้นมากะทันหัน
“เออ... ข้าไม่พูดเรื่องคนอื่นแล้วก็ได้..”
ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้คิดจะมาเย้ยอะไรผกาเขาก็พูดตามที่คิดเพราะปิ่นงามนั้นงามสมชื่อจริงๆ
“มาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า”
ว่าจบก็ถกผ้าถุงหญิงสาวที่นั่งอยู่บนตักขึ้นก่อนจะล้วงมือซ้ายไปที่กลีบกุหลาบงามส่งนิ้วแกร่งทั้งสองสอดใส่ไปในร่องสวาทชักเข้าออกช้าๆมือขวาก็ไม่ได้ปล่อยให้ว่างคว้าหมับบีบเค้นเต้างามทั้งขยี้ยอดปทุมถันที่แข็งตั้งชูชันเรียกอารมณ์สวาทให้หญิงสาวนั้นพร้อมกับกิจกรรมสวาทที่กำลังจะเกิดขึ้น
“พ..พี่ศักดิ์”
สองขาเรียวขอผกายกแยกชันขึ้นอัตโนมัติร่างบางแอ่นบิดเร่าเพราะความเสียวน้ำเสียงของเธอที่เปล่งเรียกชายหนุ่มตอนนี้ทั้งกระเส่าและติดขัดด้วยความเสียวมาเยือนแผ่ซ่านไปทั้งตัว
“ข้าชอบในความร่านของเอ็งที่สุดเลย”
ศักดิ์สิทธิ์ก้มมองใบหน้านวลที่ตอนนี้ดูจะมีความสุขเสียจนตาปรือแถมยังกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือดเขาชอบอาการแบบนี้ของเธอจริงๆ
“อื้ม..อะ.. อ้ะ..”
ร่างบางแอ่นบิดเร่าผสมเสียงครางเมื่อศักดิ์สิทธิ์ขยับเข้าออกนิ้วแกร่งถี่ขึ้นจนน้ำรักของสาวเจ้าหยาดเยิ้มออกมาเต็มมือหนา
“อื้ออ...”
ศักดิ์สิทธิ์จับพลิกร่างอวบอิ่มนอนคว่ำทั้งรีบถอดกางเกงอย่างรวดเร็วเผยตัวตนผงาดแข็งเด้งผึงก่อนจะเสียบแทงไปในร่องสวาทคนที่กำลังแอ่นบั้นท้ายกลมกลึงรอรับ
ตับ..ตับ..ตับ
“อื้อ.. อะ.. อะ.. อ๊า..”
เสียงหวานครางกระเส่าถี่ยิบตามจังหวะแรงกระแทกของชายหนุ่มมือน้อยที่ชันตัวเอาไว้ยกขึ้นมาบีบเค้นเต้างามด้วยความร่านสวาท
ตับ.. ตับ.. ตับบ
“อืม... อ่า”
ศักดิ์สิทธิ์กระแทกบั้นท้ายกลมกลึงพักใหญ่จนหนำใจแล้วจึงพลิกร่างหญิงสาวให้นอนหงายแล้วเสียบแทงแท่งร้อนกระแทกกระทั้นหนักหน่วงอีกพักใหญ่
“อ๊า... อื้มม...”
มือเรียวทั้งสองของผกากอบกุมไรผมชายหนุ่มแน่นขณะที่เขาตะกุมตะกามดูดดึงยอดปทุมถันทั้งสองของเธอ
เมื่อกระแทกบทรักบทสวาทที่ฟูกนอนจนหนำใจศักดิ์สิทธิ์ก็สอดแขนแกร่งใต้ข้อพับขาของหญิงสาวขณะที่ส่วนล่างยังเชื่อมต่อกันแน่นยกเธอขึ้นอุ้มบดกระแทกแท่งร้อนเข้าร่องสวาทถี่ระรัวอีกรอบในท่าลิงอุ้มแตง
“อ๊า... พี่ศักดิ์.. อ.. อ๊า..”
สาวเจ้าครางระงมกอดคอชายหนุ่มเอาไว้แน่นใบหน้าหวานเงยหน้าร้องโหยหวนระบายความเสียวซ่าน
“ข้าจะทำให้เอ็งร้องจนไม่มีเสียงเลย”
ตับ.. ตับบ.. ตับ.. ตับ
ว่าจบชายหนุ่มก็วางหญิงสาวนอนกับฟูกอีกครั้งสองมือหนาจับหัวเข่าของหญิงสาวแยกออกกว้างเสียบกระแทกแท่งร้อนหนักหน่วงถี่เร็วขึ้นกว่าเดิม
“อ๊า.. อะ... อะ.. อ๊ายยย...”
ร่างอวบอิ่มหัวสั่นหัวครอนเปล่งเสียงหวานร้องครางระงมพักใหญ่ก็เริ่มบิดเร่าเสร็จสมแตะขอบสวรรค์สมองขาวโพลนตาปรือมือเรียวจิกผ้าห่มที่วางอยู่ข้างตัวแน่นจนแทบขาด
“อ.. อ่าสส..”
ร่องสวาทที่กำลังตอดรัดถี่ยิบทำเอาชายหนุ่มขนลุกซู่ไปทั่วตัวเขารีบพลิกผกาให้นอนคว่ำดึงสะโพกมนยกขึ้นกดหัวหญิงสาวให้แนบฟูกนอนแล้วเสียบแท่งร้อนฉ่ำเยิ้มเข้าช่องทางรักอีกครั้ง
“อ้า.. อ่ะ..อ้ะๆๆ”
“อ..อ้าสสส”
ครั้งนี้ศักดิ์สิทธิ์รัวสะโพกจนสุดตัวเล่นเอาผกาเจ็บจุกจนแทบร้องไม่ออกพักใหญ่..หลังจากนั้นเสียงคำรามในลำคอชายหนุ่มก็เปล่งออกมาพร้อมกับความเสร็จสมปล่อยน้ำเชื้อขาวขุ่นเข้าร่องสวาททุกหยาดหยดอย่างลืมตัวและบทสวาทในคืนนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวเสียงครางระงมของผกายังคงมีเล็ดลอดออกมาจนแทบฟ้าสาง
วันต่อมา
คีรีเดินมีผ้าแปะแผลแปะอยู่ที่หางคิ้วตั้งแต่เช้าแม้นแผลไม่ได้ใหญ่และลึกมากนักแต่เขาก็รู้สึกว่าปวดอยู่พอสมควรยังนึกเคืองหญิงสาวที่ทำอยู่ถึงวินาทีนี้
“พี่คีเป็นอะไรจ๊ะ”
นภาเห็นหน้าพี่ชายเธอที่กำลังเดินมาหาขณะยืนนับตระกร้าผักว่ามีทั้งหมดกี่ตระกร้าก่อนที่รถจะรับไปเธอก็ต้องละมือมาดูหน้าพี่ชายเธอเสียก่อน
“ไม่มีอะไรอุบัติเหตุนิดหน่อย”
คีรีไม่อยากตอบอะไรมากนักเพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่น่าพูดถึงเท่าไร
“เข้าหอกับเมียคืนแรกได้เลือดเลยรึนาย.. ฮ่าๆๆๆ”
เสียงสรวงที่กำลังแบกตระกร้าผักช่วยคนในไร่ตะโกนมาแต่ไกลพาคนอื่นๆพลอยยิ้มไปด้วย
“เงียบไปเลยพวกเอ็ง.. หื่มม..”
คีรีชี้หน้าสรวงทั้งรีบเดินหนีเข้าไปในสำนักงานไร่ด้วยความหงุดหงิดเพราะตลอดทางที่เดินยังได้ยินเหล่าลูกน้องหัวร่อกันอยู่ไม่ขาดสายพาหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
เย็นของวัน“ปิ่นทำแผลให้ค่ะ”ปิ่นงามเห็นคีรีอาบน้ำอาบท่าหลังจากกลับมาจากทำงานแล้วเธอจึงถือกล่องพยาบาลมานั่งตรงหน้าเขารู้สึกผิดที่ทำเขาเจ็บเหมือนกันแต่หากเขาไม่มาขัดใจเธอก่อนคงไม่เป็นแบบนี้“......”คีรีนั่งไม่พูดไม่จาเขาไม่ได้ตอบรับหรือพูดปฏิเสธเพราะนี่มันก็เป็นหน้าที่เธอต้องจัดการให้เขาอยู่แล้วเพราะเธอมาทำเขาเจ็บเอง“ก่อนทำแผลเมื่อวานล้างก่อนหรือยังคะ”ปิ่นงามแกะผ้าแปะแผลออกก็เห็นรอยเลือดเกรอะกรัง เมื่อวานที่เขาเจ็บเธอก็ไม่ได้ทำแผลให้ด้วยไม่รู้ว่าเขาล้างสะอาดดีหรือเปล่า“แค่เช็ดแล้วก็ใส่ยา”คีรีส่ายหัวเขาแค่ใช้ผ้าเช็ดเลือดเสร็จแล้วก็ใส่ยาแปะผ้าแปะแผลแล้วก็นอนอยู่อีกห้องข้างๆ“คราวหลังต้องเช็ดให้สะอาดไม่อย่างนั้นแผลจะอักเสบนะคะ”“เธอจะทำฉันเจ็บอีกเหรอ”คีรีจ้องหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังยื่นหน้ามาใกล้ๆเขม็งที่เธอพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าคิดที่จะทำเขาเจ็บอีกหรอกหรือ“คือปิ่นหมายถึง...คุณบาดเจ็บด้วยอย่างอื่น”ปิ่นงามต้องรีบอธิบายทันควันกลัวว่าเขาจะหาว่าเธอหัวรุนแรง“กับข้าวฝีมือปิ่นพอจะกินได้หรือเปล่าคะ”หลังจากทำแผลเสร็จทั้งสองก็มานั่งกินข้าวเย็นกันในครัวหญิงสาวเห็นคีรีเอาแต่นั่งกินข้าวไม่พูดไม่จาเล
“อืมม...”คีรีไล่สูดเนื้อนวลที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆกลิ่นของเธอทำให้เขารู้สึกดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนแถมผิวเนื้อยังนวลเนียนนุ่มนิ่มจนเขาไม่อยากจะยกจมูกออกแม้นแต่วินาทีเดียว“อื้อ.. อืมม..”สาวเจ้าเมื่อถูกจู่โจมบดจูบอีกรอบก็เริ่มนอนตัวเกร็งไม่ยอมหายใจเพราะไม่เคยกับเหตุการณ์แบบนี้เลยริมฝีปากหนาที่กำลังบดจูบเธออย่างเร่าร้อนมันทำให้ภายในท้องของหญิงสาวเริ่มมวนแปลกๆไม่รู้ความรู้สึกนี้จะเรียกว่าดีหรือเรียกว่าอะไรเพราะไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกันคีรีถอดถอนริมฝีปากให้หญิงสาวพ้นพันธนาการเพราะรู้ได้เลยว่าเธอกำลังหายใจไม่ออกอึก..ฟู่วว... ริมฝีปากบางเป็นอิสระได้ปิ่นงามก็รีบสูดหายใจเข้าปอดทันเฮือกใหญ่“อื้อ..”พอเห็นว่าหญิงสาวเริ่มค่อยยังชั่วคีรีก็ไม่รีรอที่จะดำเนินกิจกรรมต่อเขาก้มลงบดจูบเธออีกครั้งและครั้งนี้ดูจะร้อนแรงกว่าเมื่อครู่พอสมควรทั้งยังส่งลิ้นร้ายตวัดฉกชิมภายในโพรงปากหวานดูดดึงลิ้นเรียวเล่นจนสาวเจ้าเริ่มอ่อนระทวยไปกับลีลารสจูบของคนที่มากประสบการณ์การจูบอย่างชายหนุ่มมือทั้งสองของคีรีเริ่มปล่อยให้มือหญิงสาวเป็นอิสระเพราะรู้ว่าเธอกำลังเคลิ้มไปกับเขาก่อนจะรีบกอดกางเกงตนออกอย่างรวดเร็วขณะที่ริมฝีปากก็
ในเช้าของวันต่อมาคีรีตื่นก็รู้สึกว่าร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดตัวรุมๆน่าจะมีไข้เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่รู้สึกตัวจึงค่อยๆลุกออกจากฟูกนอนหมายจะไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปทำงานแต่ก็ต้องตกใจเพราะที่ฟูกมีแต่รอยเลือดเต็มไปหมดรวมทั้งที่หน้าขาของเขาด้วยคิดในใจว่านี่สินะที่เขาเรียกว่าเลือดพรหมจันทร์“หึ่...”ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เขายิ้มได้เมื่อเห็นเลือดเกรอะกรังแบบนี้แต่ก็รู้สึกภูมิใจลึกๆว่าได้ร่างบางที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ใต้ผ้าห่มมาเป็นของเขาจริงๆแล้ว“หื้มม..”คีรีหยิบผ้าขาวม้าที่พับวางอยู่ในตู้มาพันรอบเอวเอาไว้....เหมือนตอนนี้คีรีในหัวของเขาจะตีกันกับหัวใจอยู่ไม่น้อยเพราะหัวใจที่กำลังรู้สึกดีกลับถูกสมองสั่งให้หยุดและย้ำว่าเขาไม่ต้องการหญิงสาวและต้องพยายามทำให้เธอออกไปจากที่นี่ให้ได้“ฉันช่วยเธอได้เท่านี้”คีรีเดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้ปิ่นงามขณะที่เธอยังหลับไม่ได้สติและเปลี่ยนเสื้อผ้าเปลี่ยนฟูกนอนให้หญิงสาวก่อนจะอาบน้ำและออกไปทำงานทิ้งให้ร่างบางนอนอยู่คนเดียว10.00 น.“เฮ้ออ...”ตั้งแต่เช้ายันช่วงสายคีรีไม่เป็นอันทำงานเพราะในใจพะวงกับอาการของปิ่นงามพอสมควรไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะตื่นมากินข้าวกินปล
“อืม...ขอบใจนะภา..เอ่อ..คุณคี”ปิ่นงามรู้สึกตัวค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่มีผ้าเย็นๆมาเช็ดอยู่ที่ใบหน้าคราแรกนึกว่าเป็นนภาเพราะเมื่อช่วงสายหญิงสาวก็มาดูแลเธอแต่เมื่อมองเห็นคนที่กำลังเช็ดตัวให้เธอชัดก็ต้องหลบสายตาของเขาเล็กน้อยเพราะยังรู้สึกเขินอายกับเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาอยู่ไม่น้อย“ลุกมากินข้าวก่อนสิ.. จะได้กินยา”“ปิ่นจัดการเองก็ได้ค่ะคุณไปทำงานเถอะ”“แม่ฉันไล่ให้มาดูแลเธอกลับไปมีหวังก็โดนบ่นอีกน่ะสิ”ปิ่นงามจำต้องค่อยๆลุกมากินข้าวเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมาดูแลอะไรเธอมากนักแม้นตอนนี้จะนั่งลำบากอยู่พอสมควรก็เถอะหญิงสาวใช้เวลากินข้าวไม่เท่าไรเธอก็กินยาแล้วจึงนอนพักหวังว่าคีรีจะได้รีบกลับไปทำงานแต่เปล่าเลยเขายังคงนั่งเฝ้าหญิงสาวอยู่ที่ห้องระหว่างที่เธอหลับไม่ยอมห่างไปไหนคอยยื่นมืออังหน้าผากของคนที่นอนหลับอยู่ตลอดจวบจนเย็นเมื่อไข้หญิงสาวลดลงได้เขาก็ออกไปทำอาหารเย็นเพราะรู้ว่าเย็นนี้ปิ่นงามคงลุกมาทำไม่ไหวแน่“จะไปไหน”คีรีเห็นปิ่นงามเปิดประตูออกมาจากห้องพร้อมเสื้อผ้าอยู่ในมือสีหน้าของเธอซีดเซียวแถมยังเดินไม่ค่อยจะสะดวกเขาจึงต้องรีบมาพยุงตัวเธอเอาไว้“ปิ่นจะไปอาบน้ำค่ะ”“เดินจะไม่ไห
“เหรอคะ..”ปิ่นงามยังคงทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้งที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเธอดีขึ้นเพราะใคร“ใช่สิ...ไม่งั้นเธอคงนอนชักไปแล้ว”“ขอบคุณนะคะ...เอ่อ..ในครัวมีข้าวต้มกับหมูทอดแล้วก็ต้มจับฉ่ายถ้าคุณหิวก็กินได้ค่ะปิ่นไม่หวง”ว่าจบก็เดินออกไปเดินเล่นที่หน้าเรือนเธอคิดว่าถ้าหากเธอยังนั่งอยู่ในนี้คีรีคงไม่คิดจะกินอาหารที่เธอทำแน่เพราะเป็นคนที่มาดเยอะอยู่พอสมควรตั้งแต่ช่วงสายเมื่อวานถึงเที่ยงวันนี้คีรีไม่ได้เข้าไร่เพราะมัวแต่ดูแลปิ่นงามจนผกามาส่งขนมและไม่ได้เจอคีรีสองวันแล้ว“ดูแลกันถึงไหนไม่เข้าไร่เข้ากงเลยนะนาย”ทั้งรู้ว่าที่เขาไม่อยู่ก็เพราะดูแลภรรยาอยู่ที่เรือนเล็กยิ่งรู้แบบนี้เธอก็ยิ่งหงุดหงิดเพราะเขาเป็นคนบอกเธอว่าจะไม่สนใจเมียแต่งคนนี้เห็นทีจะไม่ใช่อย่างที่พูดแล้ว“วัว.. วัว”พลั้กกก“โอ้ยย...ฮือๆๆ”ดินเด็กชายวัยห้าขวบลูกของละไมคนงานในไร่ที่เป็นเด็กพิเศษไม่เหมือนเด็กทั่วไปทุกๆวันดินจะมานั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่รอคนเป็นแม่ทำงานทุกวันแต่วันนี้เหมือนโชคร้ายที่ทางที่ดินเดินอยู่นั้นเป็นทางที่นางยักษ์ที่กำลังโกธากำลังเดินผ่านมาเมื่อเห็นเด็กชายขวางทางจึงผลักเสียจนล้มเพราะยังคงหงุดหงิดเรื่องคีรีอยู่ใ
“เสียเวลา...ดินการตอบสนองช้ากว่าเด็กทั่วไปแม่ของดินเคยหัดแล้วเจ้านี่ร้องโวยวายก็เลยต้องป้อนกันอยู่อย่างนี้”คีรีเคยตั้งคำถามกับละไมแม่ของดินอย่างที่ปิ่นงามถามก็ได้ความว่าเจ้าหนูนี่โวยวายไม่ยอมกินเลยต้องป้อนกันจะได้ไม่เสียเวลางาน“นาย...ขอโทษทีจะที่ฉันมาช้า...เดี๋ยวฉันป้อนเองจะ”ละไมรีบจ้ำอ้าวมาหาลูกชายเมื่อเห็นคีรีนั่งป้อนข้าวลูกเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว“อืม...คราวหลังเร็วหน่อยนะพี่ละไม”“จะนาย”คีรียื่นจานข้าวให้ละไมก่อนจะเดินออกไป“ปกติพาดินมาที่นี่ทุกวันเหรอคะ”ปิ่นงามยังคงนั่งอยู่เพราะอยากจะคุยอะไรบางอย่างกับแม่ของดิน“จะคุณปิ่น...ฉันเลี้ยงลูกคนเดียวทำงานในไร่ก็ต้องพามันมาทุกวันอย่างนี้แหละวันนี้ฉันต่อคิวตักข้าวช้าก็เลยมาช้าจะ”“เอาอย่างนี้..ถ้าเอาดินมาเอามาฝากปิ่นก็ได้..ปิ่นจะดูเค้าให้เอง”ปิ่นงามรู้แบบนี้คงปล่อยให้ดินอยู่ตรงนี้คนเดียวต่อไปไม่ได้วันๆเธอก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรนอกจากดูแลงานบ้านงานเรือนกับแปลงผักเล็กๆหน้าเรือนเธอจึงอาสาขอดูแลดินเอง“จะดีเหรอจ๊ะคุณปิ่นเจ้าดินไม่ใช่เด็กปกตินะจ๊ะอารมณ์มันไม่ค่อยคงที่”ละไมไม่เห็นด้วยเท่าไรเพราะที่เธอต้องให้ดินเล่นอยู่คนเดียวตรงนี้เพราะดินไม่เหมื
“ขอบใจ”“ฉันทำฟักทองเชื่อมรสจัดแบบที่นายชอบมาให้เหมือนกันจะ..”บุญตาเองก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบเข้ามานั่งข้างคีรีพร้อมฟักทองเชื่อมในปิ่นโต“นายจะกินของฉัน”ผกาตวัดมองค้อนบุญตาจนตาแทบถลน“ให้นายเลือกเองดีกว่านะ”บุญตายังคงยิ้มหน้าระรื่นไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวสายตาของผกาแม้แต่น้อย“เอ่อ..ฉันขอบใจพวกเธอสองคนมากนะแต่ฉันอิ่มมากแล้วไม่อยากกินอะไรเพิ่ม..ขอตัวก่อน”คีรีรู้สึกรำคาญสองสาวขึ้นมากะทันหันตอนนี้เขาไม่ได้อยากมีคนมาคอยเอาอกเอาใจอยากอยู่เงียบๆมากกว่าว่าจบก็รีบเดินหนีสองสาวออกไปอย่างไม่ใยดี“นาย.. เพราะแกเลยนังบุญตานายจะกินของฉันแล้วเชียว”ผกาแทบจะเฉือนเนื้อบุญตาเป็นชิ้นๆที่เข้ามาสาระแนเวลาที่เธอจะอยู่สองต่อสองกับคีรี“หนุ่มๆในไร่โสดๆตั้งมากมายชอบจริงๆคนมีเมียแล้ว”สรวงไม่ได้อยากปากมากกับผู้หญิงนักแต่เห็นแม่สองสาวนี่เกาะแกะเจ้านายตนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคีรีมีเมียตบเมียแต่งแล้วก็ยังไม่วายคิดที่จะเลิกยุ่ง“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนายเองต่างหากที่สนใจพวกฉัน”บุญตาตอกหน้าสรวงกลับ“ใช่”ผกาเองก็เอ่ยเสริมผสมโรงเป็นมิตรกันไปโดยปริยายก่อนจะแยกย้ายกันเดินกลับออกไป“เฮ้อ..”สรวงเท้าเอวส่ายหัวก่อนจะถอนหา
“ก็ได้... ก็ได้... พี่ปิ่นไม่ให้ดินเขียนก็ได้ไม่ต้องร้องนะ.. เดี๋ยวเราไปทำขนมกันดีหรือเปล่า”“..ทำขนม”ดินและปิ่นงามง่วนอยู่ในครัวร่วมสองชั่วโมงตอนนี้ก็เย็นพอดีขนมกล้วยปิ้งตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยทั้งยังหมดไปเกือบครึ่งเพราะปิ้งกันไปกินกันไป“ทำอะไรกันเหรอ”คีรีได้กลิ่นหอมจากในครัวตั้งแต่มาถึงจึงรีบเข้ามาดู“คุณคี”ปิ่นงามคิดว่าวันนี้คีรีจะไม่กลับมานอนที่นี่แล้วเสียอีก“ทำขนมกล้วยปิ้งค่ะ”“ดินเขียนสวยพี่ปิ่นทำขนมให้”ดินรีบวิ่งไปเอาสมุดที่ตัวเองลากเส้นรีบมาให้คีรีดูอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะอวดให้คีรีได้ดู“เขียนสวย”เมื่อมาถึงก็พูดอวดคีรียกใหญ่ว่าตนนั้นเขียนได้สวยถึงได้รางวัลเป็นจนมที่กำลังนั่งกินกันอยู่ตอนนี้“ปิ่นสอนดินหัดลากเส้นค่ะ”“ลากเส้น”คีรีมีสีหน้าที่ค่อนข้างอึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าอย่างดินจะมีสมาธิทำอะไรแบบนี้ได้“ค่ะ...ถ้าค่อยๆสอนดินเขียนได้ทำได้เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละค่ะ”“อ่อ..อืม”คีรีไม่ได้คิดจะเอ่ยชมอะไรปิ่นงามทั้งที่ก็ทึ่งในความสามารถของหญิงสาวอยู่เหมือนกันที่สอนดินได้ตกดึกปิ่นงามเดินเข้าห้องมาพร้อมตะเกียงเจ้าพายุเธอเข้ามาก็เห็นคีรีนอนหลับอยู่ก่อนแล้วแปลกใจพอสมควรที่เห็นเข