เย็นของวัน
“ปิ่นทำแผลให้ค่ะ”
ปิ่นงามเห็นคีรีอาบน้ำอาบท่าหลังจากกลับมาจากทำงานแล้วเธอจึงถือกล่องพยาบาลมานั่งตรงหน้าเขารู้สึกผิดที่ทำเขาเจ็บเหมือนกันแต่หากเขาไม่มาขัดใจเธอก่อนคงไม่เป็นแบบนี้
“......”
คีรีนั่งไม่พูดไม่จาเขาไม่ได้ตอบรับหรือพูดปฏิเสธเพราะนี่มันก็เป็นหน้าที่เธอต้องจัดการให้เขาอยู่แล้วเพราะเธอมาทำเขาเจ็บเอง
“ก่อนทำแผลเมื่อวานล้างก่อนหรือยังคะ”
ปิ่นงามแกะผ้าแปะแผลออกก็เห็นรอยเลือดเกรอะกรัง เมื่อวานที่เขาเจ็บเธอก็ไม่ได้ทำแผลให้ด้วยไม่รู้ว่าเขาล้างสะอาดดีหรือเปล่า
“แค่เช็ดแล้วก็ใส่ยา”
คีรีส่ายหัวเขาแค่ใช้ผ้าเช็ดเลือดเสร็จแล้วก็ใส่ยาแปะผ้าแปะแผลแล้วก็นอนอยู่อีกห้องข้างๆ
“คราวหลังต้องเช็ดให้สะอาดไม่อย่างนั้นแผลจะอักเสบนะคะ”
“เธอจะทำฉันเจ็บอีกเหรอ”
คีรีจ้องหน้าจิ้มลิ้มที่กำลังยื่นหน้ามาใกล้ๆเขม็งที่เธอพูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าคิดที่จะทำเขาเจ็บอีกหรอกหรือ
“คือปิ่นหมายถึง...คุณบาดเจ็บด้วยอย่างอื่น”
ปิ่นงามต้องรีบอธิบายทันควันกลัวว่าเขาจะหาว่าเธอหัวรุนแรง
“กับข้าวฝีมือปิ่นพอจะกินได้หรือเปล่าคะ”
หลังจากทำแผลเสร็จทั้งสองก็มานั่งกินข้าวเย็นกันในครัวหญิงสาวเห็นคีรีเอาแต่นั่งกินข้าวไม่พูดไม่จาเลยไม่รู้ว่าเขานั้นพอใจกับกับข้าวที่เธอทำแค่ไหน
“อืม...รสชาติก็งั้นๆ”
คีรีตอบกลับเสียงห้วนทั้งที่ต้มยำปลาทับทิมกับผัดกะเพราไก่ที่หญิงสาวทำถูกปากเขาอยู่ไม่น้อย
ปิ่นงามเห็นว่าคำพูดของชายหนุ่มท่าจะไม่ตรงกับใจเพราะหากเขาไม่ชอบคงไม่ตั้งหน้าตั้งตากินแบบนี้อีกอย่างใครได้กินฝีมือของเธอเป็นต้องชมกันทั้งนั้นหากเขาคิดจะทำให้เธอเสียความรู้สึกงั้นเขาก็ไม่ต้องมากินอาหารฝีมือเธออีก
“ปิ่นว่าคุณน่าจะไม่ชอบไม่ต้องกินอาหารของปิ่นดีกว่านะคะ”
ว่าจบก็เลื่อนกับข้าวมาตรงหน้าตัวเองโดยไม่ยอมให้คีรีได้ตักกินอีก
“เดี๋ยว...กวนประสาทฉันเหรอ”
“ใครจะกล้าคะ...ก็คุณบอกว่าไม่อร่อยก็กินข้าวเปล่าอย่างเดียวก็แล้วกันค่ะ”
ปิ่นงามพูดด้วยน้ำเสียงห้วน
“หึ่...ฉันไปหาอะไรกินที่อื่นก็ได้”
คีรีลุกขึ้นพรวดมองหญิงสาวด้วยหน้าตาถมึงทึงหากเธอต้องการท้าทายเขาอย่าคิดว่าเขาจะง้อ
“ไปสิคะ”
ปิ่นงามรีบเดินไปเปิดประตูให้เขาออกไปอย่างไม่หวงห้ามเพราะคืนนี้เธอจะได้นอนอย่างสบายใจหากเขาไม่อยู่
“หึ่...”
คีรีมองค้อนปิ่นงามก่อนจะไปเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป
22.30 น.
คีรีเดินโซซัดโซเซกลับมากลางดึกหลังจากไปนั่งดื่มที่บ้านของสรวงคราแรกว่าจะไม่กลับเพราะยังเคืองที่ปิ่นงามท้าทายเขาแต่ก็ถูกสรวงพามาส่งจนได้ตอนนี้เขาเดินเข้ามาหาร่างบางที่นอนหลับอุตุอยู่ใต้ผ้าห่มในห้องหญิงสาวนั้นนอนไม่ดับตะเกียงทำให้ห้องนี้มีแสงสว่างเพียงพอที่เขาจะมองใบหน้าจิ้มลิ้มเวลาหลับชัดเจน
คีรีนอนตะแคงมองหน้าภรรยาตัวเล็กไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกอยากสัมผัสใบหน้าจิ้มลิ้มนักยังไม่ทันได้คำตอบมือหนาก็เลื่อนขึ้นไปลูบไล้สัมผัสเรียบร้อยแล้วคิดในใจว่าขณะที่เธอหลับอยู่เฉยๆแบบนี้ก็น่ารักอยู่หรอกแต่เมื่อเวลาเธอท้าทายเขานั้นช่างน่าหมั่นไส้เช่นกัน
คีรีค่อยๆเข้าไปกอดก่ายร่างบางนุ่มนิ่มเมื่อสติเลือนลางด้วยฤทธิ์น้ำเมาร่างกายก็เริ่มทำทุกอย่างตามที่หัวใจสั่งจริงๆไม่มีทิฐิมาแทรก
“คุณคี...ฉันนึกว่าคุณจะไม่กลับมาซะอีก”
ปิ่นงามรู้สึกตัวตื่นเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรกำลังกอดรัดเนื้อตัวของเธออยู่เมื่อลืมตาขึ้นมาเห็นเป็นคีรีจึงรีบผละตัวออกห่างเธอคิดว่าคืนนี้เขาจะไม่กลับมาเสียอีก
“ที่นี่คือที่ของฉันจะเข้าจะออกตอนไหนก็ได้”
คีรียังคงพยายามรวบร่างบางเข้ามากอดทั้งที่เธอพยายามเลื่อนตัวหนี
“ปล่อยค่ะ...เหม็นเหล้า”
“เหม็นอย่างงั้นเหรอ”
เสียงห้วนเอ่ยจบก็กดริมฝีปากหนาบดจูบไปที่พวงแก้มของหญิงสาวและค่อยๆเลื่อนมากอบกุมริมฝีปากอวบอิ่ม
“อึก...อืมม..”
ปึก..ปึก
ปิ่นงามพยายามทั้งผลักทั้งทุบคีรีให้เขาหยุดการกระทำก็สู้แรงเขาไม่ได้อีกเช่นเคย
“ทำอะไรของคุณ”
เมื่อผละริมฝีปากจากเขาได้ปิ่นงามก็ตวาดคนที่กำลังกอดรัดเธอแน่นเสียงแข็ง
“เป็นผัวจะทำอะไรเมียบ้างไม่ได้เลยหรือไง”
ชายหนุ่มเอ่ยปากดุหญิงสาวสีหน้าของเขามีความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดทั้งๆที่ปิ่นงามก็รู้อยู่แก่ใจว่าในเมื่อแต่งงานกับเขาแล้วเธอก็ต้องทำหน้าที่เมียแต่ก็ยังทำเขาอารมณ์เสียอยู่ได้
ดวงตากลมโตเหลือบมองหาอุปกรณ์ที่จะป้องกันตัวเองแต่ก็ไม่มีอะไรอยู่ใกล้ตัวสักนิดตะเกียงที่ตั้งเอาไว้ตอนนี้ก็ไปอยู่ตรงมุมห้องเสียแล้ว
“ไม่ต้องมองหาไม่มีอะไรใกล้มือเธอที่จะมาฟาดหัวฉันได้อีกแล้ว”
คีรีเริ่มที่จะลุกล้ำหญิงสาวอีกรอบ
“อื้ออ...คุณคีรี..ปิ่นไม่พร้อม”
“เธอแต่งกับฉันแล้วนะปิ่น”
“แต่..”
“อยู่เฉยๆ..”
คีรีประสานมือหนาของเขากับมือเรียวของคนใต้ร่างกดแนบกับฟูกนอนเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้เธอปัดป่ายขัดขืนผลักเขาให้เสียอารมณ์ได้อีก
ดวงตาคมของคีรีที่หยาดเยิ้มจากฤทธิ์น้ำเมามาก่อนหน้าอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งได้มองใบหน้าจิ้มลิ้มผ่านแสงสลัวของตะเกียงใกล้ๆก็ยิ่งหยาดเยิ้มเป็นทวีคูณ
“เอ่อ...”
ปิ่นงามรีบเบือนหน้าหนีอีกฝ่ายที่เอาแต่จ้องหน้าเธอไม่ยอมหยุดความเงียบของค่ำคืนทำให้เสียงหัวใจที่กำลังเต้นถี่ดังจนคนทั้งสองได้ยินชัดทั้งยังแยกไม่ออกว่ามันคือของใครกันแน่
ฟอดด
ปิ่นงามหลับตาปี๋นอนตัวเกร็งเมื่อคนตัวโตก้มลงมาซุกไซร้ลำคอระหงส์ความคิดที่จะขัดขืนยังคงมีแต่เธอก็ทำใจเพราะยังไงก็ต้องอยู่กับเขาที่นี่ตลอดแม้นรอดมือเขาไปได้วันนี้วันหน้าก็คงไม่รอดอยู่ดีในเมื่อรับปากรับหน้าที่แทนปรางค์ทิพย์แล้วหน้าที่เมียของคีรีเธอคงเลี่ยงไม่ได้
“อืมม...”คีรีไล่สูดเนื้อนวลที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆกลิ่นของเธอทำให้เขารู้สึกดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนแถมผิวเนื้อยังนวลเนียนนุ่มนิ่มจนเขาไม่อยากจะยกจมูกออกแม้นแต่วินาทีเดียว“อื้อ.. อืมม..”สาวเจ้าเมื่อถูกจู่โจมบดจูบอีกรอบก็เริ่มนอนตัวเกร็งไม่ยอมหายใจเพราะไม่เคยกับเหตุการณ์แบบนี้เลยริมฝีปากหนาที่กำลังบดจูบเธออย่างเร่าร้อนมันทำให้ภายในท้องของหญิงสาวเริ่มมวนแปลกๆไม่รู้ความรู้สึกนี้จะเรียกว่าดีหรือเรียกว่าอะไรเพราะไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกันคีรีถอดถอนริมฝีปากให้หญิงสาวพ้นพันธนาการเพราะรู้ได้เลยว่าเธอกำลังหายใจไม่ออกอึก..ฟู่วว... ริมฝีปากบางเป็นอิสระได้ปิ่นงามก็รีบสูดหายใจเข้าปอดทันเฮือกใหญ่“อื้อ..”พอเห็นว่าหญิงสาวเริ่มค่อยยังชั่วคีรีก็ไม่รีรอที่จะดำเนินกิจกรรมต่อเขาก้มลงบดจูบเธออีกครั้งและครั้งนี้ดูจะร้อนแรงกว่าเมื่อครู่พอสมควรทั้งยังส่งลิ้นร้ายตวัดฉกชิมภายในโพรงปากหวานดูดดึงลิ้นเรียวเล่นจนสาวเจ้าเริ่มอ่อนระทวยไปกับลีลารสจูบของคนที่มากประสบการณ์การจูบอย่างชายหนุ่มมือทั้งสองของคีรีเริ่มปล่อยให้มือหญิงสาวเป็นอิสระเพราะรู้ว่าเธอกำลังเคลิ้มไปกับเขาก่อนจะรีบกอดกางเกงตนออกอย่างรวดเร็วขณะที่ริมฝีปากก็
ในเช้าของวันต่อมาคีรีตื่นก็รู้สึกว่าร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดตัวรุมๆน่าจะมีไข้เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่รู้สึกตัวจึงค่อยๆลุกออกจากฟูกนอนหมายจะไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปทำงานแต่ก็ต้องตกใจเพราะที่ฟูกมีแต่รอยเลือดเต็มไปหมดรวมทั้งที่หน้าขาของเขาด้วยคิดในใจว่านี่สินะที่เขาเรียกว่าเลือดพรหมจันทร์“หึ่...”ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เขายิ้มได้เมื่อเห็นเลือดเกรอะกรังแบบนี้แต่ก็รู้สึกภูมิใจลึกๆว่าได้ร่างบางที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ใต้ผ้าห่มมาเป็นของเขาจริงๆแล้ว“หื้มม..”คีรีหยิบผ้าขาวม้าที่พับวางอยู่ในตู้มาพันรอบเอวเอาไว้....เหมือนตอนนี้คีรีในหัวของเขาจะตีกันกับหัวใจอยู่ไม่น้อยเพราะหัวใจที่กำลังรู้สึกดีกลับถูกสมองสั่งให้หยุดและย้ำว่าเขาไม่ต้องการหญิงสาวและต้องพยายามทำให้เธอออกไปจากที่นี่ให้ได้“ฉันช่วยเธอได้เท่านี้”คีรีเดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้ปิ่นงามขณะที่เธอยังหลับไม่ได้สติและเปลี่ยนเสื้อผ้าเปลี่ยนฟูกนอนให้หญิงสาวก่อนจะอาบน้ำและออกไปทำงานทิ้งให้ร่างบางนอนอยู่คนเดียว10.00 น.“เฮ้ออ...”ตั้งแต่เช้ายันช่วงสายคีรีไม่เป็นอันทำงานเพราะในใจพะวงกับอาการของปิ่นงามพอสมควรไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะตื่นมากินข้าวกินปล
“อืม...ขอบใจนะภา..เอ่อ..คุณคี”ปิ่นงามรู้สึกตัวค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่มีผ้าเย็นๆมาเช็ดอยู่ที่ใบหน้าคราแรกนึกว่าเป็นนภาเพราะเมื่อช่วงสายหญิงสาวก็มาดูแลเธอแต่เมื่อมองเห็นคนที่กำลังเช็ดตัวให้เธอชัดก็ต้องหลบสายตาของเขาเล็กน้อยเพราะยังรู้สึกเขินอายกับเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาอยู่ไม่น้อย“ลุกมากินข้าวก่อนสิ.. จะได้กินยา”“ปิ่นจัดการเองก็ได้ค่ะคุณไปทำงานเถอะ”“แม่ฉันไล่ให้มาดูแลเธอกลับไปมีหวังก็โดนบ่นอีกน่ะสิ”ปิ่นงามจำต้องค่อยๆลุกมากินข้าวเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมาดูแลอะไรเธอมากนักแม้นตอนนี้จะนั่งลำบากอยู่พอสมควรก็เถอะหญิงสาวใช้เวลากินข้าวไม่เท่าไรเธอก็กินยาแล้วจึงนอนพักหวังว่าคีรีจะได้รีบกลับไปทำงานแต่เปล่าเลยเขายังคงนั่งเฝ้าหญิงสาวอยู่ที่ห้องระหว่างที่เธอหลับไม่ยอมห่างไปไหนคอยยื่นมืออังหน้าผากของคนที่นอนหลับอยู่ตลอดจวบจนเย็นเมื่อไข้หญิงสาวลดลงได้เขาก็ออกไปทำอาหารเย็นเพราะรู้ว่าเย็นนี้ปิ่นงามคงลุกมาทำไม่ไหวแน่“จะไปไหน”คีรีเห็นปิ่นงามเปิดประตูออกมาจากห้องพร้อมเสื้อผ้าอยู่ในมือสีหน้าของเธอซีดเซียวแถมยังเดินไม่ค่อยจะสะดวกเขาจึงต้องรีบมาพยุงตัวเธอเอาไว้“ปิ่นจะไปอาบน้ำค่ะ”“เดินจะไม่ไห
“เหรอคะ..”ปิ่นงามยังคงทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้งที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเธอดีขึ้นเพราะใคร“ใช่สิ...ไม่งั้นเธอคงนอนชักไปแล้ว”“ขอบคุณนะคะ...เอ่อ..ในครัวมีข้าวต้มกับหมูทอดแล้วก็ต้มจับฉ่ายถ้าคุณหิวก็กินได้ค่ะปิ่นไม่หวง”ว่าจบก็เดินออกไปเดินเล่นที่หน้าเรือนเธอคิดว่าถ้าหากเธอยังนั่งอยู่ในนี้คีรีคงไม่คิดจะกินอาหารที่เธอทำแน่เพราะเป็นคนที่มาดเยอะอยู่พอสมควรตั้งแต่ช่วงสายเมื่อวานถึงเที่ยงวันนี้คีรีไม่ได้เข้าไร่เพราะมัวแต่ดูแลปิ่นงามจนผกามาส่งขนมและไม่ได้เจอคีรีสองวันแล้ว“ดูแลกันถึงไหนไม่เข้าไร่เข้ากงเลยนะนาย”ทั้งรู้ว่าที่เขาไม่อยู่ก็เพราะดูแลภรรยาอยู่ที่เรือนเล็กยิ่งรู้แบบนี้เธอก็ยิ่งหงุดหงิดเพราะเขาเป็นคนบอกเธอว่าจะไม่สนใจเมียแต่งคนนี้เห็นทีจะไม่ใช่อย่างที่พูดแล้ว“วัว.. วัว”พลั้กกก“โอ้ยย...ฮือๆๆ”ดินเด็กชายวัยห้าขวบลูกของละไมคนงานในไร่ที่เป็นเด็กพิเศษไม่เหมือนเด็กทั่วไปทุกๆวันดินจะมานั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่รอคนเป็นแม่ทำงานทุกวันแต่วันนี้เหมือนโชคร้ายที่ทางที่ดินเดินอยู่นั้นเป็นทางที่นางยักษ์ที่กำลังโกธากำลังเดินผ่านมาเมื่อเห็นเด็กชายขวางทางจึงผลักเสียจนล้มเพราะยังคงหงุดหงิดเรื่องคีรีอยู่ใ
“เสียเวลา...ดินการตอบสนองช้ากว่าเด็กทั่วไปแม่ของดินเคยหัดแล้วเจ้านี่ร้องโวยวายก็เลยต้องป้อนกันอยู่อย่างนี้”คีรีเคยตั้งคำถามกับละไมแม่ของดินอย่างที่ปิ่นงามถามก็ได้ความว่าเจ้าหนูนี่โวยวายไม่ยอมกินเลยต้องป้อนกันจะได้ไม่เสียเวลางาน“นาย...ขอโทษทีจะที่ฉันมาช้า...เดี๋ยวฉันป้อนเองจะ”ละไมรีบจ้ำอ้าวมาหาลูกชายเมื่อเห็นคีรีนั่งป้อนข้าวลูกเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว“อืม...คราวหลังเร็วหน่อยนะพี่ละไม”“จะนาย”คีรียื่นจานข้าวให้ละไมก่อนจะเดินออกไป“ปกติพาดินมาที่นี่ทุกวันเหรอคะ”ปิ่นงามยังคงนั่งอยู่เพราะอยากจะคุยอะไรบางอย่างกับแม่ของดิน“จะคุณปิ่น...ฉันเลี้ยงลูกคนเดียวทำงานในไร่ก็ต้องพามันมาทุกวันอย่างนี้แหละวันนี้ฉันต่อคิวตักข้าวช้าก็เลยมาช้าจะ”“เอาอย่างนี้..ถ้าเอาดินมาเอามาฝากปิ่นก็ได้..ปิ่นจะดูเค้าให้เอง”ปิ่นงามรู้แบบนี้คงปล่อยให้ดินอยู่ตรงนี้คนเดียวต่อไปไม่ได้วันๆเธอก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรนอกจากดูแลงานบ้านงานเรือนกับแปลงผักเล็กๆหน้าเรือนเธอจึงอาสาขอดูแลดินเอง“จะดีเหรอจ๊ะคุณปิ่นเจ้าดินไม่ใช่เด็กปกตินะจ๊ะอารมณ์มันไม่ค่อยคงที่”ละไมไม่เห็นด้วยเท่าไรเพราะที่เธอต้องให้ดินเล่นอยู่คนเดียวตรงนี้เพราะดินไม่เหมื
“ขอบใจ”“ฉันทำฟักทองเชื่อมรสจัดแบบที่นายชอบมาให้เหมือนกันจะ..”บุญตาเองก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบเข้ามานั่งข้างคีรีพร้อมฟักทองเชื่อมในปิ่นโต“นายจะกินของฉัน”ผกาตวัดมองค้อนบุญตาจนตาแทบถลน“ให้นายเลือกเองดีกว่านะ”บุญตายังคงยิ้มหน้าระรื่นไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวสายตาของผกาแม้แต่น้อย“เอ่อ..ฉันขอบใจพวกเธอสองคนมากนะแต่ฉันอิ่มมากแล้วไม่อยากกินอะไรเพิ่ม..ขอตัวก่อน”คีรีรู้สึกรำคาญสองสาวขึ้นมากะทันหันตอนนี้เขาไม่ได้อยากมีคนมาคอยเอาอกเอาใจอยากอยู่เงียบๆมากกว่าว่าจบก็รีบเดินหนีสองสาวออกไปอย่างไม่ใยดี“นาย.. เพราะแกเลยนังบุญตานายจะกินของฉันแล้วเชียว”ผกาแทบจะเฉือนเนื้อบุญตาเป็นชิ้นๆที่เข้ามาสาระแนเวลาที่เธอจะอยู่สองต่อสองกับคีรี“หนุ่มๆในไร่โสดๆตั้งมากมายชอบจริงๆคนมีเมียแล้ว”สรวงไม่ได้อยากปากมากกับผู้หญิงนักแต่เห็นแม่สองสาวนี่เกาะแกะเจ้านายตนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคีรีมีเมียตบเมียแต่งแล้วก็ยังไม่วายคิดที่จะเลิกยุ่ง“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนายเองต่างหากที่สนใจพวกฉัน”บุญตาตอกหน้าสรวงกลับ“ใช่”ผกาเองก็เอ่ยเสริมผสมโรงเป็นมิตรกันไปโดยปริยายก่อนจะแยกย้ายกันเดินกลับออกไป“เฮ้อ..”สรวงเท้าเอวส่ายหัวก่อนจะถอนหา
“ก็ได้... ก็ได้... พี่ปิ่นไม่ให้ดินเขียนก็ได้ไม่ต้องร้องนะ.. เดี๋ยวเราไปทำขนมกันดีหรือเปล่า”“..ทำขนม”ดินและปิ่นงามง่วนอยู่ในครัวร่วมสองชั่วโมงตอนนี้ก็เย็นพอดีขนมกล้วยปิ้งตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยทั้งยังหมดไปเกือบครึ่งเพราะปิ้งกันไปกินกันไป“ทำอะไรกันเหรอ”คีรีได้กลิ่นหอมจากในครัวตั้งแต่มาถึงจึงรีบเข้ามาดู“คุณคี”ปิ่นงามคิดว่าวันนี้คีรีจะไม่กลับมานอนที่นี่แล้วเสียอีก“ทำขนมกล้วยปิ้งค่ะ”“ดินเขียนสวยพี่ปิ่นทำขนมให้”ดินรีบวิ่งไปเอาสมุดที่ตัวเองลากเส้นรีบมาให้คีรีดูอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะอวดให้คีรีได้ดู“เขียนสวย”เมื่อมาถึงก็พูดอวดคีรียกใหญ่ว่าตนนั้นเขียนได้สวยถึงได้รางวัลเป็นจนมที่กำลังนั่งกินกันอยู่ตอนนี้“ปิ่นสอนดินหัดลากเส้นค่ะ”“ลากเส้น”คีรีมีสีหน้าที่ค่อนข้างอึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าอย่างดินจะมีสมาธิทำอะไรแบบนี้ได้“ค่ะ...ถ้าค่อยๆสอนดินเขียนได้ทำได้เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละค่ะ”“อ่อ..อืม”คีรีไม่ได้คิดจะเอ่ยชมอะไรปิ่นงามทั้งที่ก็ทึ่งในความสามารถของหญิงสาวอยู่เหมือนกันที่สอนดินได้ตกดึกปิ่นงามเดินเข้าห้องมาพร้อมตะเกียงเจ้าพายุเธอเข้ามาก็เห็นคีรีนอนหลับอยู่ก่อนแล้วแปลกใจพอสมควรที่เห็นเข
“เมียฉันอยู่ได้..อยู่แล้ว..ฉันมันไม่ได้เป็นส่วนสำคัญอะไรกับเธอขนาดนั้น..พวกเอ็งรู้ไหมวันนั้นฉันมานอนที่สำนักงานยังไม่เคยปริปากบ่นหรือตามให้ฉันกลับเลยสักคำ..เหมือนไม่สนใจผัว”คีรีฉุนขึ้นมากะทันหันเพราะรู้สึกว่าปิ่นงามไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้วว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ด้วยที่เรือน“พูดเหมือนน้อยใจเลยนาย”สรวงแอบอมยิ้มน้อยครั้งนักที่นายของเขาจะเอ่ยในเชิงนี้“ข้าแค่เล่าให้พวกเอ็งฟังเฉยๆไม่ได้น้อยใจโว้ย”สิ้นเสียงคีรีเหล่าคนในวงสังสรรค์ทุกคนต่างก็มองตากันแม้นจะไม่ได้พูดแต่ก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้นายตนนั้นปากไม่ตรงกับใจเสียแล้ว“จะกลับมาตอนไหนของเค้านะ”วันนี้ปิ่นงามดูจะกระวนกระวายใจเป็นพิเศษเพราะคีรีไม่ได้บอกเธอว่าจะกลับดึกหรือไม่กลับเธอจึงนั่งรอกินข้าวกับเขาตั้งแต่เย็นจนตอนนี้กับข้าวที่เธอทำเย็นชืดไปหมดแล้วแอบรำคาญตัวเองในใจเหมือนกันที่ปกติแล้วชอบเสียอีกที่อีกฝ่ายไม่อยู่แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมถึงกังวลใจเพราะเขาแปลกๆ“เสียงรถนี่..”เมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าเรือนเล็กปิ่นงามก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตูต้องรับคีรี“อ.อ๊ายย”กึกกกกร่างบางลืมไปว่าหน้าเรือนเป็นพื้นต่างระดับแถมยังไม่ได้ถือเจ้าตะเกียงมาเพื่อเ