ไร่คีรีรักษ์เป็นไร่ของพ่อเลี้ยงอินและดวงแก้วเป็นไร่ที่มีอาณาเขตกว้างขวางปลูกพืชไร่พืชสวนหลายชนิดมีคนงานในไร่มากมายทั้งสองช่วยกันบุกเบิกมาตั้งแต่ยังหนุ่มยังสาว
จนตอนนี้มีโซ่ทองคล้องใจถึงสองคนและอายุก็เข้าสู่ช่วงวัยหนุ่มสาวที่จะต้องมีครอบครัวแล้วด้วยพ่อเลี้ยงอินจึงให้ลูกชายคนโตอย่างคีรีหนุ่มรูปงามวัย26ที่เป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งในไร่และในระแวกหมู่บ้านนี้เป็นคนดูแลควบคุมทุกอย่างต่อ
ส่วนลูกสาวคนเล็กอย่างนภาหญิงสาววัย22ก็เป็นคนทำบัญชีและดูแลเรื่องโรงครัวของทางไร่แม้นพวกเขาทั้งสองจะละมือจากการควบคุมดูแลไร่แล้วก็ยังออกช่วยคนงานทำไร่ทำสวนเป็นการออกกำลังไปในตัว
ยามเย็นโพล้เพล้พระอาทิตย์จะตกไม่ตกแหล่เหล่าคนงานในไร่คีรีรักษ์ต่างก็เก็บอุปกรณ์การเกษตรที่เอามาจากโรงนาเก็บเข้าที่ก่อนจะเตรียมตัวกลับที่พัก
กลุ่มผู้หญิงโสดก็เดินเป็นกลุ่มพูดคุยไถ่ถามเรื่องทั่วไปทั้งงานและเรื่องสารทุกข์สุขดิบในระหว่างเดินทางกลับส่วนผู้หญิงที่มีผัวแล้วก็เร่งรีบที่จะต้องกลับไปทำกับข้าวกับปลาไว้ให้ลูกผัว
พวกผู้ชายที่มีเมียแล้วรักดีหน่อยก็กลับบ้านพร้อมเมียแต่บางคนก็รวมกลุ่มตั้งวงกินเหล้ากินยากันตามประสาผู้ชายที่ชอบสังสรรหนุ่มโสดที่ยังไม่มีคู่ก็ใช้เวลานี้เข้าหาสาวๆที่ยังโสดเหมือนกันเพื่อเกี้ยวพาราสีเป็นปกติอย่างนี้เช่นทุกเย็น
สองสามีภรรยาพ่อเลี้ยงอินและแม่เลี้ยงดอกแก้วนั่งคุยกันอยู่ที่ชานเรือนไม้หลังใหญ่รับลมยามเย็นหลังจากที่เข้าไร่เข้ากงมาทั้งวัน
“พ่อ...ลูกเราจะแต่งงานอยู่รอมร่อแต่ดูทำตัวสิยังเกเรไปทั่วฉันกลัวเหลือเกินวันนึงจะไปทำใครท้องเข้าทีนี้เรื่องใหญ่แน่”
ดอกแก้วหญิงร่างเล็กวัยกลางคนชะเง้อคอมองหาลูกชายด้วยสีหน้าที่เป็นกังวลเย็นป่านนี้แล้วก็ยังไม่เห็นจะกลับบ้านกลับเรือนยิ่งช่วงนี้เธอยิ่งได้ยินคนไนไร่พูดถึงลูกชายเธอในเรื่องผู้หญิงเธอยิ่งไม่สบายใจเพราะอีกไม่กี่วันแสนคำผู้ใหญ่ที่มีพระคุณกับพวกเธอก็จะส่งหลานสาวมาแต่งงานกับลูกชายเธอแล้วหลังจากที่ส่งสินสอดหลายสิบหมื่นไปสู่ขอ
“แม่ก็รู้ว่าถึงลูกเราค่อนข้างจะเอาแต่ใจแต่ก็คงไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้เราหลอกเชื่อพ่อสิ”
อินพ่อเลี้ยงวัยเกือบห้าสิบชายร่างท้วมสูงใหญ่นั่งชันเช่าในชุดม่อฮ่อมผูกผ้าขาวม้าสีขาวสลับดำที่เอวเอ่ยออกมาอย่างไม่เป็นกังวลมากนักแม้นจะรู้ว่าลูกตนค่อนข้างหัวดื้อไม่ค่อยฟังใครแต่ก็มีความรับผิดชอบสูงไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ยกไร่ทั้งไร่ให้ดูแลอีกอย่างลูกของเขาถึงจะขึ้นชื่อเรื่องชอบเกี้ยวพาราสีสาวๆระแวกนี้ไปทั่วแต่ก็คงไม่ทำให้มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจมาถึงพวกเขาแน่นอน
“กับข้าวเสร็จแล้วจะ”
นภาสาวน้อยร่างเล็กหน้าตาคมเข้มผิวสีน้ำผึ้งจัดสำรับกับข้าวเย็นเสร็จก็เดินขึ้นเรือนมาตามพ่อกับแม่ตนลงไปกินข้าวที่ครัวข้างล่าง
“พี่เราเค้าจะกลับมากินข้าวเย็นหรือเปล่าล่ะลูก”
ดอกแก้วเอ่ยถามลูกสาวตนด้วยเห็นว่าทำงานอยู่ในสำนักงานที่ไร่ด้วยกันทั้งวัน
“เห็นว่าจะไปกินกับพวกพี่สรวงน่ะจะ”
นภาตอบกลับแม่เธอด้วนสีหน้าอ่อนใจเธอเองก็ห้ามพี่ชายเธอแล้วแต่ก็ห้าไม่ได้เช่นเคยบทพี่ชายเธอจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้อยู่แล้ว
“ไปบ้านไอ้สรวงอีกแล้วงั้นรึ...เฮ้อ”
ดอกแก้วถอนหายใจพรืดใหญ่เพราะคีรีไปบ้านสรวงผู้จัดการที่ไร่นี้ทีไรเป็นเมาหัวราน้ำกลับมาทุกครั้ง
“เอาน่าแม่ลูกเรามันไม่ให้ทำให้เราเดือดร้อนหรอกน่า..กินข้าวกันเถอะพ่อหิวแล้วล่ะ”
อินเข้าใจว่าผู้ชายโสดอย่างลูกเขาก็ต้องมีดื่มสังสรรค์กันบ้างอีกหน่อยก็แต่งงานแล้วคงไม่มีเวลาให้เพื่อนให้ฝูงเท่าไร
“ภาก็เชื่อว่าพี่คีรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่”
นภาเองก็เชื่อใจพี่ชายเธอเหมือนกันว่าคงไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางเพราะรู้จักนิสัยใจคอกันดีเว้นเสียแต่ว่าพี่เธอนั้นจะคิดทำอะไรแผลงๆเพราะไม่อยากแต่งงานอย่างที่พ่อบังคับน่ะสิ
“นายดื่มหนักไปแล้วนะ”
สรวงหนุ่มวัย25ผู้จัดการไร่คนสนิทของคีรีแม้นว่าเขาจะชอบชวนนายตนสังสรรค์หลังเลิกงานแต่ก็ไม่ได้อยากให้เจ้านายมาเมาเละเทะจนคนงานในไร่เอาไปนินทา
“เรื่องของข้าโว้ย”
คีรีหนุ่มวัย26ร่างกายบึกบึนสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลาคมคายผิวสีแทนตัดผมทรงรากไทรเขาปัดไม้ปัดมือคนที่กำลังจะดึงแก้วน้ำเมาออกจากมือเพราะช่วงนี้เขาค่อนข้างเครียดคนที่รักอิสระและผู้หญิงเยอะอย่างเขาจะต้องมาถูกจับคลุมถุงชนแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักแถมการมีเมียเป็นตัวเป็นตนก็จะทำให้การเกี้ยวพาราสีสาวๆระแวกนี้ยากขึ้นไปอีก
“อีกไม่กี่วันนายก็จะแต่งงานแล้วฉันไม่เห็นนายจะเตรียมตัวอะไรเลยล่ะ”
คมเด็กหนุ่มโสดในไร่ที่นั่งร่วมวงดื่มเขาได้ยินมาว่าอีกไม่กี่วันเจ้านายตนก็จะได้แต่งงานแต่ไม่ยักเห็นจะเตรียมตัวทั้งทีพวกเขาเตรียมหาชุดใหม่ใส่ในวันงานกันแล้ว
ปึก
“หึ่...จะเตรียมตัวอะไรวะ...ข้าไม่ได้อยากแต่งซะหน่อยที่ต้องยอมเพราะพ่อข้าบังคับ”
คีรีวางแก้วเสียงกระทบแคร่ไม้สนั่นได้ยินเรื่องงานแต่งเขาก็เริ่มหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียดขึ้นมาปกติแล้วพ่อของเขาก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรกับชีวิตเขามากนักไม่ยักรู้ครั้งนี้ทำไมถึงได้บังคับเขานักหนาว่าจะต้องแต่งกับผู้หญิงเมืองเหนือที่เขาไม่เคยแม้นแต่จะรู้จักชื่อหรือเห็นหน้าถึงขั้นหากไม่ยอมคงไม่ต้องมาเรียกพ่อเรียกลูกกันทำให้เขาต้องจำใจยอมแต่โดยดี
“แล้วผู้หญิงที่จะมาแต่งงานกับนายสวยหรือเปล่าเห็นว่าเป็นผู้ดีจากเมืองเหนือเลยนี่นาย”
“ข้าไม่รู้ไม่เคยเห็นไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำ...แต่ถึงจะแต่งข้าก็จะทำให้แม่ผู้ดีนั่นอยู่ไม่ได้เตลิดไปในไม่ช้า...เพราะข้าไม่ได้อยากมีครอบครัวแล้วก็ไม่ชอบการคลุมถุงชนแบบนี้ด้วย”คีรีไม่ใช่เพียงแค่พูดไปเรื่องเพราะฤทธิ์น้ำเมาแต่เขาคิดแผนการเอาไว้จริงๆ“ไม่แน่นะ...นายอาจจะรักผู้หญิงคนนี้จริงๆก็ได้”สรวงเอ่ยหยอกคนเป็นนายให้หายเครียด“จริงสินาย...ผู้หญิงคนนั้นอาจจะสวยหยาดเยิ้มจนนายหลงหัวปลักหัวปลำก็ได้..ฮ่าๆๆๆ”“ฮ่าๆๆ..”คนในวงสังสรรค์ตอนนี้ก็เช่นกันเพราะเห็นมานักต่อนักแล้วคนที่ไม่อยากแต่งงานพอได้แต่งแล้วแทบจะไม่อยากห่างเมียตนไปไหนกันเลย“ตลกอะไรนักหนาวะ..”คีรีเริ่มเสียงแข็งคนในวงตอนนี้เลยเริ่มหัวเราะไม่ออก“ข้าจะกลับแล้วไอ้สรวงพาข้าไปหาผกา”สิ้นเสียงไม่พอใจคีรีก็สั่งให้สรวงพาเขาไปหาผกาแม่ค้าขนมหวานที่ตลาดในหมู่บ้านเพราะรู้ตัวว่าตอนนี้ขับรถไปไม่ไหวแน่“นายจะไปทำไม”สรวงขมวดคิ้วจนผูกโบว์เขาไม่เคยเห็นนายของเขาไปหาใครตอนดึกดื่นเลยสักครั้งยิ่งครั้งนี้นายตนใกล้จะเข้าพิธีแต่งงานแล้วด้วยเขายิ่งไม่อยากตามใจนายตนนักเพราะพ่อเลี้ยงอินอาจจะหมายหัวเขาเอาได้หากปล่อยให้คีรีเถลไถล“บอกให้พาไปก็พาไปสิวะรึจะให้ข้
“ผกา..”คีรีพยายามหักห้ามใจแต่ทั้งความเมาและเนื้อหนังเต่งตึงอกตูมของผกากำลังทำให้สติของเขาควบคุมไม่อยู่สิ้นเสียงเรียกชื่อหญิงสาวอย่างแหบพร่าคีรีก็กดเธอลงกับฟูกนอนรีบตะกุมตะกามดูดดึงยอกประทุมถันฟัดเล่นให้สาแก่ใจ“อ้ะ...”ชายหนุ่มใช้มือหนาถลกผ้าถุงสีหวานของหญิงสาวขึ้นมากองที่เอวก่อนจะใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงในตัวจิ๋วลูบไล้ร่องสวาทที่กำลังฉ่ำแฉะ“คีรี..”และแล้วกิจกรรมสวาทที่ได้สิ้นลงเมื่อคีรีได้ยินเสียงพ่อตนมาตะโกนที่หน้าบ้านของผกาสติของเขาจึงกลับคืนมาได้“พ่อ..”“ถ้าเอ็งไม่ออกมาเอ็งไม่ต้องกลับไปที่ไร่อีก”“ฉันไปก่อนนะผกา”คีรีรีบใส่กางเกงลุกหนีร่างอวบอึ๋มที่นอนโชว์ของสงวนอยู่บนฟูกออกไปอย่างรวดเร็วเขามีสติรู้ตัวเพราะเสียงของพ่อไม่อย่างนั้นเกือบมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผกาไปแล้ว“โถ่เอ้ย..”ผกานั่งกัดฟันกรอดกำมือแน่นอีกแค่นิดเดียวเธอก็จะทำให้สิ่งที่หวังได้สำเร็จแล้วแต่ดันมีคนมาขัดเสียก่อนยิ่งคิดเธอก็ยิ่งโมโหปึกก“ดึกดื่นไม่กลับบ้านกลับช่องเอ็งจะไปค้างอ้างแรมบ้านผกามันได้ยังไง”พ่อเลี้ยงอินลากลูกชายคนโตมาเหวี่ยงกองตรงกลางบ้านกลางดึกก่อนจะตวาดเสียงสั่นด้วยความโมโหดีที่สรวงมาบอกให้เขาไปตามคี
“ค่ะ...หนูชื่อปิ่นงาม..ส่วนนี่พี่คำปันจะ”“สวัสดีครับ”หลังจากที่ปิ่นงามแนะนำตัวคำปันชายหนุ่มก็รีบยกมือสวัสดี“คำปันเองเหรอลูกทิดปลั่งใช่ไหม”ดอกแก้วจำได้ดีว่าเคยเจอคำปันเมื่อยังเล็กๆตอนไปเยี่ยมแสนคำที่ทางเหนือครั้งพวกตนยังไม่มีลูกมีเต้า“ครับแม่เลี้ยง”“ตอนนั้นที่เห็นกันยังเล็กๆอยู่เลยนะจำไม่ได้ล่ะสิ..ไปๆขึ้นเรือนพักผ่อนกันก่อน”หลังจากทักทายกันเสร็จเจ้าบ้านก็ชวนแขกขึ้นเรือนเอาของไปเก็บแล้วจะได้พักผ่อนหลังจากเดินทางมาเหนื่อยๆวันนี้เลยได้แค่ทักทายไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเพราะนี่ก็มืดค่ำแล้ว“นึกว่าพ่อเลี้ยงจะมาพร้อมหนูปิ่นเสียอีก..ดันมาป่วยเอาเสียได้”สองสามีภรรยามาคุยกันที่ห้องหลังจากจัดแจงที่พักให้ปิ่นงามและคำปันเรียบร้อยแล้วทั้งสองแอบเสียดายที่คิดว่าแสนคำจะมาพร้อมกับหลานสาวแต่กลับมารู้ว่าป่วยกะทันหันจากปากปิ่นงาม“นั่นสิ..จะว่าไปหนูปิ่นกิริยาท่าทางเหมือนตองนวลไม่มีผิดเลย”พ่อเลี้ยงอินอดนึกถึงเพื่อนตนในวันวานที่อยู่ที่ไร่แสนคำไม่ได้ยิ่งเห็นปิ่นงามก็ยิ่งนึกถึงตองนวล“ก็คงจะเหมือนคนเลี้ยงนั่นแหละ”ดอกแก้วเองก็คิดเช่นเดียวกับสามีเธอรู้มาว่าตองนวลมีลูกรุ่นราวคราวเดียวกับหลานของแสนคำและตอง
“พี่คีนะพี่คี..ตื่นสายทุกวันเลยนะเดี๋ยวนี้”ช่วงสายนภาเข้ามาปลุกพี่ชายเธอในห้องนอนเพราะเดี่ญวนี้เห็นจะทำตัวเกเรเมามาทุกวันแถมยังตื่นไปทำงานสายทุกวันอีก“อืม..”“พี่ปิ่นมาถึงแล้วว่าที่เมียพี่น่ะไปทำความรู้จักกับเธอหน่อย”“ไม่..ไม่ได้อยากรู้จัก”เสียงเอะอะโวยวายภายในห้องทำให้ปิ่นงามที่นั่งอยู่ที่ชานเรือนด้านบนถึงกับทำใจไว้เลยว่าคีรีน่าจะไม่ใช่คนที่เป็นมิตรกับเธอแน่นอนก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะใครก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแต่ต้องแต่งเพราะเป็นข้อผูกมัดที่ผู้ใหญ่ทำขึ้นเอาไว้หลังจากนภาว่างงานจากสำนักงานของไร่แล้วบ่ายๆเกือบเย็นแดดร่มลมตกเธอก็เดินพาปิ่นงามปั่นจักรยานดูรอบๆไร่คร่าวๆว่าตรงไหนมีอะไรบ้างเพื่อสร้างความคุ้นเคย“ไร่นี้สวยเหมือนไร่แสนคำเลยภา”“พ่อบอกว่าทุกอย่างที่ไร่นี้เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะความช่วยเหลือของปู่แสนคำการทำไร่ก็ทำทุกอย่างแทบจะเหมือนกับที่ไร่โน้นแต่แค่ปลูกพืชเมืองหนาวไม่ค่อยได้เท่านั้นเองจะ”“เพื่อนคุณภาเหรอจ๊ะ...งามเหลือเกิน”ระหว่างที่สองสาวหยุดคุยกันก็มีคนงานผู้หญิงในไร่ที่กำลังนั่งถางหญ้ากลางร่องผักใกล้ๆเอ่ยชมหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนแถม
วันต่อมาซ่า.....เสียงน้ำตกที่ไหลมาจากต้นทางในป่าลึกไหลผ่านมายังหลังเรือนเล็กท้ายไร่ของคีรีที่นี่ค่อนข้างเป็นที่เงียบสงบและเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคีรีเฉพาะคนที่เขาอนุญาตให้เข้าเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้กระท่อมริมลำธารน้ำตกตอนนี้มีสองหนุ่มสาวอย่างคีรีและบุญตาสาวโสดที่หน้าตาดีที่สุดในไร่กำลังนั่งพลอดรักกันกระหนุงกระหนิงอย่างไม่คิดอายใครเพราะรู้ว่าไม่มีใครมาที่นี่ตอนนี้“นายจะแต่งงานแล้วบุญตาไม่อยากให้นายแต่งเลยจะ”บุญตาสาวสวยร่างผอมบางใบหน้าคมออดอ้อนคีรีเสียงอ่อนเสียงหวานเพราะรู้ตัวว่าคีรีกำลังจะแต่งงานไปในเร็ววันนี้และไม่รู้ว่าหลังจากนี้เธอจะสำคัญกับคีรีอยู่หรือเปล่าหากเขามีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว“เธอก็รู้ว่าฉันขัดพ่อฉันได้ที่ไหน”“แบบนี้บุญตาก็จะไม่ได้รับความรักจากนายอีกแล้วใช่หรือเปล่าจ๊ะ”บุญตารู้ดีว่าจะออดอ้อนคีรีอย่างไรเพราะคีรีมีนิสัยรักอิสระเธอจึงไม่เคยทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยู่อย่างนี้เธอก็สบายดีแถมยังได้เงินจากคีรีอยู่เรื่อยๆเธอเคยเห็นผู้หญิงที่คิดจะจับคีรีแล้วแต่ก็ถูกเฉดหัวทิ้งทุกคนเลยขออยู่แบบนี้จะดีกว่าทั้งที่คราแรกที่ถูกคีรีจีบก็มีความคิดอยากเป็นเจ้าของเจ้านายหนุ่มเหมือนกัน“
“นั่นลูกวัวพึ่งคลอดก่อนหน้าที่พี่ปิ่นจะมาสองวันเอง”นภาชี้เจ้าลูกวัวตัวเมียที่เดินตามแม่กินหญ้าต้อยๆให้ปิ่นงามได้ดูขณะที่นั่งมองวิวทิวทัศน์กันอยู่ใต้ร่มต้นก้ามปูใหญ่“น่ารักดีนะดูสิตามแม่ต้อยๆเลย”“พี่ปิ่นนั่งเล่นตรงนี้ก่อนน้ะจ๊ะเดี๋ยวฉันไปเก็บชะอมริมรั้วสักหน่อยเอาไว้ทำกับข้าวเย็นนี้จะ”“เดี๋ยวพี่ไปช่วย”“ไม่ต้องหรอกจะแปปเดียวก็เสร็จแล้ว”“ก็ได้จะ”นภาอยากให้ปิ่นงามนั่งรับลมเล่นตรงนี้จะดีกว่าเพราะเธอก็ไม่ได้ไปนานเท่าไรนัก“เอ่อ..มีอะไรหรือเปล่า”ขณะที่ปิ่นงามนั่งเล่นเพลินๆจู่ๆก็มีหญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มแต่งตัวแต่งหน้าสีสันฉูดฉาดเดินเข้ามายืนกอดอกมองหน้าเธออย่างไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก“คุณน่ะเหรอจะมาเป็นเมียนาย”“.....”ปิ่นงามพยักหน้ารับทั้งยังคิดในใจว่าไม่พ้นผู้หญิงคนนี้จะเป็นผู้หญิงของคีรีอีกแน่“นายบอกกับฉันเองตอนที่นอนอยู่ด้วยกันว่าไม่ได้ต้องการคุณเลยสักนิดที่ต้องแต่งเพราะจำเป็น”“แค่นี้ใช่หรือเปล่าที่จะบอกฉัน”ปิ่นงามหลุบสายตาลงเล็กน้อยที่แท้ก็เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ“อีกอย่างคือ...นายเป็นของฉันคุณอย่าคิดว่าจะแย่งนายไปได้ไม่อย่างนั้นได้เจ็บตัวแน่..ฉันขอตัว”ผกามองค้อนปิ่นงามดวงตาแทบจ
“อื้ออๆๆ..”เสียงหวานของผการ้องเจือในลำคอเล็กน้อยเมื่อสะโพกแกร่งกระแทกจนแท่งร้อนเข้าลึกลงมาในคอของเธอซวบบบ..“อ่าสส..”ในส่วนของชายหนุ่มก็ตวัดฉกชิมน้ำรักของหญิงสาวเสียงซดมูมมามพักใหญ่จนหนำใจแล้วค่อยเปลี่ยนท่วงที่ให้หญิงสาวนอนหันหลังชันเข่าขึ้น“ฉ..ฉันไม่ไหว..”ผการีบแอ่นก้นให้ศักดิ์สิทธิ์ได้สอดใส่แท่งร้อนเพราะตอนนี้เธอรอมันไม่ได้อีกแล้วความเสียวมันซาบซ่านไปทั้งตัวจนลืมอายไปหมดแล้ว“ข้าก็เหมือนกัน”พลั่กกก“อ้ะ...อื้ออ”สิ้นเสียงชายหนุ่มเขาก็เสียบแท่งร้อนเข้าร่องสวาทที่เยิ้มฉ่ำแฉะจนมิดตับ ตับ ตับ เสียงเนื้อที่กระทบกันดังสนั่นขณะที่ชายหนุ่มรัวสะโพกเข้าออกร่องสวาทผสมกับเสียงครางแห่งความสุขของหญิงสาวที่ไม่ได้สุขแบบนี้มานานแล้ว“อืม..”ผกาชันตัวขึ้นให้หลังของเธอแนบกับอกแกร่งของชายหนุ่มก่อนจะดึงมือหนาของเขามากอบกุมเต้างามทั้งสองเอาไว้“อ้ะ...”หลังจากที่ชายหนุ่มกระแทกจากข้างหลังจนหนำใจร่างอวบอิ่มถูกพลิกให้นอนหงายเขาจับเรียวของทั้งสองแยกออกจากกันและจับอีกข้างพาดบ่าเอาไว้และเสียบแทงเท่งร้อนรัวสะโพกใส่หนักๆรัวๆอีกครั้งจนร่างของผกาหัวสั่นหัวครอนรวมไปถึงทรวงอกอิ่มก็เด้งตามจังหวะให้ศักดิ์สิทธิ
“พี่ปิ่นไม่ได้อยู่ที่นี่จะแม่”นภาส่ายหัวหงึกหงักตอบแทนคีรีว่าปิ่นงามไม่ได้อยู่ที่นี่พอเห็นแม่เธอถามถึงปิ่นงามเธอก็เริ่มเห็นถึงความผิดปกติแล้วเพราะถ้าพี่ชายเธอไปส่งปิ่นงามที่บ้านก่อนจะมาที่นี่แล้วแม่เธอจะมาตามปิ่นงามที่นี่ทำไม“อ้าว.. ที่บ้านก็ไม่อยู่”ดอกแก้วเท้าเอวสงสัยว่าตกลงปิ่นงามอยู่ที่ไหนกันแน่“ฉันขอตัวก่อนนะ”คีรีเห็นท่าจะไม่ดีจึงเห็นว่าต้องขอตัวจากแม่และน้องสาวตนไปข้างนอกเสียตอนนี้จะดีกว่าแต่ยังไม่ทันได้ก้าวสักก้าวนภาก็ดึงเขาเอาไว้ก่อนทั้งยังเค้นถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าคาดโทษ“เดี๋ยวพี่คี...พาพี่ปิ่นกลับมาหรือเปล่า”“อืม... น่าจะลืม”คีรีตอบอย่างลอยหน้าลอยตา“พี่คี....ไปรับพี่ปิ่นกับภาเดี๋ยวนี้เลยทำแบบนี้ได้ยังไง”นภาบ่นพี่ชายตนอุกไม่รู้ว่าตอนนี้ปิ่นงามจะเป็นอย่างไรบ้าง“นั่นสิ...มันน่านัก”คนเป็นแม่บิดหน้าท้องลูกชายเธอจนร้องลั่น“โอ้ยย..ๆๆแม่ผมเจ็บ”“รีบไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”ดอกแก้วรู้ว่าคีรีไม่ได้พอใจที่จะแต่งงานแต่ก็ไม่คิดว่าลูกชายเธอจะแกล้งปิ่นงามแบบนี้“ต้องแกล้งกันขนาดนี้เลยเหรอ”ปิ่นงามเดินถือของกลับด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นักมือน้อยยังคงคอยปาดเหงื่อที่กำลังหยดมาเรื่อยๆห