“อืมม...”
คีรีไล่สูดเนื้อนวลที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆกลิ่นของเธอทำให้เขารู้สึกดีอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนแถมผิวเนื้อยังนวลเนียนนุ่มนิ่มจนเขาไม่อยากจะยกจมูกออกแม้นแต่วินาทีเดียว
“อื้อ.. อืมม..”
สาวเจ้าเมื่อถูกจู่โจมบดจูบอีกรอบก็เริ่มนอนตัวเกร็งไม่ยอมหายใจเพราะไม่เคยกับเหตุการณ์แบบนี้เลยริมฝีปากหนาที่กำลังบดจูบเธออย่างเร่าร้อนมันทำให้ภายในท้องของหญิงสาวเริ่มมวนแปลกๆไม่รู้ความรู้สึกนี้จะเรียกว่าดีหรือเรียกว่าอะไรเพราะไม่เคยเป็นมาก่อนเช่นกัน
คีรีถอดถอนริมฝีปากให้หญิงสาวพ้นพันธนาการเพราะรู้ได้เลยว่าเธอกำลังหายใจไม่ออก
อึก..ฟู่วว...
ริมฝีปากบางเป็นอิสระได้ปิ่นงามก็รีบสูดหายใจเข้าปอดทันเฮือกใหญ่“อื้อ..”
พอเห็นว่าหญิงสาวเริ่มค่อยยังชั่วคีรีก็ไม่รีรอที่จะดำเนินกิจกรรมต่อเขาก้มลงบดจูบเธออีกครั้งและครั้งนี้ดูจะร้อนแรงกว่าเมื่อครู่พอสมควรทั้งยังส่งลิ้นร้ายตวัดฉกชิมภายในโพรงปากหวานดูดดึงลิ้นเรียวเล่นจนสาวเจ้าเริ่มอ่อนระทวยไปกับลีลารสจูบของคนที่มากประสบการณ์การจูบอย่างชายหนุ่ม
มือทั้งสองของคีรีเริ่มปล่อยให้มือหญิงสาวเป็นอิสระเพราะรู้ว่าเธอกำลังเคลิ้มไปกับเขาก่อนจะรีบกอดกางเกงตนออกอย่างรวดเร็วขณะที่ริมฝีปากก็ยังจูบหญิงสาวอยู่ไม่ยอมละ
“เอ่อ...”
ชายหนุ่มถอดถอนจูบขณะที่จะถอดเสื้อตนภาพตอนนี้แม้นจะไม่ชัดในสายตาของปิ่นงามนักแต่มันก็ทำให้เธอทนจ้องมองเขานานกว่านี้ไม่ได้เพราะอายเกินกว่าที่จะมองจึงต้องรีบหันหน้าหนี
“......”
ปิ่นงามหลับตาลงอีกรอบทั้งหายใจเริ่มติดขัดเมื่อรู้ว่ามือหนาทั้งสองของคนที่กำลังเปลือยล่อนจ้อนกำลังแกะเชือกผูกเสื้อของเธออยู่
เสียงลมหายใจของคีรีดังถี่ขึ้นเมื่อสองมือได้ดึงซับในของตัวหญิงสาวออกสองเต้างามตั้งชูชันขาวผ่องนวลเนียนขาวผ่องปรากฎต่อสายตาตอนนี้คีรียอมรับเลยว่าเรือนร่างของเธอสวยมากจริงๆแต่ก็ยังคงปากหนักไม่ยอมเอ่ยชมอะไรออกมาด้วยเพราะไม่อยากให้เธอได้ใจ
“อืม...”
คนตัวโตวาดขาคร่อมกอดร่างบางเอาไว้หลวมๆก่อนจะก้มลงบดจูบดูดดึงยอดปทุมถันที่ตั้งชูชันสลับซ้ายขวาร่างบางขาวนวลผุดผ่องในตอนนี้เริ่มแอ่นเร่าบิดเกร็งเล็กน้อยเพราะเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่อยู่
ใบหน้าจิ้มลิ้มตอนนี้ขมวดคิ้วจนผูกโบว์เพราะรู้สึกขนลุกขนชันไปทั่วตัวท้องที่มวนอยู่คราแรกตอนนี้ยิ่งมวนหนักขึ้นเรื่อยๆไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
คีรีบดจูบกัดฟัดสองเต้างามจนพอใจแล้วเขาก็เลื่อนดูดดึงลำคอระหงส์ทิ้งรอยแดงก่อนค่อยๆเลื่อนตัวขึ้นไปบรรจบที่ริมฝีปากบางอย่างเร่าร้อนอีกรอบ
มือหนาทั้งสองถกผ้าซิ่นของหญิงสาวขึ้นมาจนถึงขาอ่อนเขาอาศัยจังหวะที่หญิงสาวกำลังเคลิ้มกับรสจูบค่อยๆดึงซับในตัวจิ๋วของเธอออกแทรกลำขาแกร่งระหว่างขาเรียวทั้งสองจนตัวตนของเขาและกลีบกุหลาบงามของเธอประชิดติดกันเนื้อแนบเนื้อ
ปิ่นงามชะงักตกใจเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆอยู่ตรงกลางระหว่างขาของเธอแต่ไม่ต้องมองลงไปก็พอจะเข้าใจได้ว่ามันคืออะไร
คีรีจับแท่งร้อนของเขากดบดเบียดเข้ากับช่องทางรักของปิ่นงามครั้งแรกกับการสอดใส่แบบนี้เขารู้สึกว่ามันไม่ได้ง่ายเหมือนตอนที่สำเร็จความไคร่ด้วยมือหรือปากอย่างที่เหล่าผู้หญิงของเขาเคยทำให้เอาเสียเลย
“จ..เจ็บค่ะ”
ใบหน้าของหญิงสาวไม่สู้ดีนักทั้งมือเรียวทั้งสองยังกำหมอนที่เธอหนุนแน่นระบายความเจ็บขณะที่คีรีพยายามสอดใส่ตัวตนของเขาเข้ามาในตัวของเธอ
“อึก..อืม..”
ใบหน้าคมที่กำลังฟุบอยู่ที่ลำคอระหงส์ตอนนี้ก็เหยเกไม่แพ้หญิงสาวเช่นกันเพราะรู้สึกแสบอยู่พอสมควรขณะที่พยายามจะแทรกแท่งร้อนเข้าไปในร่องสวาท
“ปิ่น..จ..”
พลั้กกก
“อ.. อ๊ายย”
“อืมม...”
ยังไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบประโยคแท่งร้อนใหญ่ยาวหัวปูดโปนก็เข้ามาอยู่ในตัวเธอจนมิดความเจ็บแผ่ซ่านไปทั้งตัวจนปิ่นงามร้องเสียหลงน้ำตาหยดน้อยไหลพรั่งพรูออกมาหยดแล้วหยดเล่าความรู้สึกเจ็บตอนนี้ยากจะบรรยาย
“อึก..ฟู่ววว...”
คีรีรู้สึกถึงแรงบีบรัดที่แทบจะทำให้ตัวตนของเขาปริแตกแต่ก็เป็นความรู้สึกที่ดีไม่น้อยเขากดแช่ตัวตนของเขาครู่ใหญ่เพราะรู้ว่าหากขยับตอนนี้หญิงสาวได้ร้องออกมาอีกแน่
“ฉันเจ็บ..อือ..ฮือ”
เมื่อเห็นหญิงสาวเริ่มสะอื้นน้ำตาไหลพรากวิธีเดียวที่จะพอทุเลาความเจ็บของเธอที่เขาคิดได้ได้ตอนนี้ก็คือต้องทำให้เธอสนใจอย่างอื่นแทน
“อืมม...”
คิดได้ดังนั่นจึงเริ่มใช้ริมฝีปากหนากอบกุมบดจูบหญิงสาวอีกรอบมือทั้งสองก็ไม่ว่างเว้นยังคงบีบเค้นขยำเต้างามทำหน้าที่เรียกอารมณ์สวาทให้ทั้งคนใต้ร่างและตัวเองไปในคราเดียวกัน
เมื่อประโลมจูบหญิงสาวมาได้ครู่หนึ่งจนเธอเริ่มเคลิ้มได้ที่ชายหนุ่มที่กดแช่ตัวตนอยู่นานก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออกด้วยจังหวะนุ่มนวลแต่ความเสียวซ่านนั้นแผ่ซ่านไปทั่วตัวจนคีรีต้องหลับตาปี๋กัดฟันกรอดข่มใจตัวเองว่าอย่าพึ่งเร่งจังหวะในตอนนี้
“อืม..”
ร่างบางในตอนนี้แม้นจะรู้สึกเจ็บส่วนเชื่อมต่อด้านล่างอยู่ไม่น้อยแต่ความรู้สึกดีบางอย่างก็แล่นเข้ามาแทนที่จนเธอแทบจะลืมมันไป
“อื้อ.. ๆ.. ๆ”
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เสียงร้องครางตามจังหวะถาโถมถูกดูดกลืนเข้าไปในคอของชายหนุ่มที่กำลังง่วนหลงอยู่กับร่างบางที่พึ่งเคยสัมผัสห้องนอนในเรือนเล็กหลังนี้ร้อนระอุไปด้วยไฟสวาทของสองหนุ่มสาวผัวเมียข้าวใหม่ปลามันจวบจนครึ่งค่อนคืนกว่าคีรีจะปล่อยให้ปิ่นงามเป็นอิสระหลังจากนั้นก็นอนกอดร่างบางแนบแน่นหลับไหลไปด้วยกันจนถึงเช้า
ในเช้าของวันต่อมาคีรีตื่นก็รู้สึกว่าร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดตัวรุมๆน่าจะมีไข้เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่รู้สึกตัวจึงค่อยๆลุกออกจากฟูกนอนหมายจะไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปทำงานแต่ก็ต้องตกใจเพราะที่ฟูกมีแต่รอยเลือดเต็มไปหมดรวมทั้งที่หน้าขาของเขาด้วยคิดในใจว่านี่สินะที่เขาเรียกว่าเลือดพรหมจันทร์“หึ่...”ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เขายิ้มได้เมื่อเห็นเลือดเกรอะกรังแบบนี้แต่ก็รู้สึกภูมิใจลึกๆว่าได้ร่างบางที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ใต้ผ้าห่มมาเป็นของเขาจริงๆแล้ว“หื้มม..”คีรีหยิบผ้าขาวม้าที่พับวางอยู่ในตู้มาพันรอบเอวเอาไว้....เหมือนตอนนี้คีรีในหัวของเขาจะตีกันกับหัวใจอยู่ไม่น้อยเพราะหัวใจที่กำลังรู้สึกดีกลับถูกสมองสั่งให้หยุดและย้ำว่าเขาไม่ต้องการหญิงสาวและต้องพยายามทำให้เธอออกไปจากที่นี่ให้ได้“ฉันช่วยเธอได้เท่านี้”คีรีเดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้ปิ่นงามขณะที่เธอยังหลับไม่ได้สติและเปลี่ยนเสื้อผ้าเปลี่ยนฟูกนอนให้หญิงสาวก่อนจะอาบน้ำและออกไปทำงานทิ้งให้ร่างบางนอนอยู่คนเดียว10.00 น.“เฮ้ออ...”ตั้งแต่เช้ายันช่วงสายคีรีไม่เป็นอันทำงานเพราะในใจพะวงกับอาการของปิ่นงามพอสมควรไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะตื่นมากินข้าวกินปล
“อืม...ขอบใจนะภา..เอ่อ..คุณคี”ปิ่นงามรู้สึกตัวค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่มีผ้าเย็นๆมาเช็ดอยู่ที่ใบหน้าคราแรกนึกว่าเป็นนภาเพราะเมื่อช่วงสายหญิงสาวก็มาดูแลเธอแต่เมื่อมองเห็นคนที่กำลังเช็ดตัวให้เธอชัดก็ต้องหลบสายตาของเขาเล็กน้อยเพราะยังรู้สึกเขินอายกับเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาอยู่ไม่น้อย“ลุกมากินข้าวก่อนสิ.. จะได้กินยา”“ปิ่นจัดการเองก็ได้ค่ะคุณไปทำงานเถอะ”“แม่ฉันไล่ให้มาดูแลเธอกลับไปมีหวังก็โดนบ่นอีกน่ะสิ”ปิ่นงามจำต้องค่อยๆลุกมากินข้าวเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมาดูแลอะไรเธอมากนักแม้นตอนนี้จะนั่งลำบากอยู่พอสมควรก็เถอะหญิงสาวใช้เวลากินข้าวไม่เท่าไรเธอก็กินยาแล้วจึงนอนพักหวังว่าคีรีจะได้รีบกลับไปทำงานแต่เปล่าเลยเขายังคงนั่งเฝ้าหญิงสาวอยู่ที่ห้องระหว่างที่เธอหลับไม่ยอมห่างไปไหนคอยยื่นมืออังหน้าผากของคนที่นอนหลับอยู่ตลอดจวบจนเย็นเมื่อไข้หญิงสาวลดลงได้เขาก็ออกไปทำอาหารเย็นเพราะรู้ว่าเย็นนี้ปิ่นงามคงลุกมาทำไม่ไหวแน่“จะไปไหน”คีรีเห็นปิ่นงามเปิดประตูออกมาจากห้องพร้อมเสื้อผ้าอยู่ในมือสีหน้าของเธอซีดเซียวแถมยังเดินไม่ค่อยจะสะดวกเขาจึงต้องรีบมาพยุงตัวเธอเอาไว้“ปิ่นจะไปอาบน้ำค่ะ”“เดินจะไม่ไห
“เหรอคะ..”ปิ่นงามยังคงทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้งที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเธอดีขึ้นเพราะใคร“ใช่สิ...ไม่งั้นเธอคงนอนชักไปแล้ว”“ขอบคุณนะคะ...เอ่อ..ในครัวมีข้าวต้มกับหมูทอดแล้วก็ต้มจับฉ่ายถ้าคุณหิวก็กินได้ค่ะปิ่นไม่หวง”ว่าจบก็เดินออกไปเดินเล่นที่หน้าเรือนเธอคิดว่าถ้าหากเธอยังนั่งอยู่ในนี้คีรีคงไม่คิดจะกินอาหารที่เธอทำแน่เพราะเป็นคนที่มาดเยอะอยู่พอสมควรตั้งแต่ช่วงสายเมื่อวานถึงเที่ยงวันนี้คีรีไม่ได้เข้าไร่เพราะมัวแต่ดูแลปิ่นงามจนผกามาส่งขนมและไม่ได้เจอคีรีสองวันแล้ว“ดูแลกันถึงไหนไม่เข้าไร่เข้ากงเลยนะนาย”ทั้งรู้ว่าที่เขาไม่อยู่ก็เพราะดูแลภรรยาอยู่ที่เรือนเล็กยิ่งรู้แบบนี้เธอก็ยิ่งหงุดหงิดเพราะเขาเป็นคนบอกเธอว่าจะไม่สนใจเมียแต่งคนนี้เห็นทีจะไม่ใช่อย่างที่พูดแล้ว“วัว.. วัว”พลั้กกก“โอ้ยย...ฮือๆๆ”ดินเด็กชายวัยห้าขวบลูกของละไมคนงานในไร่ที่เป็นเด็กพิเศษไม่เหมือนเด็กทั่วไปทุกๆวันดินจะมานั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่รอคนเป็นแม่ทำงานทุกวันแต่วันนี้เหมือนโชคร้ายที่ทางที่ดินเดินอยู่นั้นเป็นทางที่นางยักษ์ที่กำลังโกธากำลังเดินผ่านมาเมื่อเห็นเด็กชายขวางทางจึงผลักเสียจนล้มเพราะยังคงหงุดหงิดเรื่องคีรีอยู่ใ
“เสียเวลา...ดินการตอบสนองช้ากว่าเด็กทั่วไปแม่ของดินเคยหัดแล้วเจ้านี่ร้องโวยวายก็เลยต้องป้อนกันอยู่อย่างนี้”คีรีเคยตั้งคำถามกับละไมแม่ของดินอย่างที่ปิ่นงามถามก็ได้ความว่าเจ้าหนูนี่โวยวายไม่ยอมกินเลยต้องป้อนกันจะได้ไม่เสียเวลางาน“นาย...ขอโทษทีจะที่ฉันมาช้า...เดี๋ยวฉันป้อนเองจะ”ละไมรีบจ้ำอ้าวมาหาลูกชายเมื่อเห็นคีรีนั่งป้อนข้าวลูกเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว“อืม...คราวหลังเร็วหน่อยนะพี่ละไม”“จะนาย”คีรียื่นจานข้าวให้ละไมก่อนจะเดินออกไป“ปกติพาดินมาที่นี่ทุกวันเหรอคะ”ปิ่นงามยังคงนั่งอยู่เพราะอยากจะคุยอะไรบางอย่างกับแม่ของดิน“จะคุณปิ่น...ฉันเลี้ยงลูกคนเดียวทำงานในไร่ก็ต้องพามันมาทุกวันอย่างนี้แหละวันนี้ฉันต่อคิวตักข้าวช้าก็เลยมาช้าจะ”“เอาอย่างนี้..ถ้าเอาดินมาเอามาฝากปิ่นก็ได้..ปิ่นจะดูเค้าให้เอง”ปิ่นงามรู้แบบนี้คงปล่อยให้ดินอยู่ตรงนี้คนเดียวต่อไปไม่ได้วันๆเธอก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรนอกจากดูแลงานบ้านงานเรือนกับแปลงผักเล็กๆหน้าเรือนเธอจึงอาสาขอดูแลดินเอง“จะดีเหรอจ๊ะคุณปิ่นเจ้าดินไม่ใช่เด็กปกตินะจ๊ะอารมณ์มันไม่ค่อยคงที่”ละไมไม่เห็นด้วยเท่าไรเพราะที่เธอต้องให้ดินเล่นอยู่คนเดียวตรงนี้เพราะดินไม่เหมื
“ขอบใจ”“ฉันทำฟักทองเชื่อมรสจัดแบบที่นายชอบมาให้เหมือนกันจะ..”บุญตาเองก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบเข้ามานั่งข้างคีรีพร้อมฟักทองเชื่อมในปิ่นโต“นายจะกินของฉัน”ผกาตวัดมองค้อนบุญตาจนตาแทบถลน“ให้นายเลือกเองดีกว่านะ”บุญตายังคงยิ้มหน้าระรื่นไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวสายตาของผกาแม้แต่น้อย“เอ่อ..ฉันขอบใจพวกเธอสองคนมากนะแต่ฉันอิ่มมากแล้วไม่อยากกินอะไรเพิ่ม..ขอตัวก่อน”คีรีรู้สึกรำคาญสองสาวขึ้นมากะทันหันตอนนี้เขาไม่ได้อยากมีคนมาคอยเอาอกเอาใจอยากอยู่เงียบๆมากกว่าว่าจบก็รีบเดินหนีสองสาวออกไปอย่างไม่ใยดี“นาย.. เพราะแกเลยนังบุญตานายจะกินของฉันแล้วเชียว”ผกาแทบจะเฉือนเนื้อบุญตาเป็นชิ้นๆที่เข้ามาสาระแนเวลาที่เธอจะอยู่สองต่อสองกับคีรี“หนุ่มๆในไร่โสดๆตั้งมากมายชอบจริงๆคนมีเมียแล้ว”สรวงไม่ได้อยากปากมากกับผู้หญิงนักแต่เห็นแม่สองสาวนี่เกาะแกะเจ้านายตนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคีรีมีเมียตบเมียแต่งแล้วก็ยังไม่วายคิดที่จะเลิกยุ่ง“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนายเองต่างหากที่สนใจพวกฉัน”บุญตาตอกหน้าสรวงกลับ“ใช่”ผกาเองก็เอ่ยเสริมผสมโรงเป็นมิตรกันไปโดยปริยายก่อนจะแยกย้ายกันเดินกลับออกไป“เฮ้อ..”สรวงเท้าเอวส่ายหัวก่อนจะถอนหา
“ก็ได้... ก็ได้... พี่ปิ่นไม่ให้ดินเขียนก็ได้ไม่ต้องร้องนะ.. เดี๋ยวเราไปทำขนมกันดีหรือเปล่า”“..ทำขนม”ดินและปิ่นงามง่วนอยู่ในครัวร่วมสองชั่วโมงตอนนี้ก็เย็นพอดีขนมกล้วยปิ้งตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยทั้งยังหมดไปเกือบครึ่งเพราะปิ้งกันไปกินกันไป“ทำอะไรกันเหรอ”คีรีได้กลิ่นหอมจากในครัวตั้งแต่มาถึงจึงรีบเข้ามาดู“คุณคี”ปิ่นงามคิดว่าวันนี้คีรีจะไม่กลับมานอนที่นี่แล้วเสียอีก“ทำขนมกล้วยปิ้งค่ะ”“ดินเขียนสวยพี่ปิ่นทำขนมให้”ดินรีบวิ่งไปเอาสมุดที่ตัวเองลากเส้นรีบมาให้คีรีดูอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะอวดให้คีรีได้ดู“เขียนสวย”เมื่อมาถึงก็พูดอวดคีรียกใหญ่ว่าตนนั้นเขียนได้สวยถึงได้รางวัลเป็นจนมที่กำลังนั่งกินกันอยู่ตอนนี้“ปิ่นสอนดินหัดลากเส้นค่ะ”“ลากเส้น”คีรีมีสีหน้าที่ค่อนข้างอึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าอย่างดินจะมีสมาธิทำอะไรแบบนี้ได้“ค่ะ...ถ้าค่อยๆสอนดินเขียนได้ทำได้เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละค่ะ”“อ่อ..อืม”คีรีไม่ได้คิดจะเอ่ยชมอะไรปิ่นงามทั้งที่ก็ทึ่งในความสามารถของหญิงสาวอยู่เหมือนกันที่สอนดินได้ตกดึกปิ่นงามเดินเข้าห้องมาพร้อมตะเกียงเจ้าพายุเธอเข้ามาก็เห็นคีรีนอนหลับอยู่ก่อนแล้วแปลกใจพอสมควรที่เห็นเข
“เมียฉันอยู่ได้..อยู่แล้ว..ฉันมันไม่ได้เป็นส่วนสำคัญอะไรกับเธอขนาดนั้น..พวกเอ็งรู้ไหมวันนั้นฉันมานอนที่สำนักงานยังไม่เคยปริปากบ่นหรือตามให้ฉันกลับเลยสักคำ..เหมือนไม่สนใจผัว”คีรีฉุนขึ้นมากะทันหันเพราะรู้สึกว่าปิ่นงามไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้วว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ด้วยที่เรือน“พูดเหมือนน้อยใจเลยนาย”สรวงแอบอมยิ้มน้อยครั้งนักที่นายของเขาจะเอ่ยในเชิงนี้“ข้าแค่เล่าให้พวกเอ็งฟังเฉยๆไม่ได้น้อยใจโว้ย”สิ้นเสียงคีรีเหล่าคนในวงสังสรรค์ทุกคนต่างก็มองตากันแม้นจะไม่ได้พูดแต่ก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้นายตนนั้นปากไม่ตรงกับใจเสียแล้ว“จะกลับมาตอนไหนของเค้านะ”วันนี้ปิ่นงามดูจะกระวนกระวายใจเป็นพิเศษเพราะคีรีไม่ได้บอกเธอว่าจะกลับดึกหรือไม่กลับเธอจึงนั่งรอกินข้าวกับเขาตั้งแต่เย็นจนตอนนี้กับข้าวที่เธอทำเย็นชืดไปหมดแล้วแอบรำคาญตัวเองในใจเหมือนกันที่ปกติแล้วชอบเสียอีกที่อีกฝ่ายไม่อยู่แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมถึงกังวลใจเพราะเขาแปลกๆ“เสียงรถนี่..”เมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าเรือนเล็กปิ่นงามก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตูต้องรับคีรี“อ.อ๊ายย”กึกกกกร่างบางลืมไปว่าหน้าเรือนเป็นพื้นต่างระดับแถมยังไม่ได้ถือเจ้าตะเกียงมาเพื่อเ
“ฉันแค่จะเดินสายไฟเธอกินข้าวต่อเถอะ”พอปิ่นงามหันมามองได้คนที่มาดเยอะก็รีบหุบยิ้มก่อนจะเดินไปทางอื่น“ค่ะ”ปิ่นงามยิ้มกว้างหลังจากที่คีรีออกไปแล้วแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่ใช่ว่าเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนจึงทำให้คีรีอยากจะติดไฟที่นี่เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้เธอแม้นจะไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่แต่เธอก็ดีใจที่ที่นี่จะได้มีแสงสว่างยามค่ำคืนเสียที“จะรีบไปไหนไอ้สรวง”เทิดศักดิ์คนขับรถคีบอ้อยของไร่เขาเป็นเพื่อนรักของสรวงเห็นสรวงเดินจ้ำอ้าวถือสายไฟแบกลำไม้ไผ่ยาวไปกับคนงานสองสามคนก็รีบตะโกนถาม“เอาสายไฟไปให้นายน่ะสิเผื่อไม่พอ...ปากก็บอกไม่สนใจเมียได้เข้าหอมาไม่เท่าไรรีบอำนวยความสะดวกให้เมียใหญ่”“ฮ่าๆๆ...สวยหยาดเยิ้มขนาดนั้นก็ต้องประเคนความสุขให้หน่อยล่ะโว้ย...”สองหนุ่มเอ่ยถึงนายจอมปากแข็งของตนกันเสียงดังทำเอาคนที่ได้ยินต่างก็อมยิ้มตามกันไปด้วยเพราะก็คิดอย่างคนทั้งสองว่าเหมือนกันค่ำนี้ดูปิ่นงามจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะที่เรือนเล็กมีแสงสว่างจากไฟฟ้าแล้วตอ่ไปนี้เธอก็จะทำอะไรได้สะดวกยิ่งขึ้น“เธอก็เก่งเหมือนกันนี่ที่สอนดินจนกินข้าวเองเป็น”เป็นครั้งแรกที่คีรีเอ่ยชมหญิงสาวขณะที่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเย็น“แค่เ