เพล้งงงง
เสียงแตกของจานกระเบื้องทำให้หมอหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนที่นี่หลายวันต้องรีบวิ่งเข้ามาในครัวว่ามีอะไรเกิดขึ้น
“คุณปิ่นเป็นอะไรครับ”
พอเห็นปิ่นงามนั่งฟุบกองอยู่ที่พื้นเขาก็รีบพยุงเธอออกมาจากในครัวมานั่งที่โซฟาในห้องโถงของบ้าน
“จู่ๆก็หน้ามืดค่ะ”
“อืม.. ผมขอดูอาการหน่อยนะครับ”
ชาวีรีบตรวจชีพจรหญิงสาวก่อนจะซักถามความเป็นอยู่ทั่วไปเรื่องอาหารการกินการนอนตรงเวลาหรือไม่พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติและเส้นชีพจรที่เขาจับได้ดูท่าว่าตอนนี้ปิ่นงามน่าจะตั้งครรภ์
“คุณปิ่นกำลังตั้งครรภ์นะครับ”
“อะไรนะคะ?”
ปิ่นงามตัวชาวาบเพราะไม่คิดว่าจะมีพันธะอะไรกับคีรีแล้ว
“สามีคุณล่ะครับ”
“ปิ่นขอไม่พูดถึงนะคะ...แล้วถ้าคุณหมอจะไล่ปิ่นออกปิ่นก็ไม่ว่าค่ะ”
ปิ่นงามรู้ดีว่าไม่มีใครอยากรับคนท้องทำงาน
“ไม่หรอกครับ...คุณอยู่ที่นี่ดีแล้วเป็นอะไรผมจะได้ดูแลสะดวก...งานอะไรที่คุณทำไม่ไหวก็ไม่ต้องทำ”
“ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะที่ดีกับปิ่นเหลือเกิน”
“ไม่เป็นไรเลยครับถือว่าผมช่วยเพื่อนคนนึงแถมอีกหน่อยก็จะมีหลานตัวเล็กๆมาวิ่งเล่นทำให้บ้านนี้มีชีวิตชีวาอีกด้วย”
หมอหนุ่มรู้สึกเห็นใจหญิงสาวมากกว่าเดิมเพราะดูจากการที่ปิ่นงามไม่อยากพูดถึงสามีตนแล้วเธอน่าจะมีเรื่องเจ็บปวดอยู่ภายในใจ
22.00 น.
ดึกมากแล้วปิ่นงามก็ยังคงนอนไม่หลับเพราะยังตกใจที่ตัวเองตั้งท้องโดยที่ไม่คิดว่าจะมีพันธะอะไรกับคีรี
แต่เธอก็ไม่ได้เสียใจหากวันข้างหน้าจะมีลูกน้อยมาอยู่ข้างกายนับเป็นอีกก้าวของชีวิตที่เธอจะต้องกลายมาเป็นแม่คน
“แม่จะสนใจแต่หนูนะลูก”
ปิ่นงามคิดว่าในเมื่อชีวิตมีสิ่งที่จะต้องรับผิดชอบดูแลเธอก็จะไม่ขอคิดเรื่องอดีตและขอเดินหน้าต่อทำเพื่อลูกเธอเท่านั้น
คืนทั้งคืนจนถึงเช้าดอกแก้วและนภาต่างก็ไม่ค่อยได้หลับได้นอนเพราะต้องคอยดูแลคีรีหลังจากคีรีเป็นลมหลับไปตั้งแต่เมื่อวานได้กว่าจะตื่นก็ตอนดึกแถมพอตื่นมาก็ยังร้องเจ็บปวดทุรนทุรายอาเจียนออกมามีแต่เศษซากผมซากผมเหม็นเน่าคละคลุ้งไปหมดกว่าจะหยุดอาเจียนก็ย่ำรุ่งตะวันขึ้นของอีกวัน
“แม่.. พี่คีทำไมตัวซีดยังกะซากศพแบบนี้ล่ะจ๊ะ”
นภาใจไม่ดีเท่าไรที่เห็นพี่ชายเธอตัวซีดเผือดนอนหนาวสั่นไม่ได้สติ
“นั่นน่ะสิ..”
ดอกแก้วนั่งน้ำตารื้นทุกช่วงเวลาที่เห็นลูกเจ็บปวด
“...ภาถอยหลวงตาสิลูก”
“จะแม่”
หลังจากที่พ่อเลี้ยงไปนิมนต์หลวงตามิ่งมาตั้งแต่เช้าตอนนี้หลวงตาก็ขึ้นเรือนมาพร้อมสามีเธอพอดีจึงรีบดึงมือนภาให้หลบหลวงตาไปนั่งรออยู่นอกห้อง
หลวงตามิ่งนั่งบริกรรมคาถาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะใช้ก้านมะยมชุบน้ำมนต์ในบาตรที่พ่อเลี้ยงอินถืออยู่ข้างๆประพรมน้ำมนต์ตามตัวของคีรี
“อืม...ได้ยินหลวงตาหรือเปล่าคีรี”
ไม่นานนักคีรีก็ค่อยๆลืมตาขึ้นได้สติ
“ค..ครับหลวงตา”
คีรีตอบหลวงตามิ่งเสียงแหบพร่าตอนนี้เขาเริ่มมีสติอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว
“ไม่เป็นอะไรแล้วหลังจากนี้ก็สวดมนต์บ่อยๆ”
หลวงตามิ่งพยักหน้าเบาๆเห็นว่าตอนนี้ของต่ำในตัวคีรีน่าจะออกหมดไปแล้วเหลือแค่ฟื้นฟูร่างกายสวดมนต์ใช้พุทธคุณรักษาร่างกายที่ซูบผอมอิดโรยก็จะฟื้นคืนแข็งแรงในเร็ววัน
หลังจากที่หลวงตามิ่งกลับไปแล้วทุกคนต่างก็ดีใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ที่คีรีกลับมาเป็นคนเดิมเสียที
“ทำไมนายยังไม่กลับมาซะทีนะ”
ทางด้านผกาก็ร้อนใจเพราะคีรีไปตั้งแต่เมื่อวานไม่เห็นจะกลับมาหาเธอเสียทีจึงรีบหยิบหุ่นรูปปั้นคู่ที่อยู่บนหัวนอนขึ้นมายกเหนือหัวก่อนจะท่องคาถาและยอกในสิ่งที่ตนต้องการ
“สาธุจงพานายกลับมาหาฉันด้วยเถอะ”
ฟู่ววววว เพล้งงงง
จบคำพูดผกาลมก็พัดมาห่าใหญ่แรงเสียจนข้าวของในบ้านตกแตก
“หา...ขาดได้ยังไง”
ผกาลืมตาดูหุ่นในมือพบว่าตอนนี้สายสินที่พันรอบหุ่นขาดกระจุยแถมหุ่นทั้งสองยังคอหักคามือเธอด้วย
ฟู่วววว
“อ..อะไร..อ๊ายย...อ๊ายยยย”
เมื่อลมมาแรงอีกครั้งตอนนี้ผกาเห็นเป็นเงาดำอยู่รอบตัวของเธอใจของเธอสั่นระรัวด้วยความกลัวและแล้วเงาพวกนั้นก็พุ่งเข้าตัวเธอจนนอนดิ้นทุรนทุรายปวดตัวเข้าถึงกระดูกอยู่คนเดียวในบ้าน
ความเจ็บปวดในตอนนี้ไม่ใช่เพียงแค่ของที่ทำใส่คีรีกลับคืนเข้าตัวเองแต่กรรมจากการที่ฆ่าคนอย่างทารุณตอนนี้เธอก็ได้รับความเจ็บปวดนั้นด้วยเช่นกัน
“ผมจะไปตามหาเธอ..”
ทางด้านคีรีเมื่อได้สติครบถ้วนก็เรียกหาแต่ปิ่นงามพอรู้ข่าวว่าเมียรักนั้นหนีไปเพราะตัวเองก็รีบลุกจะไปตามหาเพราะหัวใจของเขามันอยู่กับเธอหากเธอไม่อยู่แล้วเขาจะมีกำลังใจใช้ชีวิตต่อได้อย่างไร
พลั่กกก
ด้วยร่างกายอิดโรยไร้เรี่ยวแรงจึงทำให้ล้มพับทั้งที่ยังก้าวไม่ถึงสามก้าวเป็นภาพที่น่าหดหู่ใจของคนที่กำลังเฝ้าดูแลพอสมควร
“โอ้ยย..”
“พี่คี”
“เฮ้อ..”
นภาและพ่อเลี้ยงอินช่วยกันพยุงตัวคีรีมานอนที่เตียงดังเดิมเพราะรู้ว่าสังขารคีรีคงทำอะไรไม่สะดวกนักในตอนนี้
“รักษาตัวให้ดีก่อนเถอะลูก..”
ดอกแก้วปลอบลูกตนไปร้องให้ไปสงสารลูกชายจับใจนึกเคืองใจผกาไม่น้อยที่กล้าทำลายครอบครัวลูกชายเธอซ้ำตอนนี้ยังอาการปางตายอีกแต่คิดไปคิดมาลูกชายเธอเองก็มีส่วนผิดหากไม่ไปให้ความหวังหญิงสาวก็คงไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหวังว่าเหตุการณ์เลวร้ายอบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวเธออีก
ช่วงเย็นของวัน..ที่วัดในหมู่บ้านค่อนข้างวุ่นวายเพราะมีคนไปเจอศพของศักดิ์นอนขึ้นอืดอยู่ในป่าตอนนี้ทั้งสรวงและสมศรีเสียใจมากไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำกับศักดิ์สิทธิ์ได้โหดร้ายเช่นนี้“พี่ศักดิ์ใครทำพี่แบบนี้”สรวงนั่งกอดกัยกับคนเป็นแม่ร้องห่มร้องให้ระงมขณะที่คนอื่นๆที่มาช่วยจัดงานศพในศาลาวัดก็หดหู่ไม่แพ้กัน“กูเอง...ฮ่าๆๆ...กูนี่แหละที่ฆ่ามัน...มันเสือกอยากจะบอกกับคนอื่นเองว่ามันเป็นผัวกู”จู่ๆผกาก็เดินหัวฟูเข้ามาในศาลาอย่างคนที่สติไม่สมประดีเธอเปล่าประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอเป็นคนฆ่าศักสิทธิ์เอง“ผกา..เอ็งทำแบบนี้ทำไมห้ะ”สรวงโกรธมากที่ผกานั้นทำพี่ชายตนจนถึงตายและหมายจะเข้าไปทำร้ายหญิงสาวสักฉาดโดยที่ไม่สนใครจะว่าเขาทำร้ายผู้หญิงแต่ดีที่คนในศาลารีบห้ามเอ่าไว้ก่อน“ฮ่าๆๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆๆๆ..”ผกาหัวเราะลั่นทั่วศาลาจนคนในศาลายืนมองหญิงสาวเป็นตาเดียวด้วยต่างก็คิดว่าหญิงสาวสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปแล้ว“ผกาเอ็งเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”เทิดศักดิ์มองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจที่เธอไม่คิดสลดบ้างหรืออย่างไรฆ่าคนตายทั้งคนยังจะมาหัวเราะหน้าระรื่นอยู่อีก“น่าจะบ้าจริงๆนั่นแหละของคงกลับเข้าตัวแล้วสิ”นภาตะโกนให้ทุ
สองวันต่อมาคีรีและนภามาที่กรุงเทพตั้งแต่เมื่อวานพอถึงวันนี้พวกเขาก็เข้ามาดูโรงงานแปรรูปที่ชานเมืองกรุงเทพมหานครกันตังแต่เช้าเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะให้บริษัทของผจญไปสร้างโรงงานให้หรือไม่“รูปแบบเครื่องจักรทั้งหมดของที่นี่จะถูกสร้างที่ไร่คีรีรักษ์แบบเดียวกันทั้งหมดครับ...นี่สัญญาเอาไปอ่านรายละเอียดก่อนนะครับ”ผจญนักธุรกิจวัยหลางคนเข้ามาให้การต้อนรับคีรีและนภาด้วยตัวเองหลังจากดูโรงงานกันมาพักใหญ่แล้วผจญก็ยื่นสัญญาปึกใหญ่ให้กับนภาเอาไว้ศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการบริษัทของเขาสร้างโรงงานให้“ขอบคุณค่ะคุณผจญ...แล้วจะได้รูปแบบนี้แน่นอนใช่หรือเปล่าคะ...คือภาต้องถามให้แน่ใจค่ะเพราะเราจะได้จำกัดจำนวนการแบ่งขายให้เจ้าอื่นถูก”“แน่นอนครับ...หากไม่ใช่ทางคุณภาสามารถทำเรื่องฟ้องได้เลยครับ”“ได้ยินแบบนี้ภาก็มั่นใจค่ะ”ตอนนี้แม้นจะเดินด้วยกันสามคนแต่คนที่คุยกันมีเพียงแค่นภาและผจญเท่านั้นไม่จนผจญนั้นแอบคิดว่าคีรีไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า“คุณคีรีติดอะไรตรงไหนหรือเปล่าถามผมได้นะครับ”“อ๋อ..ไม่เลยครับทุกอย่างตามนภาหมดเลยครับ”“ครับ”นภาถึงกับยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ว่าพาพี่เธอมาด้วยยากแล้วให้พี่เธอช่วยกันออ
“พี่อยากเจอปิ่นใจจะขาดแล้วภา”“ภารู้...แต่ขอให้ใจเย็นๆเกิดพี่ปิ่นหนีไปอีกจะทำยังไง”นภาคิดถูกแล้วที่เธอไม่รีบบอกคีรีเรื่องที่เจอปิ่นงามตั้งแต่ในห้างไม่อย่างนั้นคงจะกระโตกกระตากจนปิ่นงามอาจจะเตลิดหนีไปอีกแน่ตอนนี้เธอให้พี่ชายเธอรออย่างใจเย็นและจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเองในช่วงเย็นของวันต่อมานภาคะยั้นคะยอให้คีรีรออย่างใจเย็นที่โรงแรมกว่าจะบังคับพี่ชายเธอให้เชื่อฟังได้ก็เหนื่อยที่จะพูดพอสมควรหลังจากที่จัดการกับคีรีได้เธอก็เดินทางมาที่คลินิคของหมาวีในช่วงเย็นเพื่อที่จะคุยอะไรบางอย่างกับหมอชาวีเสียก่อน“คุณนภาอาการที่มีแค่ปวดหัวไม่ได้รุนแรง..”ชาวีดูประวัติคนไข้รายสุดท้ายของวันที่พยาบาลผู้ช่วยยื่นประวัติให้ก่อนที่จะพาคนไข้เข้ามาเขาก็แอบสงสัยพอสมควรเรพาะปกติแล้วคนไข้ที่ปวดหัวส่วนมากแค่หายากินเองนอนพักแล้วก็น่าจะหายไม่ต้องมาหาหมอ“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“อ้าวคุณนั่นเองเชิญนั่งก่อนครับ..ปวดหัวอีกแล้วเหรอครับ”ชาวีเงยหน้ามางมองคนไข้หลังจากที่เธอเอ่ยทักทายเขาก็จำด้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่เขาเจอในห้างสรรพสินค้าเมื่อวาน“เอ่อ...พอดีฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหมอน่ะค่ะ”นภาไม่พูดอะไรมากความเธอมาถึงก็ขอคุยกั
“พี่ขอเวลาอีกนิดแล้วจะกลับไปกราบขอโทษพวกท่าน”“พ่อกับแม่คงดีใจนะจ๊ะที่รู้ว่ามีหลานแล้ว”หลังจากที่สองสาวคุยกันจนนภาเห็นว่าปิ่นงามเข้าใจทุกอย่างดีแล้วเธอก็อยู่เล่นทำความรู้จักกับอคิณพักใหญ่และอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับทุกคนแล้วจึงกลับมาบอกข่าวดีกับคีรีว่าปิ่นงามนั้นเข้าใจทุกอย่างดีเพียงแค่ตอนนี้ขอเวลาทำใจที่จะเจอกับคีรีอีกสักหน่อยเท่านั้น“แล้วพี่ต้องรอจนถึงเมื่อไรล่ะภา”คีรีคิดว่านภากลับมาเขาจะได้เจอกับปิ่นงามเลยเสียอีกกลับต้องรอเวลาจึงหัวเสียไม่น้อย“ให้เวลาพี่ปิ่นหน่อยสิพี่คี...ตอนนั้นพี่ก็ทำพี่ปิ่นเสียใจมากแถมพี่กับพี่ปิ่นก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้ว”“เฮ้อ..”23.00 น.คีรีรู้ที่อยู่ของปิ่นงามจากที่คุยกับนภาเมื่อช่วงเย็นและตอนนี้เขาก็จอดรถอยู่ที่หน้าบ้านที่ภรรยารักของเขาแล้วชายหนุ่มทนไม่ไหวที่จะรอให้ปิ่นงามพร้อมที่จะคุยกับเขาเพราะไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าไรถึงจะได้เจอหน้ากันเสียที“ฉันคิดถึงเธอแทบบ้า..ใครจะทนรอไหว”คีรีปีนรั้วเดินดุ่มๆพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอกมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านแกร๊กกกเขาเดินมาข้างบ้านก่อนจะเริ่มงัดหน้าต่างจนเข้ามาด้านในได้คืนนี้ค่อนข้างเงียบเชียบแม้แต่เสียงลมก็ยังไม
“น้ำค่ะคุณหมอ...ปิ่นถือรอไว้แล้ว”ปิ่นงามกลั้นหัวเราะเล็กน้อยทั้งรีบยื่นแก้วน้ำให้หมอหนุ่มได้ดื่ม“คุณปิ่นไม่บอกผมล่ะครับว่ามันเผ็ด”หน้าหมอหนุ่มตอนนี้แดงเป็นลูกตำลึงจนคนในวงกินข้าวต่างก็มองกันด้วยความตกใจเว้นคีรีที่มองแต่ปิ่นงามด้วยสายตาที่น้อยอกน้อยใจที่เห็นหญิงสาวดูใส่ใจชาวีมากกว่าตัวเองในตอนนี้“อีกแก้วค่ะ..คุณหมอกินเผ็ดไม่ได้เหรอคะ”นภารีบยื่นน้ำอีกแก้วให้ชาวีเพราะเห็นว่าในมือของเขากำลังจะหมด“ค่ะ..เผ็ดนิดหน่อยก็หน้าแดงทันทีเลยล่ะ”“อ่อ...ภาไม่รู้ว่าคุณหมอกินเผ็ดไม่ได้โทษทีค่ะ”นับว่าเป็นที่ตกอกตกใจกันไปกับสีหน้าของชาวีแต่ดีที่หายเผ็ดได้หน้าของเขาจึงหายแดงนภาตอนนี้จึงไม่กล้าตักอะไรให้หมอหนุ่มอีกจนสิ้นสุดมื้อเย็นวันนี้หลังจากทุกคนกินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้วคีรีก็พาลูกกับเมียกลับเรือนเล็กส่วนหมอหนุ่มก็พักอยู่ที่เรื่อนใหญ่“เดี๋ยวพ่ออาบน้ำให้นะครับอคิณ”พอคีรีพาทั้งสองมาถึงบ้านเขาก็รีบที่จะทำหน้าที่สามีโดยการจะช่วยภรรยาอาบน้ำให้ลูกชายแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่อาบน้ำให้ลูกในวันนี้เสียแล้วเพราะอคิณเดินหนีเขาหน้าตาเฉยขณะที่จะถอดเสื้อผ้าให้“ให้แม่อาบให้ครับ”อคิณแม้จะคุ้นเคยกั
ไร่คีรีรักษ์เป็นไร่ของพ่อเลี้ยงอินและดวงแก้วเป็นไร่ที่มีอาณาเขตกว้างขวางปลูกพืชไร่พืชสวนหลายชนิดมีคนงานในไร่มากมายทั้งสองช่วยกันบุกเบิกมาตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาวจนตอนนี้มีโซ่ทองคล้องใจถึงสองคนและอายุก็เข้าสู่ช่วงวัยหนุ่มสาวที่จะต้องมีครอบครัวแล้วด้วยพ่อเลี้ยงอินจึงให้ลูกชายคนโตอย่างคีรีหนุ่มรูปงามวัย26ที่เป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งในไร่และในระแวกหมู่บ้านนี้เป็นคนดูแลควบคุมทุกอย่างต่อส่วนลูกสาวคนเล็กอย่างนภาหญิงสาววัย22ก็เป็นคนทำบัญชีและดูแลเรื่องโรงครัวของทางไร่แม้นพวกเขาทั้งสองจะละมือจากการควบคุมดูแลไร่แล้วก็ยังออกช่วยคนงานทำไร่ทำสวนเป็นการออกกำลังไปในตัวยามเย็นโพล้เพล้พระอาทิตย์จะตกไม่ตกแหล่เหล่าคนงานในไร่คีรีรักษ์ต่างก็เก็บอุปกรณ์การเกษตรที่เอามาจากโรงนาเก็บเข้าที่ก่อนจะเตรียมตัวกลับที่พักกลุ่มผู้หญิงโสดก็เดินเป็นกลุ่มพูดคุยไถ่ถามเรื่องทั่วไปทั้งงานและเรื่องสารทุกข์สุขดิบในระหว่างเดินทางกลับส่วนผู้หญิงที่มีผัวแล้วก็เร่งรีบที่จะต้องกลับไปทำกับข้าวกับปลาไว้ให้ลูกผัวพวกผู้ชายที่มีเมียแล้วรักดีหน่อยก็กลับบ้านพร้อมเมียแต่บางคนก็รวมกลุ่มตั้งวงกินเหล้ากินยากันตามประสาผู้ชายที่ชอบสังสรรห
“ข้าไม่รู้ไม่เคยเห็นไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ...แต่ถึงจะแต่งข้าก็จะทำให้แม่ผู้ดีนั่นอยู่ไม่ได้เตลิดไปในไม่ช้า...เพราะข้าไม่ได้อยากมีครอบครัวแล้วก็ไม่ชอบการคลุมถุงชนแบบนี้ด้วย”คีรีไม่ใช่เพียงแค่พูดไปเรื่องเพราะฤทธิ์น้ำเมาแต่เขาคิดแผนการเอาไว้จริงๆ“ไม่แน่นะ...นายอาจจะรักผู้หญิงคนนี้จริงๆก็ได้”สรวงเอ่ยหยอกคนเป็นนายให้หายเครียด“จริงสินาย...ผู้หญิงคนนั้นอาจจะสวยหยาดเยิ้มจนนายหลงหัวปลักหัวปลำก็ได้..ฮ่าๆๆๆ”“ฮ่าๆๆ..”คนในวงสังสรรค์ตอนนี้ก็เช่นกันเพราะเห็นมานักต่อนักแล้วคนที่ไม่อยากแต่งงานพอได้แต่งแล้วแทบจะไม่อยากห่างเมียตนไปไหนกันเลย“ตลกอะไรนักหนาวะ..”คีรีเริ่มเสียงแข็งคนในวงตอนนี้เลยเริ่มหัวเราะไม่ออก“ข้าจะกลับแล้วไอ้สรวงพาข้าไปหาผกา”สิ้นเสียงไม่พอใจคีรีก็สั่งให้สรวงพาเขาไปหาผกาแม่ค้าขนมหวานที่ตลาดในหมู่บ้านเพราะรู้ตัวว่าตอนนี้ขับรถไปไม่ไหวแน่“นายจะไปทำไม”สรวงขมวดคิ้วจนผูกโบว์เขาไม่เคยเห็นนายของเขาไปหาใครตอนดึกดื่นเลยสักครั้งยิ่งครั้งนี้นายตนใกล้จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วด้วยเขายิ่งไม่อยากตามใจนายตนนักเพราะพ่อเลี้ยงอินอาจจะหมายหัวเขาเอาได้หากปล่อยให้คีรีเถลไถล“บอกให้พาไปก็พาไปสิวะรึจะให้ข้
“ผกา..”คีรีพยายามหักห้ามใจแต่ทั้งความเมาและเนื้อหนังเต่งตึงอกตูมของผกากำลังทำให้สติของเขาควบคุมไม่อยู่สิ้นเสียงเรียกชื่อหญิงสาวอย่างแหบพร่าคีรีก็กดเธอลงกับฟูกนอนรีบตะกุมตะกามดูดดึงยอกประทุมถันฟัดเล่นให้สาแก่ใจ“อ้ะ...”ชายหนุ่มใช้มือหนาถลกผ้าถุงสีหวานของหญิงสาวขึ้นมากองที่เอวก่อนจะใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงในตัวจิ๋วลูบไล้ร่องสวาทที่กำลังฉ่ำแฉะ“คีรี..”และแล้วกิจกรรมสวาทที่ได้สิ้นลงเมื่อคีรีได้ยินเสียงพ่อตนมาตะโกนที่หน้าบ้านของผกาสติของเขาจึงกลับคืนมาได้“พ่อ..”“ถ้าเอ็งไม่ออกมาเอ็งไม่ต้องกลับไปที่ไร่อีก”“ฉันไปก่อนนะผกา”คีรีรีบใส่กางเกงลุกหนีร่างอวบอึ๋มที่นอนโชว์ของสงวนอยู่บนฟูกออกไปอย่างรวดเร็วเขามีสติรู้ตัวเพราะเสียงของพ่อไม่อย่างนั้นเกือบมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผกาไปแล้ว“โถ่เอ้ย..”ผกานั่งกัดฟันกรอดกำมือแน่นอีกแค่นิดเดียวเธอก็จะทำให้สิ่งที่หวังได้สำเร็จแล้วแต่ดันมีคนมาขัดเสียก่อนยิ่งคิดเธอก็ยิ่งโมโหปึกก“ดึกดื่นไม่กลับบ้านกลับช่องเอ็งจะไปค้างอ้างแรมบ้านผกามันได้ยังไง”พ่อเลี้ยงอินลากลูกชายคนโตมาเหวี่ยงกองตรงกลางบ้านกลางดึกก่อนจะตวาดเสียงสั่นด้วยความโมโหดีที่สรวงมาบอกให้เขาไปตามคี