ในเช้าของวันต่อมาคีรีตื่นก็รู้สึกว่าร่างบางที่อยู่ในอ้อมกอดตัวรุมๆน่าจะมีไข้เมื่อเห็นว่าเธอยังไม่รู้สึกตัวจึงค่อยๆลุกออกจากฟูกนอนหมายจะไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปทำงานแต่ก็ต้องตกใจเพราะที่ฟูกมีแต่รอยเลือดเต็มไปหมดรวมทั้งที่หน้าขาของเขาด้วยคิดในใจว่านี่สินะที่เขาเรียกว่าเลือดพรหมจันทร์“หึ่...”ไม่รู้ทำไมถึงทำให้เขายิ้มได้เมื่อเห็นเลือดเกรอะกรังแบบนี้แต่ก็รู้สึกภูมิใจลึกๆว่าได้ร่างบางที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ใต้ผ้าห่มมาเป็นของเขาจริงๆแล้ว“หื้มม..”คีรีหยิบผ้าขาวม้าที่พับวางอยู่ในตู้มาพันรอบเอวเอาไว้....เหมือนตอนนี้คีรีในหัวของเขาจะตีกันกับหัวใจอยู่ไม่น้อยเพราะหัวใจที่กำลังรู้สึกดีกลับถูกสมองสั่งให้หยุดและย้ำว่าเขาไม่ต้องการหญิงสาวและต้องพยายามทำให้เธอออกไปจากที่นี่ให้ได้“ฉันช่วยเธอได้เท่านี้”คีรีเดินไปหยิบกะละมังใส่น้ำกับผ้ามาเช็ดตัวให้ปิ่นงามขณะที่เธอยังหลับไม่ได้สติและเปลี่ยนเสื้อผ้าเปลี่ยนฟูกนอนให้หญิงสาวก่อนจะอาบน้ำและออกไปทำงานทิ้งให้ร่างบางนอนอยู่คนเดียว10.00 น.“เฮ้ออ...”ตั้งแต่เช้ายันช่วงสายคีรีไม่เป็นอันทำงานเพราะในใจพะวงกับอาการของปิ่นงามพอสมควรไม่รู้ว่าตอนนี้เธอจะตื่นมากินข้าวกินปล
“อืม...ขอบใจนะภา..เอ่อ..คุณคี”ปิ่นงามรู้สึกตัวค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่มีผ้าเย็นๆมาเช็ดอยู่ที่ใบหน้าคราแรกนึกว่าเป็นนภาเพราะเมื่อช่วงสายหญิงสาวก็มาดูแลเธอแต่เมื่อมองเห็นคนที่กำลังเช็ดตัวให้เธอชัดก็ต้องหลบสายตาของเขาเล็กน้อยเพราะยังรู้สึกเขินอายกับเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาอยู่ไม่น้อย“ลุกมากินข้าวก่อนสิ.. จะได้กินยา”“ปิ่นจัดการเองก็ได้ค่ะคุณไปทำงานเถอะ”“แม่ฉันไล่ให้มาดูแลเธอกลับไปมีหวังก็โดนบ่นอีกน่ะสิ”ปิ่นงามจำต้องค่อยๆลุกมากินข้าวเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมาดูแลอะไรเธอมากนักแม้นตอนนี้จะนั่งลำบากอยู่พอสมควรก็เถอะหญิงสาวใช้เวลากินข้าวไม่เท่าไรเธอก็กินยาแล้วจึงนอนพักหวังว่าคีรีจะได้รีบกลับไปทำงานแต่เปล่าเลยเขายังคงนั่งเฝ้าหญิงสาวอยู่ที่ห้องระหว่างที่เธอหลับไม่ยอมห่างไปไหนคอยยื่นมืออังหน้าผากของคนที่นอนหลับอยู่ตลอดจวบจนเย็นเมื่อไข้หญิงสาวลดลงได้เขาก็ออกไปทำอาหารเย็นเพราะรู้ว่าเย็นนี้ปิ่นงามคงลุกมาทำไม่ไหวแน่“จะไปไหน”คีรีเห็นปิ่นงามเปิดประตูออกมาจากห้องพร้อมเสื้อผ้าอยู่ในมือสีหน้าของเธอซีดเซียวแถมยังเดินไม่ค่อยจะสะดวกเขาจึงต้องรีบมาพยุงตัวเธอเอาไว้“ปิ่นจะไปอาบน้ำค่ะ”“เดินจะไม่ไห
“เหรอคะ..”ปิ่นงามยังคงทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้งที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเธอดีขึ้นเพราะใคร“ใช่สิ...ไม่งั้นเธอคงนอนชักไปแล้ว”“ขอบคุณนะคะ...เอ่อ..ในครัวมีข้าวต้มกับหมูทอดแล้วก็ต้มจับฉ่ายถ้าคุณหิวก็กินได้ค่ะปิ่นไม่หวง”ว่าจบก็เดินออกไปเดินเล่นที่หน้าเรือนเธอคิดว่าถ้าหากเธอยังนั่งอยู่ในนี้คีรีคงไม่คิดจะกินอาหารที่เธอทำแน่เพราะเป็นคนที่มาดเยอะอยู่พอสมควรตั้งแต่ช่วงสายเมื่อวานถึงเที่ยงวันนี้คีรีไม่ได้เข้าไร่เพราะมัวแต่ดูแลปิ่นงามจนผกามาส่งขนมและไม่ได้เจอคีรีสองวันแล้ว“ดูแลกันถึงไหนไม่เข้าไร่เข้ากงเลยนะนาย”ทั้งรู้ว่าที่เขาไม่อยู่ก็เพราะดูแลภรรยาอยู่ที่เรือนเล็กยิ่งรู้แบบนี้เธอก็ยิ่งหงุดหงิดเพราะเขาเป็นคนบอกเธอว่าจะไม่สนใจเมียแต่งคนนี้เห็นทีจะไม่ใช่อย่างที่พูดแล้ว“วัว.. วัว”พลั้กกก“โอ้ยย...ฮือๆๆ”ดินเด็กชายวัยห้าขวบลูกของละไมคนงานในไร่ที่เป็นเด็กพิเศษไม่เหมือนเด็กทั่วไปทุกๆวันดินจะมานั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่รอคนเป็นแม่ทำงานทุกวันแต่วันนี้เหมือนโชคร้ายที่ทางที่ดินเดินอยู่นั้นเป็นทางที่นางยักษ์ที่กำลังโกธากำลังเดินผ่านมาเมื่อเห็นเด็กชายขวางทางจึงผลักเสียจนล้มเพราะยังคงหงุดหงิดเรื่องคีรีอยู่ใ
“เสียเวลา...ดินการตอบสนองช้ากว่าเด็กทั่วไปแม่ของดินเคยหัดแล้วเจ้านี่ร้องโวยวายก็เลยต้องป้อนกันอยู่อย่างนี้”คีรีเคยตั้งคำถามกับละไมแม่ของดินอย่างที่ปิ่นงามถามก็ได้ความว่าเจ้าหนูนี่โวยวายไม่ยอมกินเลยต้องป้อนกันจะได้ไม่เสียเวลางาน“นาย...ขอโทษทีจะที่ฉันมาช้า...เดี๋ยวฉันป้อนเองจะ”ละไมรีบจ้ำอ้าวมาหาลูกชายเมื่อเห็นคีรีนั่งป้อนข้าวลูกเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว“อืม...คราวหลังเร็วหน่อยนะพี่ละไม”“จะนาย”คีรียื่นจานข้าวให้ละไมก่อนจะเดินออกไป“ปกติพาดินมาที่นี่ทุกวันเหรอคะ”ปิ่นงามยังคงนั่งอยู่เพราะอยากจะคุยอะไรบางอย่างกับแม่ของดิน“จะคุณปิ่น...ฉันเลี้ยงลูกคนเดียวทำงานในไร่ก็ต้องพามันมาทุกวันอย่างนี้แหละวันนี้ฉันต่อคิวตักข้าวช้าก็เลยมาช้าจะ”“เอาอย่างนี้..ถ้าเอาดินมาเอามาฝากปิ่นก็ได้..ปิ่นจะดูเค้าให้เอง”ปิ่นงามรู้แบบนี้คงปล่อยให้ดินอยู่ตรงนี้คนเดียวต่อไปไม่ได้วันๆเธอก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรนอกจากดูแลงานบ้านงานเรือนกับแปลงผักเล็กๆหน้าเรือนเธอจึงอาสาขอดูแลดินเอง“จะดีเหรอจ๊ะคุณปิ่นเจ้าดินไม่ใช่เด็กปกตินะจ๊ะอารมณ์มันไม่ค่อยคงที่”ละไมไม่เห็นด้วยเท่าไรเพราะที่เธอต้องให้ดินเล่นอยู่คนเดียวตรงนี้เพราะดินไม่เหมื
“ขอบใจ”“ฉันทำฟักทองเชื่อมรสจัดแบบที่นายชอบมาให้เหมือนกันจะ..”บุญตาเองก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบเข้ามานั่งข้างคีรีพร้อมฟักทองเชื่อมในปิ่นโต“นายจะกินของฉัน”ผกาตวัดมองค้อนบุญตาจนตาแทบถลน“ให้นายเลือกเองดีกว่านะ”บุญตายังคงยิ้มหน้าระรื่นไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวสายตาของผกาแม้แต่น้อย“เอ่อ..ฉันขอบใจพวกเธอสองคนมากนะแต่ฉันอิ่มมากแล้วไม่อยากกินอะไรเพิ่ม..ขอตัวก่อน”คีรีรู้สึกรำคาญสองสาวขึ้นมากะทันหันตอนนี้เขาไม่ได้อยากมีคนมาคอยเอาอกเอาใจอยากอยู่เงียบๆมากกว่าว่าจบก็รีบเดินหนีสองสาวออกไปอย่างไม่ใยดี“นาย.. เพราะแกเลยนังบุญตานายจะกินของฉันแล้วเชียว”ผกาแทบจะเฉือนเนื้อบุญตาเป็นชิ้นๆที่เข้ามาสาระแนเวลาที่เธอจะอยู่สองต่อสองกับคีรี“หนุ่มๆในไร่โสดๆตั้งมากมายชอบจริงๆคนมีเมียแล้ว”สรวงไม่ได้อยากปากมากกับผู้หญิงนักแต่เห็นแม่สองสาวนี่เกาะแกะเจ้านายตนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคีรีมีเมียตบเมียแต่งแล้วก็ยังไม่วายคิดที่จะเลิกยุ่ง“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนายเองต่างหากที่สนใจพวกฉัน”บุญตาตอกหน้าสรวงกลับ“ใช่”ผกาเองก็เอ่ยเสริมผสมโรงเป็นมิตรกันไปโดยปริยายก่อนจะแยกย้ายกันเดินกลับออกไป“เฮ้อ..”สรวงเท้าเอวส่ายหัวก่อนจะถอนหา
“ก็ได้... ก็ได้... พี่ปิ่นไม่ให้ดินเขียนก็ได้ไม่ต้องร้องนะ.. เดี๋ยวเราไปทำขนมกันดีหรือเปล่า”“..ทำขนม”ดินและปิ่นงามง่วนอยู่ในครัวร่วมสองชั่วโมงตอนนี้ก็เย็นพอดีขนมกล้วยปิ้งตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยทั้งยังหมดไปเกือบครึ่งเพราะปิ้งกันไปกินกันไป“ทำอะไรกันเหรอ”คีรีได้กลิ่นหอมจากในครัวตั้งแต่มาถึงจึงรีบเข้ามาดู“คุณคี”ปิ่นงามคิดว่าวันนี้คีรีจะไม่กลับมานอนที่นี่แล้วเสียอีก“ทำขนมกล้วยปิ้งค่ะ”“ดินเขียนสวยพี่ปิ่นทำขนมให้”ดินรีบวิ่งไปเอาสมุดที่ตัวเองลากเส้นรีบมาให้คีรีดูอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะอวดให้คีรีได้ดู“เขียนสวย”เมื่อมาถึงก็พูดอวดคีรียกใหญ่ว่าตนนั้นเขียนได้สวยถึงได้รางวัลเป็นจนมที่กำลังนั่งกินกันอยู่ตอนนี้“ปิ่นสอนดินหัดลากเส้นค่ะ”“ลากเส้น”คีรีมีสีหน้าที่ค่อนข้างอึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าอย่างดินจะมีสมาธิทำอะไรแบบนี้ได้“ค่ะ...ถ้าค่อยๆสอนดินเขียนได้ทำได้เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละค่ะ”“อ่อ..อืม”คีรีไม่ได้คิดจะเอ่ยชมอะไรปิ่นงามทั้งที่ก็ทึ่งในความสามารถของหญิงสาวอยู่เหมือนกันที่สอนดินได้ตกดึกปิ่นงามเดินเข้าห้องมาพร้อมตะเกียงเจ้าพายุเธอเข้ามาก็เห็นคีรีนอนหลับอยู่ก่อนแล้วแปลกใจพอสมควรที่เห็นเข
“เมียฉันอยู่ได้..อยู่แล้ว..ฉันมันไม่ได้เป็นส่วนสำคัญอะไรกับเธอขนาดนั้น..พวกเอ็งรู้ไหมวันนั้นฉันมานอนที่สำนักงานยังไม่เคยปริปากบ่นหรือตามให้ฉันกลับเลยสักคำ..เหมือนไม่สนใจผัว”คีรีฉุนขึ้นมากะทันหันเพราะรู้สึกว่าปิ่นงามไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้วว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ด้วยที่เรือน“พูดเหมือนน้อยใจเลยนาย”สรวงแอบอมยิ้มน้อยครั้งนักที่นายของเขาจะเอ่ยในเชิงนี้“ข้าแค่เล่าให้พวกเอ็งฟังเฉยๆไม่ได้น้อยใจโว้ย”สิ้นเสียงคีรีเหล่าคนในวงสังสรรค์ทุกคนต่างก็มองตากันแม้นจะไม่ได้พูดแต่ก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้นายตนนั้นปากไม่ตรงกับใจเสียแล้ว“จะกลับมาตอนไหนของเค้านะ”วันนี้ปิ่นงามดูจะกระวนกระวายใจเป็นพิเศษเพราะคีรีไม่ได้บอกเธอว่าจะกลับดึกหรือไม่กลับเธอจึงนั่งรอกินข้าวกับเขาตั้งแต่เย็นจนตอนนี้กับข้าวที่เธอทำเย็นชืดไปหมดแล้วแอบรำคาญตัวเองในใจเหมือนกันที่ปกติแล้วชอบเสียอีกที่อีกฝ่ายไม่อยู่แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมถึงกังวลใจเพราะเขาแปลกๆ“เสียงรถนี่..”เมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าเรือนเล็กปิ่นงามก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตูต้องรับคีรี“อ.อ๊ายย”กึกกกกร่างบางลืมไปว่าหน้าเรือนเป็นพื้นต่างระดับแถมยังไม่ได้ถือเจ้าตะเกียงมาเพื่อเ
“ฉันแค่จะเดินสายไฟเธอกินข้าวต่อเถอะ”พอปิ่นงามหันมามองได้คนที่มาดเยอะก็รีบหุบยิ้มก่อนจะเดินไปทางอื่น“ค่ะ”ปิ่นงามยิ้มกว้างหลังจากที่คีรีออกไปแล้วแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่ใช่ว่าเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนจึงทำให้คีรีอยากจะติดไฟที่นี่เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้เธอแม้นจะไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่แต่เธอก็ดีใจที่ที่นี่จะได้มีแสงสว่างยามค่ำคืนเสียที“จะรีบไปไหนไอ้สรวง”เทิดศักดิ์คนขับรถคีบอ้อยของไร่เขาเป็นเพื่อนรักของสรวงเห็นสรวงเดินจ้ำอ้าวถือสายไฟแบกลำไม้ไผ่ยาวไปกับคนงานสองสามคนก็รีบตะโกนถาม“เอาสายไฟไปให้นายน่ะสิเผื่อไม่พอ...ปากก็บอกไม่สนใจเมียได้เข้าหอมาไม่เท่าไรรีบอำนวยความสะดวกให้เมียใหญ่”“ฮ่าๆๆ...สวยหยาดเยิ้มขนาดนั้นก็ต้องประเคนความสุขให้หน่อยล่ะโว้ย...”สองหนุ่มเอ่ยถึงนายจอมปากแข็งของตนกันเสียงดังทำเอาคนที่ได้ยินต่างก็อมยิ้มตามกันไปด้วยเพราะก็คิดอย่างคนทั้งสองว่าเหมือนกันค่ำนี้ดูปิ่นงามจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะที่เรือนเล็กมีแสงสว่างจากไฟฟ้าแล้วตอ่ไปนี้เธอก็จะทำอะไรได้สะดวกยิ่งขึ้น“เธอก็เก่งเหมือนกันนี่ที่สอนดินจนกินข้าวเองเป็น”เป็นครั้งแรกที่คีรีเอ่ยชมหญิงสาวขณะที่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเย็น“แค่เ
“น้ำค่ะคุณหมอ...ปิ่นถือรอไว้แล้ว”ปิ่นงามกลั้นหัวเราะเล็กน้อยทั้งรีบยื่นแก้วน้ำให้หมอหนุ่มได้ดื่ม“คุณปิ่นไม่บอกผมล่ะครับว่ามันเผ็ด”หน้าหมอหนุ่มตอนนี้แดงเป็นลูกตำลึงจนคนในวงกินข้าวต่างก็มองกันด้วยความตกใจเว้นคีรีที่มองแต่ปิ่นงามด้วยสายตาที่น้อยอกน้อยใจที่เห็นหญิงสาวดูใส่ใจชาวีมากกว่าตัวเองในตอนนี้“อีกแก้วค่ะ..คุณหมอกินเผ็ดไม่ได้เหรอคะ”นภารีบยื่นน้ำอีกแก้วให้ชาวีเพราะเห็นว่าในมือของเขากำลังจะหมด“ค่ะ..เผ็ดนิดหน่อยก็หน้าแดงทันทีเลยล่ะ”“อ่อ...ภาไม่รู้ว่าคุณหมอกินเผ็ดไม่ได้โทษทีค่ะ”นับว่าเป็นที่ตกอกตกใจกันไปกับสีหน้าของชาวีแต่ดีที่หายเผ็ดได้หน้าของเขาจึงหายแดงนภาตอนนี้จึงไม่กล้าตักอะไรให้หมอหนุ่มอีกจนสิ้นสุดมื้อเย็นวันนี้หลังจากทุกคนกินข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้วคีรีก็พาลูกกับเมียกลับเรือนเล็กส่วนหมอหนุ่มก็พักอยู่ที่เรื่อนใหญ่“เดี๋ยวพ่ออาบน้ำให้นะครับอคิณ”พอคีรีพาทั้งสองมาถึงบ้านเขาก็รีบที่จะทำหน้าที่สามีโดยการจะช่วยภรรยาอาบน้ำให้ลูกชายแต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำหน้าที่อาบน้ำให้ลูกในวันนี้เสียแล้วเพราะอคิณเดินหนีเขาหน้าตาเฉยขณะที่จะถอดเสื้อผ้าให้“ให้แม่อาบให้ครับ”อคิณแม้จะคุ้นเคยกั
“พี่ขอเวลาอีกนิดแล้วจะกลับไปกราบขอโทษพวกท่าน”“พ่อกับแม่คงดีใจนะจ๊ะที่รู้ว่ามีหลานแล้ว”หลังจากที่สองสาวคุยกันจนนภาเห็นว่าปิ่นงามเข้าใจทุกอย่างดีแล้วเธอก็อยู่เล่นทำความรู้จักกับอคิณพักใหญ่และอยู่ร่วมโต๊ะอาหารเย็นกับทุกคนแล้วจึงกลับมาบอกข่าวดีกับคีรีว่าปิ่นงามนั้นเข้าใจทุกอย่างดีเพียงแค่ตอนนี้ขอเวลาทำใจที่จะเจอกับคีรีอีกสักหน่อยเท่านั้น“แล้วพี่ต้องรอจนถึงเมื่อไรล่ะภา”คีรีคิดว่านภากลับมาเขาจะได้เจอกับปิ่นงามเลยเสียอีกกลับต้องรอเวลาจึงหัวเสียไม่น้อย“ให้เวลาพี่ปิ่นหน่อยสิพี่คี...ตอนนั้นพี่ก็ทำพี่ปิ่นเสียใจมากแถมพี่กับพี่ปิ่นก็ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีแล้ว”“เฮ้อ..”23.00 น.คีรีรู้ที่อยู่ของปิ่นงามจากที่คุยกับนภาเมื่อช่วงเย็นและตอนนี้เขาก็จอดรถอยู่ที่หน้าบ้านที่ภรรยารักของเขาแล้วชายหนุ่มทนไม่ไหวที่จะรอให้ปิ่นงามพร้อมที่จะคุยกับเขาเพราะไม่รู้ว่าจะนานอีกเท่าไรถึงจะได้เจอหน้ากันเสียที“ฉันคิดถึงเธอแทบบ้า..ใครจะทนรอไหว”คีรีปีนรั้วเดินดุ่มๆพร้อมไฟฉายหนึ่งกระบอกมายืนอยู่ที่หน้าประตูบ้านแกร๊กกกเขาเดินมาข้างบ้านก่อนจะเริ่มงัดหน้าต่างจนเข้ามาด้านในได้คืนนี้ค่อนข้างเงียบเชียบแม้แต่เสียงลมก็ยังไม
“พี่อยากเจอปิ่นใจจะขาดแล้วภา”“ภารู้...แต่ขอให้ใจเย็นๆเกิดพี่ปิ่นหนีไปอีกจะทำยังไง”นภาคิดถูกแล้วที่เธอไม่รีบบอกคีรีเรื่องที่เจอปิ่นงามตั้งแต่ในห้างไม่อย่างนั้นคงจะกระโตกกระตากจนปิ่นงามอาจจะเตลิดหนีไปอีกแน่ตอนนี้เธอให้พี่ชายเธอรออย่างใจเย็นและจะเป็นคนจัดการทุกอย่างเองในช่วงเย็นของวันต่อมานภาคะยั้นคะยอให้คีรีรออย่างใจเย็นที่โรงแรมกว่าจะบังคับพี่ชายเธอให้เชื่อฟังได้ก็เหนื่อยที่จะพูดพอสมควรหลังจากที่จัดการกับคีรีได้เธอก็เดินทางมาที่คลินิคของหมาวีในช่วงเย็นเพื่อที่จะคุยอะไรบางอย่างกับหมอชาวีเสียก่อน“คุณนภาอาการที่มีแค่ปวดหัวไม่ได้รุนแรง..”ชาวีดูประวัติคนไข้รายสุดท้ายของวันที่พยาบาลผู้ช่วยยื่นประวัติให้ก่อนที่จะพาคนไข้เข้ามาเขาก็แอบสงสัยพอสมควรเรพาะปกติแล้วคนไข้ที่ปวดหัวส่วนมากแค่หายากินเองนอนพักแล้วก็น่าจะหายไม่ต้องมาหาหมอ“สวัสดีค่ะคุณหมอ”“อ้าวคุณนั่นเองเชิญนั่งก่อนครับ..ปวดหัวอีกแล้วเหรอครับ”ชาวีเงยหน้ามางมองคนไข้หลังจากที่เธอเอ่ยทักทายเขาก็จำด้ทันทีว่าเป็นหญิงสาวที่เขาเจอในห้างสรรพสินค้าเมื่อวาน“เอ่อ...พอดีฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหมอน่ะค่ะ”นภาไม่พูดอะไรมากความเธอมาถึงก็ขอคุยกั
สองวันต่อมาคีรีและนภามาที่กรุงเทพตั้งแต่เมื่อวานพอถึงวันนี้พวกเขาก็เข้ามาดูโรงงานแปรรูปที่ชานเมืองกรุงเทพมหานครกันตังแต่เช้าเพื่อที่จะตัดสินใจว่าจะให้บริษัทของผจญไปสร้างโรงงานให้หรือไม่“รูปแบบเครื่องจักรทั้งหมดของที่นี่จะถูกสร้างที่ไร่คีรีรักษ์แบบเดียวกันทั้งหมดครับ...นี่สัญญาเอาไปอ่านรายละเอียดก่อนนะครับ”ผจญนักธุรกิจวัยหลางคนเข้ามาให้การต้อนรับคีรีและนภาด้วยตัวเองหลังจากดูโรงงานกันมาพักใหญ่แล้วผจญก็ยื่นสัญญาปึกใหญ่ให้กับนภาเอาไว้ศึกษาก่อนที่จะตัดสินใจใช้บริการบริษัทของเขาสร้างโรงงานให้“ขอบคุณค่ะคุณผจญ...แล้วจะได้รูปแบบนี้แน่นอนใช่หรือเปล่าคะ...คือภาต้องถามให้แน่ใจค่ะเพราะเราจะได้จำกัดจำนวนการแบ่งขายให้เจ้าอื่นถูก”“แน่นอนครับ...หากไม่ใช่ทางคุณภาสามารถทำเรื่องฟ้องได้เลยครับ”“ได้ยินแบบนี้ภาก็มั่นใจค่ะ”ตอนนี้แม้นจะเดินด้วยกันสามคนแต่คนที่คุยกันมีเพียงแค่นภาและผจญเท่านั้นไม่จนผจญนั้นแอบคิดว่าคีรีไม่พอใจตรงไหนหรือเปล่า“คุณคีรีติดอะไรตรงไหนหรือเปล่าถามผมได้นะครับ”“อ๋อ..ไม่เลยครับทุกอย่างตามนภาหมดเลยครับ”“ครับ”นภาถึงกับยืนถอนหายใจเฮือกใหญ่ว่าพาพี่เธอมาด้วยยากแล้วให้พี่เธอช่วยกันออ
ช่วงเย็นของวัน..ที่วัดในหมู่บ้านค่อนข้างวุ่นวายเพราะมีคนไปเจอศพของศักดิ์นอนขึ้นอืดอยู่ในป่าตอนนี้ทั้งสรวงและสมศรีเสียใจมากไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำกับศักดิ์สิทธิ์ได้โหดร้ายเช่นนี้“พี่ศักดิ์ใครทำพี่แบบนี้”สรวงนั่งกอดกัยกับคนเป็นแม่ร้องห่มร้องให้ระงมขณะที่คนอื่นๆที่มาช่วยจัดงานศพในศาลาวัดก็หดหู่ไม่แพ้กัน“กูเอง...ฮ่าๆๆ...กูนี่แหละที่ฆ่ามัน...มันเสือกอยากจะบอกกับคนอื่นเองว่ามันเป็นผัวกู”จู่ๆผกาก็เดินหัวฟูเข้ามาในศาลาอย่างคนที่สติไม่สมประดีเธอเปล่าประกาศให้ทุกคนได้รู้ว่าเธอเป็นคนฆ่าศักสิทธิ์เอง“ผกา..เอ็งทำแบบนี้ทำไมห้ะ”สรวงโกรธมากที่ผกานั้นทำพี่ชายตนจนถึงตายและหมายจะเข้าไปทำร้ายหญิงสาวสักฉาดโดยที่ไม่สนใครจะว่าเขาทำร้ายผู้หญิงแต่ดีที่คนในศาลารีบห้ามเอ่าไว้ก่อน“ฮ่าๆๆๆๆ...ฮ่าๆๆๆๆๆ..”ผกาหัวเราะลั่นทั่วศาลาจนคนในศาลายืนมองหญิงสาวเป็นตาเดียวด้วยต่างก็คิดว่าหญิงสาวสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวไปแล้ว“ผกาเอ็งเป็นบ้าไปแล้วหรือไง”เทิดศักดิ์มองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจที่เธอไม่คิดสลดบ้างหรืออย่างไรฆ่าคนตายทั้งคนยังจะมาหัวเราะหน้าระรื่นอยู่อีก“น่าจะบ้าจริงๆนั่นแหละของคงกลับเข้าตัวแล้วสิ”นภาตะโกนให้ทุ
เพล้งงงงเสียงแตกของจานกระเบื้องทำให้หมอหนุ่มที่พึ่งเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่ไม่ได้มาเยี่ยมเยียนที่นี่หลายวันต้องรีบวิ่งเข้ามาในครัวว่ามีอะไรเกิดขึ้น“คุณปิ่นเป็นอะไรครับ”พอเห็นปิ่นงามนั่งฟุบกองอยู่ที่พื้นเขาก็รีบพยุงเธอออกมาจากในครัวมานั่งที่โซฟาในห้องโถงของบ้าน“จู่ๆก็หน้ามืดค่ะ”“อืม.. ผมขอดูอาการหน่อยนะครับ”ชาวีรีบตรวจชีพจรหญิงสาวก่อนจะซักถามความเป็นอยู่ทั่วไปเรื่องอาหารการกินการนอนตรงเวลาหรือไม่พบว่าไม่มีอะไรผิดปกติและเส้นชีพจรที่เขาจับได้ดูท่าว่าตอนนี้ปิ่นงามน่าจะตั้งครรภ์“คุณปิ่นกำลังตั้งครรภ์นะครับ”“อะไรนะคะ?”ปิ่นงามตัวชาวาบเพราะไม่คิดว่าจะมีพันธะอะไรกับคีรีแล้ว“สามีคุณล่ะครับ”“ปิ่นขอไม่พูดถึงนะคะ...แล้วถ้าคุณหมอจะไล่ปิ่นออกปิ่นก็ไม่ว่าค่ะ”ปิ่นงามรู้ดีว่าไม่มีใครอยากรับคนท้องทำงาน“ไม่หรอกครับ...คุณอยู่ที่นี่ดีแล้วเป็นอะไรผมจะได้ดูแลสะดวก...งานอะไรที่คุณทำไม่ไหวก็ไม่ต้องทำ”“ขอบคุณคุณหมอมากเลยนะคะที่ดีกับปิ่นเหลือเกิน”“ไม่เป็นไรเลยครับถือว่าผมช่วยเพื่อนคนนึงแถมอีกหน่อยก็จะมีหลานตัวเล็กๆมาวิ่งเล่นทำให้บ้านนี้มีชีวิตชีวาอีกด้วย”หมอหนุ่มรู้สึกเห็นใจหญิงสาวมากกว่าเดิมเพ
“อ.. อ่ะ.. พี่ศักดิ์”ศักดิ์สิทธิ์โน้มตัวคร่อมร่างอวบอิ่มเขาล้วงมือหนามาที่กลีบกุหลาบงามค่อยๆสอดสองนิ้วแกร่งเข้าร่องสวาทจนสาวเจ้าร้องครางเสียงกระเส่า“คิดถึงข้าเหมือนกันล่ะสิ”ศักดิ์สิทธิ์เห็นว่าผกาไม่มีทีท่าขัดขืนก็ชอบใจและคิดเข้าข้างตัวเองในใจว่าเธอนั้นไม่มีทางลืมลีลารักของเขาได้“อื้มมม...”ชายหนุ่มถลกเสื้อสายเดี่ยวของผกาขึ้นไปกองบนเหนืออกเมื่อสองเต้างามโผล่ประจันหน้าได้เขาก็รีบตะกุมตะกามดูดดึงด้วยความกระหาย“..พี่ศักดิ์..อื้ม..”สองมือเรียวกดไรผมศักดิ์สิทธิ์เล่นก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งผลักศักดิ์สิมธิ์ให้นอนลงเพราะเธอไม่ไหวจะรอให้เขานั้นเล้าโลมแล้วผกาผลักชายหนุ่มจนเขานอนลงได้เธอก็รีบดึงกางเกงของชายหนุ่มจนเจ้าแท่งร้อนใหญ่ยักษ์ปูดเปล่งเด้งผึงมาอยู่ตรงหน้าของเธอ“อ้าสส.. ผกา”ผกาใช้มือเรียวชักรูดสามสี่ทีก่อนจะก้มดูดดึงเสมือนกำลังกินไอติมแสนอร่อยจนศักดิ์สิทธิ์เสียวจนกัดฟันกรอดสบถครางกระเส่าอยู่ในลำคอเมื่อดูดดึงแท่งไอติมรสโปรดจนพอใจแล้วสาวเจ้าก็รีบนั่งคร่อมคนตัวโตจับแท่งร้อนผงาดแข็งสอดเข้าร่องสวาทที่กำลังฉ่ำเยิ้มกดลงจนมิด“อ..อ๊า..”“อื้ม...ผกา..”ศักดิ์สิทธิ์ถึงกับรีบชันแขนนั่งเงยหน้าขึ้
เดือนต่อมาเป็นเดือนกว่าแล้วที่ปิ่นงามไม่ได้อยู่ที่ไร่และไม่มีข่าวคราวว่าจะเจอเธอแม้แต่น้อยส่วนคีรีก็เอาแต่ขลุกอยู่กับผกาไม่ยอมห่างจนพ่อเลี้ยงอินและแม่เลี้ยงดอกแก้วต่างก็ท้อใจไม่คิดว่าลูกจะคิดตัดขาดกับพวกตนเพราะผู้หญิงจริงๆ“เฮ้อ...”นภาที่กำลังเหม่อที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในช่วงบ่ายของวันหญิงสาวนั่งเครียดกับเรื่องครอบครัวตอนนี้เธอสงสารพ่อกับแม่ที่ต้องมาเครียดเพราะเรื่องพี่ชายเธอไหนจะตามหาปิ่นงามไม่เจออีกไม่รู้เลยว่าครอบครัวเธอไปทำเวรทำกรรมเอาไว้ถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้“คุณภาจ๊ะ”“มีอะไรเหรอป้าแดง”นภาหลุดออกจากภวังค์หายนั่งเหม่อเมื่อแดงแม่ครัวประจำไร่วัยเกือบห้าสิบก็เข้ามาเรียก“วันนั้นฉันเห็น... “เรื่องที่แดงบอกกับนภาทำให้หญิงสาวได้ข้อกระจ่างแล้วว่าทำไมพี่ชายเธอถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนกะทันหันเช่นนั้น...ที่แดงต้องมาบอกเพราะคนเขารู้กันทั้งไร่ว่าคีรีตอนนี้หลงผกายังกับอะไรดีประจวบเหมาะกับเธอจำได้ว่าก่อนหน้านั้นผกาก็ไปหาหมอมั่นที่ตำหนักอยู่บ่อยๆเลยกลัวว่าที่คีรีเป็นแบบนี้ก็เพราะผกาจะทำของใส่หญิงสาวคุยกับแดงเรียบร้อยแล้วจึงรีบกลับที่เรือนใหญ่รีบมาบอกกับพ่อและแม่ตนอย่างที่แดงได้เล่าให้ฟัง“แม่ภ
สามวันต่อมา“ทำไมวันนี้ไม่อยู่กับคีรีล่ะลูก..ไม่ใช่ทะเลาะกันหรอกนะลูก”ตองนวลเห็นลูกสาวเธอขลุกอยู่กับเธอที่เรือนใหญ่ตั้งแต่เมื่อวานแล้วไม่เห็นจะกลับไปหาคีรีที่ท้ายไร่เสียทีคงไม่ใช่ทะเลาะกันอีกหรือเปล่า“ไม่หรอกค่ะ..ปิ่นอยากอยู่กับแม่นี่คะ..อยากนอนกอดแม่กินข้าวฝีมือแม่พรุ่งนี้แม่ก็จะกลับแล้ว”“อ้อนเป็นเด็กๆไปได้นะเรา”ปิ่นงามกอดแม่จนกลมเธออยากกอดแม่เธอนานที่สุดเท่าที่จะนานได้เพราะหลังจากนี้คงอีกนานกว่าจะเจอกันอีกอย่างการที่ได้อยู่ใกล้กับแม่ตนตอนนี้ก็เป็นสิ่งเดียวที่เรียกว่าความสุขเพราะรับรู้อยู่ทุกขณะว่าหากแม่เธอกลับไปแล้วเธอจะต้องพบกับความทุกข์ใจแสนสาหัสเช้าวันต่อมาเมื่ออาทิตย์ยังไม่โผล่เต็มดวงดีแสนคำกับทุกคนที่มาพร้อมกันก็เตรียมตัวกลับหลังจากนั้นก็เป็นเวลาของปิ่นงามที่จะต้องเผชิญความจริงเธอรีบกลับไปที่เรือนเล็กทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคีรีว่าเธอจะปล่อยเขาไปหลังจากที่ปิ่นงามกลับมาถึงเรือนเล็กเธอเอ่ยลาคีรีเขาไม่เคยมีทีท่าที่จะคิดจะรั้งเธอไว้แม้แต่น้อยกลับบอกให้เธอรีบไปแล้วเขานั้นก็รีบไปหาผกาที่บ้านเพราะรู้สึกคิดถึงหญิงสาวร่างอวบอึ๋มใจจะขาด“.ฮึก..ฮือๆๆ..”สาวเจ้านั่งเก็บเสื้อผ้าไปร้องให