“ผกา..”
คีรีพยายามหักห้ามใจแต่ทั้งความเมาและเนื้อหนังเต่งตึงอกตูมของผกากำลังทำให้สติของเขาควบคุมไม่อยู่สิ้นเสียงเรียกชื่อหญิงสาวอย่างแหบพร่าคีรีก็กดเธอลงกับฟูกนอนรีบตะกุมตะกามดูดดึงยอกประทุมถันฟัดเล่นให้สาแก่ใจ
“อ้ะ...”
ชายหนุ่มใช้มือหนาถลกผ้าถุงสีหวานของหญิงสาวขึ้นมากองที่เอวก่อนจะใช้มือล้วงเข้าไปในกางเกงในตัวจิ๋วลูบไล้ร่องสวาทที่กำลังฉ่ำแฉะ
“คีรี..”
และแล้วกิจกรรมสวาทที่ได้สิ้นลงเมื่อคีรีได้ยินเสียงพ่อตนมาตะโกนที่หน้าบ้านของผกาสติของเขาจึงกลับคืนมาได้
“พ่อ..”
“ถ้าเอ็งไม่ออกมาเอ็งไม่ต้องกลับไปที่ไร่อีก”
“ฉันไปก่อนนะผกา”
คีรีรีบใส่กางเกงลุกหนีร่างอวบอึ๋มที่นอนโชว์ของสงวนอยู่บนฟูกออกไปอย่างรวดเร็วเขามีสติรู้ตัวเพราะเสียงของพ่อไม่อย่างนั้นเกือบมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับผกาไปแล้ว
“โถ่เอ้ย..”
ผกานั่งกัดฟันกรอดกำมือแน่นอีกแค่นิดเดียวเธอก็จะทำให้สิ่งที่หวังได้สำเร็จแล้วแต่ดันมีคนมาขัดเสียก่อนยิ่งคิดเธอก็ยิ่งโมโห
ปึกก
“ดึกดื่นไม่กลับบ้านกลับช่องเอ็งจะไปค้างอ้างแรมบ้านผกามันได้ยังไง”
พ่อเลี้ยงอินลากลูกชายคนโตมาเหวี่ยงกองตรงกลางบ้านกลางดึกก่อนจะตวาดเสียงสั่นด้วยความโมโหดีที่สรวงมาบอกให้เขาไปตามคีรีกลับไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิดเลยว่าคนแถวนั้นจะพูดกันไปเสียหายขนาดไหนหากคีรีนอนค้างบ้านผกาจนถึงเช้า
“ก็ฉันไม่อยากกลับบ้านนี่พ่อ”
คีรีเงยหน้ามองพ่อตนเอ่ยตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
“ข้าพึ่งคุยกับแม่เอ็งเมื่อเย็นว่าเอ็งคงไม่ทำอะไรให้ข้ากับแม่เอ็งเดือดร้อนเห็นจะไม่ใช่แล้วล่ะมั้ง..”
พ่อเลี้ยงอินเห็นทีเขาจะไว้ใจลูกชายของเขาเกินไปแล้ว
“ฉันขอไปนอนก่อนนะพ่อ...ไม่ไหว”
คีรีลุกหนีคนเป็นพ่อเดินเข้าห้องเพราะรำคาญที่จะฟังเสียงบ่นเต็มที
“ไอ้ลูกคนนี้..อย่าให้ข้าต้องมานั่งบังคับอะไรเอ็งมากนักเลย”
พ่อเลี้ยงอินยังคงพ่นเสียงบ่นตามหลังลูกชายตนไม่ขาดเขาอยากให้ลูกของเขาเลิกพฤติกรรมเจ้าชู้แบบนี้เสียทีแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรบอกสอนเตือนกี่ครั้งก็ไม่ฟังทุกอย่างของลูกเขาดีหมดยกเว้นเรื่องผู้หญิง
ไม่รู้เลยว่าแต่งงานไปแล้วจะเป็นอย่างไร
หากคีรีทำให้หลานสาวแสนคำเสียใจเขาต้องทุกข์มากแน่ๆที่เขาบังคับให้คีรีแต่งกับหลานสาวของแสนคำเพราะเป็นความต้องการของแสนคำด้วยแสนคำนั้นมีแต่หลานสาวจึงอยากให้วิวาห์เป็นฝั่งเป็นฝากับคีรีเพื่อที่อนาคตจะได้ไปควบคุมดูแลไร่ที่ทางเหนือ
ที่เขาต้องทำตามคำที่แสนคำขอเพราะเมื่อก่อนเขาก็อาศัยบารมีและความช่วยเหลือของแสนคำถึงได้มีกินมีใช้เป็นเจ้าคนนายคนอย่างทุกวันนี้ได้บุญคุณอะไรที่เขาตอบแทนแสนคำได้เขาก็จะทำ
วันต่อมา
เช้ามืดหลังจากที่รถยนต์ของบ้านแสนคำขับออกมาจากตัวเมืองเชียงใหม่ไม่เท่าไรโดยมีคำปันชายหนุ่มคนขับรถของแสนคำเป็นคนขับ...ก็จอดที่ข้างทางเพื่อให้ปรางทิพย์หลานสาวคนเดียวของแสนคำลงเนื่องจากมีกวินหมอหนุ่มที่เป็นคนรักของปรางค์ทิพย์จอดรถรอเพื่อที่จะพาปรางค์ทิพย์หนีอยู่แล้ว
“พี่วิน”
ปรางค์ทิพย์ลงรถได้ก็โผเข้ากอดกวินจนแน่นเพราะคิดถึงสุดหัวใจเนื่องจากปู่ของเธอดันไล่ให้กวินออกไปจากพื้นที่หลังจากที่รู้ว่าเธอนั้นแอบคบกันเพราะปู่ของเธอต้องการให้เธอแต่งงานกับลูกชายของพ่อเลี้ยงอินที่อยู่โคราช
วันนี้เธอทำทีเตรียมเดินทางออกมาพร้อมกับปิ่นงามหญิงสาวลูกของตองนวลแม่นมของเธอโชคดีที่ปู่ของเธอตอนนี้ป่วยจนเดินไม่ได้เลยเดินทางไปร่วมงานแต่งไม่ได้เธอจึงถือโอกาสนี้หนีไปกับหมอกวินและคนที่จะต้องเดินทางไปแต่งงานแทนเธอก็เป็นปิ่นงาม
เรื่องนี้ปิ่นงามเองก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไรนักแต่เพราะเห็นแก่ความรักของปรางค์ทิพย์และบุญคุณของแสนคำที่ชุบเลี้ยงเธอกับแม่เหมือนคนในครอบครัวเธอจึงยอมสละความสุขตัวเองเพื่อให้หลานสวาวของแสนคำอย่างปรางค์ทิพย์มีความสุข
“ดูแลตัวเองดีๆนะคะคุณปรางค์โชคดีนะคะ”
หญิงสาวร่างเล็กใบหน้าจิ้มลิ้มผิวขาวอมชมพูในชุดเสื้อแขนยาวผ้าฝ้ายคอกลมมีเชือกผูกเอวกับซิ่นผืนสีทองยาวถึงตาตุ่มบนหัวเกล้ามวยผมรวบตึงเดินลงมาจากรถถือกระเป๋าหวายยื่นให้หมอหนุ่มก่อนจะหันมากุมมือเรียวของปรางค์ทิพย์อวยพรให้เธอโชคดี
“เธอก็เหมือนกันนะปิ่น..ขอบคุณมากจริงๆ”
ปรางค์ทิพย์สวมกอดปิ่นงามแน่นขอบคุณหญิงสาวที่เสียสละเพื่อความรักของเธอก่อนจะรีบขึ้นรถไปกับกวินแฟนหนุ่มของเธอ
หลายชั่วโมงต่อมา
กว่าคำปันจะขับรถพาปิ่นงามมาถึงโคราชได้ก็ปาไปหลายชั่วโมงจวบจนตอนนี้ก็เริ่มฟ้ามืดแล้วกว่าจะมาถึงไร่
“นั่นหลานสาวแสนคำมาถึงแล้วละมั้งพ่อ”
“นั่นสิ”
อินและดอกแก้วเห็นรถยนต์ที่ไม่คุ้นตาและไม่เหมือนของคนในไร่ในดงใช้เท่าไรก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นหลานสาวของแสนคำที่เดินทางมาถึงแล้วจึงรีบชวนกันลงจากเรือนมาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะพ่อเลี้ยงแม่เลี้ยง”
ปิ่นงามรู้ดีว่าทั้งสองที่ลงมาต้อนรับเธอเป็นใครเพราะที่บ้านเธอมีรูปทั้งสองอยู่เต็มบ้านแม้นคนทั้งสองตรงหน้าจะดูแก่ไปบ้างแต่ก็ยังไม่ต่างจากรูปเท่าไรนัก
“หนูเป็นหลานแสนคำสินะ”
“ค่ะ...หนูชื่อปิ่นงาม..ส่วนนี่พี่คำปันจะ”“สวัสดีครับ”หลังจากที่ปิ่นงามแนะนำตัวคำปันชายหนุ่มก็รีบยกมือสวัสดี“คำปันเองเหรอลูกทิดปลั่งใช่ไหม”ดอกแก้วจำได้ดีว่าเคยเจอคำปันเมื่อยังเล็กๆตอนไปเยี่ยมแสนคำที่ทางเหนือครั้งพวกตนยังไม่มีลูกมีเต้า“ครับแม่เลี้ยง”“ตอนนั้นที่เห็นกันยังเล็กๆอยู่เลยนะจำไม่ได้ล่ะสิ..ไปๆขึ้นเรือนพักผ่อนกันก่อน”หลังจากทักทายกันเสร็จเจ้าบ้านก็ชวนแขกขึ้นเรือนเอาของไปเก็บแล้วจะได้พักผ่อนหลังจากเดินทางมาเหนื่อยๆวันนี้เลยได้แค่ทักทายไม่ได้คุยอะไรกันมากนักเพราะนี่ก็มืดค่ำแล้ว“นึกว่าพ่อเลี้ยงจะมาพร้อมหนูปิ่นเสียอีก..ดันมาป่วยเอาเสียได้”สองสามีภรรยามาคุยกันที่ห้องหลังจากจัดแจงที่พักให้ปิ่นงามและคำปันเรียบร้อยแล้วทั้งสองแอบเสียดายที่คิดว่าแสนคำจะมาพร้อมกับหลานสาวแต่กลับมารู้ว่าป่วยกะทันหันจากปากปิ่นงาม“นั่นสิ..จะว่าไปหนูปิ่นกิริยาท่าทางเหมือนตองนวลไม่มีผิดเลย”พ่อเลี้ยงอินอดนึกถึงเพื่อนตนในวันวานที่อยู่ที่ไร่แสนคำไม่ได้ยิ่งเห็นปิ่นงามก็ยิ่งนึกถึงตองนวล“ก็คงจะเหมือนคนเลี้ยงนั่นแหละ”ดอกแก้วเองก็คิดเช่นเดียวกับสามีเธอรู้มาว่าตองนวลมีลูกรุ่นราวคราวเดียวกับหลานของแสนคำและตอง
“พี่คีนะพี่คี..ตื่นสายทุกวันเลยนะเดี๋ยวนี้”ช่วงสายนภาเข้ามาปลุกพี่ชายเธอในห้องนอนเพราะเดี่ญวนี้เห็นจะทำตัวเกเรเมามาทุกวันแถมยังตื่นไปทำงานสายทุกวันอีก“อืม..”“พี่ปิ่นมาถึงแล้วว่าที่เมียพี่น่ะไปทำความรู้จักกับเธอหน่อย”“ไม่..ไม่ได้อยากรู้จัก”เสียงเอะอะโวยวายภายในห้องทำให้ปิ่นงามที่นั่งอยู่ที่ชานเรือนด้านบนถึงกับทำใจไว้เลยว่าคีรีน่าจะไม่ใช่คนที่เป็นมิตรกับเธอแน่นอนก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะใครก็ไม่ได้อยากจะแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนแต่ต้องแต่งเพราะเป็นข้อผูกมัดที่ผู้ใหญ่ทำขึ้นเอาไว้หลังจากนภาว่างงานจากสำนักงานของไร่แล้วบ่ายๆเกือบเย็นแดดร่มลมตกเธอก็เดินพาปิ่นงามปั่นจักรยานดูรอบๆไร่คร่าวๆว่าตรงไหนมีอะไรบ้างเพื่อสร้างความคุ้นเคย“ไร่นี้สวยเหมือนไร่แสนคำเลยภา”“พ่อบอกว่าทุกอย่างที่ไร่นี้เกิดขึ้นมาได้ก็เพราะความช่วยเหลือของปู่แสนคำการทำไร่ก็ทำทุกอย่างแทบจะเหมือนกับที่ไร่โน้นแต่แค่ปลูกพืชเมืองหนาวไม่ค่อยได้เท่านั้นเองจะ”“เพื่อนคุณภาเหรอจ๊ะ...งามเหลือเกิน”ระหว่างที่สองสาวหยุดคุยกันก็มีคนงานผู้หญิงในไร่ที่กำลังนั่งถางหญ้ากลางร่องผักใกล้ๆเอ่ยชมหญิงสาวที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนแถม
วันต่อมาซ่า.....เสียงน้ำตกที่ไหลมาจากต้นทางในป่าลึกไหลผ่านมายังหลังเรือนเล็กท้ายไร่ของคีรีที่นี่ค่อนข้างเป็นที่เงียบสงบและเป็นพื้นที่ส่วนตัวของคีรีเฉพาะคนที่เขาอนุญาตให้เข้าเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้กระท่อมริมลำธารน้ำตกตอนนี้มีสองหนุ่มสาวอย่างคีรีและบุญตาสาวโสดที่หน้าตาดีที่สุดในไร่กำลังนั่งพลอดรักกันกระหนุงกระหนิงอย่างไม่คิดอายใครเพราะรู้ว่าไม่มีใครมาที่นี่ตอนนี้“นายจะแต่งงานแล้วบุญตาไม่อยากให้นายแต่งเลยจะ”บุญตาสาวสวยร่างผอมบางใบหน้าคมออดอ้อนคีรีเสียงอ่อนเสียงหวานเพราะรู้ตัวว่าคีรีกำลังจะแต่งงานไปในเร็ววันนี้และไม่รู้ว่าหลังจากนี้เธอจะสำคัญกับคีรีอยู่หรือเปล่าหากเขามีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว“เธอก็รู้ว่าฉันขัดพ่อฉันได้ที่ไหน”“แบบนี้บุญตาก็จะไม่ได้รับความรักจากนายอีกแล้วใช่หรือเปล่าจ๊ะ”บุญตารู้ดีว่าจะออดอ้อนคีรีอย่างไรเพราะคีรีมีนิสัยรักอิสระเธอจึงไม่เคยทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของอยู่อย่างนี้เธอก็สบายดีแถมยังได้เงินจากคีรีอยู่เรื่อยๆเธอเคยเห็นผู้หญิงที่คิดจะจับคีรีแล้วแต่ก็ถูกเฉดหัวทิ้งทุกคนเลยขออยู่แบบนี้จะดีกว่าทั้งที่คราแรกที่ถูกคีรีจีบก็มีความคิดอยากเป็นเจ้าของเจ้านายหนุ่มเหมือนกัน“
“นั่นลูกวัวพึ่งคลอดก่อนหน้าที่พี่ปิ่นจะมาสองวันเอง”นภาชี้เจ้าลูกวัวตัวเมียที่เดินตามแม่กินหญ้าต้อยๆให้ปิ่นงามได้ดูขณะที่นั่งมองวิวทิวทัศน์กันอยู่ใต้ร่มต้นก้ามปูใหญ่“น่ารักดีนะดูสิตามแม่ต้อยๆเลย”“พี่ปิ่นนั่งเล่นตรงนี้ก่อนน้ะจ๊ะเดี๋ยวฉันไปเก็บชะอมริมรั้วสักหน่อยเอาไว้ทำกับข้าวเย็นนี้จะ”“เดี๋ยวพี่ไปช่วย”“ไม่ต้องหรอกจะแปปเดียวก็เสร็จแล้ว”“ก็ได้จะ”นภาอยากให้ปิ่นงามนั่งรับลมเล่นตรงนี้จะดีกว่าเพราะเธอก็ไม่ได้ไปนานเท่าไรนัก“เอ่อ..มีอะไรหรือเปล่า”ขณะที่ปิ่นงามนั่งเล่นเพลินๆจู่ๆก็มีหญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มแต่งตัวแต่งหน้าสีสันฉูดฉาดเดินเข้ามายืนกอดอกมองหน้าเธออย่างไม่เป็นมิตรเท่าไรนัก“คุณน่ะเหรอจะมาเป็นเมียนาย”“.....”ปิ่นงามพยักหน้ารับทั้งยังคิดในใจว่าไม่พ้นผู้หญิงคนนี้จะเป็นผู้หญิงของคีรีอีกแน่“นายบอกกับฉันเองตอนที่นอนอยู่ด้วยกันว่าไม่ได้ต้องการคุณเลยสักนิดที่ต้องแต่งเพราะจำเป็น”“แค่นี้ใช่หรือเปล่าที่จะบอกฉัน”ปิ่นงามหลุบสายตาลงเล็กน้อยที่แท้ก็เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ“อีกอย่างคือ...นายเป็นของฉันคุณอย่าคิดว่าจะแย่งนายไปได้ไม่อย่างนั้นได้เจ็บตัวแน่..ฉันขอตัว”ผกามองค้อนปิ่นงามดวงตาแทบจ
“อื้ออๆๆ..”เสียงหวานของผการ้องเจือในลำคอเล็กน้อยเมื่อสะโพกแกร่งกระแทกจนแท่งร้อนเข้าลึกลงมาในคอของเธอซวบบบ..“อ่าสส..”ในส่วนของชายหนุ่มก็ตวัดฉกชิมน้ำรักของหญิงสาวเสียงซดมูมมามพักใหญ่จนหนำใจแล้วค่อยเปลี่ยนท่วงที่ให้หญิงสาวนอนหันหลังชันเข่าขึ้น“ฉ..ฉันไม่ไหว..”ผการีบแอ่นก้นให้ศักดิ์สิทธิ์ได้สอดใส่แท่งร้อนเพราะตอนนี้เธอรอมันไม่ได้อีกแล้วความเสียวมันซาบซ่านไปทั้งตัวจนลืมอายไปหมดแล้ว“ข้าก็เหมือนกัน”พลั่กกก“อ้ะ...อื้ออ”สิ้นเสียงชายหนุ่มเขาก็เสียบแท่งร้อนเข้าร่องสวาทที่เยิ้มฉ่ำแฉะจนมิดตับ ตับ ตับ เสียงเนื้อที่กระทบกันดังสนั่นขณะที่ชายหนุ่มรัวสะโพกเข้าออกร่องสวาทผสมกับเสียงครางแห่งความสุขของหญิงสาวที่ไม่ได้สุขแบบนี้มานานแล้ว“อืม..”ผกาชันตัวขึ้นให้หลังของเธอแนบกับอกแกร่งของชายหนุ่มก่อนจะดึงมือหนาของเขามากอบกุมเต้างามทั้งสองเอาไว้“อ้ะ...”หลังจากที่ชายหนุ่มกระแทกจากข้างหลังจนหนำใจร่างอวบอิ่มถูกพลิกให้นอนหงายเขาจับเรียวของทั้งสองแยกออกจากกันและจับอีกข้างพาดบ่าเอาไว้และเสียบแทงเท่งร้อนรัวสะโพกใส่หนักๆรัวๆอีกครั้งจนร่างของผกาหัวสั่นหัวครอนรวมไปถึงทรวงอกอิ่มก็เด้งตามจังหวะให้ศักดิ์สิทธิ
“พี่ปิ่นไม่ได้อยู่ที่นี่จะแม่”นภาส่ายหัวหงึกหงักตอบแทนคีรีว่าปิ่นงามไม่ได้อยู่ที่นี่พอเห็นแม่เธอถามถึงปิ่นงามเธอก็เริ่มเห็นถึงความผิดปกติแล้วเพราะถ้าพี่ชายเธอไปส่งปิ่นงามที่บ้านก่อนจะมาที่นี่แล้วแม่เธอจะมาตามปิ่นงามที่นี่ทำไม“อ้าว.. ที่บ้านก็ไม่อยู่”ดอกแก้วเท้าเอวสงสัยว่าตกลงปิ่นงามอยู่ที่ไหนกันแน่“ฉันขอตัวก่อนนะ”คีรีเห็นท่าจะไม่ดีจึงเห็นว่าต้องขอตัวจากแม่และน้องสาวตนไปข้างนอกเสียตอนนี้จะดีกว่าแต่ยังไม่ทันได้ก้าวสักก้าวนภาก็ดึงเขาเอาไว้ก่อนทั้งยังเค้นถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าคาดโทษ“เดี๋ยวพี่คี...พาพี่ปิ่นกลับมาหรือเปล่า”“อืม... น่าจะลืม”คีรีตอบอย่างลอยหน้าลอยตา“พี่คี....ไปรับพี่ปิ่นกับภาเดี๋ยวนี้เลยทำแบบนี้ได้ยังไง”นภาบ่นพี่ชายตนอุกไม่รู้ว่าตอนนี้ปิ่นงามจะเป็นอย่างไรบ้าง“นั่นสิ...มันน่านัก”คนเป็นแม่บิดหน้าท้องลูกชายเธอจนร้องลั่น“โอ้ยย..ๆๆแม่ผมเจ็บ”“รีบไปเดี๋ยวนี้เลยนะ”ดอกแก้วรู้ว่าคีรีไม่ได้พอใจที่จะแต่งงานแต่ก็ไม่คิดว่าลูกชายเธอจะแกล้งปิ่นงามแบบนี้“ต้องแกล้งกันขนาดนี้เลยเหรอ”ปิ่นงามเดินถือของกลับด้วยใบหน้าที่ไม่สบอารมณ์นักมือน้อยยังคงคอยปาดเหงื่อที่กำลังหยดมาเรื่อยๆห
“ลูกสะใภ้พ่อเลี้ยงนี่งามสมชื่อปิ่นงามเลยนะ”ผู้ใหญ่บ้านกำนันที่มาร่วมงานก็เอ่ยชมปิ่นงามกับพ่อเลี้ยงอินทร์เปราะเพาะเธอสวยน่ารักจนเป็นที่จับจ้องของผู้ชายแทบจะทุกคน“ไม่ใช่สวยอย่างเดียวนะงานบ้านงานเรือนเก่งเสียด้วย”พ่อเลี้ยงอินได้ยินเช่นนี้ตลอดเวลาที่อยู่ในงานทำให้เขาเองก็ยิ้มไม่หุบทั้งยังอวดด้วยว่าลุกสะใภ้ของเขาไม่ได้สวยอย่างเดียวเท่านั้นยังเรียบร้อยเป็นแม่บ้านแม่เรือนได้ดีอีกด้วย“แบบนี้พ่อคีรีไม่หลงแย่เลยเหรอ..ฮ่าๆๆ”“อยากจะให้หลงน่ะสิจะได้มีหลานให้อุ้มหัวปีท้ายปี”เสียงผู้ใหญ่คุยหัวเราะเฮฮากันดูจะครึกครื้นตื่นเต้นมากกว่าตัวบ่าวสาวในงานเสียอีกหลังจากพิธีสู่ขวัญรดน้ำสังข์ผูกข้อไม้ข้อมือเรียบร้อยแล้วตอนนี้ก็เป็นเวลาที่จะส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอที่เรือนเล็กท้ายไร่ผู้คนจากเรื่อนใหญ่ก็เดินตามมาส่งสองบ่าวสาวกันเป็นขบวน“นาย.. เมียนายสวยยังกะนางฟ้าผู้ชายในไร่มองตากันเป็นมัน...นายไม่สนใจเธอจริงๆเหรอ”สรวงได้จังหวะก็มาเอ่ยกระซิบกับคนเป็นนายไม่อยากจะคิดว่านายของเขาจะไม่สนใจปิ่นงามจริงๆ“จะสนไม่สนเอ็งยุ่งอะไรด้วยวะ”คราแรกคีรีก็ว่าจะไม่สนใจพอได้ยินผู้ชายคนอื่นเอ่ยชมป่นงามมากๆเข้าเขาก็รู้สึก
“โถ่.. โว้ยย..”คีรีตวาดใส่หญิงสาวก่อนจะเดินออกจากห้องไปทิ้งให้หญิงสาวนอนหายใจหอบถี่ด้วยอาการตกใจเพียงคนเดียว“เฮ้อ...”ปิ่นงามรีบวิ่งไปล็อคประตูเอาไว้เพราะกลัวว่าคีรีจะกลับมากระทำสิ่งที่เธอไม่ต้องการอีก22.00 น.“ไม่เห็นเอ็งไปงานแต่งไอ้คีรี...เมียมันสวยเหมือนกันนี่หว่า”ศักดิ์สิทธิํทาหาผกาช่วงกลางดึกตั้งแต่คืนนั้นทั้งสองก็นัดกันเล่นบทสวาทเรื่อยมาโดยที่ไม่มีใครรู้“อย่ามาพูดให้ฉันได้ยินฉันไม่อยากฟัง”คำพูดของศักดิ์สิทธิ์ทำสาวร่างอวบอิ่มที่นุ่งผ้าถุงกระโจมอกอยู่บนตักชายหนุ่มหงุดหงิดขึ้นมากะทันหัน“เออ... ข้าไม่พูดเรื่องคนอื่นแล้วก็ได้..”ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้คิดจะมาเย้ยอะไรผกาเขาก็พูดตามที่คิดเพราะปิ่นงามนั้นงามสมชื่อจริงๆ“มาคุยเรื่องของเรากันดีกว่า”ว่าจบก็ถกผ้าถุงหญิงสาวที่นั่งอยู่บนตักขึ้นก่อนจะล้วงมือซ้ายไปที่กลีบกุหลาบงามส่งนิ้วแกร่งทั้งสองสอดใส่ไปในร่องสวาทชักเข้าออกช้าๆมือขวาก็ไม่ได้ปล่อยให้ว่างคว้าหมับบีบเค้นเต้างามทั้งขยี้ยอดปทุมถันที่แข็งตั้งชูชันเรียกอารมณ์สวาทให้หญิงสาวนั้นพร้อมกับกิจกรรมสวาทที่กำลังจะเกิดขึ้น“พ..พี่ศักดิ์”สองขาเรียวขอผกายกแยกชันขึ้นอัตโนมัติร่างบางแอ่นบิดเ