“ก็ได้... ก็ได้... พี่ปิ่นไม่ให้ดินเขียนก็ได้ไม่ต้องร้องนะ.. เดี๋ยวเราไปทำขนมกันดีหรือเปล่า”
“..ทำขนม”
ดินและปิ่นงามง่วนอยู่ในครัวร่วมสองชั่วโมงตอนนี้ก็เย็นพอดีขนมกล้วยปิ้งตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยทั้งยังหมดไปเกือบครึ่งเพราะปิ้งกันไปกินกันไป
“ทำอะไรกันเหรอ”
คีรีได้กลิ่นหอมจากในครัวตั้งแต่มาถึงจึงรีบเข้ามาดู
“คุณคี”
ปิ่นงามคิดว่าวันนี้คีรีจะไม่กลับมานอนที่นี่แล้วเสียอีก
“ทำขนมกล้วยปิ้งค่ะ”
“ดินเขียนสวยพี่ปิ่นทำขนมให้”
ดินรีบวิ่งไปเอาสมุดที่ตัวเองลากเส้นรีบมาให้คีรีดูอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะอวดให้คีรีได้ดู
“เขียนสวย”
เมื่อมาถึงก็พูดอวดคีรียกใหญ่ว่าตนนั้นเขียนได้สวยถึงได้รางวัลเป็นจนมที่กำลังนั่งกินกันอยู่ตอนนี้
“ปิ่นสอนดินหัดลากเส้นค่ะ”
“ลากเส้น”
คีรีมีสีหน้าที่ค่อนข้างอึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าอย่างดินจะมีสมาธิทำอะไรแบบนี้ได้
“ค่ะ...ถ้าค่อยๆสอนดินเขียนได้ทำได้เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละค่ะ”
“อ่อ..อืม”
คีรีไม่ได้คิดจะเอ่ยชมอะไรปิ่นงามทั้งที่ก็ทึ่งในความสามารถของหญิงสาวอยู่เหมือนกันที่สอนดินได้
ตกดึกปิ่นงามเดินเข้าห้องมาพร้อมตะเกียงเจ้าพายุเธอเข้ามาก็เห็นคีรีนอนหลับอยู่ก่อนแล้วแปลกใจพอสมควรที่เห็นเขานั้นนอนเร็ว
“เอ่อ..คุณยังไม่หลับอีกเหรอคะ”
พอล้มตัวนอนลงได้สาวเจ้าก็ต้องรีบผุดลุกขึ้นนั่งเพราะมีแขนของคนข้างๆมารวบกอดตัวเธอเอาไว้
“ฉันแค่พักสายตา..”
ว่าจบก็รีบพลิกตัวขึ้นค่อมบนร่างบางใครจะนอนตั้งแต่หัวค่ำกันหากมีคนนั้นก็คงไม่ใช่เขาแม้นปากจะบอกกับคนอื่นว่าไม่สนใจเมียแต่งคนนี้ต่างๆนาๆแต่เวลาที่อยู่ใกล้กลับมีความรู้สึกอยากใกล้ชิดลึกซึ้ง
“อื้อ...”
ริมฝีปากหนากอบกุมเรียวปากอวบอิ่มของคนใต้ร่างได้ก็เริ่มบดจูบด้วยความกระหายคราแรกสาวเจ้าดูจะขัดขืนอยู่บ้างแต่เพราะประสปการณ์ที่เล้าโลมผู้หญิงมานักต่อนักจึงทำให้เธอนั้นเคลิ้มตามได้ไม่ยาก
“.....”
ปิ่นงามรู้สึกไม่เป็นตัวเองเท่าไรเพราะเริ่มควบคุมอะไรไม่ได้แม้นใจอยากจะปฏิเสธเขาเพราะยังกังวลเรื่องความเจ็บตรงของสงวนที่ยังไม่หายดีนักแต่ร่างกายกลับปฏิเสธคนตัวโตไม่ได้แม้แต่น้อย
คีรีตวัดลิ้นร้ายฉกชิมไปทั่วโพรงปากนุ่มทำเอาสาวเจ้ามวลท้องเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่นับพันดวงตาหวานฉ่ำเยิ้มของหญิงสาวในตอนนี้ยิ่งเร่งให้ไฟสวาทในตัวคีรีประทุแรงยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว
ไม่นานนักทั้งสองก็เปลือยเปล่าอยู่ใต้ผ้าห่มกับแสงตะเกียงเจ้าพายุแม้นไฟจากตะเกียงจะส่องสว่างได้พอสมควรแต่ก็ยังไม่สว่างเท่าไฟสวาทที่แผดเผาร่างของสองสามีภรรยาได้ในตอนนี้
“อื้อ..อืม”
ปิ่นงามขบเม้มริมฝีปากแน่นปล่อยเสียงครางในลำคอออกมาเล็กน้อยขณะที่คีรีบีบเค้นขบเม้มเต้างามเล่นพร้อมทั้งซอยสะโพกเข้าออกเป็นจังหวะนุ่มนวลไม่นานนักเมื่อคีรีมีความรู้สึกว่าหญิงสาวกำลังปรับตัวกับขนาดของเขาได้จึงค่อยเร่งรัวสะโพกตามจังหวะอารมณ์สวาทที่มันพลุ่งพล่าน
“อื้อ..อ๊า..”
สาวเจ้าตัวโยนตามแรงกระแทกที่เร็วแรงขึ้นมือน้อยกอบกุมจิกหมอนนุ่มจนทบขาดเพราะหลังจากที่ความรู้สึกเจ็บหายไปความรู้สึกมีความสุขจนแทบจุกอกก็เข้ามาแทนที่
“อึก..อ่าสส..”
คีรีสบถในลำคอเสียงสั่นกัดฟันกรอดเมื่อช่องทางรักของหญิงสาวบีบรัดตัวตนของเขาแทบทุกจังหวะเข้าออก
หลายชั่วโมงที่ร่างบางนั้นหัวสั่นหัวครอนไปด้วยแรงโหมกระแทกของสะโพกแกร่งเสียงครางของเธอยังออกมาอยู่เนืองๆจนตอนนี้แทบจะไม่มีเสียง....เหมือนกับสองร่างที่กำลังเชื่อมสัมพันธ์กันอยู่ตอนนี้พลังงานในตัวจะต่างกันสิ้นเชิงเพราะร่างบางดูท่าจะเหนื่อยอ่อนแต่คนที่กำลังขย่มอยู่บนตัวเธอนั้นจะมีพลังเพิ่มขึ้นมากไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
ย่ำรุ่งของอีกวันขณะที่พระอาทิตย์ยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าดีคีรีตื่นมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนเขานอนกอดร่างบางเปลือยเปล่าที่กำลังสลบไสลเอาไว้แน่น
ความคิดในหัวตีกันไปมาว่าตอนนี้เขาอยากมีชีวิตอิสระจริงๆหรืออยากมีหญิงสาวอยู่ข้างกายแบบนี้ต่อไปกันแน่ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน
สำนักงานไร่
ตั้งแต่เช้าที่นภามาทำงานจนถึงช่วงสายเธอเห็นว่าพี่ชายเธอนั้นยังคงนั่งเหม่อไม่หายไม่เจ้าใจว่าเป็นอะไรเพราะปกติแล้วน้อยครั้งนักที่พี่ชายเธอจะเป็นแบบนี้
“เป็นอะไรพี่คี”
“เปล่า..พี่เข้าไปดูความเรียบร้อยในไร่ก่อนนะ”
คีรีส่ายหัวเบาๆเขายื่นมือหยิบหมวกคาวบอยสวมใส่แล้วรีบเดินออกไป
ที่เขานั่งเหม่อเพราะยังคงคิดว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกดีทุกครั้งทีาได้อยู่ใกล้กับปิ่นงามทั้งที่สมองก็สั่งอยู่ตลอดว่าไม่ให้สนใจอีกเรื่องตอนนี้ที่ยังเฝ้าถามตัวเองไม่ขาดว่าเขานั้นจะเอาอย่างไรกับชีวิตต่อไปแน่
“เป็นอะไรของเค้านะ”
นภายืนเกาหัวแกลกๆเธอเองก็อายุห่างจากพี่ชายเธอไม่เท่าไรแต่ก็เข้าไม่ถึงอาการแบบนี้ของเขาจริงๆ
ตกเย็นหลังเลิกงานคีรีก็ไม่คิดที่จะกลับท้ายไร่ตอนนี้เพราะเรื่องวุ่นวายในใจมันทำให้เขาต้องมานั่งชวนคนงานนั่งดื่มสังสรรค์เผื่อว่าจะหายสับสน
“นายไม่รีบกลับไปเรือนเล็กเหรอครับ...ที่นั่นยิ่งไม่มีไฟฟ้าคุณปิ่นอยู่คนเดียวจะกลัวเอานะครับ”
คมรู้สึกเป็นห่วงทางเรือนเล็กเพราะรู้ว่าที่นั่นไม่มีไฟฟ้าใช้ผู้หญิงอย่างปิ่นงามอยู่คนเดียวมันอันตราย
“เมียฉันอยู่ได้..อยู่แล้ว..ฉันมันไม่ได้เป็นส่วนสำคัญอะไรกับเธอขนาดนั้น..พวกเอ็งรู้ไหมวันนั้นฉันมานอนที่สำนักงานยังไม่เคยปริปากบ่นหรือตามให้ฉันกลับเลยสักคำ..เหมือนไม่สนใจผัว”คีรีฉุนขึ้นมากะทันหันเพราะรู้สึกว่าปิ่นงามไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้วว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ด้วยที่เรือน“พูดเหมือนน้อยใจเลยนาย”สรวงแอบอมยิ้มน้อยครั้งนักที่นายของเขาจะเอ่ยในเชิงนี้“ข้าแค่เล่าให้พวกเอ็งฟังเฉยๆไม่ได้น้อยใจโว้ย”สิ้นเสียงคีรีเหล่าคนในวงสังสรรค์ทุกคนต่างก็มองตากันแม้นจะไม่ได้พูดแต่ก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้นายตนนั้นปากไม่ตรงกับใจเสียแล้ว“จะกลับมาตอนไหนของเค้านะ”วันนี้ปิ่นงามดูจะกระวนกระวายใจเป็นพิเศษเพราะคีรีไม่ได้บอกเธอว่าจะกลับดึกหรือไม่กลับเธอจึงนั่งรอกินข้าวกับเขาตั้งแต่เย็นจนตอนนี้กับข้าวที่เธอทำเย็นชืดไปหมดแล้วแอบรำคาญตัวเองในใจเหมือนกันที่ปกติแล้วชอบเสียอีกที่อีกฝ่ายไม่อยู่แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมถึงกังวลใจเพราะเขาแปลกๆ“เสียงรถนี่..”เมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าเรือนเล็กปิ่นงามก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตูต้องรับคีรี“อ.อ๊ายย”กึกกกกร่างบางลืมไปว่าหน้าเรือนเป็นพื้นต่างระดับแถมยังไม่ได้ถือเจ้าตะเกียงมาเพื่อเ
“ฉันแค่จะเดินสายไฟเธอกินข้าวต่อเถอะ”พอปิ่นงามหันมามองได้คนที่มาดเยอะก็รีบหุบยิ้มก่อนจะเดินไปทางอื่น“ค่ะ”ปิ่นงามยิ้มกว้างหลังจากที่คีรีออกไปแล้วแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่ใช่ว่าเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนจึงทำให้คีรีอยากจะติดไฟที่นี่เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้เธอแม้นจะไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่แต่เธอก็ดีใจที่ที่นี่จะได้มีแสงสว่างยามค่ำคืนเสียที“จะรีบไปไหนไอ้สรวง”เทิดศักดิ์คนขับรถคีบอ้อยของไร่เขาเป็นเพื่อนรักของสรวงเห็นสรวงเดินจ้ำอ้าวถือสายไฟแบกลำไม้ไผ่ยาวไปกับคนงานสองสามคนก็รีบตะโกนถาม“เอาสายไฟไปให้นายน่ะสิเผื่อไม่พอ...ปากก็บอกไม่สนใจเมียได้เข้าหอมาไม่เท่าไรรีบอำนวยความสะดวกให้เมียใหญ่”“ฮ่าๆๆ...สวยหยาดเยิ้มขนาดนั้นก็ต้องประเคนความสุขให้หน่อยล่ะโว้ย...”สองหนุ่มเอ่ยถึงนายจอมปากแข็งของตนกันเสียงดังทำเอาคนที่ได้ยินต่างก็อมยิ้มตามกันไปด้วยเพราะก็คิดอย่างคนทั้งสองว่าเหมือนกันค่ำนี้ดูปิ่นงามจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะที่เรือนเล็กมีแสงสว่างจากไฟฟ้าแล้วตอ่ไปนี้เธอก็จะทำอะไรได้สะดวกยิ่งขึ้น“เธอก็เก่งเหมือนกันนี่ที่สอนดินจนกินข้าวเองเป็น”เป็นครั้งแรกที่คีรีเอ่ยชมหญิงสาวขณะที่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเย็น“แค่เ
“หนวดคุณ”“อื้มม..”คีรีค่อยๆไล่หอมจากพวงแก้มหญิงสาวเบากว่าเมื่อครู่เพราะกลัวเธอเจ็บก่อนจะเริ่มบดจูบที่ริมฝีปากบางอวบอิ่มอยู่ใกล้ร่างบางนี้ทีไรเป็นอันอดใจไม่ไหวเสียทุกทีคืนนี้กะว่าจะให้เธอพักแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเจ้าตัวตนใต้กางเกงของเขามันผงาดเด้งผึงตั้งแต่กดหอมแก้มนวลไปฟอดแรกมือของทั้งสองประสานกันแน่นขณะที่คีรีทำการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยอย่างนุ่มนวลเขาค่อยๆพรมจูบไล่จากริมฝีปากมาที่ลำคอค่อยๆใช้มือหนาแกะเชือกผูกเสื้อของหญิงสาวออกรู้สึกขัดใจชะมัดทั้งที่เขาสั่งเธอแล้วว่าเวลานอนตอนกลางคืนไม่ต้องใส่ซับในเพราะมันจะเสียเวลาถอด“บอกแล้วไงว่าอย่าใส่”“ก็มันไม่ชินนี่คะ”สาวเจ้าหันหน้าหนีด้วยบอาการเคอะเขินหากเธอไม่ใส่ซับในมีหวังเดินไปเดินมาคงรู้สึกโหวงเหวงไม่น้อย“อ..อื้อ..”ยังไม่ทันพูดขาดคำคีรีก็ใช้สองมือถกซับในตัวบางขึ้นและกดจูบดูดดึงยอดดอกบัวงามที่ตั้งชูชันประจันหน้าเขาก้มฟัดมันอยู่นานเรียกเสียงครางจากร่างบางได้พอสมควรแล้วจึงรีบเปลื้องผ้าผ่อนตัวเองออกจนเหลือตัวล่อนจ้อนแล้วคลุมบั้นท้ายด้วยผ้าห่มเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่เสร็จแล้วจึงดึงร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อเธอออกอย่างรวดเร็วเขากอดเธอเอ
“โถ...แล้วก็ไม่บอก..ที่แท้ก็ติดกับข้าวเมีย”สรวงรู้อย่างนั้นก็ยิ้มร่าไม่ได้คิดจะแย่งอะไรของนายตนต่อที่แท้ก็หวงของเมียหากพูดออกมาตรงๆเขาก็ไม่ยุ่งแต่แรกแล้ว“ปากพวกเอ็งนี่นะ...เดี๋ยวจะไม่ได้กินเหล้าฟรี”คีรีชี้หน้าเทิดศักดิ์ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะไม่อยากให้ใครมาขอแบ่งกับข้าวตน“โทษๆจะนาย”เมื่อถูกขู่ว่าต่อไปจะไม่ได้กินเหล้าฟรีทุกคนต่างก็รีบสงบปากสงบคำไม่พูดอะไรต่อเพราะไม่อยากจะพลาดของฟรีทางด้านบุญตาตอนนี้ที่นั่งอยู่ในโรงครัวพร้อมคนงานเธอก็ได้ยินอะไรไม่ต่างกับทุกคนเธอรีบเดินมาหาผกาที่อยู่กำลังจัดวางขนมที่พึ่งเอามาส่งก่อนจะพูดยุแยงให้หญิงสาวทำอะไรบางอย่าง“นี่ผกา..ฉันว่านายท่าจะหลงเมียเค้าแล้วล่ะแกไม่คิดจะจัดการอะไรบ้างเหรอ...ฉันว่าเธอควรจะทำให้ปิ่นงามออกไปจากชีวิตนายน่าจะดีนะ”“คิดอยู่แล้วฉันไม่มีทางปล่อยนายหลุดมือไปง่ายๆหรอกไม่ว่าใคร..ไม่ต้องมาสะเออะสอน”ผกาเบะปากทั้งพูดจีบปากจีบคอว่าเธอคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไรให้นายกลับมาสนใจตนเหมือนเดิมก่อนจะสะบัดหนีบุญตาออกไป“นังโง่..”บุญตายืนอมยิ้มกริ่มตอนนี้เธอมีเงินใช้ไม่คล่องมือเท่าไรเพราะคีรีไม่ค่อยได้เรียกหาจึงใช้ความอารมณ
“เมียฉันอยู่ที่ไหน”“ฉันจะไปรู้เหรอจ๊ะ”ผกายังคงตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่เห็นกับคำถามของคีรี“ดินบอกกับฉันว่าเธอพาเดินไปหลบที่กอไผ่”“นายจะเชื่ออะไรกับไอ้เด็กไม่เต็มบาทนั่น”“เธอสิไม่เต็มบาท...ปิ่นงามอยู่ที่ไหน”คีรีเริ่มโมโหหนักจากที่อารมณ์คุกรุ่นมาตั้งแต่คราแรกอยู่แล้ว“นายดุฉันเหรอจ๊ะ”“ฉันถามว่าปิ่นงามอยู่ที่ไหนไม่ได้ยินหรือไงวะ”ผกามองหน้าคีรีด้วยความเคืองใจปกติไม่มีเลยสักครั้งที่คีรีจะขึ้นเสียงกับเธอแต่ครั้งนี้ดูเขาจะเป็นห่วงปิ่นงามมากจนกล้าตะคอกใส่เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหอยู่ในใจแต่แค่โวยวายอะไรออกมาไม่ได้เท่านั้น“คุณปิ่นไปที่น้ำตก...ไม่รู้เข้าป่าไปหรือเปล่า..ฉันก็ไม่เห็น”และแล้วผกาก็ต้องยอมกัดฟันพูดจนได้“ถ้าเมียฉันเป็นอะไรไปฉันไม่เอาเธอไว้แน่”คีรีชี้หน้าผกาเขารีบขับรถกลับออกไปอย่างรวดเร็วตอนนี้หัวใจดวงโตหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มเพราะนี่ก็มืดแล้วมีทางเดียวที่จะตามหาปิ่นงามให้ได้ไวที่สุดคืดเขาต้องไปตามพรานในหมู่บ้านมาให้ช่วยแกะรอยตามหาหากเขาไปงมหาคนเดียวมีหวังปิ่นงามอาจจะมีอันตรายก่อนที่เขาจะหาเจอได้“นายหลงมันเข้าแล้ว..หึ้ยย..อีปิ่นอีมารหัวใจ”ผกากลับเข้ามาในบ้านได้เธอก็ไม่มีอารมณ์กินข้าวแ
“ฉันจะไม่ให้ผกามาเหยียบที่ไร่อีกแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก”คีรีในตอนนี้โกรธผกามากจนแทบไม่อยากจะเห็นหน้าไม่คิดว่าคนที่เขาชมชอบนั้นจะเป็นคนที่นิสัยเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้“อย่านะคะที่ผกาทำก็เพราะรักคุณ...”ปิ่นงามเห็นว่าการทำแบบนั้นมันจะไม่ใช่ผลดีเท่าไรนักเพราะมันจะยิ่งทำให้ผกาเกลียดเธอเข้าไปอีก“หึ่... ให้ได้อย่างนี้สิ”คีรีสบถในลำคอคนจะดีก็ดีเสียจนใจหายคนจะร้ายก็ร้ายเสียจนคิดว่าชีวิตคนหนึ่งชีวิตไม่มีค่าช่วงเที่ยงของวันต่อมาหลังจากที่ผกาส่งขนมเรียบร้อยแล้วคีรีก็เรียกผกาเข้ามาคุยในสำนักงานไร่เพราะเขาต้องการจะตักเตือนเธอว่าอย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกไม่อย่างนั้นเขาจะเอาผิดผกาโดยที่ไม่สนคำทัดทานของใครทั้งนั้น“ครั้งนี้ฉันจะละโทษเพราะปิ่นขอถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกฉันเอาเรื่องแน่...แล้วจะไม่ให้เธอไปเหยียบที่ไร่นี้อีก”“ผกาไม่มาที่นี่ก็ได้...เชิญไปสั่งขนมร้านอื่นเลย”ผกามองหน้าคีรีด้วยความไม่พอใจจากคำที่ว่าจะละโทษเธอเพราะปิ่นงามขอเท่ากับว่าอะไรๆตอนนี้คีรีก็ต้องรับฟังคำปิ่นงามทั้งนั้นหากจะละโทษเพราะปิ่นงามดังนั้นก็ถือว่าคีรีไม่เห็นหัวเธอแล้วจึงยื่นคำขาดกับเขาว่าจะไม่มาที่นี่อีกดูสิเขา
“เหงาหรือเปล่าไม่มีเจ้าดินมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”คีรีนอนกอดก่ายร่างบางขณะที่มากางมุ้งนอนดูดาวยามค่ำคืนกันที่ชานเรือน“นิดหน่อยแต่ปิ่นดีใจมากกว่าค่ะที่ดินได้อยู่กับพ่อและก็แม่อีกอย่างจะได้ไม่ลำบากอีกต่อไปแล้ว”“อืม.. เธออยากมีเด็กเล็กๆมาอยู่ด้วยตลอดหรือเปล่า”“มีก็ดีค่ะ...ว่าแต่เด็กที่ไร่เหรอคะ?”ดวงตาปิ่นงามเบิกโพรงอย่างสนอกสนใจคำพูดของคีรีหากเธอได้เด็กเล็กลูกของคนงานที่ไร่มาเลี้ยงช่วงกลางวันก็คงไม่เหงา“ฉันจะทำให้เธอไง”“เอ่อ...คุณอยากมีลูกกับปิ่นอย่างนั้นเหรอคะ”ปิ่นงามหลบสายตาคีรีเล็กน้อยพวงแก้มนวลตอนนี้เริ่มแดงระเรื่องเพราะเคอะเขินกับคำพูดของเขา“อืม...”ฟอดดคนตัวโตรวบกระชับกอดร่างบางแน่นกดหอมภรรยาตนฟอดใหญ่เขาไม่ได้พูดเล่นเขาคิดจะมีลูกกับเธอจริงๆเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะเป็นแม่ของลูกที่ดีได้เพราะมีนิสัยเป็นคนอ่อนโยนรักเด็ก“แล้วกับผู้หญิงคนอื่นล่ะคะคุณอยากมีลูกกับพวกเธอหรือเปล่า”ปิ่นงามถามคีรีให้มั่นใจหากเขาอยากมีลูกกับเธอแล้วผู้หญิงคนอื่นเขาอยากมีด้วยหรือไม่เพราะเธอไม่อยากให้ลูกเกิดมาแล้วได้ชื่อว่าเป็นลูกเมียหลวงเมียน้อย“ไม่ฉันไม่เคยคิดจะมีลูกกับใครจนมาเจอเธอ”เสียงแหบพร่าเอ่ยกระ
“อืม..”ปิ่นงามฟุบใบหน้าลงกับบ่าแกร่งขณะที่คนเป็นสามีกำลังดึงสะโพกเธอให้เข้าออกเป็นจังหวะและไม่นานนักเธอก็เริ่มขยับเองได้แต่เป็นจังหวะที่ค่อนข้างนุ่มนวล“อย่างนั้นแหละ...อืม..น่ารักที่สุดเลย”คีรีกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอขณะที่ภรรยาตัวน้อยเริ่มควบคุมเกมส์เองเป็นใบหน้าหวานที่ตาปรือเม้มปากแน่นครางเสียงอ่อนของเธอยิ่งเร้าอารมณ์ให้เขาได้เป็นอย่างดี“อืม..อื้ออ..อะ..อ๊ายยย”“อึก..อ่าส..”จากที่นั่งคุมเกมส์อยู่พักใหญ่ปิ่นงามก็เริ่มบิดเร่ากอดคนเป็นสามีตัวเกร็งด้วยแตะขอบสวรรค์ไปเรียบร้อยเสียงหวานร้องโหยหวนพร้อมกับเสียงคำรามในลำคอของคีรีเพราะชายหนุ่มก็เสียวจนแทบปริแตกเมื่อร่องสวาทของหญิงสาวตอดรัดตัวตนของเขาถี่ยิบ“อืม..”คีรีวางร่างบางให้นอนลงแล้วเริ่มขย่มบนตัวเธออีกครั้งเนิ่นนานเท่าไรนับเวลาไม่ได้กว่าจะได้ปล่อยให้ภรรยาตัวเล็กได้เป็นอิสระก็ได้ยินเสียงไก่ขันเสียแล้วหลายวันต่อมาคีรีทำได้อย่างที่สัญญากับปิ่นงามจริงๆเขาตัดขาดความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เขาเคยเกี้ยวพาราสีโดยเด็ดขาดชายหนุ่มพยายามทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีและรอคอยวันที่ปิ่นงามจะตั้งท้องคีรีเปลี่ยนเป็นคนละคนจากคนที่เคยเจ้าชู้ชอบสังสรรค์กล