“ฉันแค่จะเดินสายไฟเธอกินข้าวต่อเถอะ”
พอปิ่นงามหันมามองได้คนที่มาดเยอะก็รีบหุบยิ้มก่อนจะเดินไปทางอื่น
“ค่ะ”
ปิ่นงามยิ้มกว้างหลังจากที่คีรีออกไปแล้วแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่ใช่ว่าเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนจึงทำให้คีรีอยากจะติดไฟที่นี่เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้เธอแม้นจะไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่แต่เธอก็ดีใจที่ที่นี่จะได้มีแสงสว่างยามค่ำคืนเสียที
“จะรีบไปไหนไอ้สรวง”
เทิดศักดิ์คนขับรถคีบอ้อยของไร่เขาเป็นเพื่อนรักของสรวงเห็นสรวงเดินจ้ำอ้าวถือสายไฟแบกลำไม้ไผ่ยาวไปกับคนงานสองสามคนก็รีบตะโกนถาม
“เอาสายไฟไปให้นายน่ะสิเผื่อไม่พอ...ปากก็บอกไม่สนใจเมียได้เข้าหอมาไม่เท่าไรรีบอำนวยความสะดวกให้เมียใหญ่”
“ฮ่าๆๆ...สวยหยาดเยิ้มขนาดนั้นก็ต้องประเคนความสุขให้หน่อยล่ะโว้ย...”
สองหนุ่มเอ่ยถึงนายจอมปากแข็งของตนกันเสียงดังทำเอาคนที่ได้ยินต่างก็อมยิ้มตามกันไปด้วยเพราะก็คิดอย่างคนทั้งสองว่าเหมือนกัน
ค่ำนี้ดูปิ่นงามจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะที่เรือนเล็กมีแสงสว่างจากไฟฟ้าแล้วตอ่ไปนี้เธอก็จะทำอะไรได้สะดวกยิ่งขึ้น
“เธอก็เก่งเหมือนกันนี่ที่สอนดินจนกินข้าวเองเป็น”
เป็นครั้งแรกที่คีรีเอ่ยชมหญิงสาวขณะที่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเย็น
“แค่เข้าใจอารมณ์ของเค้าก็พอค่ะไม่ได้มีอะไรยากเลย...ขอบคุณนะคะที่ติดไฟฟ้าให้ฉันมีใช้”
“ฉันไม่ได้ทำให้เธอ...ฉันทำให้ตัวเองต่างหากจะได้ใช้ชีวิตสะดวกๆ”
คีรีหลบสายตาหญิงสาวก่อนจะลงมือแกะปลาหมอย่างของโปรด
“อ่อ..ค่ะ”
ปิ่นงามไม่ได้รู้สึกอย่างที่คีรีพูดจริงๆเพราะปกติแล้วคีรีจะไม่หลบสายตาของเธอแสดงว่าตอนนี้เขากำลังโกหกเธอแน่นอนแต่ก็ไม่ได้คิดจะเค้นอะไรเพราะรู้ว่าคีรีคงไม่ยอมรับง่ายๆแน่ว่าทำเพราะเธอแสดงว่าตอนนี้เขาก็คงจะรู้สึกเป็นห่วงเธอบ้างไม่มากก็น้อยแน่นอน
“นาย..นายครับ”
“อะไรวะ”
คีรีได้ยินเสียงคมตะโกนอยู่หน้าเรือนคิดไม่ผิดคงมาตามเขาไปร่วมวงแน่นอนจึงตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดพอสมควรเพราะเขาไม่ได้อยากไปไหนในตอนนี้
“พวกผมตั้งวงรอแล้วนะนาย”
“พวกเอ็งไปกันเลยข้าไม่ไปกินข้าวแล้วโว้ย”
“ครับนาย..”
คมได้ยินเช่นนั้นเขาก็ไม่ได้คะยั้นคะยออะไรคนเป็นนายที่มาชวนเพราะมาตามเป็นมารยาทเท่านั้นรู้ดีว่านายตนคงจะอยากฉลองการมีไฟฟ้าใช้ในเรือนวันแรกกับภรรยา
“ทำไมไม่ไปล่ะคะ”
ปิ่นงามเห็นคีรีไปร่วมวงกับเหล่าคนในไร่เป็นปกติแต่ไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมถึงได้ปฏิเสธได้
“ฉันกินข้างแล้วไง...เธอชอบให้ผัวตัวเองกินเหล้าเมายางั้นเหรอ”
“ถ้าคุณอยากกิน..ปิ่นจะไปบังคับอะไรคุณได้ล่ะคะ”
“อืม..ฉันจะได้รู้เอาไว้ว่าเมียฉันไม่เคยคิดจะหวงอะไรฉันเลย”
สีหน้าของคีรีตอนนี้ดูจะไม่พอใจมากกว่ามีคมมาขัดจังหวะเมื่อครู่เสียอีก
“ปิ่นไม่คิดหวง...แต่หากคุณจะไปไหนทำอะไรให้บอกปิ่นก่อนนะคะจะได้ไม่ต้องห่วง”
ปิ่นงามวางช้อนก่อนจะค่อยๆพูดออกมาตามเสียงของหัวใจที่มันรู้สึกอยู่ในตอนนี้ดวงตากลมเหลือบมองชายหนุ่มที่ยังคงก้มหน้าก้มตามองจานข้างนิ่งก่อนจะหลุบสายตาลง
“..อืม..”
คีรีอึ้งไปครู่หนึ่งกับคำว่าห่วงของปิ่นงามก่อนจะกลั้นไม่ให้เผลอยิ้มออกมาและเอ่ยตอบหญิงสาวในลำคอวินาทีหลังจากนี้ต่างคนต่างก็เงียบใส่กันแต่เมื่อเผลอสบตากันเมื่อไรเป็นต้องมีอมยิ้มบ้างเพราะความรู้สึกดีต่อกันในตอนนี้มันเปี่ยมล้นอยู่ในใจทุกวินาที
วันเวลาล่วงเลยมาเป็นเดือนกว่าหลังจากที่ปิ่นงามแต่งงานกับคีรีหลังจากที่ทั้งสองพูดดีกันวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆตลอดมาคีรีกลับบ้านตรงเวลาทุกวันไม่เคยปล่อยให้ปิ่นงามอยู่คนเดียว
ผู้หญิงในสายตาของเขาตอนนี้ดูจะเป็นเพียงแค่ปิ่นงามเท่านั้นเพราะคนอื่นๆเขาก็ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวไปมาหาสู่กับใครเหมือนที่เคยทำ
“กินเยอะๆเลยนะดิน”
“ครับ”
ปิ่นงามนั่งกินข้าวกลางวันอยู่กับดินที่แคร่ไม้ข้างเรือนตรงแปลงผักตรงนี้ลมค่อนข้างพัดเย็นสบายเพราะอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่อีกอย่างปิ่นงามสังเกตแล้วว่าดินจะกินข้าวได้เยอะเมื่อนั่งตรงนี้
“ทำไมวันนี้กลับมาไวล่ะคะ”
ปิ่นงามเห็นคีรีขับรถเข้ามาจอดหน้าเรือนทั้งที่ตอนนี้ก็พึ่งจะเที่ยงไม่รู้ว่าวันนี้งานเสร็จไวหรืออย่างไรกัน
“ฉันจะมากินข้าวที่นี่..กับข้าวที่โรงครัวไม่ถูกปากเท่าไร”
คีรีติดใจฝีมือปิ่นงามจนกินอาหารที่ไหนก็ไม่อร่อยเท่าฝีมือภรรยาตนไปแล้ว
“งั้นเดี๋ยวปิ่นไปเอาจานมาตักข้าวให้นะคะ”
“อืม..”
คีรีเข้ามานั่งบนแคร่ข้างๆกับดินที่เอาแต่เคี้ยวอาหารตุ้ยๆไม่สนใจใคร
“ไงดิน..อร่อยไหมเคี้ยวตุ้ยๆเลย”
“หร่อยครับ”
ดูท่าฝีมือภรรยาของขาจะถูกปากดินน่าดูเพราะช่วงนี้ดูเด็กชายจะอ้วนท้วนขึ้นกว่าเดิมเยอะ
“นี่ค่ะ...วันหลังปิ่นทำกับข้าวใส่ปิ่นโตให้คุณเองก็ได้จะกินอะไรก็บอกจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาดีหรือเปล่า”
“ อืม.. ก็ดีเหมือนกัน”
เมื่อรับจานข้าวมาจากปิ่นงามได้คีรีก็เริ่มลงมือกินข้าวไม่พูดไม่จาเช่นเดียวกับดินคนที่ทำกับข้าวอย่างปิ่นงามก็รู้สึกปลื้มอกปลื้มใจที่ฝีมือเธอทำให้คนที่กินมีความสุขได้
คีรีเองคิดไปคิดมาก็ไม่ใช่เพียงแค่ดินเท่านั้นที่อ้วนท้วนขึ้นเพราะฝีมือปิ่นงามแต่กลับเป็นเขาด้วยที่รู้ตัวเลยว่าน้ำหนักคงขึ้นเพราะฝีมือของปิ่นงามที่ทำกับข้าวอร่อยเสียจนไม่อยากจะวางช้อนวางจานกันเลยทีเดียว
ตกดึกสองสามีภรรยานอนกอดกันกลมด้วยอากาศข้างนอกเริ่มเย็นจัดเพราะเข้าหน้าหนาวเป็นแบบนี้แทบทุกคืนคีรีจะไม่ค่อยจะปล่อยให้ร่างบางเป็นอิสระเพราะหากไม่ได้กอดได้หอมให้ชื่นใจก็ข่มตาหลับไม่ลง
“ฉันว่าฉันน้ำหนักขึ้นเพราะกับข้าวฝีมือเธอ”
“อืม..ตอนนั้นใครว่าฝีมือฉันธรรมดาคะ”
“แล้วตอนนั้นใครว่าจะไม่ทำอาหารให้ฉัน”
“ยอกย้อนเหรอคะ”
“เปล่านี่”
ฟอดด
ว่าจบก็กดหอมพวงแก้มนวลฟอดใหญ่หญิงสาวต้องรีบยกมือมาถูหน้าเพราะหนวดของเขาที่ขึ้นอยู่รำไรทิ่มแทงพวงแก้มของเธอจนรู้สึกเจ็บ
“หนวดคุณ”“อื้มม..”คีรีค่อยๆไล่หอมจากพวงแก้มหญิงสาวเบากว่าเมื่อครู่เพราะกลัวเธอเจ็บก่อนจะเริ่มบดจูบที่ริมฝีปากบางอวบอิ่มอยู่ใกล้ร่างบางนี้ทีไรเป็นอันอดใจไม่ไหวเสียทุกทีคืนนี้กะว่าจะให้เธอพักแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเจ้าตัวตนใต้กางเกงของเขามันผงาดเด้งผึงตั้งแต่กดหอมแก้มนวลไปฟอดแรกมือของทั้งสองประสานกันแน่นขณะที่คีรีทำการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยอย่างนุ่มนวลเขาค่อยๆพรมจูบไล่จากริมฝีปากมาที่ลำคอค่อยๆใช้มือหนาแกะเชือกผูกเสื้อของหญิงสาวออกรู้สึกขัดใจชะมัดทั้งที่เขาสั่งเธอแล้วว่าเวลานอนตอนกลางคืนไม่ต้องใส่ซับในเพราะมันจะเสียเวลาถอด“บอกแล้วไงว่าอย่าใส่”“ก็มันไม่ชินนี่คะ”สาวเจ้าหันหน้าหนีด้วยบอาการเคอะเขินหากเธอไม่ใส่ซับในมีหวังเดินไปเดินมาคงรู้สึกโหวงเหวงไม่น้อย“อ..อื้อ..”ยังไม่ทันพูดขาดคำคีรีก็ใช้สองมือถกซับในตัวบางขึ้นและกดจูบดูดดึงยอดดอกบัวงามที่ตั้งชูชันประจันหน้าเขาก้มฟัดมันอยู่นานเรียกเสียงครางจากร่างบางได้พอสมควรแล้วจึงรีบเปลื้องผ้าผ่อนตัวเองออกจนเหลือตัวล่อนจ้อนแล้วคลุมบั้นท้ายด้วยผ้าห่มเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่เสร็จแล้วจึงดึงร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อเธอออกอย่างรวดเร็วเขากอดเธอเอ
“โถ...แล้วก็ไม่บอก..ที่แท้ก็ติดกับข้าวเมีย”สรวงรู้อย่างนั้นก็ยิ้มร่าไม่ได้คิดจะแย่งอะไรของนายตนต่อที่แท้ก็หวงของเมียหากพูดออกมาตรงๆเขาก็ไม่ยุ่งแต่แรกแล้ว“ปากพวกเอ็งนี่นะ...เดี๋ยวจะไม่ได้กินเหล้าฟรี”คีรีชี้หน้าเทิดศักดิ์ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะไม่อยากให้ใครมาขอแบ่งกับข้าวตน“โทษๆจะนาย”เมื่อถูกขู่ว่าต่อไปจะไม่ได้กินเหล้าฟรีทุกคนต่างก็รีบสงบปากสงบคำไม่พูดอะไรต่อเพราะไม่อยากจะพลาดของฟรีทางด้านบุญตาตอนนี้ที่นั่งอยู่ในโรงครัวพร้อมคนงานเธอก็ได้ยินอะไรไม่ต่างกับทุกคนเธอรีบเดินมาหาผกาที่อยู่กำลังจัดวางขนมที่พึ่งเอามาส่งก่อนจะพูดยุแยงให้หญิงสาวทำอะไรบางอย่าง“นี่ผกา..ฉันว่านายท่าจะหลงเมียเค้าแล้วล่ะแกไม่คิดจะจัดการอะไรบ้างเหรอ...ฉันว่าเธอควรจะทำให้ปิ่นงามออกไปจากชีวิตนายน่าจะดีนะ”“คิดอยู่แล้วฉันไม่มีทางปล่อยนายหลุดมือไปง่ายๆหรอกไม่ว่าใคร..ไม่ต้องมาสะเออะสอน”ผกาเบะปากทั้งพูดจีบปากจีบคอว่าเธอคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไรให้นายกลับมาสนใจตนเหมือนเดิมก่อนจะสะบัดหนีบุญตาออกไป“นังโง่..”บุญตายืนอมยิ้มกริ่มตอนนี้เธอมีเงินใช้ไม่คล่องมือเท่าไรเพราะคีรีไม่ค่อยได้เรียกหาจึงใช้ความอารมณ
“เมียฉันอยู่ที่ไหน”“ฉันจะไปรู้เหรอจ๊ะ”ผกายังคงตีหน้าซื่อไม่รู้ไม่เห็นกับคำถามของคีรี“ดินบอกกับฉันว่าเธอพาเดินไปหลบที่กอไผ่”“นายจะเชื่ออะไรกับไอ้เด็กไม่เต็มบาทนั่น”“เธอสิไม่เต็มบาท...ปิ่นงามอยู่ที่ไหน”คีรีเริ่มโมโหหนักจากที่อารมณ์คุกรุ่นมาตั้งแต่คราแรกอยู่แล้ว“นายดุฉันเหรอจ๊ะ”“ฉันถามว่าปิ่นงามอยู่ที่ไหนไม่ได้ยินหรือไงวะ”ผกามองหน้าคีรีด้วยความเคืองใจปกติไม่มีเลยสักครั้งที่คีรีจะขึ้นเสียงกับเธอแต่ครั้งนี้ดูเขาจะเป็นห่วงปิ่นงามมากจนกล้าตะคอกใส่เธอยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหอยู่ในใจแต่แค่โวยวายอะไรออกมาไม่ได้เท่านั้น“คุณปิ่นไปที่น้ำตก...ไม่รู้เข้าป่าไปหรือเปล่า..ฉันก็ไม่เห็น”และแล้วผกาก็ต้องยอมกัดฟันพูดจนได้“ถ้าเมียฉันเป็นอะไรไปฉันไม่เอาเธอไว้แน่”คีรีชี้หน้าผกาเขารีบขับรถกลับออกไปอย่างรวดเร็วตอนนี้หัวใจดวงโตหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มเพราะนี่ก็มืดแล้วมีทางเดียวที่จะตามหาปิ่นงามให้ได้ไวที่สุดคืดเขาต้องไปตามพรานในหมู่บ้านมาให้ช่วยแกะรอยตามหาหากเขาไปงมหาคนเดียวมีหวังปิ่นงามอาจจะมีอันตรายก่อนที่เขาจะหาเจอได้“นายหลงมันเข้าแล้ว..หึ้ยย..อีปิ่นอีมารหัวใจ”ผกากลับเข้ามาในบ้านได้เธอก็ไม่มีอารมณ์กินข้าวแ
“ฉันจะไม่ให้ผกามาเหยียบที่ไร่อีกแบบนี้จะได้ไม่เกิดขึ้นอีก”คีรีในตอนนี้โกรธผกามากจนแทบไม่อยากจะเห็นหน้าไม่คิดว่าคนที่เขาชมชอบนั้นจะเป็นคนที่นิสัยเหี้ยมโหดเช่นนี้ได้“อย่านะคะที่ผกาทำก็เพราะรักคุณ...”ปิ่นงามเห็นว่าการทำแบบนั้นมันจะไม่ใช่ผลดีเท่าไรนักเพราะมันจะยิ่งทำให้ผกาเกลียดเธอเข้าไปอีก“หึ่... ให้ได้อย่างนี้สิ”คีรีสบถในลำคอคนจะดีก็ดีเสียจนใจหายคนจะร้ายก็ร้ายเสียจนคิดว่าชีวิตคนหนึ่งชีวิตไม่มีค่าช่วงเที่ยงของวันต่อมาหลังจากที่ผกาส่งขนมเรียบร้อยแล้วคีรีก็เรียกผกาเข้ามาคุยในสำนักงานไร่เพราะเขาต้องการจะตักเตือนเธอว่าอย่าให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกไม่อย่างนั้นเขาจะเอาผิดผกาโดยที่ไม่สนคำทัดทานของใครทั้งนั้น“ครั้งนี้ฉันจะละโทษเพราะปิ่นขอถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกฉันเอาเรื่องแน่...แล้วจะไม่ให้เธอไปเหยียบที่ไร่นี้อีก”“ผกาไม่มาที่นี่ก็ได้...เชิญไปสั่งขนมร้านอื่นเลย”ผกามองหน้าคีรีด้วยความไม่พอใจจากคำที่ว่าจะละโทษเธอเพราะปิ่นงามขอเท่ากับว่าอะไรๆตอนนี้คีรีก็ต้องรับฟังคำปิ่นงามทั้งนั้นหากจะละโทษเพราะปิ่นงามดังนั้นก็ถือว่าคีรีไม่เห็นหัวเธอแล้วจึงยื่นคำขาดกับเขาว่าจะไม่มาที่นี่อีกดูสิเขา
“เหงาหรือเปล่าไม่มีเจ้าดินมาอยู่เป็นเพื่อนแล้ว”คีรีนอนกอดก่ายร่างบางขณะที่มากางมุ้งนอนดูดาวยามค่ำคืนกันที่ชานเรือน“นิดหน่อยแต่ปิ่นดีใจมากกว่าค่ะที่ดินได้อยู่กับพ่อและก็แม่อีกอย่างจะได้ไม่ลำบากอีกต่อไปแล้ว”“อืม.. เธออยากมีเด็กเล็กๆมาอยู่ด้วยตลอดหรือเปล่า”“มีก็ดีค่ะ...ว่าแต่เด็กที่ไร่เหรอคะ?”ดวงตาปิ่นงามเบิกโพรงอย่างสนอกสนใจคำพูดของคีรีหากเธอได้เด็กเล็กลูกของคนงานที่ไร่มาเลี้ยงช่วงกลางวันก็คงไม่เหงา“ฉันจะทำให้เธอไง”“เอ่อ...คุณอยากมีลูกกับปิ่นอย่างนั้นเหรอคะ”ปิ่นงามหลบสายตาคีรีเล็กน้อยพวงแก้มนวลตอนนี้เริ่มแดงระเรื่องเพราะเคอะเขินกับคำพูดของเขา“อืม...”ฟอดดคนตัวโตรวบกระชับกอดร่างบางแน่นกดหอมภรรยาตนฟอดใหญ่เขาไม่ได้พูดเล่นเขาคิดจะมีลูกกับเธอจริงๆเพราะคิดว่าหญิงสาวน่าจะเป็นแม่ของลูกที่ดีได้เพราะมีนิสัยเป็นคนอ่อนโยนรักเด็ก“แล้วกับผู้หญิงคนอื่นล่ะคะคุณอยากมีลูกกับพวกเธอหรือเปล่า”ปิ่นงามถามคีรีให้มั่นใจหากเขาอยากมีลูกกับเธอแล้วผู้หญิงคนอื่นเขาอยากมีด้วยหรือไม่เพราะเธอไม่อยากให้ลูกเกิดมาแล้วได้ชื่อว่าเป็นลูกเมียหลวงเมียน้อย“ไม่ฉันไม่เคยคิดจะมีลูกกับใครจนมาเจอเธอ”เสียงแหบพร่าเอ่ยกระ
“อืม..”ปิ่นงามฟุบใบหน้าลงกับบ่าแกร่งขณะที่คนเป็นสามีกำลังดึงสะโพกเธอให้เข้าออกเป็นจังหวะและไม่นานนักเธอก็เริ่มขยับเองได้แต่เป็นจังหวะที่ค่อนข้างนุ่มนวล“อย่างนั้นแหละ...อืม..น่ารักที่สุดเลย”คีรีกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอขณะที่ภรรยาตัวน้อยเริ่มควบคุมเกมส์เองเป็นใบหน้าหวานที่ตาปรือเม้มปากแน่นครางเสียงอ่อนของเธอยิ่งเร้าอารมณ์ให้เขาได้เป็นอย่างดี“อืม..อื้ออ..อะ..อ๊ายยย”“อึก..อ่าส..”จากที่นั่งคุมเกมส์อยู่พักใหญ่ปิ่นงามก็เริ่มบิดเร่ากอดคนเป็นสามีตัวเกร็งด้วยแตะขอบสวรรค์ไปเรียบร้อยเสียงหวานร้องโหยหวนพร้อมกับเสียงคำรามในลำคอของคีรีเพราะชายหนุ่มก็เสียวจนแทบปริแตกเมื่อร่องสวาทของหญิงสาวตอดรัดตัวตนของเขาถี่ยิบ“อืม..”คีรีวางร่างบางให้นอนลงแล้วเริ่มขย่มบนตัวเธออีกครั้งเนิ่นนานเท่าไรนับเวลาไม่ได้กว่าจะได้ปล่อยให้ภรรยาตัวเล็กได้เป็นอิสระก็ได้ยินเสียงไก่ขันเสียแล้วหลายวันต่อมาคีรีทำได้อย่างที่สัญญากับปิ่นงามจริงๆเขาตัดขาดความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เขาเคยเกี้ยวพาราสีโดยเด็ดขาดชายหนุ่มพยายามทำตัวเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดีและรอคอยวันที่ปิ่นงามจะตั้งท้องคีรีเปลี่ยนเป็นคนละคนจากคนที่เคยเจ้าชู้ชอบสังสรรค์กล
“คุณคี..เป็นอะไรคะ”กลางดึกปิ่นงามตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกว่าคีรีนั้นนอนไม่อยู่สุขเท่าไรแถมเขายังเอาแต่นอนหันหลังให้เธอไม่กอดเธอเหมือนกับทุกคืนที่เคยทำอีกด้วย“เปล่านอนเถอะ..”คีรีหันมามองหน้าปิ่นงามครู่หนึ่งก่อนจะรีบหันไปความรู้สึกของเขาตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเองและจิตใจนั้นไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไรนัก“....”ปิ่นงามนอนลืมตาอยู่พักใหญ่กว่าจะข่มตาหลบลงได้เพราะเป็นห่วงคีรีอยู่พอสมควรด้วยไม่เคยเห็นชายหนุ่มมีอาการแบบนี้มาก่อนอีกอย่างตอนเย็นก็ยังดีๆอยู่เลยอาการวันต่อมา“ไม่กินข้าวเช้าก่อนเหรอคะ”“ปิ่นงามเห็นคีรีเตรียมตัวออกไปทำงานตั้งแต่ที่เธอยังจัดสำรับกับข้าวไม่เสร็จจึงรีบเรียกสามีเธอเอาไว้ก่อนเพราะเธอต้องการที่จะคุยกับเขาเรื่องความลับที่อยู่ในใจให้มันจบๆไปก่อนที่แสนคำจะมาที่นี่“ไม่”“คือปิ่นมีเรื่องต้องคุยกับคุณ”“ฉันไม่มีเวลา...”คีรีหันมาตอบปิ่นงามเสียงแข็งทั้งสายตาของเขาก็ยังมองเธอไม่อ่อนโยนเหมือนเดิมก่อนจะรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้ปิ่นงามสลดอยู่พอสมควรหญิงสาวไม่รู้ว่าคีรีเป็นอะไรจริงๆแต่อาการของเขามันก็ทำให้เธอไม่สบายใจอยู่ไม่น้อยตั้งแต่เช้ายันเย็นปิ่นงามไม
ช่วงเช้าของวันต่อมาแสนคำและคำปันกับตองนวลก็เดินทางมาถึงไร่คีรีรักษ์พอดีตอนนี้ปิ่นงามรับหน้าที่ดูแลคนจากไร่แสนคำส่วนพ่อเลี้ยงอินก็รีบลากตัวลูกชายตัวดีออกมาต้อนรับแขกที่พึ่งมาเยือน“ต้อนรับกันเองไม่ได้หรือยังไง”“สงบปากของเอ็งไว้บ้างเห็นแก่หน้าข้าหน่อย”พ่อเลี้ยงอินเริ่มเสียงแข็งมองหน้าลูกชายตนไม่พอใจเรื่องเมื่อวานยังไม่ได้สะสางกันตัวต่อตัววันนี้หากคีรีทำให้เขาเสียหน้าอีกคงได้ตัดพ่อตัดลูกกันจริงๆแน่“แม่ปรางค์ไปไหนซะล่ะทำไมเราอยู่คนเดียวล่ะแม่ปิ่น”เมื่อเห็นทุกคนมานั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วแต่แสนคำชายวัยชราเจ้าของไร่แสนคำก็รีบถามหาหลานสาวอย่างปรางค์ทิพย์ทันทีคำพูดของแสนคำทำเอานภาและคีรีต่างก็มีสีหน้าสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนส่วนพ่อเลี้ยงและแม่เลี้ยงของไร่ไม่ได้แปลกใจนักด้วยรู้เรื่องราวว่าปิ่นงามเป็นลูกของตองนวลตั้งแต่วันแต่งงานแล้ววันนั้นปิ่นงามสารภาพกับผู้ใหญ่ทั้งสองจนหมดเพราะไม่อยากปิดบัง...ส่วนอินและดอกแก้วเข้าใจทุกอย่างและยินดีที่จะรับลูกของตองนวลเป็นสะใภ้เพราะตองนวลก็เป็นเพื่อนรักของพวกเขา“คือ...ปิ่นอยู่ที่นี่คนเดียวค่ะคุณปู่”ปิ่นงามนั่งก้มหน้างุดและแล้วเธอก็ไม่ได้บอก